ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
<<
ตุลาคม 2563
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
9 ตุลาคม 2563
 
 
Last Promise บทที่ ๑๐ (YURI)

๑๐

 

อ๊าย! เขินชะมัด

พิจิตรานอนซุกหน้ากับหมอนบนโซฟาตัวยาวในห้อง เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่นาทีก่อน

 

หลังอาหารเย็น เมทินีเดินตามมาส่งถึงหน้าประตูห้องเบอร์ 4 ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน แต่ก่อนที่เธอจะใช้คีย์การ์ดเปิดห้อง

“น้องจิตคะ” หล่อนเรียก

“คะ?” อาจารย์สาวหมุนตัวไปมองต้นเสียง แล้วทำหน้าสงสัย

สาวสวยก้าวมายืนประชิดตัว จรดเรียวปากที่แก้มนุ่มของพิจิตราเบาๆ หนึ่งฟอด

“วันนี้ขอบคุณน้องจิตมากๆ นะคะ ที่ช่วยดูแลวันแทนพี่” น้ำเสียงหวานไพเราะเอ่ยออกมาจากหัวใจ

คุณ หะ หอมแก้มฉัน...

อาจารย์สาวยกมือขึ้นแตะแก้มตัวเองตามสัญชาตญาณ ไม่คิดว่าหล่อนจะทำแบบนี้กับตน ใบหน้าคมขึ้นสีแดงเรื่อ ไม่ชินกับความชิดเชื้อแบบนี้

...ไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว

“เอ่อ...”

“แทนคำขอบคุณค่ะ” เมทินีเฉลยการกระทำของตัวเอง พร้อมยิ้มหวาน “ฝันดีค่ะน้องจิต พรุ่งนี้เจอกัน”

“ฝะ ฝันดีค่ะ” เธอพูดตอบตะกุกตะกัก แล้วรีบเข้าห้อง มานอนเกลือกกลิ้งบนโซฟา

อาจารย์สาวถอนใจเบาๆ รับรู้ว่า หัวใจของตนเต้นไม่เป็นส่ำ ยิ่งกว่า ‘จูบโดยอุบัติเหตุ’ คราวก่อนเสียอีก

คืนนี้ฉันจะนอนหลับไหมเนี่ย

สาวหน้าคมยอมรับว่า แม้จะรู้จักกันไม่นาน ทว่าแม่ลูกสองได้เข้ามาจับจองพื้นที่ในหัวใจของตนมากขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนชีวิตที่เรียบง่ายให้มีความสุขสดชื่น และยิ้มกว้างได้ทุกวัน

แต่เธอไม่แน่ใจว่า หล่อนคิดแบบไหนกับตนกันแน่?

...แค่เพื่อน คนรู้จัก หรือฐานะอะไร?

หากคิดจะอ่านใจหรือทายความคิดของเมทินี เป็นเรื่องที่ยากเสียยิ่งกว่ายาก สมกับเป็นนักธุรกิจใหญ่

...ให้เรียนปริญญาอีกใบยังง่ายกว่า

อาจารย์สาวถอนใจอีกเฮือก แล้วตัดสินใจปล่อยวาง

คิดมากก็ปวดหัวเปล่าๆ ไปอาบน้ำนอนดีกว่า

หลังจากคืนนั้น พิจิตราแอบเกร็ง และเคอะเขินกับเมทินีอยู่หลายวัน แต่สาวสวยยังคงวางตัวเฉกเช่นปกติ เธอจึงทำตัวผ่อนคลายลง

ฉันคงบ้าไปเองคนเดียว...

 

เย็นวันนี้ เมทินีเลิกงานเร็ว จึงให้นิตาขับรถออกไปรับลูกเร็วกว่าปกติ กะว่าอยากไปเซอร์ไพรส์พิจิตราที่ห้องพักอาจารย์ด้วย

...ทว่าหล่อนกลับนิ่งงันไม่ต่างจากรูปปั้น หลังเดินไปไม่กี่ก้าว

สายตาคู่หวานเห็นสาวร่างสูงเดินเคียงกับอาจารย์หนุ่มผู้หนึ่ง ที่ตนไม่รู้จัก คุยไปยิ้มไป ดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก

ทำไมน้องจิตดูมีความสุขจัง? ...ไม่เหมือนตอนอยู่กับฉัน

อดที่จะคิดเปรียบเทียบไม่ได้ สังเกตเห็นพิจิตราเว้นระยะห่างกับตนจนรู้สึกได้ ในหลายวันที่ผ่านมา

...เจ็บแปลบที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก

สาวสวยได้แต่แอบหวังว่า อาจารย์สาวจะไม่รังเกียจตน ที่เป็นแม่ม่ายลูกสอง แถมแต่งงานมาแล้วถึงสองครั้ง ซึ่งเป็นอดีตที่แก้ไขไม่ได้

“ไม่ไปทักทายอาจารย์จิตหน่อยเหรอคะ?” นิตาถามขึ้น หลังจอดรถตู้เสร็จก็เดินมาสมทบเจ้านาย

เข้าไปขัดจังหวะความสุขคนอื่น...คงไม่งามเท่าไหร่

หล่อนคิดลังเล ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแอบกลัว กลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นคนรักของพิจิตรา

...แม้จะเป็นเพื่อนบ้านกัน แต่สาวสวยรู้เรื่องส่วนตัวของอีกคนไม่มาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากให้เธอเล่าเอง

“ไม่ดีกว่า” เมทินีปฎิเสธ

“กลัวอะไรคะ?” เลขาสาวถามตรงๆ “ฉันไม่เชื่อว่า เขาเป็นแฟนของอาจารย์จิตหรอกนะคะ”

มานั่งในใจฉันรึไงเนี่ย!

สาวสวยคิดประชดลูกน้องของตน ที่นับวันดูจะแสนรู้มากขึ้น รู้ใจไปเสียหมด

“คนที่คุณควรกังวล คือคนนั้นมากกว่า” นิตาพยักเพยิดหน้า ไปยังผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ก้าวไปหาพิจิตราด้วยท่าทางอารมณ์ดี

ใคร?

หล่อนมองตามสายตาของลูกน้อง เห็นอาจารย์ผู้หญิงที่เคยเจอตอนทานอาหารญี่ปุ่นกับพิจิตรา ขมวดคิ้วเรียว แม้จะเจอกันแค่ครั้งเดียวแต่ก็จำชื่อได้อย่างแม่นยำ

“พรรษา...”

“ถ้าคุณมัวแต่รีรอ คนนั้นคาบไปแน่”

เลขาสาวไม่ได้โปรดปรานพิจิตราเป็นพิเศษ หากแต่เชียร์เพราะเจ้านายของตนชอบต่างหาก ไม่อยากเห็นหล่อนฝังใจกับความผิดพลาดในอดีตที่ไม่ได้ก่อ เพราะความผิดเป็นของฝ่ายชายที่นอกใจ

ถ้าฉันสวยได้สักครึ่งนึงของคุณ ฉันจะมีแฟนสักกระบุง ควงสามควงสี่พร้อมกันไปเลย

นิตาคิดเสียดายแทนเมทินีที่เป็นคนดีเกินไป แต่นั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้ตนกับแม่รักเคารพหล่อนมาก

...การมีเจ้านายดีถือเป็นโชคดีสุดๆ

แล้วฉันจะทำอะไรได้?

เมทินีตั้งคำถามในใจ

“คุณควรจะแสดงอะไรออกมาบ้าง ไม่งั้นอาจารย์จิตคงไม่มีทางรู้แน่” เลขาสาวพูดต่อ เหมือนรู้ความคิดของหล่อน

ยายอาจารย์ซื่อบื้อจะตายไป ขืนรอ...อีกสองชาติก็คงไม่สมหวัง

“ฉันมีโอกาสเหรอ?” หล่อนถามเสียงแผ่ว ผิดจากบุคลิกนางพญาที่แสนสูงส่งตามปกติ

นี่ก็ลังเลเกิ๊น...

นิตาคลี่ยิ้มอ่อนใจ ไม่บ่อยนักที่จะได้ยินคำถาม ที่ไม่เชื่อมั่นใจออกมา

...ปกติเมทินีเด็ดขาดจะตายไป

“ถ้าไม่ลอง ก็ไม่มีวันรู้คำตอบค่ะ”

ก่อนที่สาวสวยจะคิดอ่านอะไร มธุรินที่มาอยู่ข้างกายของแม่ก็เอ่ยขัดจังหวะขึ้น

“มองอะไรเหรอคะ?”

ผู้ใหญ่สองคนหมุนตัวมองเด็กสาว แล้วสบตากัน

“คุณแม่มองอาจารย์จิตน่ะค่ะ ว่าจะชวนไปซื้อของ” นิตาเป็นคนตอบ พร้อมกับเติมข้อมูลเข้าไปให้สมจริงอีกเล็กน้อย

“อ๋อ เดี๋ยวหนูไปบอกให้ก็แล้วกัน” มธุรินอาสา

“ไม่เป็นไรหรอก ดูแล้วน้องจิตคงไม่ว่าง” เมทินีบอก แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “เราไปกันเถอะ เดี๋ยวต้องไปรับวันอีก”

มีอะไรหรือเปล่า?

ลูกคนโตทำหน้างง ก่อนพยักหน้า

“ค่ะ”

ขณะเดินไปที่รถตู้ มธุรินกระซิบกระซาบถามนิตา หลังมารดาเดินนำลิ่วๆ ไม่รอใคร คนใกล้ชิดจะรู้ว่า ท่าทางแบบนี้กำลังอารมณ์ไม่ดี

“แม่เป็นอะไรคะ?”

เลขาสาวยิ้มมุมปาก แล้วกระซิบตอบ

“หวงคนค่ะ”

หวง?

เด็กสาวขมวดคิ้ว แล้วกลอกตาไปมา

“น้าจิต?”

“อืม” นิตาขานรับเสียงต่ำเบาๆ

เลขาสาวเห็นอีกฝ่ายตั้งแต่เกิด จึงรู้ดีว่ามธุรินเฉลียวฉลาด และเป็นผู้ใหญ่กว่าเด็กวัยเดียวกัน น่าจะรู้ระแคะระคายว่า มารดาสนใจสาวร่างสูงแบบไหน

...ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบัง ยังไงก็ต้องรู้อยู่แล้ว

ทำไมต้องเป็นน้าจิตด้วย?

คนอายุน้อยกว่าทำหน้าบึ้งนิดๆ นึกหมั่นไส้อาจารย์สาวที่เป็นคนโปรดของแม่ทั้งที่รู้จักไม่นาน

แม่หวงสาว ส่วนคนนี้ก็หวงแม่...พอกันจริงๆ

เลขาสาวนึกขำ ส่ายหน้าเอ็นดูสองแม่ลูก ที่มีอุปนิสัยคล้ายคลึงกันมากๆ

 

บรรยากาศมื้อเย็นวันนั้นเป็นไปอย่างเงียบขรึม เมทินีไม่ค่อยพูดค่อยจาผิดสังเกต มธุรินทำหน้าบอกบุญไม่รับ มีเพียงมณีวรรณที่ยังคงร่าเริงไม่รู้เรื่อง

ทำไมคุณถึงไม่ค่อยยิ้ม...มีอะไรรึเปล่า?

เธอลอบชำเลืองมองหน้าสวยบ่อยๆ แต่ไม่กล้าถามกลางโต๊ะกินข้าว เดี๋ยวเด็กๆ จะพลอยไม่สบายใจไปด้วย จึงแอบกระซิบถามป้าแมวตอนช่วยเก็บโต๊ะ

“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ” ป้าแมวนิ่งไปเล็กน้อย แล้วพูดต่อ “ถามนิตาน่าจะรู้ค่ะ”

แม่บ้านอาวุโสเชื่อว่า ลูกสาวน่าจะรู้เรื่องของเจ้านายดี เพราะติดตามหล่อนตลอดทั้งวัน

“นานๆ จะเห็นคุณเมเป็นแบบนี้ที ปกติอารมณ์จะดีมาก ขนาดตอนฟ้องหย่ากับสามีก็ไม่เห็นจะเครียดสักเท่าไหร่ หวังว่าคราวนี้คงไม่ใช่เรื่องใหญ่” หญิงอาวุโสพูดอย่างเป็นห่วง

ถ้าจะหย่ายังไม่เครียด...ก็แปลว่าไม่เหลือความรักสินะ

พิจิตราตีความไปแบบนั้น ทำให้คันใจอยากรู้เรื่องของหล่อนมากขึ้นไปอีก...โดยเฉพาะเรื่องสามีเก่า

ว่าแต่หมอนั่นไปทำอะไรมา?

“อุ๊ย! อย่าบอกคุณเมนะคะว่าป้าพูด” แม่ของนิตายิ้มแหยๆ ที่ดันหลุดเล่าเรื่องในอดีตของเจ้านาย หล่อนไม่อยากให้พูดถึงนัก โดยเฉพาะต่อหน้าลูกสองคน เมทินีพยายามเต็มที่ที่จะไม่ให้เด็กๆ มีปมด้อย

“เข้าใจค่ะ” อาจารย์สาวรับคำ

พอเดินออกไปแถวห้องรับแขก ก็ได้ยินเสียงร่าเริงของมณีวรรณร้องเรียก

“น้าจิตขา ช่วยสอนการบ้านวันหน่อยสิคะ การบ้านเยอะมากๆ” ลูกสาวคนเล็กบ่นอุบอิบ เพราะมารดาให้หยุดเรียนสองวัน หลังจากเย็บแผลที่หัวเข่าวันก่อน เลยต้องมาทำการบ้านส่งทีหลัง

หลังอาหารเย็น สมาชิกทั้งหมดมักจะรวมตัวกันอยู่ที่ห้องรับแขก เมทินีมักจะให้ลูกทำการบ้านหลังกลับมาถึงบ้าน ทานข้าว อาบน้ำ อ่านทบทวนบทเรียน แล้วเข้านอนประมาณสามทุ่มนิดๆ โดยจะให้ดูโทรทัศน์เฉพาะในวันหยุดเท่านั้น

ส่วนหล่อนจะนั่งอ่านหนังสือ คุยกับนิตาที่โซฟา รอส่งลูกๆ เข้านอน เมทินีจึงจะไปอาบน้ำ แล้วเข้านอนบ้าง

“ได้สิคะ” พิจิตรายิ้มอย่างเอ็นดู ชำเลืองเห็นมธุรินที่อ่านหนังสือเรียนเงยหน้ามองตน จึงแกล้งถามขึ้น “รินอยากให้ฉันสอนการบ้านด้วยไหม?” จำได้ว่าวันนี้เธอสั่งการบ้านวิชาเลขห้องมธุรินไว้

ชิส์! ฉันไม่ใช่เด็กแบบวันนะ

“ขอบคุณค่ะแต่รินทำเสร็จแล้ว” เด็กปีหนึ่งปฏิเสธเสียงเรียบ แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ...วิชาคณิตศาสตร์ 1 ของพิจิตรา ตั้งใจจะเอาเกรด A มาให้ได้ หรือถ้าดีกว่านั้นก็ให้ได้คะแนนสูงที่สุดในห้อง

เป็นเด็กที่น่าแกล้งจริงๆ

อาจารย์สาวกลั้นหัวเราะ ทรุดนั่งที่พื้นพรมข้างมณีวรรณ ซึ่งมีโต๊ะญี่ปุ่นลายโดราเอมอน บนโต๊ะวางหนังสือกับสมุดการบ้านหลายวิชา เธอช่วยอธิบายการบ้านให้เด็กน้อยอย่างช้าๆ พอเข้าใจมณีวรรณจะยิ้ม พยักหน้า แล้วเขียนคำตอบลงไป

หัวไวเอาเรื่องเลยนะเนี่ย เก่งทีเดียว

พิจิตรานึกชมเด็กน้อย

เมทินีซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ปรายตามองพิจิตรา ที่กำลังสอนหนังสือลูกสาวคนเล็กเป็นระยะ ด้วยสายตาปลาบปลื้มระคนเสียดาย

น้องจิตจะรังเกียจฉันรึเปล่า? เรื่องของเรา...จะเป็นไปได้รึ?

ภาพเธอสนิทสนมกับพรรษาตามมาหลอกหลอนตั้งแต่เย็น ทำให้หล่อนยิ้มไม่ออก หัวเราะไม่ได้

...เจ็บแปลบที่หัวใจทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้

นิตาอ่านสายตาของเจ้านายออก แอบถอนใจเบาๆ

เอาแต่จ้อง ไม่พูดสักคำ...อีกคนจะรู้ไหมคะคุณเมขา เฮ้อ!

 

ค่ำคืนนี้เป็นคืนที่พิจิตราอยู่ในห้องนี้ดึกกว่าปกติ และคอยส่งลูกๆ ของหล่อนเข้านอนด้วย ส่วนนิตากับป้าแมวกลับห้องไปแล้ว

“ฝันดีค่ะลูก” เมทินีเอ่ยกับลูกสาวทั้งสอง หอมแก้มของมณีวรรณกับมธุรินคนละฟอดเช่นทุกคืน แล้วโอบกอดทั้งคู่ไว้แน่นๆ “รักนะคะ”

“กู้ดไนท์ค่ะแม่” / “ฝันดีค่ะ” เด็กทั้งสองตอบ แล้วหอมแม่บ้าง

“ฝันดีค่ะน้าจิต” มณีวรรณยิ้มร่าเริงกับอาจารย์สาว ที่ช่วยสอนการบ้านจนเสร็จหมด

“ฝันดีค่ะวัน” สาวร่างสูงยิ้ม ก่อนเบนสายตามองไปยังเด็กปีหนึ่ง “รินด้วยนะ”

“ค่ะ” มธุรินตอบนิ่งๆ

สองพี่น้องเดินเข้าห้องนอนที่พักร่วมกัน แล้วปิดประตูลง

“น้องจิตง่วงหรือยังคะ?” เจ้าของห้องถามขึ้น ระหว่างเดินกลับมาที่ห้องรับแขก “คืนนี้พี่เบื่อๆ อยากชวนดื่มน่ะค่ะ”

หล่อนรู้มานานแล้วว่า น้ำเมาไม่ได้ช่วยให้ลืม ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น นอกจากฆ่าเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆ ...จนกว่าจะทำใจได้

เบื่ออะไร?

พิจิตรานึกฉงนกับคำพูดของหล่อน แต่ติดที่พรุ่งนี้เป็นวันทำงาน ทำให้ต้องปฏิเสธ

“คุณดื่มคนเดียวนะ ฉันนั่งคุยเป็นเพื่อนได้ พอดีพรุ่งนี้ฉันมีสอนเช้าน่ะค่ะ” เธอบอกเหตุผล ไม่อยากให้อีกคนเข้าใจผิด คิดว่ารังเกียจ และอีกเหตุผลคือ อยากช่วยบรรเทาความทุกข์ใจของสาวสวย ถึงช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ก็พร้อมจะรับฟังเสมอ

“น้องจิตใจดีจังนะคะ” หล่อนเดินไปยังหลังเคาน์เตอร์ หยิบขวดไวน์เทใส่แก้ว แล้วมีน้ำใจถามอีกฝ่าย “น้ำส้มไหมคะ หรือนมสดดี?”

“นมสดดีกว่าค่ะ ขอบคุณค่ะ”

“สตอเบอรี่นะคะ?” แม่ลูกสองถาม ด้วยเป็นรสโปรดของลูกสาว

“ได้ค่ะ”

เมทินีเปิดตู้เย็น เทนมใส่แก้วแล้วส่งให้เธอ ทรุดนั่งที่โซฟายาวข้างๆ แล้วจิบไวน์สีสวยช้าๆ ด้วยท่าทางผ่อนคลายกว่าตอนแรก

พิจิตราเม้มปาก ก่อนกลั้นใจถามออกไปตรงๆ

“คุณไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าคะ?”

หืม?

สาวสวยทำหน้าสับสนแวบเดียว ก่อนสีหน้าแววตากลับมาเป็นปกติ แล้วย้อนถาม

“พี่ดูเป็นแบบนั้นเหรอคะ?”

“วันนี้คุณยิ้มน้อยมาก ดูไม่ร่าเริงเลย” เธอบอก แล้วจิบนมสดไปเล็กน้อย

“แย่ขนาดนั้นเลยหรือ?”

“แย่มากๆ ค่ะ” อาจารย์สาวพูดย้ำ “ฉันชอบเวลาคุณมีความสุขมากกว่า”

“ขอโทษค่ะ” เสียงหวานพึมพำเบาๆ

“ขอโทษฉันทำไมคะ?” ย้อนถามอย่างไม่เข้าใจ

“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงค่ะ” สาวสวยรู้สึกผิด แล้วจิบไวน์อีกครั้ง “พี่ก็แค่...คิดอะไรไม่ตกน่ะค่ะ”

เรื่องอะไรกัน?

“ถ้าอยากเล่า ฉันพร้อมจะฟังนะคะ” พิจิตราบอก แล้วกล่าวออกตัว “ถึงฉันจะไม่ใช่นักฟังที่ดีแบบนิตา นาถหรืออิน แต่จะพยายามนะคะ”

จะพูดอย่างไรดี?

เมทินีคิดรวบรวมคำพูดอยู่อึดใจ กระดกไวน์ในมือหมดแก้ว ก่อนรวบรวมความกล้าที่มีน้อยนิด แล้วเล่าออกมา

“คือพี่แอบชอบ ใครคนหนึ่งอยู่ค่ะ”

หา!

อาจารย์สาวอึ้งงัน เหมือนฟ้าผ่าลงกลางศีรษะ มือที่จับแก้วนมอยู่สั่นไหว เกือบเผลอปล่อยด้วยซ้ำ โชคดีที่รั้งสติไว้ได้ทัน จึงรีบวางแก้วบนโต๊ะ กลั้นใจถามออกไป

“ละ แล้ว...”

“พี่ไม่แน่ใจว่า คนนั้นคิดอย่างไรกับพี่ค่ะ”

มะ มันเป็นใคร?

เธออยากจะโพล่งถามแบบนั้น แต่เรียวปากกลับแข็งไม่ยอมขยับ อยากจะลุกหนีไปให้ไกลๆ ไม่อยากคุยต่อ ไม่อยากรับรู้เรื่องใครคนนั้นของหล่อน

...เป็นไม่กี่ครั้งที่รู้สึกอิจฉามากมาย

“ไม่ถามพี่เหรอคะว่าใคร?” น้ำเสียงหวานปนแหบของหล่อนถาม วางแก้วไวน์เปล่าบนโต๊ะ ขยับตัวมาใกล้พิจิตรา “วันนี้พี่โมโหมากที่เห็นน้องจิตสนิทกับคนอื่น”

หล่อนไม่คิดจะเอ่ยชื่อพรรษาออกมา

“โมโหทำไม?” เธอเริ่มตามไม่ทันว่า อีกฝ่ายต้องการจะบอกอะไรกับตนกันแน่

“อยากรู้จริงๆ เหรอคะ?” น้ำเสียงหวานถามแผ่วเบาลง ไม่ต่างจากกระซิบนัก

“ค่ะ”

พิจิตราสบสายตาคู่สวยหวานใกล้ๆ เหมือนถูกดึงดูด น่าค้นหา เธอเหม่อมอง แทบลืมไปเลยว่ากำลังคุยเรื่องอะไรค้างอยู่

งดงามสุดๆ เหมือนดวงดาวบนฟ้า

เมทินียกมือขึ้นประคองแก้มเนียนนุ่มตรงหน้า อ่านสายตาอีกคนออกว่า ‘มีใจให้ตนอยู่บ้าง’ ทำให้ความเชื่อมั่นเริ่มกลับมากว่าครึ่ง

“พี่หวงค่ะ”

หวง...หวงอะไร? หวงทำไม?

คำถามผุดขึ้นในสมองของอาจารย์สาว แต่ไม่ทันขยับปากจะถามต่อ ปากอิ่มคู่สวยก็ทาบทับที่ริมฝีปากของพิจิตรา

เธอเบิกตากว้างแตกตื่น ไม่คิดว่าหล่อนจะทำแบบนี้

เฮ้ย!

OoXoO

ในที่สุดจูบที่สองก็มาเสียที เดาว่าหลายคนคงแอบลุ้นกันอยู่ 5555 

ตอนนี้พี่เมเดินหน้าเต็มตัวแล้ว ปัญหาคือน้องจิตจะคิดอย่างไร?...จะโอเคหรือหนี?  

ขอบคุณสำหรับการติดตาม ขอบคุณทุกคอมเมนท์ ทุกหัวใจ และทุกโดเนท...ติดตามต่อตอนหน้านะคะ   

นาง ^^

OoXoO




Create Date : 09 ตุลาคม 2563
Last Update : 9 ตุลาคม 2563 16:47:23 น. 0 comments
Counter : 777 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com