1
2 3 4 5 6 7 8
9 10 11 12 13 14 15
16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26 27 28 29
30
เดินเล่นชิลๆ ที่ Downtown Disney@LA ตอนที่ 3(ตอนจบ) เดินเล่นชิลๆ ที่ Downtown Disney@LA ตอนที่ 2 เดินเล่นชิลๆ ที่ Downtown Disney@LA ร้านอาหารไทยกระติ๊บ @ ซานฟราน, USA เที่ยวบ้านคุณไก่(สวยตลอดกาล) Pho Cali Restaurant @ LA, USA Thai Thai Cusine @ Branson, Missouri USA ร้านอาหารแม็กซิกัน Cantina Laredo & ร้านอาหารอิตาเลียน Romano's Macaroni Grill @USA ที่พัก: Hampton Inn@Branson, USA Fall Guys Burger VS Culver's Burger@USA Famous Dave's, USA Texas Land & Cuttle Steak House, USA the big popper ร้านขายข้าวโพดคั่วเมืองมะกัน ปิดทริปด้วยอาหารทำเอง.... ปีใหม่ที่ผ่านมา @ Branson, Missouri ดีใจที่ได้รู้จักตัวจริงเสียงจริงของคุณไก่(สวยตลอดกาล).... sanamluang cafe Church's Chicken, USA Redondo Beach, LA Shopping แบบไม่ตั้งใจ The Boat, LA Banana Bay, Rowland Height, LA พาเพื่อนเที่ยว - Yosemite กิมถะ, LA ร้านกระติ๊บ - San Fran ร้านรสแซบ - North Hollywood, LA ร้านครัวไทย, LA Thai Hot Pot, LA พาเพื่อนเที่ยว - Fisherman's Wharf คนรักเบอร์เกอร์(เนื้อ) พาเพื่อนเที่ยว - แบบเฉียดๆ San Fran Oriental Grocery, LA พาเพื่อนเที่ยว - 17 Mile Drive Solvang Restaurant, Solvang CA พาเพื่อนเที่ยว - Solvang Boudin SF, LA Max's อาหารฟิลิปปินส์, LA อาหารเช้าที่ Denny's, LA ร้านพี่ใหญ่ LA Crab House @Redondo Bangkok BBQ - Walnut, LA Redondo Beach Siam Sunset @ LA พาช๊อปผักผลไม้ที่ Casa De Fruta @ Santa Clara Valley, California ชอคโกแลต See's Candies ไส้กรอกที่อเมริกา กระชากวัยที่ Disneyland 3 ชั่วโมงใน San Francisco Hoover Dam Las Vegas Hollywood SOLVANG ไก่ย่างแมกซิกัน El Pollo Loco - LA จากปักกิ่งถึงแอลเอ ขอ US Visa ที่ปักกิ่ง....ไม่ยากอย่างที่คิด
ขอ US Visa ที่ปักกิ่ง....ไม่ยากอย่างที่คิด
หลังจากผลัดวันประกันพรุ่งมาหลายรอบ ก็ได้ฤกษ์ไปซื้อบัตรโทรศัทพ์เพื่อนัดสัมภาษณ์ขอวีซ่า บัตรโทรศัพท์หรือ pin card นี่ ซื้อได้ 2 ทาง โดยทาง internet หรือ ซื้อได้ที่ CTIC ทีแรกเราพยายามซื้อทาง internet ก่อน แต่ลองอยู่หลายวันก็ไม่สำเร็จ เลยตัดสินใจให้คนขับรถพาไปที่สำนักงานใหญ่ของ CTIC ที่ถนนฉางอาน Pin card มีให้เลือก 2 ราคา 54 RMB สำหรับ 12 นาที กับ 36 RMB สำหรับ 8 minutes ทำไมมันแพงจังวุ๊ย แถมให้คุยนิดเดียว ถามยังไม่ทันรู้เรื่องก็หมดเวลาแล้ว ซื้ออย่างแพงสุดก็ได้ 12 นาที มันจะไปพอคุยอะไร และความที่แถวนั้นไปเองลำบาก ถ้านั่งรถไฟใต้ดินไปก็ต้องเดินไกลโขอยู่ เลยซื้อ 54 RMB ซะ 2 ใบ ซึ่งคิดไม่ผิดจริงๆ พอได้การ์ดกลับมา เราก็จัดการโทรไปสอบถามก่อนเลยว่า เราเป็นชาวต่างชาติมาทำงานในประเทศจีน ไม่สะดวกที่จะกลับไปขอวีซ่าที่บ้าน เราสามารถขอจากที่นี่ได้ไหม รวมทั้งเอกสารที่จะต้องยื่น เจ้าหน้าพูดจาและให้คำแนะนำดีมาก อย่างกรณีของชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศจีนครบ 6 เดือน ถึงจะมีสิทธิขอวีซ่าจากสถานทูตที่นี่ได้ ส่วนเอกสารประกอบก็เป็นพวกหลักฐานการเงิน ฯลฯ โฉนดที่ดิน สินทรัพย์ที่มี หรืออะไรก็ได้ที่สามารถจะทำให้สถานทูตเชื่อว่าไปเที่ยวจริงๆ ไม่ใช่ไปเป็น robinhood สถานทูตนัดเราล่วงหน้าเกือบ 2 เดือน ส่วนเอกสารประกอบก็เอาเท่าที่มีแล้วกัน หันซ้ายหันขวา มีอะไรบ้างหว่าที่พอจะหยิบเอาไปเป็นหลักฐานได้ -- >> สัญญาว่าจ้างของบริษัทไง เงินเดือนและสวัสดิการบริษัทขนาดนี้ ฉันคงไม่ไปโดดหางานล้างจานในประเทศเธอหรอกนะ >> statement ของธนาคารที่เมืองจีน (ช่วงก่อนสัมภาษณ์ไม่กล้าถอนเงินออกมาใช้เลย..อิอิ กลัวเงินพร่อง) กับธนาคารเมืองไทยหนึ่งธนาคาร ที่บังเอิญเราขอเปิดบริการทาง internet ไว้ ตัวเลขก็ไม่ได้สวยเลย (อ้าว...ก็เคยได้ยินหลายคนบอกว่าสถานทูตชอบดูตัวเลข สวยๆ 7 หลัก) >> รูปถ่ายที่ไปเที่ยวต่างประเทศพอมีอยู่บ้าง และรูปถ่ายกับครอบครัวที่ออสเตรเลีย ที่ยกโขยงกันไปแทบทุกปีเพราะน้องชายอยู่ที่นั่น (ประมาณว่าถ้าฉันอยากไปตั้งรกรากอยู่ในต่างประเทศฉันก็ไปออสเตรเลียซะตั้งนานแล้ว) >> หลักฐานการทำงานในอดีต ว่าเคยผ่านงานที่ไหน ทำอะไรมาบ้าง ยังกะเตรียมตัวไปสมัครงานเลยแหละ เรานัดครั้งแรกได้บ่าย 2 ของวันอังคาร แต่ก็มีเหตุต้องให้เลื่อนสัมภาษณ์ออกไป เพราะก่อนหน้า 3 วัน มีเจ้านายมาจาก Shanghai และต้องอยู่ประชุม เลยต้องโทรไปขอเลื่อนนัด ซึ่งไปได้เร็วสุดก็หลังจากนั้นเกือบเดือนเป็นตอน 8 โมงเช้า แต่ที่เจ็บใจก็คือไอ้เวลาบ่าย 2 ของวันอังคารที่เราอุตสาห์ไปเลื่อนนัดออกไป เราเกิดไม่ต้องเข้าประชุม เซ็งเลย ก่อนไปสัมภาษณ์เราแอบเอาเวลาทำงานเข้าไปกรอกเอกสารใน internet ก่อนประมาณ 2 อาทิตย์...อิ..อิ.. เพราะที่บ้านเราไม่มีเครื่องพิมพ์ จากนั้นก็กลับไปที่ CTIC อีกครั้งไปชำระเงินค่าวีซ่า 810RMB ที่ถ้าวีซ่าไม่อนุมัติก็โดนยึดไปฟรีๆ วันนัดเรานั่งแท็กซี่จากบ้าน ที่แรกเราไม่รู้ว่าตรงไหนหรอก ก็ให้น้องคนไทยที่ทำงานด้วยกันไปส่ง พอไปถึงก็อ๋อ..ตรงนี้เอง เราผ่านไปบ่อยๆ ก็เห็นอยู่ว่ามีคนมามุงกันเยอะแยะ ยังสงสัยว่าเขามามุงทำอะไรกัน ก็ได้รู้วันนี้แหละ กระเป๋าโทรศัพท์มือถือต้องฝากไว้หมด ซึ่งข้างหน้ามีคนมาตั้งโต๊ะรับฝาก เสียคนละ 10 หยวน พอเดินเข้าไปข้างในก็มีการตรวจร่างกายตรวจของที่เอาเข้าไปตามขั้นตอน พอเข้าไปในห้องก็ต้องตกใจ เพราะคนแยะมาก เรานับดูคร่าวๆ หลังจากที่ทุกคนเข้ามากันหมดแล้วประมาณ 500 คนได้ วันหนึ่งสัมภาษณ์ 2 รอบ ก็ตกประมาณ 1,000 คนต่อวัน อาทิตย์ละ 5,000 คน เดือนละ 20,000 คน อะไรจะแยะขนาดนี้ พอเข้าไปเราต้องรีบ เอาเอกสารที่พิมพ์ออกมาจาก internet ไปให้เจ้าหน้าที่พร้อมกับพาสปอร์ตตัวจริง และรับบัตรคิวสี ที่บอกว่าต้องรีบเพราะรู้อยู่ถ้ามาเข้าแถวกับคนจีนแล้วทำตัวเป็นคนดีมีมารยาทไม่ได้ไม่งั้นไปไม่ถึงไหน แต่พอได้บัตรคิวแล้วก็ค่อยสบายหน่อยไม่ต้องกลัวโดนตัดหน้า จากนั้นมาต่อคิว เพื่อรอ scan ลายมือ แล้วก็ไปยืนรอเข้าคิวสัมภาษณ์ สีหนึ่งจะแบ่งเป็นกลุ่มประมาณ 10-12 คน และสีแยะมากตรงนี้ใช้เวลานานมาก เก้าอี้ก็ไม่มี ยืนขาแข็งจนได้สัมภาษณ์ตอนเกือบเที่ยง เจ้าหน้าที่ที่สัมภาษณ์มีทั้งหมด 6 ช่อง เป็นฝรั่งทั้งหมด แต่พูดจีนกลางกันได้ทุกคน ตอนเวลาพูดออกไมค์เป็นภาษาจีนก็มีคนจีนหัวเราะกันคิกคัก คงเหมือนฝรั่งพูดไทยน่ะแหละ มีฝรั่งอยู่ช่องท่าทางใจดี เราก็ลุ้นอยากได้สัมภาษณ์กับฝรั่งช่องนี้ ส่วนอีกช่องหน้าตาขรึมๆ ดูดุจัง มีหนวดด้วย ก็ลุ้นว่าอย่าได้อีตาคนนี้เลย แต่แล้วเราก็ไม่พ้นอีตาฝรั่งหน้าขรึม ตื่นเต้น...มาก เพราะเราไม่ได้เตรียมหลักฐานอะไรมามากนอกจากที่บอกข้างบน มีผู้ชายอยู่คนก่อนหน้าเราทำธุรกิจก็โดน reject แล้วนี่อีตานี่จะถามอะไรเราบ้าง พอถึงคิวเรา....... >> เราก็เดินยิ้มเข้าไปหาแบบมั่นใจทักทาย Good Morning >> อีตาหนวดมองหน้าเราแล้วทำหน้าเก๊ก ถามเราว่ามาทำอะไรที่นี่ เราก็เปิดแฟ้มเอาจดหมายรับรองการทำงานกับสัญญาว่าจ้าง ที่ระบุหน้าทีการงานกับเงินเดือนพร้อมสวัสดิการ >> อีตาหนวดก็พลิกๆ เอกสารแล้วถามเราว่าก่อนหน้านี้ทำอะไรที่เมืองไทย >> เราก็บอกว่าเราทำงานอยู่ที่ ....... (โชคดีนะที่เป็นบริษัทข้ามชาติใหญ่) อีตาหนวดก็ถามอีกอยู่มานานเท่าไร เราบอกว่า 8 ปีกว่า พร้อมกับเปิดแฟ้มหยิบจดหมายรับรองจากบริษัทเดิมส่งให้อีตาหนวดดูว่าฉันผ่านงานจากที่นี่มาจริงๆ นะจ๊ะ >> ทีนี้อีตาหนวดก็ถามว่าบริษัทที่เราทำงานอยู่ที่เมืองไทยมีสาขาอะไรในกรุงเทพบ้าง ตอนนี้เราก็สงสัยว่าถ้าเรามั่วไปแล้วฮีจะรู้มั๊ยเนี่ย..หุหุ >> เราก็ตื่นเต้นบอกว่ามีทั้งหมดทั่วประเทศกี่สาขา มีที่จังหวัดอะไรบ้างกี่สาขา ก็คนมันตื่นเต้นเลยตอบไม่ตรงคำถามไปหน่อย >> อีตาหนวดคงหงุดหงิดว่าเราตอบนอกประเด็น ทำหน้าเฉยๆ แล้วย้ำถามอีกทีว่า ฉันถามว่าที่กรุงเทพมีสาขาอะไรบ้าง >> คราวนี้ฉันก็สาธยายชื่อสาขาให้ฟังเป็นชุด จนอีตาหนวดบอก o.k. แถมหยอดว่า um...you r so clever.. ...ตอนหลังมารู้ว่าตาหนวดเคยอยู่เมืองไทยมาก่อน สงสัยฮีเคยเป็นลูกค้าบริษัทที่เราเคยทำงาน ฮีเลยตั้งคำถามเพื่อจะดูว่าเรามั่วหรือเปล่า >> ทีนี้อีตาหนวดก็ถามว่าเราเอาพาสปอร์ตเล่มเก่ามาด้วยหรือเปล่า เพราะในเอกสารที่เรากรอกการเดินทางต่างประเทศย้อนหลัง 10 ปี มันแยะจนช่องที่มีให้ใส่ไม่พอ เราก็หยิบส่งให้ไป อีตาหนวดก็พลิกๆ ดูแล้วเดินไปข้างหลัง คงพลิกแล้วงงเพราะเป็นพาสปอร์ตสองเล่มเย็บติดกันแถวมีโพยต่อเล่มยาวยืดอยู่ทั้งสองเล่ม อีตาหนวดเดินกลับมาส่งคืนให้พร้อมกับหยิบตาประทับตีโป้งไปที่กระดาษใบสีเหลืองและส่งให้เรา แล้วบอกว่า Don't forget to come back พร้อมหลิ่วตาให้ ....เราเพิ่งจะเห็นรอยยิ้มและแววตาขี้เล่นก็ตอนนี้แหละ แต่ไม่ทันได้เห็นชัดเท่าไรเพราะเรางงๆ หยิบกระดาษสีเหลืองแผ่นนั้นเดินออกมาและถามตัวเองว่าตกลงเราได้วีซ่าหรือไม่ได้หว่า หลังจากตั้งสติได้ก็ไปดูคนอื่นๆ ว่าทำยังไงกับเจ้าใบเหลืองๆ ต่อ ....เย้ เราได้วีซ่าแล้ว ก็จัดการไปเขียนซองจ่าหน้าถึงตัวเองและเข้าคิวจ่ายเงินค่าอีเอ็มเอส ซึ่งเราจะต้องไปรับที่ไปรษณีย์เองอีก 3 วันข้างหน้า
Create Date : 30 เมษายน 2549
0 comments
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2552 18:29:30 น.
Counter : 1557 Pageviews.