Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2548
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
25 พฤษภาคม 2548
 
All Blogs
 
เล่ม ๒ บทที่ ๖ ความกล้าหาญและใจภักดี (๒)

แม้นว่าจะหนีเข้าไปในป้อมปราการกัลมิชซึ่งเป็นดาวเคราะห์เทียมรูปทรงกลมได้สำเร็จ แต่กองทัพของมาร์ควิสฟอนลิตเตนไฮม์ก็เรียกได้ว่า เกือบจะราพณาสูรเลยทีเดียว ในบรรดากองเรือรบจำนวนห้าหมื่นลำนั้น ที่ติดตามแม่ทัพหนีเข้าไปในกัลมิชสำเร็จมีเพียงแค่ไม่ถึงสามพันลำดี อีกห้าพันลำได้หนีออกจากสนามรบ แล้วกระจัดกระจายหายไปอย่างไร้จุดหมายปลายทาง หนึ่งหมื่นแปดพันลำถูกทำลายไม่มีชิ้นดี ส่วนที่เหลือนั้นล้วนแต่ถูกจับได้หรือยอมจำนนทั้งสิ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พฤติกรรมอันน่ารังเกียจของมาร์ควิสฟอนลิตเตนไฮม์ที่ต้องการหนีให้พ้น ๆ ถึงขนาดยิงพวกเดียวกันนั้นได้ส่งผลให้นายทหารน้อยใหญ่สูญเสียขวัญกำลังใจในการรบเพียงใด


เคียร์ชไอซ์สั่งล้อมป้อมปราการกัลมิชไว้ และเตรียมการตีป้อมต่อไป ในขณะนั้นเอง เชลยคนหนึ่งก็ได้ร้องขอเข้าพบกับเขา เป็นร้อยเอกรินเซอร์นั่นเอง ในสนามรบซึ่งไม่สามารถจัดหาแขนเทียมให้ร้อยเอกหนุ่มวัยยี่สิบเศษนี้ได้ทัน แขนเสื้อข้างขวาของเขาจึงยังห้อยอยู่ว่าง ๆ ไม่มีแขนท่อนล่างโผล่ออกมา


“ข้าพเจ้าคิดว่าจะสามารถทำประโยชน์ให้ใต้เท้าได้ขอรับ”


นั่นเป็นคำแรกที่ออกจากปากร้อยเอกหนุ่ม


“ทำประโยชน์?... อย่างไรหรือ?”


“ใต้เท้าน่าจะทราบแล้วนี่ขอรับ ข้าพเจ้าคือพยานสำคัญที่จะยืนยันว่า มาร์ควิสฟอนลิตเตนไฮม์ เพื่อที่จะพาตัวเองหนีให้พ้น ถึงกับลงมือสังหารลูกน้องตนได้ลงคอ”


“อ้อ เจ้าเองหรือที่ว่ามาจากกองลำเลียงน่ะ”


“แขนข้างนี้ ถูกพวกเดียวกันยิงขาดขอรับ ขอให้ท่านแจ้งความจริงนี้ให้แก่พวกที่อยู่ในป้อมนั้นเถิด”


“ความจงรักภักดีที่มีต่อมาร์ควิสฟอนลิตเตนไฮม์นั่น คงไม่มีเหลือแล้วสินะ? ท่านน่ะ”


“ใจภักดีหรือขอรับ?”


น้ำเสียงของรินเซอร์แฝงแววเย้ยหยัน


“เป็นคำที่ฟังเพราะดีนะขอรับ แต่รู้สึกว่ามันจะถูกใช้มั่ว ๆ เพื่อยกประโยชน์ให้ตัวเองแต่ถ่ายเดียวนะขอรับ ข้าพเจ้าคิดว่า สงครามกลางเมืองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่ทุกคนจะได้ลองทบทวนคุณค่าของคำ ๆ นี้กันเสียที เพราะคนจำนวนหลายหมื่นคนได้ประจักษ์กับตาตนเองแล้วว่า คนบางจำพวกก็ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเรียกร้องความจงรักภักดีจากลูกน้องของตนเลยแม้แต่น้อย”


เคียร์ชไอซ์ยอมรับว่าร้อยเอกหนุ่มพูดถูกต้อง ความจงรักภักดีหาใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้อย่างไร้เงื่อนไขจริงดั่งคำของอีกฝ่าย คนที่จะรับการจงรักภักดีนั้นต้องมีคุณสมบัติที่คู่ควรกันด้วย


“ถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้าขอรับความช่วยเหลือจากท่านล่ะ ช่วยส่งข้อความทาง FTL ไปยังกัลมิชให้พวกทหารยอมจำนนด้วยเถิด”


“ถ้าหาก...”


ตาของนายร้อยเอกฉายประกายที่สับสน


“ถ้าหากว่าในป้อมนั่นมีคนที่รู้สึกเหมือนข้าพเจ้าสักเพียงห้าคนเท่านั้นก็พอ ป่านนี้หัวของมาร์ควิสฟอนลิตเตนไฮม์ก็คงหลุดจากบ่าไปแล้ว”




ทั่วทั้งป้อมปราการกัลมิช ถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศวังเวงชวนให้ขาดใจ ด้วยตัวแม่ทัพเอง คือ มาร์ควิสฟอนลิตเตนไฮม์นั้นจมอยู่ในความหวาดกลัวและความรู้สึกพ่ายแพ้อย่างยับเยิน นอกจากนี้เขายังรู้สึกอับอายในการกระทำของตน อีกทั้งยังรู้สึกเสียหน้าต่อดยุคฟอนเบราสไวก์อย่างมากจนทำให้อยู่ในสภาพจิตใจที่สับสนสุดขีด และหันไปพึ่งสุราในการหนีความจริง


แต่หลังจากที่มาร์ควิสฟอนลิตเตนไฮม์หนีเข้ามาได้ครึ่งวัน เรือรบลำหนึ่งที่หนีพ้นการติดตามของทัพเคียร์ชไอซ์ได้สำเร็จก็เดินทางมาถึงป้อม นายทหารนายหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าของมาร์ควิส


นายทหารนั้นพันศีรษะด้วยผ้าพันแผลที่มีโลหิตไหลซึมอยู่เต็ม ที่บ่าขวาแบกร่างของมนุษย์ผู้หนึ่งอยู่ ไม่สิ กล่าวให้ถูกต้องเรียกว่า “ครึ่งร่าง” ของมนุษย์คนหนึ่งต่างหาก ท่อนล่างนับแต่เอวลงไปของร่างนั้นขาดหายไป


นายทหารร่างใหญ่ผู้นั้นเดินอาด ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัดอย่างแปลกประหลาด จนมาถึงเบื้องหน้าของเหล่านายทหารองครักษ์


“ข้าพเจ้าพันโทเลาดิชจากหน่วยแม่นปืนเวเซอร์ ขอเข้าพบท่านมาร์ควิสฟอนลิตเตนไฮม์”


หัวหน้าทหารองครักษ์ต้องกลืนน้ำลายคำใหญ่


“หากท่านมีธุระแล้วไซร้ ข้าพเจ้าก็จะเข้าไปรายงานให้ ว่าแต่... ช่วยกรุณาจัดการกับศพเปื้อนเลือดที่สกปรกนั้นก่อนได้ไหมท่าน?...”


“สกปรกเช่นนั้นหรือ?”


ตาทั้งคู่ของนายพันโทเปล่งประกายมาดร้ายขึ้นมา หลังจากสูดหายใจเฮือกหนึ่งแล้ว เขาก็ตะโกนก้องอย่างเกรี้ยวกราด


“ที่ว่าสกปรกนั้นหมายความว่าอย่างไรกัน! นี่เป็นศพของข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ของท่านมาร์ควิสเชียวนะ! เป็นลูกน้องของข้าพเจ้าเอง ที่รบกับข้าศึกเพื่อท่านมาร์ควิส จนกระทั่งแม้ท่านมาร์ควิสหนีไปก่อนและปล่อยให้เขาตายไปยังไงเล่า!”


นายพันโทก้าวเท้ายาว ๆ ออกไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ทำให้บรรดานายทหารองครักษ์พากันแหวกทางให้เป็นซ้ายขวา พวกเขาถูกท่าทีของนายพันโท และที่สำคัญคือศพที่อยู่บนบ่าขวานั้น ข่มให้ใจฝ่อไปนั่นเอง


เมื่อเปิดประตูออก ก็เห็นร่างของมาร์ควิสฟอนลิตเตนไฮม์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ


“มาทำอะไรที่นี่ เจ้าคนไร้มารยาท...”


บนโต๊ะเต็มไปด้วยขวดสุราและแก้ววางเรียงรายอยู่หนาแน่น ผิวพรรณที่เคยเปล่งปลั่งของท่านมาร์ควิสกลายเป็นผิวกระดำกระด่างในชั่วเวลาเพียงวันเดียว แม้น้ำเสียงที่เอ่ยบริพาษก็ไร้ซึ่งความน่ายำเกรง


“สิบโทพอลส์... คนที่เจ้าสละชีวิตเพื่อปกป้องก็คือมาร์ควิสฟอนลิตเตนไฮม์ท่านนี้อย่างไรเล่า เอ้า เข้าไปรับรางวัลในความภักดีของเจ้าเสียสิ”


พูดไม่ทันขาดคำ นายพันโทก็โยนศพทหารบนบ่าใส่แม่ทัพของตนเต็มแรง


มาร์ควิสฟอนลิตเตนไฮม์หลบไม่ทัน ได้แต่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นหมายป้องกันตัว แต่กลับเป็นว่าเขายกแขนขึ้นกอดรับศพที่มีแต่ท่อนบนของทหารผู้นั้นเข้าเต็มรัก


“...!”


มาร์ควิสฟอนลิตเตนไฮม์ร้องเสียงหลงด้วยคำที่ตนเองก็ไม่เข้าใจว่าร้องออกไปได้อย่างไร ร่างของเขาร่วงจากเก้าอี้หรูลงไปกองกับพื้น โดยที่ยังกอดศพนั้นไว้ขณะหนึ่ง แต่เมื่อได้สติ ก็เหวี่ยงศพนั้นทิ้งทันทีพลางร้องเสียงหลงอีกครั้ง เสียงนายพันโทหัวเราะลั่น


“ฆ่ามัน! ฆ่าไอ้คนถ่อยนี้เสีย!”


มาร์ควิสฟอนลิตเตนไฮม์ตะโกนลั่น


นายพันโทไม่แสดงทีท่าจะหนีแต่อย่างไร คงยืนนิ่งอยู่ในที่นั้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดแห้งเกรอะกรังและคราบน้ำมันของเขาแสดงรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยคราหนึ่ง ปืนบลัสเตอร์จำนวนหลายกระบอกถูกเล็งมาทางเขา...




ทุกคนที่อยู่บนสะพานเรือ (ห้องบัญชาการ) ต้องหันไปมองทางจอภาพหลักเป็นจุดเดียว


ใจกลางจอภาพนั้น คือป้อมปราการกัลมิชที่เป็นรูปทรงกลมสีเงินแกมขี้เถ้าลอยเด่นอยู่ บนเปลือกนอกของป้อมปราการส่วนหนึ่งได้เกิดเป็นสีขาวสว่างวาบขึ้น แล้วกลายเป็นสีแดงและเหลืองที่ขยายวงกว้างขึ้นช้า ๆ แต่เจิดจ้า


“... ระเบิดขอรับ”


เจ้าหน้าที่สื่อสารรายงานสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เมื่ออยู่ในสภาพที่ทุกคนก็เห็นเหตุการณ์จากหน้าจอด้วยตาตนเองอยู่แล้ว กลายเป็นว่าเขาทำสิ่งที่ไม่จำเป็นไป


“นั่นเป็นส่วนที่ใกล้กับห้องผู้บัญชาการขอรับ”


เสียงของร้อยเอกรินเซอร์ต่ำทุ้มโดยไม่รู้ตัว


“เช่นนั้นหรือ... ดีล่ะ”


เคียร์ชไอซ์ไม่ปล่อยให้โอกาสอันงามหลุดมือไป เขาสั่งให้กองทัพเรือทั้งหมดตีวงล้อมให้แคบเข้า แล้วโจมตีด้วยปืนใหญ่ หลังจากนั้นก็ส่งเรือสะเทินบกลงไป เพื่อนำหน่วยนาวิกโยธินเข้ายึดป้อม


มีการต่อต้านบ้าง แต่ก็เพียงประปรายเท่านั้น ทหารซึ่งหมดขวัญกำลังใจโดยสิ้นเชิงแล้ว พากันทิ้งอาวุธคนแล้วคนเล่าโดยไม่สนใจคำสั่งของนายทหารฝ่ายตน ส่วนบรรดานายทหารหลังจากสู้อย่างไร้ความหวังอยู่พักหนึ่ง ก็ยกมือยอมแพ้เช่นกัน


เคียร์ชไอซ์ยึดป้อมปราการนั้นได้สำเร็จ- ซึ่งหากจะกล่าวให้ถูก คือ ยึดสามในสี่ของป้อมที่ไม่ถูกระเบิดไปก่อนหน้านั้นได้สำเร็จ- ส่วนศพของมาร์ควิสฟอนลิตเตนไฮม์นั้นไม่สามารถค้นพบได้ สันนิษฐานว่าถูกระเบิดจากอนุภาคเซฟเฟิลซึ่งมีผู้จุดขึ้นด้วยความตั้งใจระเบิดจนเป็นจุลไปแล้วนั่นเอง


กองทัพพันธมิตรขุนนางสูญเสียรองประมุขไป พร้อมกับกำลังทหารจำนวนสามส่วน (สามสิบเปอร์เซ็นต์)




Create Date : 25 พฤษภาคม 2548
Last Update : 25 พฤษภาคม 2548 19:59:21 น. 3 comments
Counter : 649 Pageviews.

 
อธิบายเพิ่มเติม

อนุภาคเซฟเฟิล มีลักษณะเป็นแก๊ส ติดระเบิดได้ และมีอานุภาพรุนแรง ทั้งนี้จะติดระเบิด หรือถูกจุดระเบิด จากการกระตุ้นด้วยความร้อนและพลังงานที่เข้มข้น เช่น ลำแสงจากปืนต่าง ๆ เคยปรากฏในเรื่องนี้แล้วหลายครั้ง ยกตัวอย่างเช่น

ในการรบแบบประชิดตัวของหน่วยนาวิกโยธิน จะปล่อยอนุภาคเซฟเฟิลไปทั่วบริเวณ เพื่อไม่ให้ฝ่ายใดก็ตามสามารถใช้อาวุธปืนได้ ต้องสู้ด้วยขวานศึกเท่านั้น

หรือตอนศึกอัมริทเซอร์ เคียร์ชไอซ์ก็เคยใช้อนุภาคเซฟเฟิลชนิดควบคุมทิศทางได้ "เจาะ" สนามทุ่นระเบิดของฝ่ายทัพสมาพันธ์เป็นอุโมงค์มาแล้ว

สำหรับในตอนนี้ เข้าใจว่าพันโทเลาดิชแอบพกภาชนะบรรจุอนุภาคเซฟเฟิลไว้กับตัวนั่นเอง เมื่อถูกยิงด้วยปืนบลัสเตอร์ จึงได้ระเบิดออกมา คงพกชนิดบรรจุหนาแน่นทีเดียว เพราะผลของมันคือ หนึ่งในสี่ของป้อมถูกทำลาย!


โดย: Pae (star_seeker ) วันที่: 25 พฤษภาคม 2548 เวลา:20:04:24 น.  

 
ตามมาหลอกหลอนครับ


โดย: Pongkm IP: 202.176.105.20 วันที่: 26 พฤษภาคม 2548 เวลา:15:52:54 น.  

 
เคยอ่านเรื่องนี้ตอนสมัยเรียนมัธยม มีอยู่ 3 เล่มครบเลยในภาคภาษาไทย พอไม่มีพิมพ์ต่อก็นึกเสียดาย จนเมื่อคืนรื้อมาอ่านอีกก็ค้นหาในกูเกิลและมาอ่านในบล๊อก อาจจะช้าไปแต่ขอขอบพระคุญเป็นอย่างสูงที่ช่วยแปลหนังสือเล่มนี้ให้อ่าน ขอขอบคุณอีกครั้งครับ


โดย: Heidelberg IP: 115.67.231.82 วันที่: 7 ตุลาคม 2555 เวลา:20:57:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

star_seeker
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add star_seeker's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.