การนำสัตว์เลี้ยงจากเมืองไทยไปยุโรป
การนำสัตว์เลี้ยงจากเมืองไทยไปยุโรป
คััดลอกมาจาก //www.bloggang.com/mainblog ... group=3&gblog=1
(ยุโรปในที่นี้หมายถึงกลุ่มประเทศเชงเก้น ไม่รวมประเทศอังกฤษ ประเทศอังกฤษค่อนข้างเข้มงวดมาก คนเอาสัตว์เลี้ยงไปถึงจะฉีดวัคซีนไปแล้ว มีผลเลือดแล้ว ก็ยังถูกกักตัว 6 เดือนอยู่ดี )
สิ่งที่ต้องเตรียม 1. ก่อนอื่นนำสัตว์เลี้ยงไปรับวัคซีนที่จำเป็นก่อนเดินทางเนิ่นๆ เช่น ฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า และวัคซีนอื่นๆที่จำเป็น ในกลุ่มประเทศเชงเก้นเขาจะเข้มงวดมากเรื่องการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า จะเอาไปต้องฉีดและอยู่ในประเทศต้นทางอย่างน้อย 3 เดือนก่อนเดินทาง ไม่เช่นนั้นจะเข้าประเทศไม่ได้ หรือสัตว์เลี้ยงอาจถูกกักบริเวณ ณ สถานกักกันที่ประเทศปลายทาง สุขภาพจิตของมันก็จะย่ำแย่ และเจ้าของต้องรับผิดชอบ ค่าใช้จ่าย ค่าอาหารอีกเยอะมากจนกว่าจะนำสัตว์นั้นออกมาได้
2.ฝังไมโครชิฟ โดยไมโครชิฟที่ใช้ต้องเป็น International Microchip ที่ได้ ISO 11784 เท่านั้น อย่าลืมขอ Microchip certificate จากสัตว์แพทย์มาด้วย
3. กรง กรงที่ได้มาตรฐาน คือแข็งแรงพอที่จะให้สัตว์เลี้ยง หมุน/กลับตัวได้ มีที่ใส่อาหาร/น้ำ หาซื้อตามตลาดนัดทั่วไปเดินทางระหว่างประเทศไม่ให้ใช้กระเป๋าผ้า เพราะสายการบินส่วนใหญ่ให้โหลดลงใต้ท้องเครื่อง
4.EU Pet Passport ให้สัตว์แพทย์ในเมืองไทยที่มีใบประกอบอาชีพถูกต้องออกให้ต้องติดรูปหน้าตรง 2 นิ้วด้วย
5.Health certificate (English) ให้สัตว์แพทย์ในเมืองไทยที่มีใบประกอบอาชีพถูกต้องออกให้
6.Lab result ผลเลือดที่ออกโดย Lab ในยุโรป ที่แสดงว่าได้มีการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าแล้ว การส่งเลือดไปตรวจต้องให้สัตวแพทย์เจาะเลือดหลังจากฉีดวัคซีนไปแล้ว 2 สัปดาห์ขึ้นไปเพื่อให้เลือดของสุนัข/หรือแมว มีภูมิขึ้นถึงขีดที่สามารถผ่านการตรวจได้ เลือดจะถูกส่งไปที่ Lab ที่ได้รับการรับรองในยุโรป (ในไทยไม่มี Lab ไหนเลยที่รับรองผลเลือดได้และเป็นที่ยอมรับแบบสากล...น่าอายจริงๆ) ผลเลือดจะถูกส่งกลับมาที่สัตว์แพทย์เพื่อเตรียมทำเอกสารอื่นๆต่อไป
7.กรอกแบบฟอร์ม ร.1 ขอจากด่านกักกันที่สนามบินสุวรรณภุมิ ก่อนเดินทาง 3 วันต้องเอาเอกสาร ร.1 นี้ไปยื่นที่ด่านฯพร้อมนำสัตว์เลี้ยงและกรงไปด้วย ด่านฯก็จะออกเอกสาีรอีกชุดสำหรับใช้วันเดินทางค่ะ
8.Export license (English) ด่านกักกันสัตว์สุวรรณภูมิจะออกให้ก่อนเดินทาง
9.Export certificate (English) ด่านกักกันสัตว์สุวรรณภูมิจะออกให้ก่อนเดินทาง
10. สำเนา Passport ของเจ้าของที่เดินทางไปด้วย
ขั้นตอนคร่าวๆก็คือให้ติดต่อหาสัตว์แพทย์ที่มีประสบการณ์ทางด้านนี้ เตรียมสัตว์เลี้ยงให้พร้อมที่จะฉีดวัคซีน ฝังไมโครชิฟ และเจาะเลือด ถ้าต้องการทำหมันก่อนไป ก็ควรรอให้ร่างกายของมันสมบูรณ์ร่าเริงก่อน ค่อยให้สัตวแพทย์เจาะเลือด
ระยะเวลารอผลเลือดและเอกสารก็ประมาณ 1 เดือนเวลาจองตั๋วเครื่องบิน ต้องบอกทางสายการบินว่าเดินทางไปกับสุนัขหรือแมว เพราะเขาต้องแจ้งกัปตันให้ปรับความดันใต้ท้องเครื่อง เคยมีเหตุการที่เขาลืมปรับแล้วสัตว์เลี้ยงตายเหมือนกัน ในหนึ่งเที่ยวเขาให้เอาสัตว์เลี้ยงขึ้น 1-2 ตัวเท่านั้น เพราะฉะนั้นควรจองตั๋วไว้เนิ่นๆ
ค่าใช้จ่าย ค่าดำเนินการด้านเอกสาร ส่งเลือด ฝังชิฟ (จ่ายให้สัตว์แพทย์) ประมาณ 12,000-17,000 บาท ค่าวัคซีนพิษสุนัขบ้า 100 บาท ค่ากรง 800 - 1,000 บาท
ค่าโหลดขึ้นเครื่องแล้วแต่สายการบิน;
KLM คิดราคา 160EURO(Flat rateค่ะ)โดยมีข้อกำหนดว่า สัตว์เลี้ยงต้องมีอายุเกิน 2 เดือน ถ้าน.น.สัตว์รวมกรง<6ก.ก. สามารถเอาขึ้นห้องโดยสารได้ ถ้าเกินต้องโหลดใต้ท้องเครื่อง
EVA และ China Airline ให้โหลดใต้ท้องเครื่องเท่านั้น คิดก.ก.ละ 1,250 บาท
ที่อยู่และเบอร์ติดต่อของด่านกักกันก็ตามนี้ค่ะ Suvarnabhumi Airport animal quarantine station.Free zone Area,CE-1 building 1st Flor.Suvarnabhumi Airport, Tel: 02-1340731
ในด่านกักกันเองก็มีเจ้าหน้าที่ที่รับเจาะเลือดส่งตรวจเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ใช่สัตวแพทย์หนะค่ะ จขบ ขอแนะนำให้ใช้สัตวแพทย์ดีกว่าเพราะ สัตว์แพทย์จะรู้ว่าเจาะเลือดช่วงไหนผลถึงจะผ่าน
ปล. สุนัขพันธ์ Pit Bull Terrier ไม่สามารถนำเข้ายุโรปนะคะ
กรงสำหรับสุนัข ยืมน้องหมาน้องฮาร์ตี้และภาพกรงมาจากคุณฝน ที่เค้าจะขายกรงเดินทาง เนื่องจากน้องตัวใหญ่ขึ้นค่ะ //www.chollada.in.th/smf/index.php?topic=1441.0
Create Date : 11 เมษายน 2553 |
Last Update : 11 เมษายน 2553 22:44:12 น. |
|
1 comments
|
Counter : 4290 Pageviews. |
|
|
|
|
รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆคะสำหรับข้อมูล
เปิ้ลคะ