Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2548
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 กรกฏาคม 2548
 
All Blogs
 

เล่ม ๒ บทที่ ๘ โกลเดนบาวม์ดับ (๓)

ทัพพันธมิตรขุนนางที่ยกออกมานั้น หลังจากโจมตีด้วยปืนใหญ่อยู่พักหนึ่งก็หันหัวเรือเรียงรายกัน หมายจะมุ่งหน้าบุกเข้ามา หักหาญเผด็จศึกด้วยกำลัง


กับยุทธวิธีของข้าศึกนี้ ไรน์ฮาร์ดรับมือด้วยกองเรือปืนที่เพียบพร้อมด้วยปืนแสงขนาดใหญ่และมีกำลังสูง เขาจัดขบวนกองเรือปืนนี้เป็นสามแถวแนวนอน ระดมยิงประณีตอย่างต่อเนื่องเข้าใส่กองกำลังข้าศึกที่มุ่งหน้าตรงเข้ามา


แต่ขวัญในการศึกของฝ่ายกองทัพพันธมิตรขุนนางหาใช่น้อยไม่ เมื่อได้รับความเสียหายพวกเขาก็ถอยกลับไปจัดขบวนใหม่แล้วโจมตีเข้ามาอีกเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า ช่างนับเป็นความฮึกเหิมที่น่ายกย่องทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่พวกเขาประสบความพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการศึกต่อเนื่องที่ผ่าน ๆ มา


แต่ในที่สุด ไรน์ฮาร์ดก็ออกคำสั่งให้กองเรือจู่โจมเร็วที่เตรียมพร้อมอยู่แนวหลัง ให้บุกเข้าจู่โจมด้วยความเร็วรบสูงสุด


ช่างเป็นคำสั่งที่ได้จังหวะเหมาะเสียเหลือเกิน กองทัพพันธมิตรขุนนางกำลังเหนื่อยล้าทั้งกายและใจเลยทีเดียว หลังจากบุกเข้าโจมตีถึง 6 ระลอกและถูกตีโต้จนต้องถอยกลับไปทุกครั้ง ที่สำคัญคือ ผู้นำทัพจู่โจมในครั้งนี้คือพลเอกพิเศษซี้กฟรีด เคียร์ชไอซ์


ไรน์ฮาร์ดมอบหมายภารกิจสำคัญที่สุดในการรบครั้งนี้ให้กับสหายผมแดงของตนอยู่นั่นเอง เพียงแต่ว่า หากเป็นที่ผ่าน ๆ มาแล้วไซร้เขาจะเป็นผู้สั่งการต่อเคียร์ชไอซ์ด้วยวาจาของตนเอง แต่ในคราวนี้ เขากลับใช้โอแบร์สไตน์นำหนังสือคำสั่งไปถ่ายทอดให้อีกฝ่าย อันแสดงถึงสภาวะสับสนในใจของไรน์ฮาร์ดเองได้เป็นอย่างดี


เพียงได้ยินชื่องเคียร์ชไอซ์เท่านั้น บรรดาทหารของทัพพันธมิตรขุนนางก็พากันระส่ำระสายอย่างไม่อาจจะปิดบังได้มิด ผู้การผมแดงผู้ไม่เคยพ่ายใครมาก่อนได้กลายเป็นชื่อที่เพียงได้ยินก็สามารถข่มขวัญข้าศึกให้กระเจิงไปแล้ว


“กะอีแค่เจ้าเด็กผมแดง ไม่มีอะไรต้องกลัวมัน นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะแก้แค้นให้ท่านมาร์ควิส ฟอน ลิตเตนไฮม์แล้ว”


แม้นายทหารผู้บังคับบัญชาจะตะโกนลั่นเช่นนั้น แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองก็แค่ฝืนใจสั่งการไปเช่นนั้นเอง กองเรือจู่โจมเร็วภายใต้บัญชาการของเคียร์ชไอซ์พุ่งเข้าจมเรือรบของทัพพันธมิตรอย่างรวดเร็ว ด้วยความฮึกเหิมและความเร็วที่เหนือชั้นกว่า และบรรดามิตเตอร์ไมเยอร์ รอยเอนธาล เคมป์ บิทเทนเฟลต์ก็เข้าเสริมการโจมตีด้วย กล่าวได้ว่าทัพของไรน์ฮาร์ดใช้การโจมตีเต็มกำลังนี้เร่งให้ฝ่ายตนซึ่งเดิมก็ได้เปรียบอยู่แล้ว คว้าเอาชัยชนะมาไว้ในกำมือของตัวเองได้ในพริบตาเลยทีเดียว


มีการติดต่อเข้ามายังรอยเอนธาลซึ่งกำลังไล่ล่าข้าศึกที่แตกพ่ายอยู่ เป็นการติดต่อเข้ามาจากนายทัพคนหนึ่งของฝ่ายข้าศึก คือ บารอน ฟอน เฟรเกลนั่นเอง บารอนที่ปรากฏตัวขึ้นบนจอภาพกล่าวยอมรับความพ่ายศึกของตนเอง แต่ก็ยังท้าทายให้รอยเอนธาลมารบกับตนตัวต่อตัว- เรือต่อเรือ


“รบด้วยบ้าแล้ว ไม่ต้องไปสนใจ ไปสู้ตายกับทหารแตกทัพอย่างนี้หามีประโยชน์อันใดไม่ ปล่อยให้มันเห่าไปคนเดียว”


รอยเอนธาลทิ้งคำพูดไว้เพียงเท่านั้น แล้วสั่งเรือของตนมุ่งหน้าต่อไปโดยไม่แยแสเรือของเฟรเกลเลยแม้แต่น้อย


ถัดจากรอยเอนธาล เรือรบที่ปรากฏเบื้องหน้าของเฟรเกล คือ เรือของบิทเทนเฟลต์ ผู้เป็นนายกองของ “กองอัศวินแลนซ์ดำ” (ชวาร์ซลันเซนเรเตอร์) แต่แม้กระทั่งคนผู้นี้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนายทหารผู้ห้าวหาญบ้าบิ่น ก็ยังไม่สนใจจะตอบรับคำท้าทายที่บ้าคลั่งจนตรอกของเฟรเกล เขาเห็นเช่นกันว่า ผลแพ้ชนะของสงครามปรากฏชัดแจ้งแล้ว การจะมาสู้ตายกับศัตรูที่หมายจะทิ้งชีวิตของตนอยู่แล้วรังแต่จะพาลูกน้องตนเองตายอย่างไร้ค่าเสียเปล่า ๆ เท่านั้น


“พอเสียทีเถอะ”


เสนาธิการคนหนึ่ง พันเอกชูมัคเกอร์ซึ่งทนเห็นพฤติกรรมน่าสมเพชของเจ้านายไม่ไหว ต้องส่งเสียงเตือนสติออกมา


“ไม่มีใครบ้ามาสู้กับท่านหรอก พวกเขารู้ดีว่ามันไร้ความหมายโดยสิ้นเชิงแล้ว ท่านควรจะดีใจที่รอดชีวิต และหาทางหนีไปที่ไหนสักแห่ง เผื่อจะหาโอกาสกลับมาฟื้นตัวใหม่ได้จะดีกว่า”


“หุบปาก!”


บารอนปัดคำเตือนของลูกน้องทิ้งอย่างไม่ไยดี หนอย จะให้ดีใจที่รอดชีวิตหรือ หมายความว่าอย่างไรกัน ตัวข้าเองไม่กลัวต่อความตายใด ๆ ทั้งนั้น จะสู้จนชีวิตทหารคนสุดท้ายจะหาไม่ เพื่อประดับไว้ในประวัติศาสตร์ซึ่งความล่มสลายอันบรรเจิดของตระกูลขุนนางชั้นสูงแห่งจักวรรดิทางช้างเผือก...


“หึ ความล่มสลายอันบรรเจิดอย่างนั้นหรือ?”


น้ำเสียงแค่หัวเราะเยือกเย็น แฝงด้วยแววแดกดันสมเพช


“ก็ดีแต่พูดเช่นนั้นนั่นแหละ ถึงได้รบแพ้เขาอย่างไรเล่า พูดง่าย ๆ ก็คือ กลบเกลื่อนความด้อยความสามารถของตนให้ดูสวยงาม แล้วก็หลงตัวเองอยู่ไม่ลืมหูลืมตา เท่านั้นเองมิใช่หรือท่าน?”


“อะ...อะไรนะ...”


“ข้าฯน้อยเบื่อที่จะฟังแล้ว พอกันเสียที ถ้าท่านยังหวังจะล่มสลายอย่างบรรเจิดอะไรของท่านละก็ เชิญทำไปคนเดียวเถิด พวกข้าฯน้อยไม่มีเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้นที่จะต้องไปตายพร้อมกับคนหลงตัวเองอย่างท่าน”


“แก”


บารอนคำรามออกมา พลางเอื้อมมือไปหมายจะชักปืนบลัสเตอร์ออกมา แต่กลับทำมันหล่นลงพื้นอย่างทุลักทุเล เขาเก็บมันขึ้นมาใหม่ แล้วก็เล็งไปที่หน้าอกของนายทหารเสนาธิการของตน


แต่ก่อนที่จะได้ทันทำอะไร ลำแสงพลังงานจากปืนหลายกระบอกก็พุ่งเข้าเจาะทะลุร่างของบารอนเสียก่อน


ร่างของบารอนเดินซวนเซไปสามสี่ก้าว ชุดทหารของเขามีรูอุ่น ๆ เกิดขึ้นเต็มไปหมด ดวงตาที่เบิ่งกว้างของเขาดูเหมือนจะไม่ได้จับจ้องมองบรรดาลูกน้องของตนอีกต่อไป หากแต่มองไปยังภาพหลอนของอดีตแห่งความยิ่งใหญ่ของพวกตนที่คงจะไม่มีวันหวนกลับมาอีกชั่วนิรันดร์ เขาล้มลงกับพื้นในที่สุด หลายคนในที่นั้นเห็นปากของเขาขมุบขมิบเป็นครั้งสุดท้าย แต่คงไม่มีผู้ใดเลยที่ได้ยินเสียง “จักรวรรดิจงเจริญ” ที่เปล่งออกมา พันเอกชูมัคเกอร์คุกเข่าข้างหนึ่งลงไปข้างศพของอดีตเจ้านาย แล้วเอื้อมมือไปปิดเปลือกตาให้อีกฝ่าย บรรดาทหารที่เพิ่งจะสังหารนายเหนือของตนเดินเข้ามาล้อมวงรอบตัวเขา


“ท่านเสนาธิการจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ?”


บรรดาทหารเชื่อใจเสนาธิการผู้นี้มากกว่า ด้วยความเป็นผู้มีเหตุมีผล


“มาถึงป่านนี้แล้ว จะกลับไปเข้าพวกกับมาร์ควิส ฟอน โรเอนกรัมคงเป็นไปไม่ได้แล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าจะไปซ่อนตัวที่เขตปกครองตนเองเฟซานสักพัก หลังจากนั้นค่อยคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป”


“พวกกระผมก็ไปด้วยได้ไหมขอรับ?”


“ได้สิ ใครอยากไปก็บอกมา ส่วนใครที่จะไปเข้าพวกมาร์ควิส ฟอน โรเอนกรัม หรือใครจะกลับบ้านเกิด ก็แล้วแต่พวกเจ้าเถิด”


ในที่สุด เรือรบซึ่งเดิมเป็นของบารอน ฟอน เฟรเกลและบัดนี้ได้ผู้บังคับเรือคนใหม่ ก็ถอยออกจากสมรภูมิอย่างเงียบ ๆ พาร่างของมันที่เหนื่อยล้าและบาดเจ็บจากแผลสงครามหายไปในส่วนมืดของอวกาศ


ในเรือรบอีกลำหนึ่ง ก็กำลังเกิดเหตุการณ์ในอีกลักษณะหนึ่งขึ้น หลังจากฟังนายเรือกล่าวเรียกร้องให้ทุกคนตายพร้อมกัน สละชีพพร้อมเรือรบโดยการระเบิดเรือตัวเองทิ้ง นายทหารชั้นประทวนนายหนึ่งซึ่งเฝ้ามองพฤติกรรมของผู้บังคับเรืออยู่ด้วยสีหน้าเย็นชาและแข็งกระด้าง ก็ชักปืนขึ้นมาเงียบ ๆ แล้วระเบิดศีรษะของผู้บังคับเรือผู้นั้นกระเด็นไป


“แก ทรยศหรือ!”


ผู้ช่วยผู้บังคับการเรือรบตวาด พลางเอื้อมมือไปที่ปืนบลัสเตอร์ของตน แต่ก็ถูกยิงตายในท่านั้นเอง ศพของเขาล้มลงทับกับศพของนายเรือที่ตายไปก่อนหน้า และในจังหวะนั้น ภายในเรือก็เกิดการสาดกระสุนปืนเข้าหากันเรียบร้อยแล้ว นายทหารกับทหารระดับล่างแยกกันเป็นสองฝ่าย และเข่นฆ่ากันเอง


การประทะกันระหว่างนายทหารกับพลทหารไม่ได้หยุดอยู่เพียงเรือรบลำนี้ลำเดียวเท่านั้น กล่าวคือ บรรดานายทหารระดับล่าง นายทหารชั้นประทวน ตลอดจนบรรดาพลทหารซึ่งทหารสามกลุ่มนี้มาจากชนชั้นธรรมดานั้น ปฏิเสธที่จะตกตายไปพร้อมกับบรรดาขุนนางชั้นสูงในวาระสุดท้ายนี้นั่นเอง


ในเรือรบลำหนึ่ง ผู้บังคับการเรือซึ่งชอบกระทำทารุณกับพลทหารอยู่เนือง ๆ ถูกจับโยนลงไปในเตาปฏิกรณ์ปรมาณูทั้งเป็น ส่วนในอีกลำหนึ่งนายทหารสองนายซึ่งเป็นที่เกลียดชังของพลทหาร ถูกบังคับให้ชกต่อยกันจนกว่าจะตายไปข้างหนึ่ง แล้วคนที่ไม่ตายก็ถูกจับโยนออกทางประตูแอร์ล็อกไปยังสุญญากาศนอกเรือ ส่วนในเรือรบอีกลำหนึ่งพลทหารคนหนึ่งซึ่งเป็นสายให้กับนายเรือ คอยฟ้องพฤติกรรมของเพื่อนร่วมเรือให้นายเรือทราบ ก็ถูกสำเร็จโทษ โดยใช้เชือกผูกคอแล้วลากไปรอบ ๆ เรือ ก่อนจะถูกยิงตาย


เรียกได้ว่า ความโกรธเกลียด ความไม่พอใจ ความเคียดแค้นที่สะสมกันมายาวนานตลอดห้าศตวรรษที่ผ่านมาได้ถึงจุดเดือดในคราวเดียวโดยมีตัวเร่งปฏิกิริยาจากความบ้าคลั่งในสมรภูมิรบนั่นเอง เรือรบแต่ละลำของทัพพันธมิตรขุนนาง ได้กลายสภาพเป็นสถานจราจล สมรภูมิของการเข่นฆ่ากันเอง ตลอดจนศาลเตี้ยไปแล้ว


เรือรบส่วนใหญ่ที่ถูกยึดด้วยบรรดาพลทหารแล้ว พากันส่งสัญญาณ “พวกเรายอมจำนน ได้โปรดกรุณาด้วย” ไปยังทัพไรน์ฮาร์ด จากนั้นก็หยุดเครื่องของเรือรบ แสดงการยอมจำนนโดยสิ้นเชิง


ในบรรดานั้น ก็ยังมีบางลำที่ พวกพลทหารที่อุตส่าห์ยึดอำนาจในเรือได้แล้ว มัวแต่ล้างแค้นอยู่จนเพลิน ลืมส่งสัญญาณยอมแพ้ ทำให้ถูกเรือรบฝ่ายไรน์ฮาร์ดส่งกระสุนไปจมลงก็มี ส่วนบางลำก็ไล่ยิงพวกเดียวกันที่กำลังคิดหนี แสดงเจตนารมณ์ของตนด้วยการกระทำ


นับเป็นปรากฏการณ์ที่แสดงถึงความเสื่อมสลายของขุนนางฐานันดรที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมานับห้าร้อยปีบนระบบสังคมศักดินาที่อยุติธรรมนี้โดยแท้ ทันทีที่การรบปรากฏผลแพ้ชนะชัดเจน ผลลัพธ์ของปรากฏการณ์ดังกล่าวก็ผุดขึ้นดังน้ำลดตอผุด บรรดาขุนนางจะโทษใครได้เล่า นอกจากโทษตัวเองว่ากรรมตามสนอง


“ฟรอยไลน์ มารีนดอร์ฟเคยวิเคราะห์เอาไว้แล้วว่า ความไม่พอใจของทหารที่มาจากชนชั้นธรรมดาที่มีต่อนายทหารที่เป็นชนชั้นขุนนาง จะเป็นสาเหตุหนึ่งของชัยชนะของเรา นางช่างวิเคราะห์ได้ถูกต้องจริง ๆ”


บนสะพานเรือของเรือธงบรุนฮิลด์ ไรน์ฮาร์ดซึ่งจับจ้องจอภาพอยู่เอ่ยเปรยขึ้น หัวหน้าเสนาธิการโอแบร์สไตน์กล่าวตอบทันทีว่า


“ที่จริง ข้าฯน้อยก็คาดไม่ถึงเลยขอรับ ว่าจะจบสิ้นเรียบร้อยภายในปีนี้ แต่ก็ปรากฏว่าเห็นผลตัดสินกันเร็วอย่างน่าประหลาดใจทีเดียว เฉพาะกรณีของกองโจรเถื่อนนี้เท่านั้นนะขอรับ”


“กองโจรเถื่อนหรือ...”


ไรน์ฮาร์ดพึมพำอย่างเย็นชา ตอนนี้เขาเป็นฝ่ายชนะ และพวกขุนนางชั้นสูงเป็นฝ่ายแพ้ ดังนั้นในบันทึกอย่างเป็นทางการของจักรวรรดิก็คงได้ใช้คำขนานนามที่เขาตั้งให้ทัพพันธมิตรขุนนางนี้เป็นคำทางการแน่นอน การที่จะตัดสินโทษของผู้แพ้ย่อมเป็นสิทธิพิเศษสำหรับผู้ชนะอยู่แล้วมิใช่หรือ และไรน์ฮาร์ดก็ตั้งใจที่จะใช้สิทธินั้นอย่างเต็มที่ด้วย


หากผลเป็นตรงกันข้าม คือ ไรน์ฮาร์ดแพ้ และกองโจรเถื่อนนั่นเป็นฝ่ายชนะขึ้นมา เขาก็คงได้รับความตายอันอัปยศและถูกขนานนามว่าเป็นกองโจรเถื่อนแทนอย่างแน่แท้ หากคิดเช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะลังเลในการใช้สิทธิของผู้ชนะแต่อย่างใด


“ตอนนี้ศัตรูตรงหน้าก็หมดฤทธิ์ลงแล้ว เจ้าจงเตรียมเดินทางกลับไปโอดีนภายในสองสามวันนี้ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับศัตรูด้านหลังต่อไป”


ไรน์ฮาร์ดสั่งการเพียงสั้น ๆ แต่สำหรับโอแบร์สไตน์ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว


“ขอรับ”


สมรภูมิรบครั้งต่อไปย้ายที่จากในห้วงอวกาศ มาเป็นในวังหลวง และเปลี่ยนอาวุธจากปืนลำแสงเป็นการวางแผนลับแทน ซึ่งนั่น คงจะเป็นการสู้รบที่ดุเดือดเผ็ดร้อน ไม่แพ้การต่อสู้ในห้วงอวกาศของเรือรบต่อเรือรบเลยแม้แต่น้อย




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2548
0 comments
Last Update : 5 กรกฎาคม 2548 20:08:24 น.
Counter : 507 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


star_seeker
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add star_seeker's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.