เล่าเรื่องเมืองปาย แถมท้ายด้วยปางมะผ้า (จบแล้วจ้า)
ตอนแรกตั้งใจจะอัพรายชื่อผู้โชคดีที่ประกวดตั้งชื่อรีสอร์ท แต่ภาพรีสอร์ทยังไม่มาก็เลยจะเล่าเรื่องปายตอนจบก่อนก็แล้วกันนะคะ
หลังจากตอนที่แล้วพาไปดูหนุ่มเขาเล่นน้ำตกกันคราวนี้ณ มนจะพาไปเที่ยวถ้ำค่ะ
ก่อนออกเดินทางพวกเราก็ไปหาอาหารเช้าที่ตลอดรองท้องก่อนค่ะ จากนั้นก็ใส่บาตรตอนเช้าซึ่งมาอยู่ปายก็วันที่4เข้าไปแล้วเพิ่งจะตื่นทันใส่บาตรก็วันนี้เองหลังจากที่โดนพี่อ๊อดแกเคี่ยวเข็ญให้ตื่นให้ทันพระมาตั้งสองสามวันแล้ว
อ่ะมาดูเจ้าจิ๊บใส่บาตรกันค่ะผมเผ้าฟูเชียวเพื่อนณ มน
ใส่บาตรเอาฤกษ์เอาชัยกันแล้วก็ออกเดินทางซึ่งต้องนั่งรถไปที่อ.ปางมะผ้า เพราะถ้ำที่เราจะไปเที่ยววันนี้ชื่อถ้ำน้ำลอดอยู่ที่ปางมะผ้าค่ะ
ตามเคยที่ณ มนใช้บริการรถเมล์แดงสนนราคาก็ประมาณ35บาทกับระยะทาง40กิโลค่ะผู้ร่วมทางส่วนใหญ่เป็นพี่น้องไทยภูเขาที่รอขึ้นรถกันตลอดทางค่ะ ณ มนชอบค่ะเพราะพวกเขาแต่งชุดชาวเขาดูสวยดี
ถนนหนทางในแม่ฮ่องสอนก็เต็มไปด้วยทางคดโค้งมากมาย แต่ว่าระหว่างทางนี่น่าสนใจไม่น้อยค่ะ เพราะมีไร่กระเทียมไร่หัวหอมตามไหล่เขาน่ามองมากๆ
แถมป่าก็ยังสมบูรณ์อยู่นะคะเพราะเขียวครึ้มเลย ระหว่างนั่งรถไปนี่จะมีความสุขมากเพราะได้กลิ่นป่ากับกลิ่นสดๆเย็นๆบอกไม่ถูกค่ะ
เนื่องจากเราออกจากปายช้าหน่อยก็เลยมาถึงปางมะผ้าตอนเที่ยง สอบถามเด็กรถก็บอกว่าเที่ยวถ้ำเสร็จก็น่าจะกลับทันรถเที่ยวบ่ายสามโมงครึ่ง
เราก็เลยตกลงเช่ารถมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งและไปรับเรากลับด้วย
มาถึงที่ทำการอุทยานถ้ำน้ำลอดก็จ่ายเงินไปซะ550บาทประมาณนี้ค่ะ คือค่าแพ400ค่าคนถือตะเกียงอีก150
เพื่อนของเจ้าจิ๊บที่มีประสบการณ์มาเที่ยวก่อนเราบอกว่าทำไมต้องจ่ายให้คนถือตะเกียงด้วย เราถือเองก็ได้เปลืองเงินตั้ง150
งานนี้เลยโดนจิ๊บด่าไปในฐานะไม่ช่วยกระจายรายได้ให้กับชาวบ้าน
แต่เพื่อนเจ้าจิ๊บยังไม่หยุดงกเท่านั้นเพราะพี่แกเล่นนั่งแพไปอย่างเดียวขากลับเดินเอา โอ้โห งกได้ที่จริงๆซึ่งมันก็ทำให้เขาจ่ายไปประมาณ400ได้มั้ง
แต่เราสามคนตกลงใจแล้วว่านั่งแพทั้งไปทั้งกลับน่ะดีแล้ว งานนี้เราก็เลยได้คนถือตะเกียงชื่อพี่ส่าและพี่ทุนคนถ่อแพพาเราทัวร์ค่ะ
มาดูบรรยากาศหน้าถ้ำกันค่ะ มีชาวบ้านมาจอดแพรอนักท่องเที่ยวเพียบเลย วันนั้นคนไม่มากนักก็เลยเห็นแพจอดรออยู่เยอะ แต่หน้าท่องเที่ยวอย่างปีใหม่นี่แพไม่พอเชียวนะคะ
อ่ะมีน้องควายน้อยมาเป็นแบบให้ด้วย
ภายในถ้ำจะมีสามจุดที่เราจะไปเที่ยวชมจุดแรกคือถ้ำเสาหินก็จะมีหินงอกหินย้อยที่ก่อตัวจนเป็นเสาหินค่ะ บางจุดก็จะเห็นหินงอกที่มีแร่แคลไซด์อยู่ด้วยส่งแสงวิบวับล้อแสงไฟสวยเชียว
หินงอกหินย้อยก็เป็นรูปหลากหลายค่ะ ลองมองๆดูนะว่าเหมือนอะไร
อันนี้เขาว่าเหมือนผ้าม่าน
อันนี้เหมือนตุ๊บเข้เลย
ณ มนกับน้องแจงกะลังช่วยกันเล็งว่าเอ๊ อันนั้นมันเหมือนอะไรน๊า
ต่อไปก็เป็นถ้ำตุ๊กตาค่ะ ที่บอกว่าเป้นถ้ำตุ๊กตาก็เพราะมันมีจุดหนึ่งที่มีหินงอกขึ้นมาจากพื้นเป็นตะปุ่มตะป่ำจำนวนมาก เขาบอกกันว่ามันเหมือนลานเวทีการแสดงที่มีตุ๊กตามาวางอยู่มากมาย
ณ มนกะแจงและก็จิ๊บเล็งกันอยู่นานเอ๊ มันเหมือนไหมนี่
แต่ทัวร์กลุ่มอื่นเขาชี้ชวนกันดูแล้วบอกว่า
ดูดิเหมือนตุ๊กตาหินทหารของจิ๋นซีเลย
เอ มันเหมือนเหรอเนี่ย ลองช่วยณ มนดูนะคะ
อันนี้คงไม่ต้องเล็งมาก แค่มองแว๊บเดียวก็คงรู้นะคะว่าเหมือนอะไร
ดูหินมาก็มาก ทีนี้มาดูคนให้แสงสว่างกับชีวิตเอ๊ย ให้แสงสว่างในถ้ำให้กับณ มนกันดีกว่าค่ะ
พี่ส่านั่นเอง
ถ้ำสุดท้ายคือถ้ำผีแมนค่ะ มีโลงศพของมนุษย์ยุคโบราณ จริงๆณ มนอยากเรียกถ้ำค้างคาวของชอลิ้วเฮียงมากกว่า ก็แหมมันมีแต่ขี้คางคาวเต็มเลยอ่ะตามบันไดทางขึ้น ทางก็ชันจะจับราวบันไดแต่ละทีก็ต้องระวังขี้ค้างคาว แต่พอหันมาดูข้างหลัง โห สวยจับใจ เพราะถ้ำนี้คือถ้ำสุดท้ายแล้วมองออกไปจะเห็นทางออกหน้าถ้ำค่ะ สวยมากกก
นี่ไง
นี่โลงศพค่ะ
ในที่สุดการเที่ยวถ้ำของเราก็จบลง ดังนั้นก่อนกลับเลยขอถ่ายรูปกับพี่ส่าและพี่ทุน ผู้มีส่วนร่วมในการเที่ยวของเราสักหน่อย
โปรดสังเกตพี่ทุนแกแอคท่าเท่ห์มากก
เมื่อออกมาถึงที่หน้าทำการ พี่ๆมอเตอร์ไซค์ก็มารอรับเราตรงเวลาเปี๊ยบแต่พี่แกกะลังหม่ำไอติมกันอยู่พอเห็นหน้าเราแกรีบหม่ำๆกันใหญ่ เห็นแล้วกลัวบาปจังกลัวพี่แกติดคออ่ะ
รถมอเตอร์ไซค์พาเรามาส่งที่ตัวตลาดอำเภอปางมะผ้าเวลาบ่ายสามโมงกว่าๆ คาดว่าเราทันรถแหง๋ๆเลยนั่งรอกันหน้าชื่นตาบาน
เอ๊ะ นั่งๆไปชักนานเราไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่า ทานข้าวเสร็จแล้วมานั่งที่เดิม เวลาสี่โมงแล้วรถยังไม่มาเลย ก็เลยหาอะไรแถวๆนั้นดูบ้างถ่ายรูปบ้างแก้เบื่อ
น้องหมากับเสื้อกันหนาว
สาวมอเตอร์ไซค์
ป้าไทยภูเขาขายของ
ขึ้นชื่อว่าเป็นการท่องเที่ยวของณ มนกับเพื่อนๆแล้ว ถ้าจะให้ทุกอย่างราบเรียบไม่เกิดเหตุขลุกขลักเห็นจะไม่ใช่ณ มนซะแล้ว
รถที่บอกว่าจะมาบ่ายสามโมงครึ่ง เรารอแล้วรออีก จนนาฬิกาบอกเวลาห้าโมงเย็น
ห้าโมงนะคะ รอกันตั้งกี่ชั่วโมงแล้วคิดดู รอจนป้าแกยังเป็นแบบนี้เลยอ่ะ
เราสามคนมองหน้ากันแบบไม่รู้จะทำอะไรแล้ว ถ่ายรูปจนไม่รู้จะถ่ายอะไร สุดท้ายเลยนั่งร้องเพลงกันซะงั้น
ร้องมันตรงนั้นนั่นล่ะค่ะใครมองก็ช่างก็มันไม่มีอะไรทำนี่นา
นักท่องเที่ยวที่เขานั่งรถตู้นั่งรถไปแม่ฮ่องสอนเขาก็มองไอ้สามคนนี่มันรออะไรกันนี่
สุดท้ายเมื่อนาฬิกาบอกเวลาห้าโมงครึ่ง รถจากแม่ฮ่องสอนก็มาถึง
คงไม่ต้องบอกนะคะว่าเราสามคนดีใจกันขนาดไหนก็ตอนแรกกะว่าถ้ารถยังไม่มาจะโบกรถกลับปายแล้วล่ะ ถึงไม่รู้ว่าจะโบกสำเร็จหรือเปล่าก็เหอะ
แต่ฟ้ายังปราณีค่ะส่งรถมาทันเวลาพอดี หะแรกที่ขึ้นไปนั่งบนรถ พี่คนขับแกก็ยิ้มแย้มถามเราเลยว่ารอนานล่ะสิ
โห พี่ถามมาได้รอตั้งบ่ายสามโมงกว่าๆนะเนี่ย
แกยังบอกอีกค่ะว่ามาช้านิดเดียวเอง
เราสามคนไม่ได้เถียงอะไรหรอกค่ะก็ดูแกอารมณ์ดียิ้มแย้มซะขนาดนั้นเรายังต้องยิ้มตามเลยพร้อมกับพูดคุยกับแกอีกหลายคำ
ขากลับนี่ล่ะณ มนลุ้นสุดชีวิตเพราะไม่เคยนั่งรถที่เขาขับกันบนเขาตอนกลางคืนสักทีแถมยังเป็นรถเมล์ดว้ยแล้วก็ถนนมีโค้งเป็นร้อยๆ สรุปตอนขากลับนี่ลุ้นสุดๆเลยค่ะ
ระหว่างทางที่ต้องผ่านด่านตรวจซึ่งตรงนั้นเป็นจุดชมวิวด้วย พี่ตำรวจแกเห็นรถเมล์มาถึงปุ๊บแกก็รีบวิ่งปั๊บเลย
เรานึกว่ารถคันนี้มีของผิดกฏหมายหรือเปล่าหว่า พี่แกถึงวิ่งขนาดนั้น ที่ไหนได้
"หวยออกอะไรอ่ะพี่"
อ้าวซะงั้น
ที่แท้แกมาถามเรือ่งหวยนี่เอง ณ มนกับจิ๊บเลยแอบขำกันน่าดู
จะว่าไปแกนั่งที่จุดตรวจตรงนั้นคนเดียวมันคงเหงาน่าดู พอมีรถผ่านมาให้ได้พูดคุยได้ก็คงจะพอหายเหงาบ้าง
คุณพี่ตำรวจคุยอะไรกับพี่คนขับตั้งหลายคำก่อนจะโบกมือล่ำลากัน
สรุปว่าณ มนกับเพื่อนๆมาถึงปายโดยสวัสดิภาพ ก่อนลงจากรถหันไปขอบคุณพี่คนขับแกด้วยที่พาเรามาจนถึงปายอย่างปลอดภัย
คืนนั้นเราแวะมาส่งลาปายด้วยการเดินเตร็ดเตร่ถามร้านรวงต่างๆเหมือนเคย
พี่ร้านอาหารอินเดียร้องทักแบบคนเห็นหน้ากันมาหลายวันว่าวันนี้ไปเที่ยวไหนกันมากลับค่ำจัง เราเลยร้องตอบแกออกไปค่ะ ความจริงมาอยู่ปายเหือบ5วันนี่ก็รู้จักพ่อค้าแม่ขายหลายร้านมาก
เราเดินมาถึงร้านโปสการ์ดชื่อดังที่คนแน่นมาตั้งแต่เช้าเพิ่งจะว่างวายคนตอนค่ำนี่เอง
ณ มนเลยจับน้องแจงมาเป็นแบบเหมือนเคยถ่ายรุปกับร้านดังกล่าวคู่กับเจ้ากล่องไปรษณีย์ที่ฮิตพอๆกับร้าน
จากนั้นก็ซื้อของฝากกันเล็กน้อย ซึ่งก็คือโปสการ์ดนั่นเองค่ะ เป็นอันปิดท้ายเมืองปายกันเท่านี้
เช้าวันรุ่งขึ้นซึ่งเป้นวันที่เราต้องจากปายแล้วเราเดินทักทายป้าเจ้าของรีสอร์ทที่เราพัก ขอบคุณแกที่ดูแลเราสามคนอย่างดีหาหยูกหายามาให้ คอยไถ่ถามทักทายเราทุกวันที่เราออกไปเที่ยวและกลับมาบ้านในช่วงเย็น
ถึงจะรู้ว่านั่นคือมารยาทของผู้เป็นเจ้าของกิจการแต่มันก็ให้ความรู้สึกดีๆกับคนมาใช้บริการมากทีเดียวและแน่นอนว่าถ้าไปปายอีกครั้งณ มนก็จะไปพักที่นั่นเหมือนเดิม ซึ่งอันนี้เจ้าจิ๊บเพื่อนณ มนมันได้กลับไปพักอีกรอบแล้วเมือ่อาทิตย์ก่อนนี่เอง
เราได้รถมาเชียงใหม่ตอนเที่ยงค่ะ เป็นรถตู้ ระหว่างทางณ มนมีโอกาสได้ดูปายดูภูเขาของแม่ฮ่องสอนแวบเดียวเพราะกินยาแก้เมารถเหมือนเคยแล้วก็หลับไป
เมื่อมาตื่นที่เชียงใหม่สิ่งแรกที่รู้สึกได้คือ เชียงใหม่ในเมืองนี่วุ่นวายจัง เห้นแล้วคิดถึงปายเป็นที่สุด จากที่ตั้งใจจะอยู่เชียงใหม่สองวัน
ในที่สุดเราก็เหลือเวลาให้เชียงใหม่วันเดียวเพราะไม่อยากอยู่ในเมืองที่คนค่อนข้างมาก ที่สำคัญเมือ่ได้เที่ยวงานราชพฤกษ์แล้วก็ไม่คิดจะเที่ยวที่อื่น ทั้งๆที่รู้ว่าเส้นรอบนอกของเมืองเชียงใหม่มีอะไรให้น่าดูเยอะ แต่เราก็ไม่มีเวลาพอสำหรับเส้นทางนั้นค่ะ
สุดท้ายก็เลยกลับกรุงเทพฯในคืนวันจันทร์
การไปเที่ยวปายของณ มนครั้งนี้ทำให้ณ มนได้รับอะไรมากมายค่ะบางทีการเที่ยวแบบที่ได้เจออุปสรรคเจอเรื่องราวอะไรที่นอกเหนือการคาดหมายบ้าง มันก็ให้ความรู้สึกดีๆรวมทั้งกลายเป็นประสบการณ์ที่เราไม่รู้ลืมเลยค่ะ
จบการท่องเที่ยวปายที่เล่ามาอย่างมาราธอนเพียงเท่านี้นะคะ เอาไว้มีทริปท่องเที่ยวหนุกๆอีกเมือ่ไหร่ณ มนจะมาเล่าให้ฟังอีกค่ะ
ขอบคุณมากมายที่มาเที่ยวด้วยกันนะคะ
Create Date : 25 มกราคม 2550 |
|
41 comments |
Last Update : 25 มกราคม 2550 17:31:10 น. |
Counter : 1698 Pageviews. |
|
|
|