เล่ม ๒ บทที่ ๙ ลาก่อน วันวานอันลางเลือน (๑)
วันที่ 9 เดือนกันยายน ณ ป้อมปราการไกเอสบูร์ก ที่ปากประตูเข้าไปสู่ห้องโถงใหญ่อันเป็นสถานที่จัดพิธีประกาศชัยชนะ ซี้กฟรีด เคียร์ชไอซ์ถูกทหารเฝ้าประตูท้วงว่า กรุณาปลดอาวุธก่อนเข้าไปในห้อง หนุ่มผมแดงปลดปืนบลัสเตอร์ที่ห้อยเอวออก ทำท่าจะยื่นส่งให้อีกฝ่าย แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ ลองถามว่า
ข้าพเจ้าคือ พลเอกพิเศษเคียร์ชไอซ์ ก็นำอาวุธเข้ามิได้เช่นนั้นหรือ?
ไม่อนุญาตให้เป็นกรณีพิเศษทั้งสิ้น ต่อให้เป็นผู้การเคียร์ชไอซ์ก็ตามขอรับ ข้าฯน้อยได้รับคำสั่งมาเช่นนี้ ขออภัยอย่างสูงด้วยขอรับ
เข้าใจแล้ว ไม่เป็นไร ไม่มีอะไร
คราวนี้เคียร์ชไอซ์ส่งปืนบลัสเตอร์ให้อีกฝ่ายแต่โดยดี หากเป็นที่แล้ว ๆ มาในยามที่ผู้การคนอื่นต้องปลดอาวุธนั้น ไรน์ฮาร์ดจะอนุญาตให้เคียร์ชไอซ์พกอาวุธได้คนเดียวเป็นกรณีพิเศษเสมอ เพื่อแสดงให้บรรดานายทหารอื่นรับรู้โดยกลาย ๆ ว่าเคียร์ชไอซ์คือหมายเลขสอง แต่ดูเหมือนว่า กรณีปฏิบัตินี้จะถูกเปลี่ยนแปลงไปเสียแล้ว
เขาเดินเข้าไปในห้องพิธี แล้วยืนร่วมแถวกับนายทหารคนอื่น ๆ พลางส่งสายตาทักทายกันไปด้วย นัยน์ตาของรอยเอนธาลและมิตเตอร์ไมเยอร์ทอประกายประหลาดขึ้นมาจาง ๆ ไม่ต้องสงสัยว่าพวกเขาเองก็พอจะหยั่งรู้ได้เลา ๆ ถึงความผิดปกติในความสัมพันธ์ระหว่างไรน์ฮาร์ดกับเคียร์ชไอซ์ที่เกิดขึ้น
เคียร์ชไอซ์ได้แต่บอกตัวเองว่า- ห้ามยึดติดกับอภิสิทธิ์อย่างเด็ดขาด- แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอ้างว้างใจขึ้นมา
ดูเหมือนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไรน์ฮาร์ดนั้นคงจะต้องถูกจำกัดเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างนายเหนือและบริวารเท่านั้นเสียแล้วหรือไร
ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น และเคียร์ชไอซ์เองก็ตระหนักว่าตนคงต้องตัดใจจากความรู้สึกอาวรณ์นั้นเสียโดยเร็วด้วย ผู้อยู่เบื้องล่างไม่มีสิทธิ์เรียกร้องความเท่าเทียมกันจากผู้เป็นนายอยู่แล้วมิใช่หรือ คงต้องยอมทนอยู่ในสภาพเช่นนี้ไปก่อน ในตอนนี้คุณไรน์ฮาร์ดอาจจะหลงทางหรือหลงผิดไปบ้างแต่ก็คงเป็นการชั่วคราวเท่านั้น และสักวันหนึ่งจะต้องเข้าใจความจริงอย่างแน่นอน ที่ผ่านมาตลอดเวลาสิบเอ็ดปีที่คบกัน ก็เป็นเช่นนั้นมาตลอด
ที่ผ่านมา...หรือ? คิดถึงตรงนี้ เคียร์ชไอซ์ก็รู้สึกได้ถึงความกังวลลึก ๆ ในใจตน ใช่ ที่ผ่านมาเป็นเช่นนั้น และเขาก็เชื่อโดยตลอดว่า จะเป็นตลอดไป แต่... สุดท้ายแล้วจะกลายเป็นว่าเขาหลงคิดไปเองฝ่ายเดียวหรือไม่หนอ...
เจ้าพนักงานพิธีป่าวตะโกนก้องเต็มหลอดเสียงของตนว่า
ท่านมาร์ควิส ฟอน โรเอนกรัม ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพจักรวรรดิ เข้าสู่พิธี!
ทันทีที่ไรน์ฮาร์ดย่างเท้าเหยียบย่ำลงไปตามพรมสีแดงก่ำที่ปูไว้กลางห้อง บรรดานายทหารที่ยืนแถวอยู่ซ้ายขวาของทางเดินนั้นล้วนยกมือขึ้นทำวันทยาหัตถ์อย่างพร้อมเพรียง
ลักษณะการทำความเคารพนี้ ในที่สุด ก็คงจะได้เปลี่ยนเป็นการถวายความเคารพสูงสุดอย่างเป็นทางการอย่างแน่นอน นั่นคือ การถวายความเคารพต่อบุคคลผู้เป็นหนึ่งเดียวที่สวมมงกุฎแห่งอำนาจสูงสุดในห้วงอวกาศของทางช้างเผือกแห่งนี้ ขอเวลาอีกสองหรือสามปีเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้นหนุ่มผมทองผู้ถือกำเนิดในครอบครัวยากจนและเป็นขุนนางฐานันดรแต่เพียงชื่อ ก็จะได้สมความมุ่งมั่นของตนเองเสียที ด้วยน้ำมือของตนเอง
สายตาของเขาเกือบจะประสานกับของเคียร์ชไอซ์เข้าแล้ว แต่ไรน์ฮาร์ดกลับเป็นฝ่ายเบนสายตาหนีเสียก่อน เขาเป็นคนยอมรับข้อเสนอของโอแบร์สไตน์เอง ที่ให้จำกัดอภิสิทธิ์ของเคียร์ชไอซ์ในเรื่องการพกพาอาวุธได้ตลอดเวลาเสีย เขาเป็นเจ้า เป็นนายเหนือ ส่วนเคียร์ชไอซ์เป็นเพียงหนึ่งในบรรดาผู้เป็นบริวารของเขาเท่านั้น ไม่บังควรจะปล่อยให้มีอภิสิทธิ์หรือความรู้สึกพิเศษใด ๆ เกิดขึ้น ที่ผ่านมาเขายอมให้อีกฝ่ายมีสิ่งเหล่านี้มากเกินไป แต่นับจากนี้คงต้องเริ่มจากการห้ามไม่ให้เรียกชื่อไรน์ฮาร์ดโดยตรง ให้เรียกว่า มาร์ควิส ฟอน โรเอนกรัม หรือ ท่านจอมพล เฉกเช่นเดียวกับบรรดาผู้การคนอื่น ๆ แล้ว อำนาจและบารมีนั้น เป็นของนายเหนือเพียงผู้เดียวเท่านั้น
ช่วงแรกของพิธีประกาศชัยชนะ เป็นการเบิกตัวนายทหารชั้นสูงที่ตกเป็นเชลยมาแสดงตัว เมื่อถึงคนที่เท่าไรไม่มีใครจำได้ ก็เป็นนายทหารที่เคยรู้จักกับไรน์ฮาร์ดมาก่อน นั่นคือ ผู้การฟาเรนไฮต์นั่นเอง
ฟาเรนไฮต์เองหรือ มิได้พบกันเสียนาน รู้สึกว่านับแต่ศึกแอสทาเทสิ ใช่หรือไม่?
ขอรับ...
ผู้การผู้มีนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนไม่มีทีท่าสะทกสะท้านแม้แต่น้อย ไรน์ฮาร์ดเองก็หาได้ซ้ำเติมแก่นายทหารผู้รบอย่างเต็มความสามารถแล้วผู้นี้แต่ประการใดไม่
เจ้าไม่น่าหลงผิดไปเข้าพวกกับคนอย่างดยุคฟอนเบราสไวก์เลย เอาเถิด นับแต่นี้ไป จะลองมาทำงานให้กับเรา และใช้ความสามารถในเชิงนักรบของเจ้าให้เต็มที่ดูไหม?
ข้าพเจ้าเป็นทหารแห่งจักรวรรดิขอรับ ในเมื่อใต้เท้ากุมอำนาจในกองทัพแห่งจักรวรรดิอย่างชอบธรรมแล้ว ข้าพเจ้าก็ยินดีที่จะรับใช้ใต้เท้าขอรับ อาจจะเป็นการเดินทางที่อ้อมไปไกลสักหน่อย แต่ข้าพเจ้าก็หวังว่า เราคงจะชดเชยเวลาที่เสียไปก่อนหน้านี้ได้โดยเร็วขอรับ
ไรน์ฮาร์ดพยักหน้ารับ สั่งให้ถอดกุญแจมือของฟาเรนไฮต์ออก แล้วให้เข้าไปร่วมแถวของนายทหารฝ่ายตน ด้วยวิธีการดั่งนี้ บรรดาบุคลากรที่มีความสามารถได้หลั่งไหลเข้ามาร่วมกองกำลังของเขาอย่างต่อเนื่อง ไม่เห็นจะต้องพึ่งพาเคียร์ชไอซ์เพียงคนเดียวอีกต่อไป ส่วนเมลคัทซ์นั้น ดูเหมือนว่าจะหลบหนีไปได้สำเร็จ น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน...
แถวด้านนอกบังเกิดเสียงพึมพำดังเซ็งแซ่
กล่าวคือ ศพของดยุคฟอนเบราสไวก์ซึ่งถูกบรรจุอยู่ในโลงแก้วอย่างดีได้ถูกขนมาถึงพิธีนั่นเอง บรรดาผู้คนรอบข้างได้แต่เฝ้ามองร่างไร้วิญญาณของชายผู้เคยเป็นเจ้าของฐานันดรสูงสุดแห่งบรรดาขุนนางชั้นสูงของจักรวรรดิซึ่งบัดนี้ทอดกายอยู่ในโลงแก้วภายใต้ชุดเครื่องแบบทหารด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
พลจัตวาอันบาคได้เดินมาพร้อมกับโลงศพนั้น
บุรุษผู้ถูกกล่าวขานว่าเป็นคนสนิทคู่ใจของดยุคฟอนเบราสไวก์ผู้ล่วงลับ ยืนแสดงความเคารพแก่หนุ่มผู้เป็นเจ้าในที่นั้นคราหนึ่งตรงประตูทางเข้าห้องพิธี ด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก ก่อนที่จะย่างเท้าเดินตรงเข้ามา
มีเสียงหัวเราะหยันเบา ๆ แต่ชัดเจน ดังลอดมาจากกลุ่มผู้เข้าร่วมพิธี นี่เป็นปฏิกิริยาของบรรดานักรบที่มีต่อบุรุษผู้น่ารังเกียจที่ถึงกับนำเอาศพของนายเหนือของตนเองมาเป็นของบรรณาการเพื่อการขอสวามิภักดิ์นั่นเอง
เสียงหัวเราะหยันนั้น เทียบได้กับแส้ที่โบยใส่ร่างของอันบาคไปทั้งกายอย่างไม่ต้องสงสัย และที่ไรน์ฮาร์ดไม่ห้ามปรามผู้ส่งเสียงหัวเราะเหล่านั้น ก็คงเป็นนิสัยฝ่ายที่ยังเป็นเด็กของเขาเองที่รักความถูกต้องอย่างบริสุทธิ์ใจและแสดงออกตรงไปตรงมานั่นเอง
เมื่อมาถึงเบื้องหน้าไรน์ฮาร์ด อันบาคก้มศีรษะทำความเคารพอย่างนอบน้อมอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะกดปุ่มเปิดฝาโลงแก้วออก
ดูเหมือนเขาต้องการให้ผู้ชนะ ได้ตรวจดูความถูกต้องของศพผู้แพ้
แต่การณ์มิได้เป็นเช่นนั้น
บรรดาผู้ที่เห็นเหตุการณ์ล้วนแต่ไม่สามารถทำความเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อหน้าได้ในทันที อันบาคยื่นมือของตนเข้าไปที่ศพของอดีตนายเหนือ แล้วเลิกชุดเครื่องแบบทหารนั้นออก ฉวยเอาวัตถุที่มีรูปทรงกระบอกกับทรงสี่เหลี่ยมต่ออยู่ด้วยกันออกมาถือไว้แน่น มันคือปืนไฟขนาดเล็กที่ใช้ในการรบประชิดตัวของหน่วยนาวิกโยธินนั่นเอง- ปืนแฮนด์แคนนอน
อันบาคได้ผ่าเอาอวัยวะภายในของศพออกจนหมด แล้วซ่อนแฮนด์แคนนอนไว้ในศพนั่นเอง!
บรรดานายทหารหาญผู้ชาญศึกทั้งหลายได้แต่ยืนตกตะลึงกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอยู่เช่นนั้น อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่ไรน์ฮาร์ดเอง ถึงสมองจะรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า แต่ประสาทสั่งการกลับเป็นอัมพาตไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่นิ้วเดียว
มาร์ควิส ฟอน โรเอนกรัม! ศัตรูแห่งดยุคฟอนเบราสไวก์-นายเหนือของข้าพเจ้า จงตายเสียเถิด!
เสียงของอันบาคดังก้องทำลายภวังค์แห่งความเงียบงันนั้น พร้อมกับที่แฮนด์แคนนอนแลบลิ้นที่เป็นไฟของมันพวยพุ่งออกมาเสียงสนั่น
อานุภาพของแฮนด์แคนนอนนั้น สามารถทำลายรถหุ้มเกราะ หรือแม้แต่ยานรบประจันบาญชนิดขับคนเดียว ให้กระจุยได้ในนัดเดียว ร่างของไรน์ฮาร์ดคงจะต้องแหลกลานเป็นผุยผงไปแล้วอย่างแม่นมั่น หากมิใช่เพราะการยิงครั้งนี้พลาดเป้าไป ผนังด้านข้างไรน์ฮาร์ดซึ่งห่างออกไปสองเมตรกลายเป็นซากปรักหักพังถล่มลงมาพร้อมกับกลุ่มของฝุ่นควันขาวคลุ้ง คลื่นจากแรงกระแทกยังบาดแก้มของไรน์ฮาร์ดไปด้วยแผลหนึ่ง
เสียงคำรามด้วยความผิดหวังดังลั่นจากปากของอันบาค ในชั่วพริบตาเดียวที่ทุกคนแข็งทื่อกลายเป็นหิน ไม่สามารถขยับได้แม้แต่ปลายนิ้วอยู่นั่นเอง ยังเหลือบุคคลอีกผู้เดียวที่สามารถเคลื่อนไหวได้ ผู้ที่กระโจนเข้าใส่อันบาค และปัดปากกระบอกของแฮนด์แคนนอนให้เบนออกไปได้ทันการณ์ คือ ซี้กฟรีด เคียร์ชไอซ์นั่นเอง
แฮนด์แคนนอนกระบอกนั้นหล่นลงพื้น ก่อให้เกิดเสียงที่ไม่เป็นจังหวะดนตรีออกมา ในเวลาเดียวกันหนุ่มผมแดงซึ่งเหนือกว่าคู่ต่อสู้มากทั้งในด้านความหนุ่มแน่น ความว่องไว พละกำลัง ก็คว้าจับข้อมือข้างหนึ่งของมือสังหารผู้นี้ได้ แล้วพยายามจะพลิกกดร่างอีกฝ่ายให้นอนคว่ำกับพื้น อันบาคแสดงสีหน้าสุดบรรยายขึ้นมาแวบหนึ่งขณะที่เขาวาดมือข้างที่ไม่ถูกคว้าจับอย่างรวดเร็วแล้วประทับฝ่ามือเข้ากับทรวงอกของเคียร์ชไอซ์
ลำแสงสีขาวเงินพุ่งทะลุออกไปจากแผ่นหลังของหนุ่มผมแดงทันที อันบาคถึงกับสวมปืนเลเซอร์ที่ทำเป็นรูปแหวนไว้ด้วย!
เคียร์ชไอซ์ที่ถูกลำแสงสังหารเจาะทะลุผ่านทรวงอก รับรู้ได้ถึงความรู้สึกเจ็บแปลบราวถูกไฟเผาที่ระเบิดขึ้นในร่างตน แต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยข้อมือของมือสังหารแม้แต่น้อย แหวนสังหารส่งลำแสงอัปมงคลออกมาอีกคราหนึ่ง คราวนี้มันเจาะเข้าเส้นเลือดใหญ่ที่ข้างลำคอของเป้าหมาย
เสียงประหลาดประดุจสายพิณขาดผลึงหลาย ๆ เส้นพร้อมกันดังขึ้น โลหิตสด ๆ แดงฉานทะลักออกจากเส้นเลือดใหญ่ข้างลำคอของเคียร์ชไอซ์ดุจน้ำพุ แล้วหยดแปะ ๆ ลงบนพื้นหินอ่อนนั้น
อาจเป็นเสียงหลังสุดนี้เอง ที่คลายคำสาป ณ จังงังที่ต่อเนื่องกันมาถึงสิบวินาทีให้สลายไป บรรดาผู้การแข่งกันถลาเข้ามาพร้อมเสียงรองเท้าบู้ตที่กระทบพื้นดังสนั่น พวกเขาช่วยกันล็อกตัวอันบาคจับกดลงบนพื้นได้สำเร็จ เสียงดังพล่อกเกิดขึ้นเมื่อข้อมือของอันบาคถูกหักสะบั้น เคียร์ชไอซ์ที่ได้รับบาดแผลฉกรรจ์ถึงสองแผล และสูญเสียโลหิตจำนวนมาก ยังคงจับยึดข้อมือของมือสังหารไว้แน่นไม่ยอมปล่อยอยู่นั่นเอง
มิตเตอร์ไมเยอร์กดผ้าเช็ดหน้าเข้าที่เส้นเลือดใหญ่ข้างลำคอของเคียร์ชไอซ์ซึ่งบัดนี้ทรุดกายคุกเข่าทั้งสองอยู่บนพื้น ฝ่ายแรกตะโกนลั่นว่า
หมอ เรียกหมอมาเร็วเข้า!
ไม่ทัน... แล้ว
หนุ่มผมแดงซึ่งบัดนี้แดงฉานไปทั้งร่าง ส่งเสียงครางออกมา บรรดาผู้การไม่มีใครพูดอะไรออกแม้แต่คำเดียว จากประสบการณ์ของพวกเขา ล้วนทราบดีว่า ไม่มีทางรอดแล้ว
ร่างของอันบาคถูกตรึงแน่นอยู่บนพื้น ท่ามกลางกองเลือดกองใหญ่ที่หลั่งจากร่างเคียร์ชไอซ์ โดยมีพวกเคมป์และบิตเทนเฟลต์ช่วยกันจับไว้แน่น เขากลับหัวเราะเสียงแห้งออกมา พาให้บรรดาผู้การต้องประหลาดใจอีกครั้ง
ดยุคฟอนเบราสไวก์ อภัยให้ข้าฯน้อยด้วยเถิด ข้าฯน้อยด้อยความสามารถนัก ดูเหมือนว่า กว่าที่เจ้าเด็กผมทองจะตกนรกได้ คงต้องอีกหลายปีอยู่...
พูดอะไรออกมา ไอ้บัดซบ!
เคมป์ฟาดฝ่ามือลงไปฉาดใหญ่ อันบาคซึ่งถูกตบหน้าหงาย ยังพยายามเกลือกกลิ้งศีรษะไปมาบนพื้น แล้วกล่าวอีกว่า
ข้าฯน้อยจะตามใต้เท้าไปเดี๋ยวนี้...
- หยุดนะ!
รอยเอนธาลที่ฉุกคิดเข้าใจความหมายของคำพูดนั้นตะโกนขึ้นทันที พลางกระโจนเข้าใส่ร่างของมือสังหาร แต่ก่อนที่มือทั้งสองของเขาจะเอื้อมไปถึงที่หมาย กรามด้านล่างของอันบาคก็เคลื่อนไหวครั้งหนึ่ง ขบแคปซูลยาพิษที่ติดไว้ที่ฟันกรามด้านในสุดให้แตกออก รอยเอนธาลยังไม่ยอมแพ้ เขาลองบีบคอของอีกฝ่ายไว้ พยายามไม่ให้กลืนยาพิษลงไป แต่ไม่สำเร็จ
ตาของอันบาคเบิกกว้าง แล้วสูญเสียแววสว่างในที่สุด
ไรน์ฮาร์ดอยู่ในความมืดมิดเพียงคนเดียว
ภาพของบรรดาผู้การ หรือแม้แต่ภาพของมือสังหาร ล้วนไม่ปรากฏในคลองจักษุของเขาแม้แต่น้อย เขามองเห็นเพียงร่างของสหายผมแดงผู้ช่วยชีวิตของเขาไว้เท่านั้น
ช่วยชีวิตของเขาไว้- ใช่สิ ไม่ว่าจะเมื่อไร ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็ตาม เคียร์ชไอซ์มีแต่จะช่วยเขามาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนที่พบกันในวัยเด็กแล้ว ที่อีกฝ่ายคอยปกป้องเขาซึ่งมีคนไม่ชอบหน้ามากมายเอาไว้ ทั้งยังเป็นเพื่อนที่ให้คำปรึกษาที่ดี เป็นสหายผมแดงที่ยอมตามใจเขาทุกอย่าง สหายหรือ? ไม่สิ ยิ่งกว่าเป็นสหายอีก ซี้กฟรีด เคียร์ชไอซ์เป็นยิ่งกว่าพี่น้องของเขาเสียด้วยซ้ำ แล้วเป็นเขาเอง ที่พยายามจะจำกัดให้เคียร์ชไอซ์เป็นเหมือนกับผู้การคนอื่น ๆ นี่หากเคียร์ชไอซ์พกปืนอยู่แล้วไซร้ ไหนเลยที่เคียร์ชไอซ์จะต้องหลั่งเลือดเช่นนี้ ทันทีที่เจ้ามือสังหารหยิบแฮนด์แคนนอนออกมา จะต้องถูกยิงดับดิ้นไปอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องให้เคียร์ชไอซ์เสียเลือดแม้แต่หยดเดียว
เราผิดเอง ที่เคียร์ชไอซ์ล้มจมกองเลือดอยู่นี่ เป็นความผิดของเราเอง!
เคียร์ชไอซ์...
คุณไรน์ฮาร์ด... ปลอดภัยดีใช่ไหมขอรับ
ภาพของหนุ่มผมทองที่ทรุดกายลงข้าง ๆ ตนอย่างไม่กลัวว่าชุดเครื่องแบบจะเปรอะเปรื้อนโลหิต แล้วยื่นมือมาจับมือของตนไว้นั้น ในคลองจักษุของเคียร์ชไอซ์ปรากฏเพียงภาพพร่ามัวเท่านั้น นี่คงเป็นความตายสินะ? ความรู้สึกของประสาทสัมผัสทั้งห้ากำลังห่างไกลไปทุกขณะ โลกดูแคบลงอย่างกระทันหัน และมืดลงไปเป็นลำดับ จะมองสิ่งที่อยากมองก็มองไม่เห็น อยากได้ยินเสียงที่อยากฟัง ก็ทำไม่ได้ดั่งใจ แต่แปลกที่เขาไม่มีความกลัวต่อความตายอยู่เลย สิ่งที่เขากลัวที่สุดกลับเป็นความตระหนักที่ว่า นับแต่นี้อีกต่อไป ตนคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่เพื่อไรน์ฮาร์ดได้อีกแล้ว เขากลัวสิ่งหลังนี้มากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พลังชีวิตของตนจะมอดลง เขามีเรื่องที่จะต้องพูดให้หมดก่อน
กระผมคง... ไม่สามารถมีชีวิตอยู่รับใช้คุณไรน์ฮาร์ดได้อีกต่อไปแล้ว... ได้โปรดอภัยด้วยเถิดขอรับ...
บ้าน่า พูดอะไรออกมา
ไรน์ฮาร์ดอยากจะตะโกนลั่นออกมาเช่นนั้น แต่สิ่งที่หลุดออกจากริมฝีปาก กลับเป็นเพียงเสียงท้วงอ่อย ๆ เท่านั้น ชายหนุ่มรูปงามเกินกว่าคนสามัญ ผู้เกิดมาเพื่อเป็นเจ้าคนด้วยความสามารถอันเลิศล้ำผู้นี้ ในยามนี้กลับอ่อนแอเหมือนกับเด็กทารกที่ต้องใช้มือยันกำแพงไว้จึงจะเดินป้อแป้ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น
เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว แผลแค่นี้เดี๋ยวก็รักษาหาย ถ้าหายแล้ว เราไปรายงานชัยชนะต่อท่านพี่ด้วยกัน นะ ตกลงตามนี้
คุณไรน์ฮาร์ด...
ไม่ต้องพูดแล้ว รอหมอ...
รวบรวมจักรวาลเป็นหนึ่งเดียวให้ได้นะขอรับ
... อืมห์
แล้วก็... ฝากบอกคุณอันเนโรเซด้วยขอรับ ว่าซี้กได้รักษาสัญญาที่ให้ไว้สมัยก่อนแล้ว...
ไม่เอา!
ชายหนุ่มผมทองถึงกับริมฝีปากสั่นระเรื่อ
ฉันไม่รับฝากข้อความอะไรทั้งนั้น นายต้องไปบอกเอง เข้าใจไหม นายต้องไปบอกท่านพี่เอง ฉันไม่พูดอะไรให้ทั้งนั้น เราไปหาท่านพี่ด้วยกัน นะ
ดูเหมือนเคียร์ชไอซ์จะยิ้มออกมาเล็กน้อย เพียงเล็กน้อยเท่านั้น รอยยิ้มนั้นก็จางไป แล้วชายหนุ่มผมทองก็ต้องตระหนักด้วยความหวาดหวั่นที่ถาโถมเข้ามาในเสี้ยววินาทีว่า ชีวิตอีกครึ่งหนึ่งของตนได้ดับสูญไปแล้วตลอดกาล
เคียร์ชไอซ์... ตอบฉันสิ เคียร์ชไอซ์ ตอบ ทำไมเงียบไป!?
มิตเตอร์ไมเยอร์ซึ่งอดรนทนดูต่อไปไม่ได้ ต้องวางฝ่ามือลงบนบ่าของจอมพลหนุ่มแห่งทัพจักรวรรดิ แล้วปลอบว่า
ไม่มีประโยชน์ขอรับ สิ้นลมเสียแล้ว ปล่อยให้เขานอนหลับอย่างสงบเถิด...
เขาพูดต่อไปไม่ออก เมื่อเห็นประกายแสงที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จากดวงตาของเจ้านายหนุ่มของตน
โกหก มิตเตอร์ไมเยอร์ เจ้ากำลังโกหกเรา เคียร์ชไอซ์ไม่มีทางที่จะตายโดยทิ้งเราไว้ ไม่มีทาง!
Create Date : 14 กรกฎาคม 2548 |
|
7 comments |
Last Update : 14 กรกฎาคม 2548 12:36:25 น. |
Counter : 1843 Pageviews. |
|
 |
|