Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2548
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
30 พฤษภาคม 2548
 
All Blogs
 
เล่ม ๒ บทที่ ๖ ความกล้าหาญและใจภักดี (๔)

ทันทีที่กลับไปถึงป้อมไกเอสบูร์ก เมลคัทซ์ก็ได้รับคำชมคำป้อยอสุดแต่ที่จะสรรหามาบรรยายได้ จากปากของเหล่าขุนนางที่กำลังดีใจคลั่งไคล้กันยกใหญ่ แต่เจ้าตัวกลับไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย


“การณ์ครั้งนี้หาใช่ว่าทัพของเรายึดครองพื้นที่ได้ด้วยตัวเอง หากแต่เพราะข้าศึกยอมละทิ้งพื้นที่ให้ต่างหาก ขอความกรุณาอย่าได้เชื่อมั่นในกำลังของตนเองมากเกินไป จะเป็นการไม่ดีขอรับ”


เมลคัทซ์เตือนไปพลางก็ต้องนึกอนาถใจตัวเองไปด้วย หากแต่เมื่อมองความเปราะบางของเหล่าขุนนางชั้นสูงนี้แล้ว เขาก็ต้องสรุปกับตัวเองว่า หากไม่แข็งขืนไว้แต่แรก จะยิ่งไม่ได้การเข้าไปใหญ่


“อย่างนั้นหรอกหรือ ท่านผู้การนี่ช่างระมัดระวังจริงหนอ”


ดยุคฟอนเบราสไวก์กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่แฝงแววประชดประชัน ในใจคงกำลังคิดอยู่เป็นแน่ว่า ช่างเป็นคนที่จืดชืดเสียเหลือเกิน แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นจริง เมลคัทซ์ก็ไม่รู้สึกรู้สากระไร เพราะความจริงก็เป็นเช่นนั้น เขาเองก็บอกไม่ได้ว่า นิสัยของตนเช่นนี้ เป็นคุณหรือเป็นโทษกันแน่ การที่ไม่สามารถขึ้นเป็นจอมพลได้ ทั้งที่มีผลงานการรบมากมายนั้น ส่วนหนึ่งก็คงเป็นผลมาจากการที่เป็นคนจืดชืดประจบประแจงใครไม่เป็นเช่นนี้กระมัง แต่หากคิดกลับกัน การที่สามารถรักษาตัวให้รอดพ้นจากมรสุมการเมืองใต้ดินในวังหลวงมาได้จนถึงทุกวันนี้ ก็มิใช่เพราะนิสัยเช่นนี้ด้วยหรอกหรือ




ปลายเดือนกรกฎาคม สาส์นท้ารบตามธรรมเนียมโบราณจากไรน์ฮาร์ดก็ถูกส่งมายังไกเอสบูร์ก


สาส์นนั้นส่งมาในรูปแบบของเทปบันทึกภาพ (VTR) ซึ่งเมื่อถูกแพร่ภาพต่อหน้าแกนนำสำคัญของพันธมิตรขุนนาง ก็ให้ผลอย่างเพียงพอทีเดียวในการทำให้พวกขุนนางโกรธคลั่งเหลือแสน


ไรน์ฮาร์ดกล่าวคำท้าดังนี้- บรรดาขุนนางชั้นสูงที่หลงตัวเองและขี้ขลาดทั้งหลายเอย หากแม้นมีความกล้าหาญเพียงกระผีกริ้นแล้วไซร้ จงโผล่หัวออกมาจากป้อมปราการเพื่อมาทำศึกดวลตัดสินกันเถิด หากไม่มีความกล้าหาญดังกล่าว ก็จงทิ้งศักดิ์ศรีจอมปลอมของพวกเจ้าเสีย แล้วยอมจำนนแต่โดยดี นอกจากจะยอมไว้ชีวิตพวกเจ้าแล้ว เรายังจะอนุญาตให้คนไร้ความสามารถเช่นพวกเจ้าได้มีทรัพย์สินไว้ใช้เพียงพอที่จะไม่ต้องลำบากไปตลอดชีวิตอีกด้วย วันก่อนมาร์ควิสฟอนลิตเตนไฮม์ได้ประสบวาระสุดท้ายที่สาสมแก่ชีวิตอันต่ำทรามของมันไปแล้ว พวกเจ้าหากไม่อยากประสบชะตากรรมเดียวกัน จงเค้นสมองกลวง ๆ เพื่อเสาะหาหนทางที่คิดว่าดีกว่าเถิด...


“หนอย เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ปากดีนัก!”


บรรดาขุนนางหนุ่ม ๆ ถึงกับจะบ้าคลั่งเอาเลยทีเดียว ทั้งนี้ล้วนเป็นไปตามใบสั่งของไรน์ฮาร์ดนั่นเอง กระทั่งเมลคัทซ์ก็ต้องยอมรับอย่างสมเพชว่า สำหรับฝ่ายตรงข้ามที่สูญเสียความรู้สึกยั้งคิดได้ง่าย ๆ เช่นนี้ การกล่าวท้าทายเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เพียงพอเกินไปเลยด้วยซ้ำ ในบรรดาขุนนางหนุ่ม ๆ เหล่านั้น ถึงกับมีคนหนึ่งที่หันไปใช้แส้ไฟฟ้าฟาดใส่ทหารของตนเพื่อระบายความคลั่งแค้น อนึ่ง เกี่ยวกับขุนนางหนุ่มคนดังกล่าว ตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว ที่เขาใช้แส้ฟาดใส่ข้าทาสในไร่นาของบิดาตน เพื่อระบายอารมณ์อยู่เนือง ๆ




สุดท้าย กองหน้าของทัพไรน์ฮาร์ด อันได้แก่กองเรือรบของมิตเตอร์ไมเยอร์ก็ปรากฏตัวขึ้นรอบ ๆ ป้อมปราการไกเอสบูร์ก พวกเขาเคลื่อนทัพอยู่นอกระยะยิงของปืนใหญ่ประจำป้อม เดินหน้าเข้ามาใกล้แล้วก็ถอยห่างออกไปบ้าง ถอยห่างออกไปแล้วก็กลับเคลื่อนเข้ามาใกล้อีก สลับกันเช่นนี้ให้เห็น นับเป็นการท้าทายสบประมาทอย่างจะแจ้ง


เมลคัทซ์สั่งห้ามออกรบโดยเด็ดขาด เขาอธิบายว่า เบื้องหลังพฤติกรรมของมิตเตอร์ไมเยอร์ที่ไม่ต่างกับเด็ก ๆ กำลังแลบลิ้นปลิ้นตายั่วโมโหนี้ ต้องมีทริก (กับดัก) ที่น่ากลัวแอบแฝงอยู่เป็นแม่นมั่น แต่เหล่าขุนนางไม่ยอมรับฟัง


วันที่สาม พวกขุนนางก็ระเบิดอารมณ์ออกมา ขุนนางวัยคนองกลุ่มหนึ่งฝ่าฝืนคำสั่งห้ามออกรบ นำกำลังของพวกตนทะยานออกไปหากองเรือของมิตเตอร์ไมเยอร์


ทัพมิตเตอร์ไมเยอร์นั้น จะด้วยความประมาทหรือกระไรก็สุดจะคาดได้ พวกเขาแตกทัพหนีไปอย่างเปราะบาง แม่ทัพมิตเตอร์ไมเยอร์ถึงกับทิ้งยุทโธปกรณ์จำนวนมากไว้เบื้องหลังในขณะที่หนีไปเลยทีเดียว ทั้งนี้... จากการมองด้วยสายตาของพวกขุนนางหนุ่ม


“ฝีเท้าในการหนีเร็วเหลือเกิน ฉายาวูล์ฟ แดร์ ชูตรอม นี่ มาจากความเร็วในการวิ่งหนีเองหรือนี่”


“ไหนเล่า หลุมพรางที่ว่า ไม่เห็นจะมีสักหน่อย ผู้การเมลคัทซ์ก็ช่างระแวดระวังเกินไป”


ขุนนางหนุ่มเหล่านั้นทำการยึดเรืออวกาศและยุทโธปกรณ์ได้เป็นจำนวนมาก แล้วยกขบวนกลับเข้าป้อมอย่างสง่าผ่าเผย แต่สิ่งที่รอพวกเขาซึ่งกำลังภูมิใจในชัยชนะของตนเองอยู่ กลับเป็นคำสั่งอันเข้มงวด


“โทษที่พวกท่านฝ่าฝืนคำสั่งห้ามออกรบของท่านแม่ทัพใหญ่ กลับนำทัพออกไปโดยพลการนั้น เป็นโทษหนัก จะพิจารณาโทษพวกท่านตามกฎทหาร ให้เตรียมไปรายงานตัวพร้อมคืนเครื่องหมายยศและปืนประจำตัวต่อที่ประชุมศาลทหารโดยพลัน”


คำสั่งของเมลคัทซ์นี้ มองในแง่ของการรักษาระเบียบของกองทัพแล้วนับว่าถูกต้องตามหลักการ ถึงแม้ว่าผลลัพธ์ของการฝ่าฝืนคำสั่งในตอนแรกจะลงเอยด้วยชัยชนะจากการรบก็ตาม แต่เมื่อมีการขัดขืนคำสั่งของแม่ทัพเกิดขึ้นย่อมส่งผลเสียต่อการในอนาคตได้


แต่ แน่นอนว่าบรรดาขุนนางหนุ่มเหล่านั้นล้วนฮึดฮัดไม่พอใจอย่างยิ่ง พวกเขากำลังเมามายในรสชาติของชัยชนะอันหอมหวนที่เพิ่งประสบมา รู้สึกราวกับตนเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่เลยทีเดียว บางคน เช่น บารอนเฟรเกลซึ่งมียศพลตรีถึงกับกระชากเครื่องหมายยศของตนออกแล้วขว้างลงพื้น จากนั้นรำพันราวกับเป็นตัวเอกในละครโศกนาฏกรรมสมัยโบราณ


“ข้าพเจ้าหาเกรงกลัวความตายไม่ แต่การที่ต้องถูกตัดสินโทษโดยแม่ทัพที่ไม่เข้าใจถึงความกล้าหาญและไร้ซึ่งศักดิ์ศรีเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ทรมานยิ่งกว่าการเผชิญหน้ากับความตายในสนามรบเสียอีก ไม่ต้องเอาพวกข้าพเจ้าขึ้นศาลทหารหรอก ข้าพเจ้าจะฆ่าตัวตาย ณ บัดเดี๋ยวนี้”


“ท่านบารอนเฟรเกลกล่าวถูกต้อง”


บรรดาขุนนางหนุ่มพากันขานรับ


“จะปล่อยให้ท่านตายคนเดียวหาได้ไม่ พวกเราทุกคนจะฆ่าตัวตายเพื่อเทิดเกียรติยศของตระกูลขุนนางฐานันดรแห่งจักรวรรดิสืบไป”


นับเป็นความหลงตัวเองโดยแท้ ดยุคฟอนเบราสไวก์เองก็หาได้ห้ามปรามแต่ประการใดไม่


“นี่หาใช่การในสนามรบไม่ ดังนั้นเราในฐานะประมุขพันธมิตรย่อมมีทั้งสิทธิและหน้าที่ที่จะตัดสินความนี้อย่างเด็ดขาด ถูกต้องหรือไม่”


นับแต่ทราบข่าวมรณกรรมของมาร์ควิสฟอนลิตเตนไฮม์แล้ว ดยุคก็ยิ่งวางตัวเขื่องขึ้นมากโขในฐานะประมุข จนเมลคัทซ์ยังต้องแอบเบ้ปาก เขาก้าวออกไปเบื้องหน้าเหล่าชายหนุ่มที่กำลังตื่นเต้นนั้น แล้วก็กล่าวปราศรัยด้วยน้ำเสียงอันกังวานน่าฟังว่า


“ความกล้าหาญและความทรนงในศักดิ์ศรีของพวกเจ้าทั้งหลายในครั้งนี้ย่อมได้แสดงให้ประจักษ์แก่คนทั่วไปแล้ว ถึงจิตวิญญาณอันสูงส่งของตระกูลขุนนางฐานันดรแห่งจักรวรรดิเรา อีกทั้งเป็นการตอกย้ำให้บรรดาราษฎรที่กำลังริอาจต่อต้านให้สำนึกตัวด้วย อย่าว่าแต่มิตเตอร์ไมเยอร์นั้นเลย เจ้าเด็กผมทองที่แอบอ้างตัวเองเป็นมาร์ควิสและเป็นจอมพลนั้นก็ไม่ต้องไปกลัวมัน พวกเราจักต้องได้ชัยชนะเป็นแม่นมั่น ใช่แล้ว ชนะเพื่อแสดงถึงความถูกต้องของพวกเรา จักรวรรดิจงเจริญ ไชโย!”


“จักรวรรดิจงเจริญ!”


บรรดาขุนนางหนุ่มพากันเปล่งเสียงตะโกนตอบเสียงนำครั้งแรกอย่างบ้าคลั่ง เมลคัทซ์ที่มองเหตุการณ์อยู่ ถึงกับพูดอะไรไม่ออกอีกต่อไปแม้แต่คำเดียว บางที นี่คือวินาทีที่ความผิดหวังของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวังโดยสิ้นเชิง




“น่าจะได้การแล้วนะ โอแบร์สไตน์”


ไรน์ฮาร์ดเอ่ยขึ้น


นั่นสิขอรับ- หัวหน้าเสนาธิการผู้ใช้ตาเทียมพยักหน้าเห็นด้วย


บรรดาผู้บังคับการในสังกัดถูกเรียกมารวมตัวกันบนสะพานเรือของเรือธงบรุนฮิลด์ จากนั้นพวกเขาได้รับมอบหมายภารกิจอย่างละเอียด แล้วต่างก็พากันนำทัพเรือรบของตนทะยานไปสู่พื้นที่รับผิดชอบในสนามรบต่อไป


Create Date : 30 พฤษภาคม 2548
Last Update : 30 พฤษภาคม 2548 9:30:35 น. 0 comments
Counter : 445 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

star_seeker
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add star_seeker's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.