เล่ม ๒ บทที่ ๗ ชุบมือเปิบ (๑)
พ่อค้าอิสระหนุ่มแห่งเฟซาน นายบอริส คอเนฟ ไม่แสดงความพยายามที่จะปกปิดสีหน้าบูดบึ้งของตนแม้แต่น้อย เขาอุตส่าห์ฝ่าดินแดนสงครามเพื่อพาพวกสาวกลัทธิบูชาโลกมนุษย์ไปส่งแสวงบุญจนถึงที่แท้ ๆ แต่สุดท้ายได้ผลกำไรมาเพียงนิดเดียว หลังจากจ่ายหนี้สินจนหมด จ่ายเงินเดือนให้ลูกน้องพร้อมส่งเจ้ายานอวกาศเวเรียสก้าของเขาเข้าเก็บในอู่แล้ว พอหักค่าใช้จ่ายที่กันไว้สำหรับชีวิตประจำวันออก เงินที่เหลืออยู่ก็คงจะแค่ซื้อกระเบื้องปูผนังยานอวกาศได้สักสิบตารางเซ็นติเมตรกระมัง ท่าทางอารมณ์ไม่ดีนะ
ใครคนหนึ่งที่อยู่หน้าโต๊ะทำงานเอ่ยทักขึ้น ทำให้คอเนฟต้องรีบระล่ำระลักแก้ตัว
ไม่มีอะไรครับ หน้าผมก็เป็นอย่างนี้แหละ ไม่ใช่ว่า พออยู่ต่อหน้าใต้เท้าแล้วค่อยเป็น
ประโยคหลังนับเป็นคำพูดที่ไม่สมควรพูดแท้ ๆ แม้แต่คนพูดเองพอปล่อยคำพูดนั้นไปแล้วก็นึกใจหายวาบอยู่ครามครัน หากแต่ คนที่เป็นเป้าหมายของการกล่าวกระทบนั้น- ท่านผู้ปกครองดินแดนปกครองตนเองเฟซาน- ลูวินสกี้ไม่มีทีท่าจะติดใจเอาความแต่อย่างไร
คุณเพิ่งจะขนพวกสาวกของลัทธิบูชาโลกมนุษย์ไปส่งมานี่ ใช่ไหม?
ครับ
รู้สึกอย่างไรกับพวกนั้นล่ะ?
ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกครับ แต่หากจะกล่าวรวม ๆ ถึงพวกลัทธิความเชื่อหรือศาสนาทั้งหมดแล้วละก็ ผมรู้สึกว่าการที่คนยากจนหลงเชื่องมงายในความยุติธรรมของพระเจ้านั้นเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันเองสิ้นดีนะครับ ก็เพราะพระเจ้าไม่ยุติธรรมหรอกหรือ ถึงได้มีคนยากจนอย่างพวกเขาเกิดขึ้นน่ะ
ก็ฟังดูมีเหตุผลดีนะ สรุปว่า คุณไม่เชื่อในพระเจ้า?
ไม่เชื่อแม้แต่น้อยครับ
ปานนั้นเชียวรึ?
คนที่คิดเรื่องพระเจ้ามีจริงขึ้นมานะครับเป็นนักลวงโลกอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมนุษย์เลยทีเดียว ผมล่ะต้องยกย่องในจินตนาการและก็ความสามารถในการขายของเขาจริง ๆ ใต้เท้าของคิดดูสิครับ จากยุคโบราณจนถึงยุคปัจจุบันนี้ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหน ๆ ก็ตามถ้าจะหาคนร่ำรวยแล้วละก็ ไม่พ้นพวกขุนนางฐานันดร แล้วก็พวกนายทุนเจ้าของที่ดินและสุดท้ายก็พวกนักบวช หรือใต้เท้าว่าไม่จริงครับ?
ลันเดสเฮล-ลูวินสกี้จ้องหน้าพ่อค้าหนุ่มด้วยความสนอกสนใจยิ่ง ฝ่ายคอเนฟรู้สึกตะครั่นตะครอขึ้นมาทันที ก็ท่านผู้ปกครองดินแดนเป็นชายวัยสี่สิบช่วงต้น และแถมบนศีรษะยังไม่มีเส้นผมแม้แต่เส้นเดียวนี่ ถูกคนเพศเดียวกันที่รูปร่างไม่โสภาจ้องเอา ๆ แบบนี้ แน่นอนว่าจะให้รู้สึกดีเหมือนเวลาถูกสาวสวยจ้อง ก็คงจะไม่ได้
ช่างเป็นแนวคิดที่บรรเจิดจริง ๆ นะคุณ ว่าแต่... ทั้งหมดนี่คุณคิดได้เองหรือ?
เปล่าครับ...
คอเนฟปฏิเสธด้วยน้ำเสียงแสนเสียดาย
ถ้าผมคิดเองก็ดีสิครับ อันนี้นี่... ผมรับความคิดมาจากคนอื่นน่ะ ตอนเด็ก ๆ ก็สักสิบหก สิบเจ็ดปีมาแล้ว
อืมห์...
ผมเป็นเด็กที่เติบโตในสภาพที่ต้องติดตามคุณพ่อเดินทางไปดาวนั้นทีดาวนี้ทีอยู่ตลอดเวลา มีอยู่ครั้งหนึ่งผมได้รู้จักกับเด็กที่มีสภาพชีวิตเหมือนกัน หมอนั่นอายุแก่กว่าผมสองปี แต่เราก็เข้ากันได้ดีครับ แม้ว่าช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันจะสั้น ๆ แค่สองสามเดือนก็ตาม เจ้านั่นเป็นคนรู้มาก แล้วก็คิดเก่งด้วย ที่ผมว่ามาตะกี้เป็นความคิดของหมอนั่นทั้งหมดครับ
แล้วเขาชื่ออะไรล่ะ?
หยาง เหวินหลี่ครับ
สีหน้าของคอเนฟกำลังแสดงความภาคภูมิใจสุดขีดเหมือนนักเล่นกลที่กำลังแสดงกลถึงจุดไคลแมกซ์
ตอนนี้เจ้านั่นกำลังทำอาชีพทหารอยู่ช่างน่าสมเพชจริง ๆ คนที่มีอิสระเสรีอย่างผมนี่ อดรู้สึกสงสารเขาไม่ได้เลยครับเนี่ย
หนุ่มเจ้าของยานอวกาศอดรู้สึกผิดคาดไม่ได้ เพราะท่านผู้ปกครองดินแดนดูไม่มีทีท่าตื่นเต้นหรือประหลาดใจไปกับเขาด้วยเลย หลังจากต่างเงียบไปหลายอึดใจ ลูวินสกี้ก็ทำลายภวังค์นั้นด้วยน้ำเสียงหนัก ๆ ว่า
กัปตันบอริส คอเนฟ รัฐบาลแห่งดินแดนปกครองตนเองมีภารกิจสำคัญจะมอบหมายให้คุณ!
หา?
ที่คอเนฟกระพริบตาปริบ ๆ นั้น ไม่ใช่มาจากความตื่นเต้น แต่มาจากความระแวงมากกว่า ตามที่คนทั่วไปร่ำลือกัน ผู้ปกครองดินแดนซึ่งได้รับสมญานามจากทั้งฝั่งจักรวรรดิและฝั่งสมาพันธ์ตรงกันว่า จิ้งจอกดำแห่งเฟซาน นี้ ซ่อนเล่ห์เพทุบายไว้ภายในร่างกายอันหนาล่ำบึกบึนของเขาเท่าไร ก็ไม่มีใครจะหยั่งทราบได้ เปรียบเหมือนขนมพายที่มีเปลือกเป็นชั้น ๆ อีกทั้งตัวคอเนฟเองก็ไม่มีข้อมูลอะไรที่จะมาขัดแย้งกับคำกล่าวเล่าลือเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญ เขาไม่เข้าใจแต่แรกแล้วว่าทำไมพ่อค้าธรรมดา ๆ เช่นเขา ต้องถูกรัฐบาลเรียกตัวมาพบเป็นกรณีพิเศษเช่นนี้ด้วย จะว่าเรียกมาฟังความหลังก็ไม่น่าจะใช่ และสุดท้าย ที่ว่ามีภารกิจให้นี่ เป็นภารกิจเช่นใดกันหนอ?
... ในที่สุด คอเนฟก็ออกมาจากตึกที่ทำการรัฐบาล เขาแกว่งแขนแรง ๆ ประดุจจะตัดโซ่ตรวนอันมองไม่เห็นที่พันธนาการเขาไว้ให้ขาดสะบั้นไปกระนั้น
สุนัขตัวหนึ่งที่หญิงชราจูงอยู่บริเวณนั้นส่งเสียงร้องโฮ่ง ๆ ใส่เขา คอเนฟหันไปชูกำปั้นใส่เจ้าหมาน้อยตัวนั้น ก่อนจะเดินเหมือนกับงอนตุ๊บป่องไปจากที่นั่น โดยมีเสียงบริภาษของหญิงชราดังเป็นแบคกราวนด์มิวสิค
เมื่อกลับมายังยานอวกาศของตน หัวหน้าธุรการนายมาริเนสก์กำลังยิ้มแฉ่งเต็มใบหน้าที่แก่กว่าวัยของเขา แล้วรายงานว่า เมื่อสักครู่ได้รับแจ้งจากกรมพลังงานว่า นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ยานสินค้าเวเรียสก้าไม่ต้องห่วงเรื่องเชื้อเพลิงอีกต่อไป
ถามจริง ๆ เถอะครับ คุณไปใช้เวทมนต์อะไรรึเปล่า เขาจึงได้ให้สปอนเซอร์แก่ยานสินค้าไส้แห้งอย่างเรานี่ เหลือเชื่อจริง ๆ
ก็แค่ขายตัวให้รัฐบาลเท่านั้นแหละ
หา!
ไอ้เวรเอ๊ย! ไอ้จิ้งจอกดำปลิ้นปล้อน!
หัวหน้าธุรการกลับเป็นฝ่ายสะดุ้งเฮือกหันรีหันขวางมองรอบข้างทันที ขณะที่คนหลุดปากด่ากลับไม่มีทีท่ารู้สึกรู้สาอะไร ไม่สนใจจะลดเสียงลงด้วยซ้ำ
มันต้องกำลังวางแผนทำอะไรไม่ดีอยู่แน่เชียว หนอย บังอาจมาลากเอาพลเมืองดีๆ อย่างเราเข้าไปติดร่างแหด้วย
ตกลงเกิดอะไรขึ้นแน่หรือครับ? ที่บอกว่าขายตัวให้รัฐบาลน่ะ แปลว่า เอ่อ... เป็นข้าราชการไปแล้วหรือครับ?
ข้าราชการรึ?
ด้วยคำพูดของหัวหน้าธุรการที่เนิบ ๆ ตรงไปตรงมานั้น ทำให้คอเนฟลืมความโกรธไปได้บ้าง
ฮึ จะเรียกว่าข้าราชการก็คงไม่ผิดละนะ มันว่าให้พวกเราเป็นเอเยนต์ของหน่วยสืบราชการลับ แล้วก็ไปสอดแนมที่สมาพันธ์ดาวเคราะห์เสรีนะสิ
โห!
ตระกูลคอเนฟน่ะนะ...
น้ำเสียงของเจ้าของเรือหนุ่มดังขึ้นเป็นเสียงตะคอก
ในช่วงสองร้อยปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะมีลูกหลานเป็นอาชญากรแล้วก็ข้าราชการนะเว้ย นี่เป็นสิ่งที่พวกผมภูมิใจเสมอมา ว่าเราเป็นประชาชนที่มีเสรีภาพเต็มเปี่ยม แล้วยังไงล่ะ ให้เป็นอะไรไม่เป็น หนอยให้เป็นสปาย งานนี้เป็นทีเดียวสองอย่างที่ว่านั่นเลยใช่ไหมล่ะ
ความหมายของเขาคือ เป็นทั้งอาชญากร (จากมุมมองประเทศตรงข้าม) และข้าราชการ (ของประเทศตนเอง) พร้อมกัน
แหม แต่ก็เป็นเจ้าหน้าที่สืบราชการลับนะครับ เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองเชียวนะ
ไม่ต้องมาเล่นคำเลยคุณ คุณจะบอกว่ามะเร็งก็แค่โรคหวัดชนิดหนึ่ง แล้วไอ้มะเร็งนั้นจะกลายเป็นหวัดขึ้นมาจริง ๆ ไหมล่ะ? หรือจะชี้ว่าสิงโตเป็นหนู แล้วเวลาถูกกัดจะไม่ตายใช่ไหม?
มาริเนสก์ไม่ตอบอะไร แต่แย้งในใจว่า ช่างเป็นการเปรียบเทียบที่ ทุเรศ ดีจัง
ตอนผมเด็ก ๆ เคยรู้จักกับหยางเหวินหลี่มาก่อนนี่ ก็คงถูกมันสืบมาเรียบร้อยแล้วสินะ เซ็งชมัด เดี๋ยวพ่อก็สารภาพให้หยางฟังให้สิ้นซากซะเลย
นั่นคง... ทำไม่ได้หรอกมั้งครับ
ทำไมล่ะ?
อ้าว ก็... ถ้าเขาให้คุณเป็นเจ้าหน้าที่สืบราชการลับ ก็ไม่ได้แปลว่า จะจบกันแค่นั้นนี่ครับ คงต้องมีใครคอยจับตาควบคุมเราอยู่ข้างหลังอีกน่ะ จับตาแล้วก็คอยตัดสินโทษเราไปด้วยเวลาเราคิดจะหักหลัง
...
เอาน่า... ก่อนอื่นลองเล่าให้ผมฟังทั้งหมดอีกทีสิครับ
มาริเนสก์ชงกาแฟมา เป็นกาแฟที่ขมจนเปรี้ยว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นของราคาถูก ๆ แล้วเขาก็ใช้เวลาค่อย ๆ จิบกาแฟนั้นนานเป็นสองเท่าของที่คอเนฟใช้ ในระหว่างที่นั่งฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยละเอียด
อย่างนี้นี่เอง ว่าแต่ว่านะครับ กัปตัน ขออนุญาตผมตำหนิอะไรคุณสักคำเถอะ คุณไม่จำเป็นต้องไปอ้างชื่อหยางเหวินหลี่อะไรนั่นต่อหน้าท่านผู้ปกครองดินแดนเลยนี่ครับ ปากพล่อยไปเองแท้ ๆ แต่จะว่าไป ถึงคุณไม่พูดขึ้นมาก่อน ทางนั้นก็คงเป็นฝ่ายถามออกมาเองอยู่ดีแหละนะ
รู้แล้วน่า อย่างนี้สินะที่เขาเรียกว่า ปากพาจนน่ะ คราวหน้าคราวหลังจะพยายามระวังปากไว้ก็แล้วกัน
คอเนฟยอมรับในความผิดพลาดของตนแต่โดยดี ด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่า คำสั่งของลูวินสกี้จะกลายเป็นสิ่งที่ชอบธรรมและเขายอมรับได้ขึ้นมา โซ่ตรวนก็ยังคงเป็นโซ่ตรวนอยู่ดี แม้ว่าจะมองไม่เห็นก็ตาม การที่ถูกมันล่ามไว้ ก็ย่อมเป็นความรู้สึกแย่ยิ่งเสียกว่าการที่ทำธุรกิจไม่ได้กำไรเสียอีก... อย่างเทียบกันไม่ติด
หากคุณค่าของคนที่ชื่อว่า บอริส คอเนฟนั้นจะมีอยู่สักหน่อย ก็คงเป็นความที่เขาเป็นคนอิสระ ที่พึ่งพาตนเองมาโดยตลอดนั่นเอง แต่ผู้ปกครองดินแดนเฟซาน นายลูวินสกี้นั้น ได้เหยียบย่ำความภูมิใจของเขาจนป่นปี้แล้ว หนำซ้ำยังกลับมีความรู้สึกว่า กำลังสร้างบุญคุณใหญ่หลวงให้ชายผู้นี้ด้วยการให้โอกาสเป็น ข้าราชการ เสียอีก
มนุษย์ที่มีอำนาจในมือ มักจะมองว่า การที่พลเมืองธรรมดา ๆ ได้มีโอกาสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้อำนาจของตน นับเป็นอภิสิทธิ์ที่ตนหยิบยื่นให้พวกเขาแล้ว ต่อให้เป็นลูวินสกี้ที่ฉลาดล้ำก็ตาม ก็หนีไม่พ้นความคิดผิด ๆ นี้
ถ้าอย่างนั้น... ก็ให้หมอนั่นคิดไปเองอย่างนั้นก่อนก็แล้วกัน คอเนฟคิดมาถึงตรงนี้ค่อยเผยอยิ้มบาง ๆ ขึ้นมาได้
มาริเนสก์หรี่ตามองกัปตันหนุ่มอย่างครุ่นคิด เขายกหม้อต้มกาแฟขึ้นมาชู ถามว่า
เอากาแฟอีกสักถ้วยไหมครับ?
Create Date : 13 มิถุนายน 2548 |
Last Update : 13 มิถุนายน 2548 6:48:08 น. |
|
0 comments
|
Counter : 490 Pageviews. |
|
|