วันนี้งบของ cpall ออกแล้ว โดยในไตรมาสนี้ cpall มีรายได้รวมราว 1.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 6 พันกว่าล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 5.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วไตรมาสเดียวกัน
ทำให้มีกำไรต่อหุ้น หรือ EPS ครึ่งปี = 0.50 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ 0.47 บาทต่อหุ้น
คำถามคือ โตช้าลงหรือไม่?
ในขณะที่แผนการขยายสาขาของ cpall ยังคงตั้งไว้ที่ 1.3 หมื่นสาขาภายในปี 2564 เป็นการตั้งแผนที่ค่อนข้างเชิงรุกมากๆ ครับ
ปัจจุบัน cpall มีร้านสาขาของบริษัทเองอยู่ 4,491 สาขา ในขณะที่มีสาขาร่วมทุน (หรือให้เราร่วมเปิดร้านกับ 7-11) อยู่ 5,516 สาขา
ทำให้รวมแล้วมีสาขาอยู่ = 10,007 สาขา ถ้ายอดขาย 1.2 แสนล้านบาท คิดเป็นยอดขายต่อสาขาราว 12 ล้านบาทต่อสาขาต่อ 1 ไตรมาส หรือ 4 ล้านบาทต่อเดือน
คำถามอีกข้อก็คือ ยอดขายต่อสาขาเพิ่มขึ้นหรือลดลง?
หากยอดขายต่อสาขาเท่าเดิม แสดงว่ากลยุทธ์ของ cpall ตอนนี้มีแค่การขยายสาขาเพิ่มยอดขายเท่านั้น แต่ยอดขายต่อสาขาไม่ใช่หัวหอกที่จะทำให้เติบโต และนั่นอาจทำให้หุ้นเริ่มโตช้าลงนั่นเองครับ
ในขณะที่หนี้สินต่อทุน หรือ DE ratio ของไตรมาสล่าสุดรายงานไว้ 2.22 เท่า ถือว่าสูงมาก มันบ่งบอกกลายๆ ว่าตอนนี้เขากำลังเร่งเครื่องขยายกิจการเต็มที่เหมือนกัน
(ยังไม่หยุดนะครับ)
แต่พอเรามาดูหนี้สินจริงๆ แล้วส่วนใหญ่มาจากการกู้เงินมาซื้อกิจการ #Marko ซึ่งหากเงินก้อนนี้ถูกจัดการให้ลดลง เช่น อาจจะขายหุ้น marko ออกมาบางส่วน หนี้สินต่อทุนก็จะลดลงได้ และอาจกลับมาเป็น หุ้นเงินสด อีกครั้งก็ได้ครับ
ข้อสรุปของ cpall นั้น ผมขอตั้งประเด็นว่า มันโตช้าลงหรือไม่? และสาเหตุที่โตช้าลงมาจากยอดขายต่อสาขาที่ไม่โตหรือไม่? แต่เรื่องการขยายสาขาออกไปเรื่อยๆ
ผมคิดว่าเจ้าหุ้น cpall ตัวนี้ยังทำได้ดีไม่เปลี่ยนแปลงครับ
เพื่อนๆ ใครมีบ้าน คอนโด ที่ดินเปล่า มาโพสขายได้ที่นี่ฟรีนะครับ//www.topofliving.com/property-exchange/
#หนังสือเสียง
กลยุทธ์ลงทุนหุ้นโตเร็ว
หนังสือ นายแว่นฯ มี audio book ด้วยนะครับ
คลิ๊กหนังสือเสียงที่นี่เลยครับ
แนะนำหนังสือ
เก็บหุ้นสร้างพอร์ต สไตล์ VI โต 10 เท่าในสิบปี
หนังสือเล่มนี้ เก็บหุ้นสร้างพอร์ตสไตล์วีไอ ผมเขียนขึ้นมาในช่วงที่ยากลำบากช่วงหนึ่งของตลาดหุ้นไทย คือเป็นช่วงตลาดไม่ไปไหนเลย หรือ Sideway นั่นเอง การลงทุนในภาวะตลาดแบบนี้ย่อมทำให้หลายคนรู้สึก อึดอัด ได้ไม่ยาก
แต่ในภาวะแบบนี้ก็มีข้อดีของมัน
ข้อดีดังกล่าวก็คือ
การที่ตลาดไม่ไปไหน แต่แรงเก็งกำไรยังคงมีอยู่ มันเปิดโอกาสให้นักลงทุนระยะยาวเก็บหุ้นกอดเอาไว้ กินปันผลไปเรื่อยๆ อย่างสบายใจ หรือแม้แต่นักลงทุนระยะสั้นๆ ก็สามารถทำกำไรได้หากเรามองพื้นฐานออก และมองแนวโน้มของราคาเป็น ซึ่งเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้มีทั้งสองเรื่องราวดังกล่าวอย่าง ครบถ้วน#NaiwaenInvestment
อ่านเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ How to การบริหารจัดการเงิน อสังหา คลิ๊กอ่านที่นี่เลยครับ
[เกี่ยวกับผู้เขียน]
นายแว่นธรรมดา หนึ่งในกูรูหุ้น FINOMENA และผู้ก่อตั้ง //www.topofliving.com ผู้เขียนหนังสือ ลงทุนหุ้นโตเร็ว และหนังสือขายดี กลยุทธุ์จับจังหวะลงทุนหุ้น ปัจจุบันเป็นนักลงทุนอิสระ นักเขียนอิสระ ขอถ่ายทอดความรู้ด้านการลงทุน เผื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ
ติดต่อนายแว่นธรรมดาได้ที่นี่ครับ naiwaentammada@gmail.com