พัฒนาชีวิตด้วยปัญญา และความดี
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2560
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
31 สิงหาคม 2560
 
All Blogs
 

#บันทึกการลงทุน “The Case Study หุ้นสัมปทาน”



#บันทึกการลงทุน “The Case Study หุ้นสัมปทาน”

หุ้นที่นักลงทุนหลายคนไม่ชอบเล่นก็คือ หุ้นสัมปทาน ด้วยเหตุผลที่ว่า มันเกี่ยวข้องกับนโยบายรัฐ และนโยบายรัฐอาจมีการเปลี่ยนแปลงแบบที่เราไม่คาดคิด … แต่ความจริงนั้น หุ้นสัมปทานส่วนใหญ่ก็มีความน่าสนใจตรงที่การให้สัมปทานแก่เอกชนนั้น เป็นการกันคู่แข่งขันไปในตัว ซึ่งมันน่าสนใจตรงจุดนี้

หุ้นสัมปทานกับค่าเสื่อมราคา

สำหรับหุ้นสัมปทานที่ต้องลงทุนหนักๆ นอกจากค่าสัมปทานที่เราต้องคำนึงถึงว่ามันคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ นักลงทุนต้องคิดเรื่องค่าเสื่อมราคาประกอบการตัดสินใจด้วย …

เรื่องค่าสัมปทาน ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าค่าสัมปทานที่ประมูลมาได้ตกราว 1 หมื่นล้านบาท ในความเห็นส่วนตัวของผม กิจการควรมีรายได้ภายใน 10 ปีมากกว่าค่าสัมปทานอย่างน้อย 5-10 เท่า เพื่อจะได้มีกำไรเหลือในช่วงท้ายๆ ของอายุสัมปทาน เป็นช่วงที่ผมขอเรียกว่า “ช่วงผลิตกระแสเงินสด”

สมมติค่าสัมปทานทำเหมือง คิดที่ 1 หมื่นล้านบาท อายุสัมปทาน 30 ปี แสดงว่ากิจการนี้จะมีต้นทุนสัมปทานตกราว 333.33 ล้านบาทต่อปี ต้นทุนนี้จะไปกระทบกับกำไรในบรรทัดสุดท้าย … และเมื่อมีการลงทุนก่อสร้างเหมือง ต้องคิดค่าเสื่อมราคา ถ้าต้นทุนสร้างเหมืองตกราว 1 หมื่นล้านบาท ตัดค่าเสื่อมราคา 10 ปี ตกปีละ 1,000 ล้านบาท ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงทีเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายบัญชีของแต่ละบริษัทด้วยครับ

หน้าที่ของนักลงทุนก็คือ ต้องหาข้อมูลเรื่องค่าสัมปทาน และนโยบายการตัดค่าเสื่อมราคาของกิจการที่เราลงทุนให้ได้ สำหรับผมแล้วข้อมูลสองอย่างนี้ถือเป็น “เรื่องสำคัญ” อย่างยิ่ง เพราะหากเราไม่รู้ข้อมูลว่าต้องจ่ายสัมปทานปีละเท่าไร มีต้นทุนค่าเสื่อมราคาเท่าไร นั่นเท่ากับเราลงทุนโดยขาดความรู้พื้นฐานที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อกำไรในบรรทัดสุดท้ายนั่นเองครับ …

#หุ้นรถไฟฟ้า #หุ้นคมนาคม

ผมขอยกตัวอย่างหุ้นสัมปทานที่น่าสนใจตัวหนึ่ง คือ หุ้น BEM ซึ่งประกอบกิจการคมนาคม … มีหลายคนสงสัยว่า หุ้น BEM หรือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นหุ้นสัมปทานตัวหนึ่งที่น่าสนใจ อนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป ผมขอแจกแจงคร่าวๆ ต่อไปนี้ครับ

  • จากตัวเลขที่ทาง BEM เคยให้ไว้กับนักลงทุน ตอนนี้สายสีน้ำเงินเก่าใกล้ break even แล้ว ถ้ามีจำนวนเที่ยวโดยสาร 2.5-3 แสนเที่ยวต่อวันก็จะเริ่มเห็นละว่ากำไรจะเริ่มมา จากเดิมที่เคยขาดทุนมาตลอด หากกำไรเริ่มมาเราจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้นักลงทุนคนอื่นๆ สนใจหุ้นตัวนี้มากขึ้นได้เหมือนกันครับ
  • ส่วนสายสีม่วงรับจ้างเดินรถ ได้เงินแน่นอน เพราะเป็นการรับจ้างเดินรถ และจะช่วยเสริมให้กับสายสีน้ำเงินเก่า ด้วยการส่งคนเข้าระบบเพิ่มอีกด้วย
  • สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย มาเชื่อมจะเป็นวงกลม ผมเรียกมันว่า “วงหมุนกระแสเงินสด” เพราะเมื่อครบ loop ตัวนี้จะสร้างกระแสเงินสดในอนาคต และจะทำให้ bem มีกำไรสะสมมากขึ้น จ่ายเงินปันผลได้มากขึ้น อีกทั้งในอนาคตสายสีน้ำเงินจะเป็นสายเดินรถไฟฟ้าที่มีจุดตัดสถานี หรือ Inter Change เยอะที่สุดเมื่อเทียบกับสายเดินรถไฟฟ้าสายอื่นๆ

ส่วนอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายที่ต้องจับตา คือ สายสีเหลือง และสายสีส้ม … สำหรับสายสีเหลืองจะวิ่งผ่านโซนลาดพร้าวเชื่อมต่อรถไฟฟ้าไต้ดิน ซึ่งเป็นสายที่จะส่งคนเข้าระบบสายสีน้ำเงินในอนาคต และต้องลงทุนค่อนข้างสูงหลักหลายหมื่นล้านบาท ผมเข้าใจว่า bem คงต้องบริหารจัดการเงินอย่างชาญฉลาด เพื่อไม่ให้กระทบผู้ถือหุ้นมากเกินไป อาจออกหุ้นกู้ หรือกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ (ปัจจุบันสายสีเหลืองเป็นของ BTS ไปแล้ว)

สำหรับสายสีส้มเป็นสายที่มีแต่คนอยากได้ เพราะวิ่งผ่านถนนสุขุมวิท เป็นสายเดินรถไฟฟ้าที่วิ่งจากฝั่งตะวันตกไปตะวันออก และคาดว่าจะมีคนเข้าระบบจำนวนมาก ต้องคอยติดตามต่อไปว่าจะลงเอยอย่างไร

ประโยชน์ของการควบรวมกิจการ

หากคุณเป็นนักลงทุนที่ติดตามหุ้นตัวนี้มาโดยตลอด จะรู้ดีว่า หุ้นตัวนี้ถูกควบรวมระหว่างหุ้น BMCL กับ BECL กลายเป็น “BEM” ที่ถูกควบรวมบริษัทระหว่างรถไฟฟ้า-ทางด่วน ซึ่งการควบรวมนี้ทำได้รับประโยชน์ทางภาษี โดยแต่เดิม BMCL กู้เงิน bank ดอกเบี้ย 4-5% เปลี่ยนมาเป็นหุ้นกู้ ทำให้ลดดอกได้เกือบครึ่ง ดอกเหลืออยู่ 2-3% นิดๆ (ตามอันดับ Rating ของหุ้นกู้) ซึ่งรายการนี้น่าจะกระทบกำไรบรรทัดสุดท้ายได้เลยทันที

แถมยังมีธุรกิจทางด่วนเปิดศรีรัตน์ คาดในอนาคตสร้างรายได้ราว 2000-3000 ล้านต่อปี (เป็นตัวเลขคาดการณ์ที่ถูกเปิดเผยโดย BEM นะครับ) ทางด่าวนสายเก่าทำเงินได้ราว 5000 ล้านต่อปี ต้องไปลุ้นว่าจะต่อหรือไม่?

สิ่งที่น่ากังวล ของหุ้นประเภทนี้ก็คือ “ค่าสัมปทาน” และหนี้สินที่สูง ราว 4.5 หมื่นล้านบาท การบริหารจัดการหนี้สิน คือ การออกหุ้นกู้ และการทำกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น ผมคิดว่าตัวนี้มีอนาคตค่อนข้างมากทีเดียว

ข้อสรุปก็คือ การลงทุนหุ้นสัมปทานเป็นอะไรที่ต้องบอกว่า “คำนวณได้” หรือคาดการณ์ได้ จากค่าสัมปทาน และผลตอบแทนที่จะได้รับกลับมา … สำหรับตัวอย่างหุ้น BEM ซึ่งเป็นหุ้นสัมปทานที่น่าสนใจ ผมคิดว่าหุ้นตัวนี้ค่อนข้างมีอนาคตสดใส แต่การลงทุนเราต้องพิจารณาให้รอบคอบ บางครั้งหุ้นดี แต่ราคาแพง ก็เป็นการลงทุนที่ไม่ดีเหมือนกันครับ … “การลงทุนหมายความว่า เราต้องได้รับผลตอบแทนแน่ๆ ไม่มากก็น้อย ถ้าไม่ใช่มันคือการเก็งกำไร”

#นายแว่นลงทุน

แนะนำหนังสือ

เก็บหุ้นสร้างพอร์ต สไตล์ VI – โต 10 เท่าในสิบปี

หนังสือเล่มนี้ “เก็บหุ้นสร้างพอร์ตสไตล์วีไอ” ผมเขียนขึ้นมาในช่วงที่ยากลำบากช่วงหนึ่งของตลาดหุ้นไทย คือเป็นช่วงตลาดไม่ไปไหนเลย หรือ Sideway นั่นเอง การลงทุนในภาวะตลาดแบบนี้ย่อมทำให้หลายคนรู้สึก “อึดอัด” ได้ไม่ยาก … แต่ในภาวะแบบนี้ก็มีข้อดีของมัน … ข้อดีดังกล่าวก็คือ … การที่ตลาดไม่ไปไหน แต่แรงเก็งกำไรยังคงมีอยู่ มันเปิดโอกาสให้นักลงทุนระยะยาวเก็บหุ้นกอดเอาไว้ กินปันผลไปเรื่อยๆ อย่างสบายใจ หรือแม้แต่นักลงทุนระยะสั้นๆ ก็สามารถทำกำไรได้หากเรามองพื้นฐานออก และมองแนวโน้มของราคาเป็น ซึ่งเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้มีทั้งสองเรื่องราวดังกล่าวอย่าง “ครบถ้วน”#NaiwaenInvestment

อ่านเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ How to การบริหารจัดการเงิน อสังหา “คลิ๊กอ่านที่นี่เลยครับ”

[เกี่ยวกับผู้เขียน]

นายแว่นธรรมดา stand top of living“นายแว่นธรรมดา” หนึ่งในกูรูหุ้น FINOMENA และผู้ก่อตั้ง //www.topofliving.com ผู้เขียนหนังสือ “ลงทุนหุ้นโตเร็ว” และหนังสือขายดี “กลยุทธุ์จับจังหวะลงทุนหุ้น” ปัจจุบันเป็นนักลงทุนอิสระ นักเขียนอิสระ ขอถ่ายทอดความรู้ด้านการลงทุน เผื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ

ติดต่อนายแว่นธรรมดาได้ที่นี่ครับ  naiwaentammada@gmail.com




 

Create Date : 31 สิงหาคม 2560
0 comments
Last Update : 31 สิงหาคม 2560 12:40:17 น.
Counter : 1046 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ตี๋2555
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




สวัสดีครับผม "นายแว่นธรรมดา" ผู้เขียนหนังสือขายดี "รวยหุ้นแบบ VI ไม่เสี่ยง" หนังสือ "หุ้น 5 พารวย" และเป็นผู้ก่อตั้ง http://www.naiwaen.com เว็บไซค์การลงทุนในหุ้น กองทุนรวม และ Money Market อีกมากมาย
และ http://www.topofliving.com เว็บไซค์เกี่ยวกับการเลือกซื้อบ้านหลังแรก การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยนิยามส่วนตัวก็คือ ทำให้ความมั่งคั่ง กลายเป็นเรื่อง "สนุก"
หากต้องการข้อมูลข่าวสารการลงทุนอย่างรวดเร็ว และเชื่อถือได้ แวะไปกด LIKE ที่นี่นะครับ https://www.facebook.com/NaiwaenTammada

ผมยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆ นักลงทุนทุกท่าน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
Free counters!
New Comments
Friends' blogs
[Add ตี๋2555's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.