|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
โดน TAG ซะแล้วอะก๊า~~
ก่อนจะมาเข้าเรื่อง "แถก" กัน... มาเล่าเรื่องพื้นๆของเจ้าของบล๊อกก่อนดีกว่า เพราะว่ากรุ๊ปบล๊อกนี้ยังไม่ได้อัพรับปีใหม่เลย (อัพไปแต่ "รางวัลอันทรงเกียรติ(?)" 55+)
ต้องขอบคุณคุณ renton_renton(//renton.bloggang.com) ที่อุตส่าห์มา "แถก" นะครับ
นอกจากเพื่อนในคณะ และเพื่อนเก่า... จะมีใครรู้ข้อมูลประเภทนี้มั่งเนี่ย?? ชื่อจริงชื่อเล่นไม่ต้องหรอกมั้งครับ 5555 ไปเสาะหาสืบหาเอาเอง เดี๋ยวก็เจอ ตอนนี้อยู่ปีหนึ่งคณะรัฐศาสตร์ภาคการปกครองมหาวิทยาลัยแถวๆสามย่าน คณะก็แถวๆสามย่าน แต่บ้าน(หอ)อยู่ราชเทวี บางเวลาดีดีงกขึ้นมาก็เดินกิโลครึ่งกลับหอ สูงเกือบ 165 หนักเกือบ 64 หน้าตาดีเล็กน้อย(เล็กน้อยจริงๆ ขอให้มันมีความดีมั่งเถอะ นะ นะ) รูปร่างคงไม่ต้องบอก - -*
At this moment: กำลังตรากตรำกับงานขอรับ อังกฤษต้องเขียน essay ความยาว 500 คำในหัวข้อ Technology ส่งวันจันทร์(15 มกรา) แถมวันพุธยังต้องเขียนเรียงความภาษาไทยความยาว 2-3 เอสี่ในหัวข้อ "สหภาพยุโรปและอาเซียนมีความเหมือนและความแตกต่างกันในแง่ใดบ้าง อาเซียนสามารถนำแนวทางและประสบการณ์ของสหภาพยุโรปมาใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาได้หรือไม่ อย่างไร"
แล้วยังจะมานั่งอัพบล๊อกอีกเนี่ยนะ เจริญญญญล่ะ เจ้าของบล๊อกนี้
มาเข้าเรื่อง "แถก" ดีกว่า
Blog Tag คือ???? ลอกจากบล๊อกคนอื่นมา เค้าบอกว่าไอ้แถกๆเนี่ยคนคิดชื่อ Jeff Pulver แกเรียกมันซะหะรูหะราว่า Blog-Tag: A Game for a Virtual Cocktail Party ที่ถ้าเรียกง่ายๆกว่านี้ก็คือบล๊อกลูกโซ่ ที่ใครโดน "แถก" ก็ต้องเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเอง 5 ข้อ แล้วก็ส่งต่อไปอีก 5 ครั้งอะเด้อ - -
แล้วทีนี้จะเล่าเรื่องอะไรดีล่ะเนี่ย เอิงเงย~
ทำไมอยู่ดีดีเป็นคนชอบดูหนัง และบ้าหนังจนเงินเดือนติดลบ???
เท้าความตั้งแต่เด็ก เด๊กกก เด็ก... คือมีพ่อที่ค่อนข้างบ้าหนังอยู่พอสมควรคนหนึ่ง ที่ชอบเช่าวิดีโอ(สมัยที่ยังมีอยู่น่ะ)กลับมาดูที่บ้านพร้อมกับครอบครัว แล้วลูกชายคนโตตัวเตี้ยคนนี้ก็ดันติดโรคชอบดูหนังมาจากพ่ออีกที โดยเฉพาะหนังแนวโปรดของพ่ออย่าง Star Wars, James Bond, Jurassic Park จะมีเรื่องเดียวที่ลูกชายคนนี้กระเดือกไม่ลงคือ Indiana Jones
นอกจากหนังแนวโปรดของพ่อก็ยังมีหนังการ์ตูนดิสนีย์อีกเป็นกระตั้กเกลื่อนบ้าน บางม้วนเป็นซับอังกฤษให้ลูกฝึกภาษา -- จำได้ว่าคือ "ทรามวัยกับไอ้ตูบ" -- (**ไม่ได้โม้** สมัยนู้นมีแต่คนชมว่าอังกฤษเลอเลิศ แต่จนถึงปัจจุบันก็เป็นแค่ไอ้โง่แกรมม่าตัวนึง 555+) ดูมันเข้าไปคร้าบ ดูมันเข้าไป จนกระทั่งน้องเกิด พวกวิดีโอซาวนด์แทร็กก็ถูกเก็บไปซ่อน เพราะตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าน้องผมดูวิดีโอซาวนด์แทร็กทำให้พูดช้ากว่าคนอื่น!!!
ช่วงนั้นก็ตกเป็นทาสการ์ตูนพากย์ไทยอยู่นานพอตัว จนกว่าน้องชายจะเริ่มคุยรู้เรื่องเหมือนปกติชน.. (แถมเดี๋ยวนี้ยังพูดมากยังกะจะชดเชยกะตอนเด็กอีกต่างหากแน่ะ)
เมื่อหลุดพ้นช่วงนั้นมา การได้ดูหนังซาวนด์แทร็กเป็นอะไรที่สวรรค์มาก
หลังจากที่ย้ายบ้านย้ายที่เรียนจากขอนแก่นไปอุดร (ย้ายคนเดียวครับ เพราะพ่อแม่ทำงานคนละที่คนละจังหวัดอยู่แล้ว) คราวนี้ก็ได้ทีรบเร้าลากพ่อเข้าโรงหนังตลอด เรื่องไหนน่าดูก็ได้พ่อพาเข้าไปดู ไม่เว้นแม้แต่หนังสถุลอย่าง Scary Movie ที่ลูกชายตัวเล็กๆลากพ่อเข้าไปทรมานกับฉาก "พุ่งทะลุติดเพดาน" 
ช่วงหนึ่ง เลือดรักชาติมาจากไหนไม่ทราบ เกิดอาการบ้าตามดูหนังไทยทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่หนังฟอร์มเล็กกระจิ๊ดริดอย่าง "คนจรฯลฯ" (มีใครรู้จักเรื่องนี้มั่งมั้ย????) ฟอร์มเล็กแค่ไหน เอาเป็นว่าโรงต่างจังหวัดไม่ยอมฉายให้ดูเพราะทั้งโรงมีผมกะพ่อรอดูแค่สองคน แต่นิสัยนี้แหละที่ทำให้ได้สัมผัสกับหนังพี่เป็นเอกอย่าง "เรื่องตลก 69" (ตอนนั้นก็ไม่ได้รู้จักหรอกเป็นอ่งเป็นเอก แค่เห็นตัวอย่างแล้วมันน่าดูก็เท่านั้น)
จบมอสาม มาเรียนมอสี่ที่โรงเรียนชื่อดังข้างๆมหาลัยปัจจุบันของผมตอนนี้ เรียกว่าเข้าแก๊ปสุดชีวิต เพราะได้มาอยู่ในแหล่งแสงสี (หาใช่อาร์ซีเอไม่ - -) มีโรงหนังบานตะไททั้งมาบุญครอง สยาม ลิโด้ สกาล่า แกรนด์อีจีวี เมเจอร์เวิลด์เทรด อีจีวีเมโทร (ตอนนั้นยังไม่มีพารากอนกับเอสเอฟเวิร์ลด์) หรือแม้แต่ ราชเทวีรามา!!
ลืมเล่าไปว่า ส่วนใหญ่แล้วครอบครัวผมต้องลงมากรุงเทพเฉลี่ยปีละ 2-3 รอบอยู่แล้วทั้งงานเชงเม้ง ตรุษจีน และโอกาสอื่นๆ ทำให้มีโอกาสลากพ่อเข้าโรงหนังอยู่บ่อยพอสมควร และครั้งนึงลากพ่อไปดู Chicago แล้วพ่อก็หลับ - -* (ทำให้รู้ว่าพ่อไม่ถูกโรคกะหนังแนวออสการ์นี่เอง 555+ เพราะหลังจากนั้นให้ยืม DVD Million Dollar Baby ไป แกก็กลับมาบ่นว่าไม่เห็นสนุกเลย) ทำให้ได้สัมผัสกับหนังออสการ์ที่ฉายในโรง.....
มาอยู่มอสี่ หาเพื่อนที่ชอบดูหนังเหมือนกันก็หาไม่ค่อยจะได้ เลยเป็นเหตุให้ดูหนังคนเดียวจนชินชา แล้วก็ไปเริงร่ากับหนังออสการ์อยู่นานพอสมควร
ก่อนที่โรงหนังผู้มีพระคุณอย่างสยาม ลิโด สกาล่า จะทำให้ผมรู้ว่า หนังเกาหลี, จีน, ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, สเปน, ตองกา, เคนยา ฯลฯ มันก็มีเสียงในฟิล์มเหมือนกันโว้ย!!!
โอ้วพระเจ้า สวรรค์แห่งใหม่ของชีวิต!!!
กลายเป็นว่าชีวิตมี subtitle เป็นส่วนหนึ่ง จนครั้งหนึ่งกลับอุดรแล้วไปดู Into the Blue พากย์ไทยแล้วเกิดอาการฟังไม่รู้เรื่อง ประจักษ์ในที่สุดว่าการเอาฝรั่งมาพูดไทยนี่มันแย่มาก - -*
ถ้าไม่มีโรงหนังแบบเครือเอเพกซ์ (และ house ที่มาทีหลัง) คงไม่ได้เปิดโลกทัศน์หนังให้กับเจ้าของบล๊อกได้ขนาดนี้ และถ้าไม่อยู่กรุงเทพก็คงไม่รู้หรอกว่าเค้ามี "หนังเทศกาล" ด้วย! (ถึงแม้ว่าบางเรื่องเข้าไปดูแล้วก็ทรมานกับซับที่อ่านไม่ทัน และฟังย้ากกยาก ก็ตาม)
จำได้ว่าตอนสอบโอเน็ตเอเน็ต เทศกาลหนังดันมาจัดทับกะวันสอบพอดี (โกรธเป็นฟืนเป็นไฟกันเลยทีเดียว) จึงตัดสินใจได้ว่า... ข้าพเจ้าจักทุ่มเทเวลาเสาร์อาทิตย์ก่อนสอบให้กับภาพยนตร์!!!
ปรากฎว่าสองวันดูไปแปดเรื่อง แล้วก็กลับมาอ่านหนังสือต่อ - - (ยังคงงงอยู่ว่าทำไปได้ไงฟะ)
เป็นประการฉะนี้แล~
แล้วนึกยังไงลงมากรุงเทพล่ะเนี่ย???
ชะตาชีวิตเหมือนจะหนีกรุงเทพไม่พ้นจริงๆ เพราะว่าพ่อแม่เป็นคนกรุงเทพ แต่ไปทำงานที่อุดรกับขอนแก่นตามลำดับ แต่กระนั้นไปๆมาๆ ลูกชายตัวดีดันลงมากรุงเทพซะนี่!
ตอนมอสามจะขึ้นมอสี่... แม่ก็เคยมาลองเลียบๆเคียงๆถามเหมือนกันว่า "ไปสอบเตรียมดีมั้ย?" ตอนนั้นยอมรับว่า ไม่ได้สนใจเลยซักนิด!
แต่การณ์กลับกลายเป็นคล้ายๆกับ Seasons Change: เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ซะงั้น!!! เมื่อซัมบอดี้เกิดได้โควตามาเรียนเตรียม 5555+
"เห้ย นั่นเพื่อนโรงเรียนเก่ากู" "อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ รึว่าหนีตามกันมาจ๊ะเนี่ย~~~"
ถูกต้องนะค้าบบ
จะต่างจากหนังก็ตรงที่ว่า เค้าไม่ได้สนใจป๋มเลยแม้แต่ปลายขี้เล็บ แถมยังแอบสะดุ้งตกใจตอนเห็นหน้าเจ้าของบล๊อกวันปฐมนิเทศอีกต่างหาก
ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกันธรรมด๊า ธรรมดา...
ขอบคุณซัมบอดี้ที่เป็นแรงบันดาลใจให้มาเจอโรงเรียนที่ดีที่สุดโรงเรียนหนึ่งของประเทศไทย ทั้งๆที่ไม่ได้เคยจะสนใจมาก่อนเล้ย 555+
วีรกรรมบ้าบอคอแตก
ย้อนไปวัยเด็ก... จะมีเด็กคนไหนต้องมาโดนฉีดยารวมเกือบ 30 เข็มเพราะหมาตัวเดียวบ้าง - -* จำได้เลย หมาตัวนั้นชื่อนังสีนวล เป็นหมาแก่ตัวสีขาวตุ่นๆ หน้าตาไร้พิษสง แต่ชอบกัดเด็ก... และเด็กที่มันเลือกกัดก็มีแต่เด็กน่ารักๆ - -* (มั้งนะ)
ไม่รู้ไปทำอะไรกับมันไว้ตอนไหน มันถึงต้องมากัดซ้ำแล้วซ้ำอีก กัดครั้งแรกโดนไป 13-14 เข็ม... พอฉีดเสร็จมันก็มากัดอีก - -* ก็โดนไปอีก 13-14 เข็ม... เกลียดทั้งเข็มทั้งหมาเลยตอนนั้น
อีกเรื่อง... ตอนไม่น่าเกิน 6-7 ขวบ วัยกำลังเลียนแบบ เห็นพ่อผู้รักหนังกำลังเอาคัตเตอร์เหลาดินสอไม้อยู่ เจ้าของบล๊อกตอนนู้นไม่รอช้า คว้าคัตเตอร์และดินสอมาเหลาบ้าง และตามประสาเด็ก 6-7 ขวบ ดันเหลาหันด้านคมเข้าหาตัวเอง
ฉึบ!
เนื้อที่นิ้วโป้งข้างซ้ายหลุดหายไปหนึ่งชิ้น เลือดโชก พ่อรีบขับรถไปโรงบาลพันแผล ออกมานิ้วใหญ่กว่าเดิม 4 เท่า - -*
เด็กหนอเด็ก ทำไปได้
โอ้ยเหนื่อย... เมื่อไหร่จะครบ 5 ข้อเนี่ย - -* เริ่มนึกไม่ออกแล้วจะแฉตัวเองเรื่องไรต่อดี
นึกออกละ...
ทำไมเป็นรัฐศาสตร์ล่ะ????
ไม่ได้โม้(อีกละ) ตอนเด็กๆนี่เป็นเด็กที่เกิดมาเก่งเลย 555+ ตอน ป.1-5 เป็นเด็กที่สอบได้ไม่เกินที่ 3 โดยไม่ต้องอ่านหนังสือเลยแม้แต่ตัวเดียว (ในขณะที่เพื่อนคนอื่นอ่านกันมากมายก่ายกองก็ไม่เคยได้คะแนนดีกว่าเราซะที ไม่รู้ทำไม) จนเริ่มออกลายตอนขึ้น ม.1
เพราะว่าสิบสองปีแรกของชีวิตการเรียนไม่ต้องอ่านหนังสือ เพราะว่าไม่อ่านก็สอบได้ ทำให้ติดนิสัยกลายเป็นสันดานที่แก้ไม่ได้ ทั้งๆที่ควรจะแก้ - -* เกรดหนึ่งตัวแรกในชีวิตได้มาตอน ม.1 เทอมแรกนี่แหละ
แต่หลังจากนั้นพอขึ้นมอสองปลายๆ ข้ามไปมอสาม ถึงได้เริ่มรู้ตัวเองว่าเกลียดวิทยาศาสตร์สิ้นดี - -* เพราะเรียนให้ตายยังไง้~ ยังไงก็ไม่เคยได้เกรดสี่เหมือนคนอื่นเค้า โดยเฉพาะเทอมสุดท้ายที่เรียนเรื่องฟิสิกส์แรงเครื่องยนต์กลไกนี่ฆ่ากันให้ตายเลยดีกว่า และตัดสินใจในที่สุดว่า
"กู ไม่เอา สาย วิทย์ โว้ยยย" "
แต่วิบากกรรมยังไม่จบแค่นั้น เพราะหลังจากเข้ามอสี่เตรียมอุดมด้วยที่ 100 จาก 150 คนที่เค้ารับ (ได้ยังไงกัน! ลองกลับไปอ่านสาเหตุที่ข้อสอง 555+) ในสายนี้...
ปรากฎว่าเทอมแรกก็เจอดีเลยขอรับ เลขยากได้เกรด 3... และเกรดวิชาเลขก็ค่อยๆ down ลงมาเรื่อยๆ ยังกะลำดับอนุกรม
ครานี้จึงรู้ตัวว่า... "เอนท์ ครั้ง นี้ กู ไม่ เอา คะแนน เลข ไป คิด แน่ๆ"
มาถึงตอนเอนท์ คณะที่อยู่ในความคิดก็มีทั้งรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ นิเทศศาสตร์+วารสารศาสตร์ อักษรศาสตร์ และ มนุษยศาสตร์ เอกเกาหลี (ตามเทรนด์ซะด้วย 55+)
สองที่แรกที่ตัดคือนิติ อักษร และเกาหลี... เพราะมีเลข มีภาษาที่สาม และเรียนไกล - -
นิเทศหลังๆก็มาตัดออกไป เพราะเริ่มประจักษ์ว่า เจ้าของบล๊อกชอบดูหนัง แต่ไม่ได้คิดอยากทำหนัง (แต่ถ้าไปเล่นๆ ช่วยๆในกองก็อาจจะพอได้ คงไม่ถึงขั้นเป็นคนเขียนบทหรือผู้กำกับ)
สรุปว่า 4 อันดับที่เลือกไปก็มี ไออาร์จุฬา, ปกครองจุฬา, ไออาร์ธรรมศาสตร์ กับ รัฐศาสตร์ มศว. (เรียกว่าถ้าสามอันดับแรกเกิดไม่ติดก็ทำใจไปสถิตที่องครักษ์ นครนายกได้เลยล่ะ)
แล้วก็ติดอันดับที่สอง
แล้วทำไมต้องจุฬา?
ดูจากอันดับทั้งสี่ข้อ อาจจะคิดว่าก็ไม่ได้ยึดสถาบันอะไรมากมาย... จริงๆก็ไม่ได้อยากยึดสถาบันหรอกนะ ถ้าไม่มีสยาม ลิโด สกาล่า อยู่แถวๆจุฬาเนี่ย 555+
ใช่ครับ! เหตุผลที่ใหญ่ที่สุดของการเลือกจุฬาเป็นอันดับ 1-2 ก็เพราะว่ามีโรงหนังที่รักสถิตอยู่ใกล้ๆ นี่เอง - - ช่างเป็นเหตุผลที่คิดถึงอนาคตในภายภาคหน้าอย่างมากมายอะไรอย่างนี้นะ
และเพราะมีโรงหนังที่รักอยู่แบบนี้นี่เอง ทำให้การไปสถิตที่รังสิต หรือว่าองครักษ์ คงจะทรมานใจมาก! คงให้ feel เหมือนกับเชลยนาซีที่ถูกจับแยกชาย-หญิง...
"ลิโด้จ๋า.. หนูลาก่อน"
ไม่อยากให้มีภาพแบบนั้นเล้ย 
จบซะที 5 ข้อ... กว่าจะนึกออกมาได้ไม่ใช่ง่ายนะนั่น 555+ คราวนี้ก็ถึงคราวสืบหาทายาทอสูรแห่งการ "แถก" กันละล่ะ...
1. เพื่อนกิต spmz (//bspmz.bloggang.com) ไม่อัพนานแล้วนะ... กลับมาอัพเถอะสหาย
2. คุณ ตี๋หล่อมีเสน่ห์ (//storyinthepast.bloggang.com) อยากรู้มากๆ ว่าทำงานอะไรถึงมีเงิน(+เวลา)มาดูหนังทุกเรื่องที่เข้าฉายครับ?
3. ไอ้แบงค์เจ้าพ่อเสมา (//semakutek.bloggang.com) เลิกจิตตก แล้วมาสืบต่อทายาทอสูรซะ
4. พี่ บลูยอชท์ (//lifesosimple.bloggang.com เจอตัวจริงกันมาแล้ว ช่วยแฉตัวเองนิดนึงละกันนะครับ เห็นบล๊อกพี่ร้างมาเป็นปีแล้ว
5. หมอภพ (//sunpatongboy.diaryclub.com) แว้บไปอ่าน เห็นว่ายังไม่โดนแท็ก... ก็เลยแท็กซ้า! มีฟามรักรึยังก็บอกเพื่อนบอกฝูงบ้างเด้อพี่หมอ
Create Date : 13 มกราคม 2550 |
|
20 comments |
Last Update : 13 มกราคม 2550 18:36:24 น. |
Counter : 710 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
โดย: N_BEE810 13 มกราคม 2550 20:24:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: icebridy 13 มกราคม 2550 22:27:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: *หอยทากสีชมพู IP: 203.131.213.114 14 มกราคม 2550 0:56:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: Squidy Ying IP: 210.86.214.183 14 มกราคม 2550 1:01:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: นายกาเมศ IP: 161.200.255.162 14 มกราคม 2550 19:46:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลิปดา-พิลิปดา IP: 161.200.255.162 15 มกราคม 2550 14:31:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: 125 66 IP: 58.9.42.181 15 มกราคม 2550 19:42:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: บลูยอชท์ IP: 202.69.140.233 16 มกราคม 2550 14:38:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: S e m a k u t e k ! IP: 124.120.101.70 17 มกราคม 2550 1:16:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: MadSatan IP: 161.200.255.162 18 มกราคม 2550 15:06:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: พระเจ้า** IP: 58.9.6.34 21 มกราคม 2550 13:13:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตาล ณ สินนวน IP: 58.137.54.35 23 มกราคม 2550 0:18:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: mooyo IP: 58.9.149.220 28 มกราคม 2550 16:07:46 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
คนในสังคมจารีตที่มีความคิดทางเวลาแบบไตรภูมิจะไม่ให้ความสำคัญแก่เวลาตามประสบการณ์ กล่าวคือไม่ให้ความสำคัญแก่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นจริงของชีวิตและสังคมว่าดำเนินมาและดำเนินไปอย่างไร เชื่อในการคลี่คลายเปลี่ยนแปลงของชีวิตและสังคมซึ่งจะต้องเป็นเช่นนั้นตามกฎแห่งเวลาของพุทธศาสนา
- อรรถจักร สัตยานุรักษ์ (จากบทความ "ความเปลี่ยนแปลงความคิดทางเวลาในสังคมไทย" วารสารเศรษฐศาสตร์การเมือง 4 ตุลาคม 2531)
Let this song rhyme our souls when your voice and mine become one and whole.
Let it carry us high above When we recite our poetry of love that when there's love then there's hope.
Your love is my light, and it'll get us through this lonely night.
- รักแห่งสยาม (ซับไตเติ้ลอังกฤษเพลง กันและกัน ท่อนฮุค)
|
|
|
|
|
|
|