Group Blog
 
 
เมษายน 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
30 เมษายน 2549
 
All Blogs
 

ขอ US Visa ที่ปักกิ่ง....ไม่ยากอย่างที่คิด




หลังจากผลัดวันประกันพรุ่งมาหลายรอบ ก็ได้ฤกษ์ไปซื้อบัตรโทรศัทพ์เพื่อนัดสัมภาษณ์ขอวีซ่า
บัตรโทรศัพท์หรือ pin card นี่ ซื้อได้ 2 ทาง โดยทาง internet หรือ ซื้อได้ที่ CTIC ทีแรกเราพยายามซื้อทาง internet ก่อน แต่ลองอยู่หลายวันก็ไม่สำเร็จ เลยตัดสินใจให้คนขับรถพาไปที่สำนักงานใหญ่ของ CTIC ที่ถนนฉางอาน



Pin card มีให้เลือก 2 ราคา 54 RMB สำหรับ 12 นาที กับ 36 RMB สำหรับ 8 minutes ทำไมมันแพงจังวุ๊ย แถมให้คุยนิดเดียว ถามยังไม่ทันรู้เรื่องก็หมดเวลาแล้ว ซื้ออย่างแพงสุดก็ได้ 12 นาที มันจะไปพอคุยอะไร และความที่แถวนั้นไปเองลำบาก ถ้านั่งรถไฟใต้ดินไปก็ต้องเดินไกลโขอยู่ เลยซื้อ 54 RMB ซะ 2 ใบ ซึ่งคิดไม่ผิดจริงๆ



พอได้การ์ดกลับมา เราก็จัดการโทรไปสอบถามก่อนเลยว่า เราเป็นชาวต่างชาติมาทำงานในประเทศจีน ไม่สะดวกที่จะกลับไปขอวีซ่าที่บ้าน เราสามารถขอจากที่นี่ได้ไหม รวมทั้งเอกสารที่จะต้องยื่น เจ้าหน้าพูดจาและให้คำแนะนำดีมาก อย่างกรณีของชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศจีนครบ 6 เดือน ถึงจะมีสิทธิขอวีซ่าจากสถานทูตที่นี่ได้ ส่วนเอกสารประกอบก็เป็นพวกหลักฐานการเงิน ฯลฯ โฉนดที่ดิน สินทรัพย์ที่มี หรืออะไรก็ได้ที่สามารถจะทำให้สถานทูตเชื่อว่าไปเที่ยวจริงๆ ไม่ใช่ไปเป็น robinhood



สถานทูตนัดเราล่วงหน้าเกือบ 2 เดือน ส่วนเอกสารประกอบก็เอาเท่าที่มีแล้วกัน


หันซ้ายหันขวา มีอะไรบ้างหว่าที่พอจะหยิบเอาไปเป็นหลักฐานได้ --
>> สัญญาว่าจ้างของบริษัทไง เงินเดือนและสวัสดิการบริษัทขนาดนี้ ฉันคงไม่ไปโดดหางานล้างจานในประเทศเธอหรอกนะ


>> statement ของธนาคารที่เมืองจีน (ช่วงก่อนสัมภาษณ์ไม่กล้าถอนเงินออกมาใช้เลย..อิอิ กลัวเงินพร่อง) กับธนาคารเมืองไทยหนึ่งธนาคาร ที่บังเอิญเราขอเปิดบริการทาง internet ไว้ ตัวเลขก็ไม่ได้สวยเลย (อ้าว...ก็เคยได้ยินหลายคนบอกว่าสถานทูตชอบดูตัวเลข สวยๆ 7 หลัก)


>> รูปถ่ายที่ไปเที่ยวต่างประเทศพอมีอยู่บ้าง และรูปถ่ายกับครอบครัวที่ออสเตรเลีย ที่ยกโขยงกันไปแทบทุกปีเพราะน้องชายอยู่ที่นั่น (ประมาณว่าถ้าฉันอยากไปตั้งรกรากอยู่ในต่างประเทศฉันก็ไปออสเตรเลียซะตั้งนานแล้ว)


>> หลักฐานการทำงานในอดีต ว่าเคยผ่านงานที่ไหน ทำอะไรมาบ้าง ยังกะเตรียมตัวไปสมัครงานเลยแหละ



เรานัดครั้งแรกได้บ่าย 2 ของวันอังคาร แต่ก็มีเหตุต้องให้เลื่อนสัมภาษณ์ออกไป เพราะก่อนหน้า 3 วัน มีเจ้านายมาจาก Shanghai และต้องอยู่ประชุม เลยต้องโทรไปขอเลื่อนนัด ซึ่งไปได้เร็วสุดก็หลังจากนั้นเกือบเดือนเป็นตอน 8 โมงเช้า แต่ที่เจ็บใจก็คือไอ้เวลาบ่าย 2 ของวันอังคารที่เราอุตสาห์ไปเลื่อนนัดออกไป เราเกิดไม่ต้องเข้าประชุม เซ็งเลย


ก่อนไปสัมภาษณ์เราแอบเอาเวลาทำงานเข้าไปกรอกเอกสารใน internet ก่อนประมาณ 2 อาทิตย์...อิ..อิ.. เพราะที่บ้านเราไม่มีเครื่องพิมพ์


จากนั้นก็กลับไปที่ CTIC อีกครั้งไปชำระเงินค่าวีซ่า 810RMB ที่ถ้าวีซ่าไม่อนุมัติก็โดนยึดไปฟรีๆ


วันนัดเรานั่งแท็กซี่จากบ้าน ที่แรกเราไม่รู้ว่าตรงไหนหรอก ก็ให้น้องคนไทยที่ทำงานด้วยกันไปส่ง พอไปถึงก็อ๋อ..ตรงนี้เอง เราผ่านไปบ่อยๆ ก็เห็นอยู่ว่ามีคนมามุงกันเยอะแยะ ยังสงสัยว่าเขามามุงทำอะไรกัน ก็ได้รู้วันนี้แหละ กระเป๋าโทรศัพท์มือถือต้องฝากไว้หมด ซึ่งข้างหน้ามีคนมาตั้งโต๊ะรับฝาก เสียคนละ 10 หยวน


พอเดินเข้าไปข้างในก็มีการตรวจร่างกายตรวจของที่เอาเข้าไปตามขั้นตอน พอเข้าไปในห้องก็ต้องตกใจ เพราะคนแยะมาก เรานับดูคร่าวๆ หลังจากที่ทุกคนเข้ามากันหมดแล้วประมาณ 500 คนได้ วันหนึ่งสัมภาษณ์ 2 รอบ ก็ตกประมาณ 1,000 คนต่อวัน อาทิตย์ละ 5,000 คน เดือนละ 20,000 คน อะไรจะแยะขนาดนี้


พอเข้าไปเราต้องรีบ เอาเอกสารที่พิมพ์ออกมาจาก internet ไปให้เจ้าหน้าที่พร้อมกับพาสปอร์ตตัวจริง และรับบัตรคิวสี ที่บอกว่าต้องรีบเพราะรู้อยู่ถ้ามาเข้าแถวกับคนจีนแล้วทำตัวเป็นคนดีมีมารยาทไม่ได้ไม่งั้นไปไม่ถึงไหน แต่พอได้บัตรคิวแล้วก็ค่อยสบายหน่อยไม่ต้องกลัวโดนตัดหน้า จากนั้นมาต่อคิว เพื่อรอ scan ลายมือ แล้วก็ไปยืนรอเข้าคิวสัมภาษณ์ สีหนึ่งจะแบ่งเป็นกลุ่มประมาณ 10-12 คน และสีแยะมากตรงนี้ใช้เวลานานมาก เก้าอี้ก็ไม่มี ยืนขาแข็งจนได้สัมภาษณ์ตอนเกือบเที่ยง



เจ้าหน้าที่ที่สัมภาษณ์มีทั้งหมด 6 ช่อง เป็นฝรั่งทั้งหมด แต่พูดจีนกลางกันได้ทุกคน ตอนเวลาพูดออกไมค์เป็นภาษาจีนก็มีคนจีนหัวเราะกันคิกคัก คงเหมือนฝรั่งพูดไทยน่ะแหละ มีฝรั่งอยู่ช่องท่าทางใจดี เราก็ลุ้นอยากได้สัมภาษณ์กับฝรั่งช่องนี้ ส่วนอีกช่องหน้าตาขรึมๆ ดูดุจัง มีหนวดด้วย ก็ลุ้นว่าอย่าได้อีตาคนนี้เลย แต่แล้วเราก็ไม่พ้นอีตาฝรั่งหน้าขรึม


ตื่นเต้น...มาก
เพราะเราไม่ได้เตรียมหลักฐานอะไรมามากนอกจากที่บอกข้างบน
มีผู้ชายอยู่คนก่อนหน้าเราทำธุรกิจก็โดน reject
แล้วนี่อีตานี่จะถามอะไรเราบ้าง
พอถึงคิวเรา.......


>> เราก็เดินยิ้มเข้าไปหาแบบมั่นใจทักทาย Good Morning


>> อีตาหนวดมองหน้าเราแล้วทำหน้าเก๊ก
ถามเราว่ามาทำอะไรที่นี่
เราก็เปิดแฟ้มเอาจดหมายรับรองการทำงานกับสัญญาว่าจ้าง
ที่ระบุหน้าทีการงานกับเงินเดือนพร้อมสวัสดิการ


>> อีตาหนวดก็พลิกๆ เอกสารแล้วถามเราว่าก่อนหน้านี้ทำอะไรที่เมืองไทย


>> เราก็บอกว่าเราทำงานอยู่ที่ ....... (โชคดีนะที่เป็นบริษัทข้ามชาติใหญ่) อีตาหนวดก็ถามอีกอยู่มานานเท่าไร เราบอกว่า 8 ปีกว่า
พร้อมกับเปิดแฟ้มหยิบจดหมายรับรองจากบริษัทเดิมส่งให้อีตาหนวดดูว่าฉันผ่านงานจากที่นี่มาจริงๆ นะจ๊ะ


>> ทีนี้อีตาหนวดก็ถามว่าบริษัทที่เราทำงานอยู่ที่เมืองไทยมีสาขาอะไรในกรุงเทพบ้าง
ตอนนี้เราก็สงสัยว่าถ้าเรามั่วไปแล้วฮีจะรู้มั๊ยเนี่ย..หุหุ


>> เราก็ตื่นเต้นบอกว่ามีทั้งหมดทั่วประเทศกี่สาขา มีที่จังหวัดอะไรบ้างกี่สาขา ก็คนมันตื่นเต้นเลยตอบไม่ตรงคำถามไปหน่อย


>> อีตาหนวดคงหงุดหงิดว่าเราตอบนอกประเด็น
ทำหน้าเฉยๆ แล้วย้ำถามอีกทีว่า
ฉันถามว่าที่กรุงเทพมีสาขาอะไรบ้าง


>> คราวนี้ฉันก็สาธยายชื่อสาขาให้ฟังเป็นชุด
จนอีตาหนวดบอก o.k. แถมหยอดว่า um...you r so clever..
...ตอนหลังมารู้ว่าตาหนวดเคยอยู่เมืองไทยมาก่อน
สงสัยฮีเคยเป็นลูกค้าบริษัทที่เราเคยทำงาน
ฮีเลยตั้งคำถามเพื่อจะดูว่าเรามั่วหรือเปล่า


>> ทีนี้อีตาหนวดก็ถามว่าเราเอาพาสปอร์ตเล่มเก่ามาด้วยหรือเปล่า
เพราะในเอกสารที่เรากรอกการเดินทางต่างประเทศย้อนหลัง 10 ปี
มันแยะจนช่องที่มีให้ใส่ไม่พอ


เราก็หยิบส่งให้ไป
อีตาหนวดก็พลิกๆ ดูแล้วเดินไปข้างหลัง
คงพลิกแล้วงงเพราะเป็นพาสปอร์ตสองเล่มเย็บติดกันแถวมีโพยต่อเล่มยาวยืดอยู่ทั้งสองเล่ม
อีตาหนวดเดินกลับมาส่งคืนให้พร้อมกับหยิบตาประทับตีโป้งไปที่กระดาษใบสีเหลืองและส่งให้เรา
แล้วบอกว่า Don't forget to come back พร้อมหลิ่วตาให้


....เราเพิ่งจะเห็นรอยยิ้มและแววตาขี้เล่นก็ตอนนี้แหละ
แต่ไม่ทันได้เห็นชัดเท่าไรเพราะเรางงๆ
หยิบกระดาษสีเหลืองแผ่นนั้นเดินออกมาและถามตัวเองว่าตกลงเราได้วีซ่าหรือไม่ได้หว่า


หลังจากตั้งสติได้ก็ไปดูคนอื่นๆ ว่าทำยังไงกับเจ้าใบเหลืองๆ ต่อ
....เย้ เราได้วีซ่าแล้ว
ก็จัดการไปเขียนซองจ่าหน้าถึงตัวเองและเข้าคิวจ่ายเงินค่าอีเอ็มเอส
ซึ่งเราจะต้องไปรับที่ไปรษณีย์เองอีก 3 วันข้างหน้า




 

Create Date : 30 เมษายน 2549
0 comments
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2552 18:29:30 น.
Counter : 1557 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


narellan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 325 คน [?]




รีวิวร้านอาหารในบล๊อกนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับทางร้าน สำหรับคนที่ไปมาชอบไม่ชอบอย่างไร มาเม้นท์ให้ความเห็นได้ แต่กรุณาใช้คำที่สุภาพ

เป็นลูกหลานยะหวา จีน ไทย(เชียงใหม่) นอกจากอาหารไทยเทศทั่วไปแล้ว ยังโตมากับอาหารยะหวาและอาหารเหนือ สูตรอาหารในบล๊อกบางส่วนเป็นอาหารเก่าแก่ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย บางอย่างเดี๋ยวนี้หาทานไม่ได้ จึงอยากเก็บสูตรไว้ บางอย่างเป็นอาหารความทรงจำในวัยเด็ก บางอย่างเพิ่งจะทำครั้งแรก สูตรต่างๆ ได้ความอนุเคราะห์วิธีทำจากแม่ ญาติผู้ใหญ่ เพื่อนต่างชาติ เพื่อนในบล๊อก และจากอากู๋บ้าง ขอขอบคุณเจ้าของสูตรมา ณ ที่นี้นะคะ

ป.ลิง เจ้าของบ้านชอบโม้ บางบล๊อกอาจจะโม้ออกนอกเรื่องไปบ้างก็อ่านผ่านไปแล้วกันนะค๊า ^^
สงวนลิขสิทธิ์ในการนำภาพและข้อความไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล๊อก














ชวนไปกิน














ห้องอาหาร The Square
@Novotel Hotel Platinum

บุฟเฟต์อาหารนานาชาติ







ชวนไปเที่ยวไปช๊อป




ชวนเข้าครัว
















































Friends' blogs
[Add narellan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.