#บันทึกการลงทุน The Case Study หุ้นสัมปทาน
หุ้นที่นักลงทุนหลายคนไม่ชอบเล่นก็คือ หุ้นสัมปทาน ด้วยเหตุผลที่ว่า มันเกี่ยวข้องกับนโยบายรัฐ และนโยบายรัฐอาจมีการเปลี่ยนแปลงแบบที่เราไม่คาดคิด แต่ความจริงนั้น หุ้นสัมปทานส่วนใหญ่ก็มีความน่าสนใจตรงที่การให้สัมปทานแก่เอกชนนั้น เป็นการกันคู่แข่งขันไปในตัว ซึ่งมันน่าสนใจตรงจุดนี้
หุ้นสัมปทานกับค่าเสื่อมราคา
สำหรับหุ้นสัมปทานที่ต้องลงทุนหนักๆ นอกจากค่าสัมปทานที่เราต้องคำนึงถึงว่ามันคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ นักลงทุนต้องคิดเรื่องค่าเสื่อมราคาประกอบการตัดสินใจด้วย
เรื่องค่าสัมปทาน ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าค่าสัมปทานที่ประมูลมาได้ตกราว 1 หมื่นล้านบาท ในความเห็นส่วนตัวของผม กิจการควรมีรายได้ภายใน 10 ปีมากกว่าค่าสัมปทานอย่างน้อย 5-10 เท่า เพื่อจะได้มีกำไรเหลือในช่วงท้ายๆ ของอายุสัมปทาน เป็นช่วงที่ผมขอเรียกว่า ช่วงผลิตกระแสเงินสด
สมมติค่าสัมปทานทำเหมือง คิดที่ 1 หมื่นล้านบาท อายุสัมปทาน 30 ปี แสดงว่ากิจการนี้จะมีต้นทุนสัมปทานตกราว 333.33 ล้านบาทต่อปี ต้นทุนนี้จะไปกระทบกับกำไรในบรรทัดสุดท้าย และเมื่อมีการลงทุนก่อสร้างเหมือง ต้องคิดค่าเสื่อมราคา ถ้าต้นทุนสร้างเหมืองตกราว 1 หมื่นล้านบาท ตัดค่าเสื่อมราคา 10 ปี ตกปีละ 1,000 ล้านบาท ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงทีเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายบัญชีของแต่ละบริษัทด้วยครับ
หน้าที่ของนักลงทุนก็คือ ต้องหาข้อมูลเรื่องค่าสัมปทาน และนโยบายการตัดค่าเสื่อมราคาของกิจการที่เราลงทุนให้ได้ สำหรับผมแล้วข้อมูลสองอย่างนี้ถือเป็น เรื่องสำคัญ อย่างยิ่ง เพราะหากเราไม่รู้ข้อมูลว่าต้องจ่ายสัมปทานปีละเท่าไร มีต้นทุนค่าเสื่อมราคาเท่าไร นั่นเท่ากับเราลงทุนโดยขาดความรู้พื้นฐานที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อกำไรในบรรทัดสุดท้ายนั่นเองครับ
#หุ้นรถไฟฟ้า #หุ้นคมนาคม
ผมขอยกตัวอย่างหุ้นสัมปทานที่น่าสนใจตัวหนึ่ง คือ หุ้น BEM ซึ่งประกอบกิจการคมนาคม มีหลายคนสงสัยว่า หุ้น BEM หรือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นหุ้นสัมปทานตัวหนึ่งที่น่าสนใจ อนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป ผมขอแจกแจงคร่าวๆ ต่อไปนี้ครับ
- จากตัวเลขที่ทาง BEM เคยให้ไว้กับนักลงทุน ตอนนี้สายสีน้ำเงินเก่าใกล้ break even แล้ว ถ้ามีจำนวนเที่ยวโดยสาร 2.5-3 แสนเที่ยวต่อวันก็จะเริ่มเห็นละว่ากำไรจะเริ่มมา จากเดิมที่เคยขาดทุนมาตลอด หากกำไรเริ่มมาเราจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้นักลงทุนคนอื่นๆ สนใจหุ้นตัวนี้มากขึ้นได้เหมือนกันครับ
- ส่วนสายสีม่วงรับจ้างเดินรถ ได้เงินแน่นอน เพราะเป็นการรับจ้างเดินรถ และจะช่วยเสริมให้กับสายสีน้ำเงินเก่า ด้วยการส่งคนเข้าระบบเพิ่มอีกด้วย
- สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย มาเชื่อมจะเป็นวงกลม ผมเรียกมันว่า วงหมุนกระแสเงินสด เพราะเมื่อครบ loop ตัวนี้จะสร้างกระแสเงินสดในอนาคต และจะทำให้ bem มีกำไรสะสมมากขึ้น จ่ายเงินปันผลได้มากขึ้น อีกทั้งในอนาคตสายสีน้ำเงินจะเป็นสายเดินรถไฟฟ้าที่มีจุดตัดสถานี หรือ Inter Change เยอะที่สุดเมื่อเทียบกับสายเดินรถไฟฟ้าสายอื่นๆ
ส่วนอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายที่ต้องจับตา คือ สายสีเหลือง และสายสีส้ม สำหรับสายสีเหลืองจะวิ่งผ่านโซนลาดพร้าวเชื่อมต่อรถไฟฟ้าไต้ดิน ซึ่งเป็นสายที่จะส่งคนเข้าระบบสายสีน้ำเงินในอนาคต และต้องลงทุนค่อนข้างสูงหลักหลายหมื่นล้านบาท ผมเข้าใจว่า bem คงต้องบริหารจัดการเงินอย่างชาญฉลาด เพื่อไม่ให้กระทบผู้ถือหุ้นมากเกินไป อาจออกหุ้นกู้ หรือกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ (ปัจจุบันสายสีเหลืองเป็นของ BTS ไปแล้ว)
สำหรับสายสีส้มเป็นสายที่มีแต่คนอยากได้ เพราะวิ่งผ่านถนนสุขุมวิท เป็นสายเดินรถไฟฟ้าที่วิ่งจากฝั่งตะวันตกไปตะวันออก และคาดว่าจะมีคนเข้าระบบจำนวนมาก ต้องคอยติดตามต่อไปว่าจะลงเอยอย่างไร
ประโยชน์ของการควบรวมกิจการ
หากคุณเป็นนักลงทุนที่ติดตามหุ้นตัวนี้มาโดยตลอด จะรู้ดีว่า หุ้นตัวนี้ถูกควบรวมระหว่างหุ้น BMCL กับ BECL กลายเป็น BEM ที่ถูกควบรวมบริษัทระหว่างรถไฟฟ้า-ทางด่วน ซึ่งการควบรวมนี้ทำได้รับประโยชน์ทางภาษี โดยแต่เดิม BMCL กู้เงิน bank ดอกเบี้ย 4-5% เปลี่ยนมาเป็นหุ้นกู้ ทำให้ลดดอกได้เกือบครึ่ง ดอกเหลืออยู่ 2-3% นิดๆ (ตามอันดับ Rating ของหุ้นกู้) ซึ่งรายการนี้น่าจะกระทบกำไรบรรทัดสุดท้ายได้เลยทันที
แถมยังมีธุรกิจทางด่วนเปิดศรีรัตน์ คาดในอนาคตสร้างรายได้ราว 2000-3000 ล้านต่อปี (เป็นตัวเลขคาดการณ์ที่ถูกเปิดเผยโดย BEM นะครับ) ทางด่าวนสายเก่าทำเงินได้ราว 5000 ล้านต่อปี ต้องไปลุ้นว่าจะต่อหรือไม่?
สิ่งที่น่ากังวล ของหุ้นประเภทนี้ก็คือ ค่าสัมปทาน และหนี้สินที่สูง ราว 4.5 หมื่นล้านบาท การบริหารจัดการหนี้สิน คือ การออกหุ้นกู้ และการทำกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น ผมคิดว่าตัวนี้มีอนาคตค่อนข้างมากทีเดียว
ข้อสรุปก็คือ การลงทุนหุ้นสัมปทานเป็นอะไรที่ต้องบอกว่า คำนวณได้ หรือคาดการณ์ได้ จากค่าสัมปทาน และผลตอบแทนที่จะได้รับกลับมา สำหรับตัวอย่างหุ้น BEM ซึ่งเป็นหุ้นสัมปทานที่น่าสนใจ ผมคิดว่าหุ้นตัวนี้ค่อนข้างมีอนาคตสดใส แต่การลงทุนเราต้องพิจารณาให้รอบคอบ บางครั้งหุ้นดี แต่ราคาแพง ก็เป็นการลงทุนที่ไม่ดีเหมือนกันครับ การลงทุนหมายความว่า เราต้องได้รับผลตอบแทนแน่ๆ ไม่มากก็น้อย ถ้าไม่ใช่มันคือการเก็งกำไร
#นายแว่นลงทุน
แนะนำหนังสือ
เก็บหุ้นสร้างพอร์ต สไตล์ VI โต 10 เท่าในสิบปี
หนังสือเล่มนี้ เก็บหุ้นสร้างพอร์ตสไตล์วีไอ ผมเขียนขึ้นมาในช่วงที่ยากลำบากช่วงหนึ่งของตลาดหุ้นไทย คือเป็นช่วงตลาดไม่ไปไหนเลย หรือ Sideway นั่นเอง การลงทุนในภาวะตลาดแบบนี้ย่อมทำให้หลายคนรู้สึก อึดอัด ได้ไม่ยาก แต่ในภาวะแบบนี้ก็มีข้อดีของมัน ข้อดีดังกล่าวก็คือ การที่ตลาดไม่ไปไหน แต่แรงเก็งกำไรยังคงมีอยู่ มันเปิดโอกาสให้นักลงทุนระยะยาวเก็บหุ้นกอดเอาไว้ กินปันผลไปเรื่อยๆ อย่างสบายใจ หรือแม้แต่นักลงทุนระยะสั้นๆ ก็สามารถทำกำไรได้หากเรามองพื้นฐานออก และมองแนวโน้มของราคาเป็น ซึ่งเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้มีทั้งสองเรื่องราวดังกล่าวอย่าง ครบถ้วน#NaiwaenInvestment
อ่านเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ How to การบริหารจัดการเงิน อสังหา คลิ๊กอ่านที่นี่เลยครับ
[เกี่ยวกับผู้เขียน]
นายแว่นธรรมดา หนึ่งในกูรูหุ้น FINOMENA และผู้ก่อตั้ง //www.topofliving.com ผู้เขียนหนังสือ ลงทุนหุ้นโตเร็ว และหนังสือขายดี กลยุทธุ์จับจังหวะลงทุนหุ้น ปัจจุบันเป็นนักลงทุนอิสระ นักเขียนอิสระ ขอถ่ายทอดความรู้ด้านการลงทุน เผื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ