ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
<<
ตุลาคม 2563
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
1 ตุลาคม 2563
 
 

Last Promise บทที่ ๙ (YURI)

 

ติ๊ง!

เสียงข้อความเข้าตั้งแต่เช้ามืด

ใครเขียนมาแต่เช้า?

พิจิตราที่นอนกลิ้งบนที่นอนนุ่ม ไม่รีบลุกเพราะคอนโดอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงาน นับเป็นความสุขที่น่าจะทำตั้งนานแล้ว หญิงสาวคว้ามือถือเอามาอ่าน แล้วผุดยิ้มบางๆ

ข้อความจากเพื่อนบ้านแสนสวย

Queen : อรุณสวัสดิ์ค่ะน้องจิต หลับสบายดีไหมคะ?

Pijittra : หลับสนิทมากๆ ค่ะ

Queen : ดีค่ะ เช้านี้จะรับอะไรดีคะ กาแฟขนมปัง หรือข้าวต้มกุ้งร้อนๆ?

โห! บริการดีเยี่ยมยิ่งกว่าโรงแรมห้าดาว น่ารักจริงๆ

อาจารย์สาวคิดชมในใจ

เมื่อวานป้าแมวแม่บ้านได้สอบถามว่า เธอชอบทานอาหารอะไรเป็นพิเศษ หรือไม่ชอบอะไร รวมถึงแพ้อาหารอะไรบ้าง? ทำให้สาวร่างสูงรู้สึกประทับใจมาก กับการช่างบริการของเจ้านายและแม่บ้านของที่นี่

Pijittra : เอ่อ อะไรก็ได้ ขอบคุณนะคะ

Queen : จะทานทั้งสองอย่างก็ได้นะคะ

Pijittra : อา...จุกแน่

Queen : พี่จะขุนน้องจิตให้อ้วน

Pijittra : โหย เดี๋ยวขายไม่ออกกันพอดี

Queen : ยังไงก็ขายได้ค่ะ มีคนรอคิวเยอะ

Pijittra : อย่าล้อเล่นสิคะ ไม่เห็นมีใครสักคน

Queen : พี่พูดจริงค่ะ มองหาถึงจะมองเห็น

Pijittra : 5555 จะรอดูค่ะ

Queen : ถ้าพร้อม ก็มาได้เลยนะคะ

Pijittra : ขอครึ่งชั่วโมง

Queen : โอเคค่ะ

พิจิตรารีบลุกจากเตียง อาบน้ำแปรงฟัน แล้วแต่งตัวเพื่อไปทานอาหารเช้าที่ห้องเบอร์ 1 พร้อมหน้ากับลูกสองคนของหล่อน

“นั่งค่ะ” เมทินีเชิญแขกให้นั่งติดกับมณีวรรณ ส่วนหล่อนทรุดนั่งที่หัวโต๊ะอันเป็นตำแหน่งประจำ “น้องจิตรับอะไรดีคะ?”

“ข้าวต้มค่ะ”

“กาแฟไหมคะ?”

“ก็ดีค่ะ” เธอไม่ปฏิเสธ เพราะเสพติดกาแฟ

“หนึ่งหนึ่งหนึ่งนะคะ” ป้าแมวถามสูตรย้ำ เพื่อความมั่นใจ

“ค่ะ

“สักครู่ค่ะ” แม่บ้านตักข้าวต้มหอมๆ มาเสิร์ฟก่อน เดินกลับไปชงกาแฟ

“พอทานได้ไหมคะ?” ป้าแมวถาม หลังนำถ้วยกาแฟมาวางข้างๆ แขกสาว

“อร่อยมากค่ะ” อาจารย์สาวตอบ หลังชิมข้าวต้มไปหลายคำ

“ดีใจจัง” แม่บ้านวัยห้าสิบเศษยิ้ม กวาดตาไปยังเด็กๆ ที่แต่งเครื่องแบบเรียบร้อย แล้วเอ่ยรายการอาหาร “เย็นนี้เป็นต้มยำกุ้ง ยำปลาดุกฟู สลัดผัก แล้วก็นักเก็ตไข่ชะอมกับน้ำพริกกะปิ ดีไหมคะ?”

“ดีค่ะ” มณีวรรณพยักหน้าอย่างร่าเริง ดีใจที่จะได้กินของโปรด

“คุณรินล่ะคะ?”

“ค่ะ” มธุรินค่อนข้างเป็นพวกพูดน้อย ไม่ค่อยมีปัญหามาก ส่วนใหญ่ในบ้านจะได้ยินเสียงน้อยมาก

“นักเก็ตไข่ชะอม?” อาจารย์สาวไม่รู้จักว่าคืออะไร

“อ๋อ คล้ายๆ กับชะอมทอดแบบเดิมค่ะ แต่ทำให้กรอบกว่า หอมกว่า รับรองว่าทานแล้วจะต้องติดใจ จนลืมแบบเก่าไปเลย” ป้าแมวเล่ายาวเหยียดด้วยความภาคภูมิใจ เป็นสูตรอร่อยที่ได้จากอินเตอร์เนต

“ขนาดนั้นเชียว”

“รับรองค่ะ” แม่ของนิตากล่าวอย่างมั่นใจ

“จะล้างท้องรอเลยค่ะ” พิจิตราเออออ ก่อนหันไปทางมณีวรรณ “เย็นๆ ฉันจะมาช่วยดูการบ้านให้นะ สงสัยก็ถามได้”

“ค่ะน้าจิต” ลูกสาวคนเล็กตอบยิ้ม

การรับประทานอาหารเช้าเป็นไปอย่างสบายๆ มีเสียงพูดของป้าแมวบ้าง ลูกคนเล็กของบ้านบ้าง ขณะที่มธุรินจะพูดเฉพาะเมื่อโดนถามเท่านั้น

พิจิตราสังเกตได้ว่า หล่อนจะชำเลืองมองลูกสาวทั้งสองเป็นระยะ และเผื่อแผ่สายตานั้นมายังตนด้วย

ไม่ต้องมองฉันบ่อยนักก็ได้นะคะ

บ่นในใจ รู้สึกหัวใจจะทำงานหนักกว่าปกติ โดยเฉพาะยามสบสายตาคู่สวยนั้น จึงก้มหน้าทานข้าวต้มจนเกลี้ยง แล้วซดกาแฟหอมๆ ปิดท้าย

อาหารอร่อยมาก เหมือนมีเชฟดังมาทำให้ทาน ลาภปากของฉันแท้ๆ

หลังเห็นอาจารย์สาวทานอาหารเช้าเสร็จ เมทินีก็บอกว่า

“น้องจิตเสร็จแล้วออกไปก่อนเลยนะคะ กว่าเด็กๆ จะพร้อมคงอีกสิบกว่านาที”

สาวสวยไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องมารอ ไหนๆ ต้องไปรถคนละคันอยู่แล้ว อีกเหตุผลคือ ไม่อยากทำให้พิจิตราต้องอึดอัดจนเกินไป หลายอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์

“ค่ะ ขอบคุณสำหรับอาหารเช้า ไปก่อนนะคะ” พิจิตราพูดอย่างสุภาพ ยิ้มให้ทุกคน แล้วกลับไปห้องตัวเอง หยิบสัมภาระที่จะเอาไปสอน ขณะลงลิฟท์ก็ยิ้มกับตัวเอง

รู้สึกแปลกๆ เหมือนมีครอบครัวเป็นของตัวเอง...คิดบ้าอะไร!

เธอชะงักกับความคิดแปลกๆ ก่อนสะบัดทิ้งไป ก้าวไปยังรถยนต์ญี่ปุ่นของตน แล้วขับออกไปยังมหาวิทยาลัยที่อยู่ไม่ไกล ด้วยรอยยิ้มบนหน้าตลอดทั้งวัน

 

“รินไม่ชอบน้าจิตเหรอลูก ถึงได้เย็นชากับน้าเขาแบบนั้น” เมทินีถามลูกสาวตรงๆ หลังสังเกตอยู่หลายหน ขณะนั่งคู่กันในรถตู้ยี่ห้อยุโรป หลังส่งมณีวรรณลงหน้าโรงเรียน และจุดถัดไปคือมหา’ ลัยของมธุริน ซึ่งอยู่ติดกัน

โรงเรียนของมณีวรรณ เป็นโรงเรียนสหศึกษา มีตั้งแต่ชั้นประถมไปจนถึงมัธยมศึกษา ที่อยู่ในความดูแลของมหาวิทยาลัยที่พิจิตราทำงานอยู่ รั้วโรงเรียนอยู่ติดกันกับรั้วของมหาวิทยาลัย

...มธุรินก็เรียนจบจากที่นี่

“เปล่าค่ะ” ลูกสาวคนโตตอบเสียงเย็น เอียงตัวจ้องหน้าสวยของมารดา

“แน่ใจนะลูก?” เมทินีย้ำ ขณะสบสายตาของลูกสาวซึ่งมีวงหน้าถอดแบบหล่อนมาเลย

มธุรินนิ่งเงียบไปอึดใจ

“รินไม่ได้ไม่ชอบ รินแค่ไม่แน่ใจต่างหาก”

สาวสวยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่เข้าใจความหมายของลูกสาว

“ไม่แน่ใจเรื่องอะไร?”

“ไม่แน่ใจว่าอาจารย์พิจิตราเป็นคนแบบไหนกันแน่” ลูกสาวคนโตยอมตอบตรงๆ ผุดยิ้มเยาะมุมปาก “เท่าที่รินเห็น เธอเนื้อหอมมากๆ เลยนะคะที่มอ”

เรื่องนั้นไม่ต้องบอก...แม่ก็พอรู้

หล่อนคิดต่อในใจ

“ลูกก็เลยทดสอบน้าจิต?”

“ก็ประมาณนั้นค่ะ” มธุรินยักไหล่ยอมรับ ไม่มีประโยชน์ที่จะตบตามารดา ที่อ่านใจผู้คนได้เหมือนมีโทรจิต “รินอยากรู้ว่าเธอมีดีอะไร แม่ถึงชอบเธอ”

เด็กสาวไม่เคยเห็นแม่ยื่นข้อเสนอ ให้ใครเข้ามาเกี่ยวข้องกับลูกๆ แบบนี้ ตั้งแต่วรยุทธ์ พ่อของมณีวรรณถูกจับได้ว่านอกใจ แม่ยื่นคำขาดขอหย่า ฝ่ายชายอิดออดในตอนแรก สุดท้ายเขายอมหย่า พร้อมกับได้เงินก้อนโตเป็นข้อแลกเปลี่ยน

มธุรินเชื่อว่า ผู้ชายคนนั้นคงผลาญเงินไปหมดแล้ว หลังเคยได้ยินมาว่า วรยุทธ์ติดผู้หญิงและหลงใหลการพนันเข้าเส้นเลือด

ผ่านมาหลายปี อดีตสามียังไม่มีโอกาสได้พบกับมณีวรรณเลยสักครั้ง กระทั่งเฉียดมาใกล้ลูกยังไม่ได้เลย

หลังจากนั้นเป็นต้นมา แม้จะมีคนมาจีบมารดาหัวบันไดบ้านแทบไม่แห้ง แต่เธอไม่เคยเห็นใครเข้าใกล้มารดาได้จริงๆ เหมือนเมทินีจะปิดตายหัวใจ ทุ่มเทเวลาไปกับปั้นธุรกิจควีนจิวเวอรี่แทบไม่มีวันหยุด จนกลายเป็นธุรกิจหลายร้อยล้านในเวลาไม่นาน

แต่ถึงไม่ทำบริษัทควีนจิวเวอรี่ ฐานะของเมทินีก็จัดว่ารวย หลังพ่อมธุรินทิ้งมรดกไว้ให้ไม่น้อย ก่อนเสียไปด้วยโรคหัวใจล้มเหลว

เธอไม่รู้ว่าแม่กินอะไรผิดสำแดง ถึงได้ไปปิ๊งพิจิตราเข้า ทำเอามธุรินสับสนไม่น้อย ไม่อยากจะเชื่อว่าบุพการีจะเปลี่ยนรสนิยม ทั้งที่ผ่านการแต่งงานมาสองครั้ง แต่ไม่ได้คิดรังเกียจ หรือมองเป็นเรื่องผิดปกติ

...แค่ฉงนสนเท่ห์มากกว่า

ผู้หญิงคนนี้ ไม่เห็นมีอะไรพิเศษสักนิด...ก็แค่ผู้หญิงธรรมดา

เด็กสาวไม่เข้าใจความคิดของมารดาเลยสักนิด

โธ่เอ๊ย! เด็กหนอเด็ก

เมทินียิ้มอ่อนใจ ยกมือลูบหัวคนตรงหน้าเบาๆ

“ไว้สักวันลูกจะรู้เอง”

ทำไมแม่ชอบมองฉันเป็นเด็กตลอด

มธุรินทำหน้าเบ้ ขัดใจคำตอบ

“แม่อ่ะ...” น้ำเสียงกระเง้ากระงอดแบบที่ไม่ได้ยินบ่อยนัก

“อยากรู้ก็ดูน้าจิตเอาเองสิ ดูดีๆ ล่ะ อย่ารีบสรุป” คนสวยหัวเราะ ที่ลูกสาวทำหน้าบึ้งกว่าเดิม พอรถตู้จอดที่หน้าประตูสถานศึกษา “ตั้งใจเรียนล่ะ เย็นๆ เจอกัน”

“เข้าใจแล้วค่ะ สวัสดีค่ะแม่” ลูกสาวคนโตยกมือไหว้บุพการี ก่อนลงจากรถตู้ไป

เมทินียังคงยิ้ม นึกขำกับความร้ายกาจของมธุริน

ร้ายจริงๆ ลูกใครเนี่ย...หวังว่าน้องจิตจะรับมือไหว

 

ฮัดเช้ย!

พิจิตราที่นั่งอ่านหนังสือเตรียมสอนในห้องพัก เผลอจามออกมา ต้องรีบคว้าทิชชู่มาเช็ดมือเช็ดหน้า

มีใครคิดถึงฉันกัน...ให้ตายสิ!

 

สอนเสร็จเสียที...เฮ้อ!

เกือบสี่โมงเย็น พิจิตราที่เพิ่งสอนคาบสุดท้ายเสร็จ ระหว่างเดินกลับตึกตัวเอง พลันเหลือบไปเห็นเด็กในชุดเครื่องแบบประถม ที่เรียนอยู่รั้วติดกัน นั่งอยู่ที่ม้าหิน พร้อมทำท่าทางแปลกๆ

นักเรียนมาทำอะไรที่นี่?

ความสงสัยทำให้เธอเดินมาดูใกล้ๆ แล้วพบว่าเป็นลูกสาวคนเล็กของหล่อน กำลังก้มตัวลงใช้ผ้าซับที่หัวเข่า จึงรีบเข้าไปหา

“วันเป็นอะไรคะ?” น้ำเสียงห่วงใยชัดเจน

มณีวรรณที่มีน้ำตาซึมหางตา เงยหน้ามองคนเรียก พลันดีใจที่เจอคนคุ้นเคย

“น้าจิต คือวันหกล้มค่ะ”

“ไหนขอดูแผลหน่อยสิ” พิจิตราย่อตัวลง พร้อมดึงข้อมือเล็กๆ ที่ถือผ้าเช็ดหน้าออก เธอทำตาโต เมื่อเห็นบาดแผล “โหย เลือดออกเยอะมากเลยนะ ไปหมอไหม?”

“ไม่เอาค่ะ วันกลัวหมอ” เด็กน้อยปฎิเสธอย่างเร็ว ไม่ถูกชะตากับหมออย่างมาก เจอทีไรต้องเจ็บตัวเป็นประจำ

“ไม่ต้องกลัวหรอก เดี๋ยวฉันพาไป” อาจารย์สาวลุกยืน พร้อมยื่นมือมาตรงหน้ามณีวรรณ

คนฟังทำท่าลังเล

“ถ้าไม่ทำแผล ระวังเป็นบาดทะยัก ถ้าแผลเป็นหนอง วันอาจจะต้องตัดขาทิ้งก็ได้ ดังนั้นต้องรีบรักษาให้เร็วที่สุด” เธอพูดหน้าตาย

หา!

เด็กน้อยหน้าซีดเผือด ความกลัวพุ่งทะลุถึงขีดสุด

“ตะ ตัดขาเชียว จริงเหรอคะ?”

“ใช่” พิจิตราพยักหน้า “ไปหาหมอกับฉันเถอะ เดินไหวไหม?”

“หะ ไหวค่ะ”

มณีวรรณยื่นมือวางบนมืออีกคน ค่อยๆ ลุกแต่เข่าอ่อน เกือบจะล้มจับกบอีกรอบ โชคดีที่อาจารย์สาวคว้าเอวไว้ทัน จึงตัดสินใจอุ้มเด็กสาวในท่าเจ้าสาว

“นะ น้าจิต!” เด็กประถมร้องลั่นกลัวหล่น คว้าเสื้อเชิ้ตอีกคนไว้เป็นที่ยึด ก่อนชำเลืองเห็นสายตาหลายสิบคู่มองมา

“หืม อะไรคะ?”

“วันอาย วันเดินเองได้”

“ไปแบบนี้แหละ แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว” พิจิตราไม่อยากให้เด็กน้อยต้องเจ็บมากไปกว่านี้

“กระเป๋า” มณีวรรณเป็นห่วงสมบัติ

“โอเคค่ะ” อาจารย์สาวย่อตัวคว้ากระเป๋าหนังสือ ก่อนเดินตัวปลิวไปห้องพยาบาล โดยไม่สนใจสายตาสอดรู้สอดเห็นของผู้คนที่สวนทางไปมา คิดแต่ว่า...ช่วยมณีวรรณสำคัญที่สุด

 

“เฮ้ย! นั่นอาจารย์จิตอุ้มสาวที่ไหนวะ!” นักศึกษาปี 1 สะกิดบอกเพื่อนที่นั่งกันอยู่หลายคนที่เก้าอี้ม้าหินข้างตึก

…หนึ่งในนั้นมีมธุรินรวมอยู่ด้วย

พิจิตราสอนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 1 กับ 2 เหล่ารุ่นพี่เรียกชื่อเล่นแบบเป็นกันเองว่า ‘อาจารย์จิต’ พวกเด็กใหม่จึงเรียกตามๆ กันมา

นั่นมัน...

มธุรินมองตาม สองตาเบิกโตเป็นไข่ห่าน จำได้ว่าเด็กคนนั้นคือน้องสาวตัวเอง รีบลุกพรวดพราดคว้ากระเป๋าผ้า โบกมือบอกกับเพื่อน

“ไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน”

“อะไรของเขา” เพื่อนคนที่สองทำหน้าสับสนไม่เข้าใจ

“ไม่รู้มัน สงสัยรถที่บ้านจะมาแล้ว” เพื่อนคนที่เหลือยักไหล่ ก่อนหันไปไถมือถือ หาอะไรอ่านฆ่าเวลา

 

“แผลเป็นไงบ้างคะพี่หมอ?” พิจิตราถามขึ้น หลังพามณีวรรณไปยังห้องพยาบาล โชคดีที่หมอยังไม่กลับไปเสียก่อน เขาเป็นรุ่นน้องของพี่ชายที่มาทำงานที่นี่ในบางวัน

“ลึกเหมือนกันนะ สงสัยต้องเย็บ” หมอหนุ่มตอบ เขาทำความสะอาดบาดแผลแล้ว แต่เลือดยังไม่หยุดไหล จึงได้แต่เอาผ้าก๊อซซับเลือดไว้ชั่วคราว

เขาแอบปลื้มพิจิตราอยู่ เคยแอบกระซิบพิชญะให้ช่วย แต่อีกฝ่ายปฏิเสธแบบไม่ไหวหน้า

“ถ้าแกชอบน้องฉันจริง แกต้องแสดงความจริงใจออกมา ไม่ใช่มาคอยให้คนโน้นคนนี้คอยช่วย ถ้าเรื่องง่ายๆ แกยังทำไม่ได้ แล้วแกจะดูแลน้องฉันได้เหรอ”

พิชญะปรายหางตามองชายหนุ่มอย่างดูแคลน ไม่เชื่อใจรุ่นน้องสักเท่าไหร่ หลังอีกฝ่ายดูบอบบาง อ้อนแอ้นเกินไป เมื่อเปรียบเทียบกับพิจิตรา

ขืนแกแต่งกับน้องฉัน ยายจิตคงเป็นช้างเท้าหน้า...ไม่ไหวแน่!

พี่เมียยังดุขนาดนี้ แม่กับน้องจะขนาดไหนกัน

หมอหนุ่มหัวเราะแหะๆ นึกแหยงกับพิชญะ จึงไม่กล้าจะตอแยกับพิจิตรามากนัก

สาวหน้าคมลังเล ก่อนที่จะตอบอะไร เหลือบมองมณีวรรณที่นั่งหน้าซีดเผือด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า...กลัวเข็มสุดหัวใจ

เอาไงดี?

ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะขึ้น แล้วถูกเปิดเข้ามาโดยเด็กปีหนึ่ง

“วะ วันเป็นอะไรคะ?” น้ำเสียงคนมาใหม่ถาม หายใจหอบแรงหลังวิ่งตามหลังมา

“หกล้มน่ะ” พิจิตราตอบสั้นๆ พลันนึกอะไรได้ “โทรหาคุณแม่ที บอกว่าฉันจะพาวันไปโรงพยาบาลใกล้ๆ นี้ เธอก็ตามมาด้วย”

หืม?

มธุรินทำหน้างง หลังอีกฝ่ายสั่งเป็นชุด แต่พอเห็นอาจารย์สาวสอดแขนอุ้มน้องสาวก็เข้าใจทันที

“ฝากถือกระเป๋า กับเอกสารนั่นด้วยนะ” อาจารย์สาวบอกมธุริน หันหน้าไปทางหมอ ขณะที่อุ้มเด็กน้อยไว้แนบอก “ขอบคุณนะคะพี่หมอ แล้วค่อยคุยกัน”

“อือ โชคดีนะ” หมอหนุ่มอวยพร

มธุรินรีบทำตามคำสั่งของพิจิตรา แล้วก้าวขาตามไป รีบโทรไปแจ้งมารดาหลังขึ้นรถญี่ปุ่นของอีกฝ่าย

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ณ โรงพยาบาลเอกชน

มณีวรรณนั่งซึมกับพี่สาว หลังโดนหมอฉีดยาชา เย็บแผล และพันแผลให้เรียบร้อย ตลอดเวลาที่หมอทำแผล เธอซุกหน้ากับอกพิจิตราเกือบตลอด ไม่กล้ามอง ซึ่งอาจารย์สาวก็กอดและพูดปลอบโยนเด็กน้อยไปด้วย เล่าเรื่องตลกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ทำให้อีกฝ่ายหัวเราะทั้งน้ำตา

“แม่จะถึงแล้ว ทนอีกนิดนะ เดี๋ยวได้กลับบ้านแล้ว” มธุรินปลอบน้องสาว พร้อมบีบมือน้อยๆ ให้กำลังใจ

“อือ...” มณีวรรณตอบเสียงหงอยๆ รู้สึกเจ็บตุ๊บๆ ที่แผล ขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็น

พิจิตราเดินมาพร้อมใบเสร็จกับถุงยา หลังทำเรื่องเป็นเจ้าของไข้ และจ่ายค่ายาเรียบร้อย

ข้อดีของโรงพยาบาลเอกชนคือ รักษารวดเร็วทันใจ ไม่ต้องรอคิวนาน...แต่ค่าหมอ ค่าความสะดวกก็แพงเอาการ

“นี่ยาแก้ปวด ทานหลังอาหารนะ ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำ แล้วก็มาทำแผลวันเว้นวัน” เธอยื่นถุงยาให้มธุริน พร้อมกำชับ

“ค่ะ” ลูกสาวคนโตพยักหน้า รับถุงยาไว้ แล้วพึมพำออกมา “ขะ ขอบคุณค่ะ”

มีมารยาทใช้ได้

อาจารย์สาวคลี่ยิ้ม ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ด้วยท่าทางผ่อนคลาย

“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้เล็กน้อย”

“วัน!”

เมทินีเรียกชื่อลูกสาวคนเล็กเสียงดังกว่าปกติ ไม่สนใจสายตาใครทั้งสิ้น ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หลังมธุรินโทรศัพท์ไปหา หล่อนให้นิตาเปลี่ยนเส้นทางมาโรงพยาบาลทันที แต่หนทางติดขัดมากมาถึงล่าช้า จึงโทรคุยกับมธุรินเป็นระยะ

ส่วนนิตากำลังหาที่จอดรถ และจะตามมาทีหลัง

คนเป็นแม่โผกอดลูกคนเล็กแน่น ถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก ที่เห็นว่าอีกฝ่ายปลอดภัย สำรวจมณีวรรณตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นผ้าก็อซสีขาวแปะพลาสเตอร์ที่หัวเข่า จึงถามออกมา

“เจ็บมากไหมลูก?”

ลูกคนเล็กนัยน์ตาแดงก่ำร่ำๆ จะร้องไห้อีกรอบ

“ค่ะ”

“แม่อยู่นี่นะคะ ไม่ต้องกลัว” หล่อนปลอบมณีวรรณเสียงนุ่มนวล หอมเบาๆ ที่หน้าผาก ทำให้อีกคนไม่งอแง “วันเก่งอยู่แล้ว แผลแค่นี้ไม่กี่วันก็หาย”

“อือ” เด็กน้อยผงกหัว กำลังใจเริ่มดีขึ้น

“เย็บกี่เข็มคะ?”

“หลายเข็มค่ะ” ลูกสาวตอบซื่อๆ ไม่กล้าดูตอนโดนเย็บ เสียวไส้เกินไป

“ห้าค่ะ” พิจิตราซึ่งรู้ดีกว่าเป็นผู้ตอบ

“ขอโทษค่ะ พี่ลืมขอบคุณน้องจิต ที่ช่วยพาวันมาหาหมอ” สาวสวยนึกขึ้นมาได้ จึงรีบพูดออกมาอย่างซาบซึ้ง

ถ้าน้องจิตไม่เจอวัน กว่าฉันจะไปถึง วันคงต้องเจ็บกว่านี้มาก

แค่คิดถึงเรื่องนี้ คนเป็นแม่ก็ปวดหัวใจแล้ว

“คนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ” อาจารย์สาวพูด พร้อมยิ้มแบบเขินๆ

...ไม่รู้ทำไมหัวใจถึงพองฟูเวลาได้รับคำชื่นชมของเมทินี

คนกันเองเหรอ

ร่างบางคลี่ยิ้มออกมา เป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งชั่วโมง หลังรู้ว่าลูกสาวบาดเจ็บ

“กลับบ้านกันเถอะค่ะ” เมทินีขยับจะเข็นรถของมณีวรรณ

“ฉันดีกว่าค่ะ” พิจิตราเร็วกว่า ลุกไปยืนหลังรถเข็นของเด็กน้อย

ในหัวใจหล่อนเต็มไปด้วยความสุขอย่างบอกไม่ถูก ที่เห็นอีกคนใส่ใจลูกของตนดีมากเกินกว่าที่คิดหวังไว้

เป็นคนใจดีมาก

“รถจอดแถวไหนคะ?”

“ใกล้ๆ รถน้องจิตค่ะ” หล่อนตอบ หลังเห็นนิตาเดินมาสมทบ จึงเอ่ยชวน “กลับบ้านกันเถอะ”

“ค่ะ”

มธุรินเดินคู่ไปกับนิตา มองแผ่นหลังของมารดากับพิจิตราที่เข็นรถเข็นที่มณีวรรณนั่ง ผู้ใหญ่สองคนเดินไปคุยไป เหมือนสนิทสนมกันมานาน

ผู้หญิงคนนี้แสดงออกเหมือนเป็นคนเย็นชา แต่จริงๆ ใจดีกว่าที่คิด ...ว่าแต่มีแต่คนสนใจแต่วัน ต่อไปฉันจะเป็นหมาหัวเน่าไหมนะ?

เด็กปีหนึ่งเดินทอดน่อง คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย รู้ตัวอีกทีผู้ใหญ่สองคนที่อยู่ข้างหน้า หันมองเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

หืม?

เด็กสาวทำหน้างง

“ริน มานี่สิลูก” เสียงไพเราะของมารดาร้องเรียก

มธุรินรีบก้าวยาวๆ ไปหามารดาทันที หล่อนยกมือโอบไหล่ของลูกสาว แล้วหอมแก้มเบาๆ หนึ่งฟอด

คงไม่มั้ง...

ลูกสาวคนโตยิ้มกับตัวเอง

มีเพียงนิตาที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เลขาสาวมองหญิงสี่คนที่ดูเหมือนครอบครัวสุขสันต์ จึงไม่คิดเข้าไปเป็นส่วนเกิน

แต่ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงกระเซ้าของพิจิตราก็ดังขึ้น

“คุณเลขาเดินเร็วๆ สิ กลับบ้านช้า เดี๋ยวแม่บ่นไม่รู้ด้วย” อาจารย์สาวพูดยั่วคนที่ชอบทำหน้านิ่งเกิน

เมทินีกับลูกสาวสองคนหลุดหัวเราะ ดูเหมือนว่าจะมีแต่สาวหน้าคมที่ชอบแหย่นิตาเป็นประจำ

คนถูกแซวส่งสายตาดุๆ ให้พิจิตรา แต่อีกฝ่ายทำไม่รู้ไม่ชี้

ยายอาจารย์นี่ กวนประสาทจริงๆ

เลขาสาวบ่นกระปอดกระแปดในใจ ที่อีกฝ่ายยกแม่มาขู่ เหมือนตนเป็นเด็กตัวน้อยๆ ทั้งที่เธอกับพิจิตราอายุห่างกันแค่ปีกว่าๆ

แต่ทว่าในใจกลับมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ที่ตนไม่ได้ถูกละเลย หรือโดนอาจารย์สาวมองเป็นแค่ลูกจ้างต้อยต่ำ เหมือนกับอดีตสามีของหล่อน

ฉันพอเข้าใจแล้วว่า...ทำไมคุณเมถึงถูกใจผู้หญิงคนนี้

OoXoO

ดูเหมือนว่าตอนนี้น้องจิตจะได้คะแนนนิยมในใจพี่เมสูงมาก หลังพิจิตราดูแลมณีวรรณให้เป็นอย่างดี ...ในตอนหน้าจะมีเหตุให้พี่เมหงุดหงิดหัวเสียมากๆ ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้น ต้องติดตามค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกหัวใจ ทุกคอมเมนท์ ไรท์ชอบอ่านค่ะ เขียนมากันเยอะๆ นะคะ

รักทุกคน

นาง ^^

OoXoO




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2563
0 comments
Last Update : 1 ตุลาคม 2563 16:53:56 น.
Counter : 625 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com