ตาเบบูญ่า : กว่าจะรู้ว่ารัก...
|
ตาเบบูญ่า : กว่าจะรู้ว่ารัก...
|
25 กุมภาพันธ์ 2555 |
|

ไกล้จะสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรักและดอกไม้ที่ผลิบานแล้ว แต่ผมยังไม่ได้เขียนอะไรเกี่ยวกับความรักและสีชมพูเลย จริงๆเดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยได้เขียนอะไร เพราะว่าเวลาแต่ละวันดูเหมือนจะสั้นลงไปทุกที ไม่เหมือนเวลาของเด็กๆที่ดูจะยาวนานเหลือเกิน ชีวิตการงานมันทำลายชีวิตของเราได้ถึงขนาดนี้เลยหรือครับ???

นานมาแล้วผมเคยบันทึก Diary ของผมไว้บทหนึ่ง ก็เลยตัดบางส่วนเอามาลงในเน็ตไว้อีกครั้ง ไม่ได้ให้ใครอ่านหรอกครับ ผมอ่านเองนี่หล่ะ เพราะว่า... การได้ทบทวนเรื่องของตนเอง... มันทำให้เราไม่หลงลืมว่าเรา "เป็นใคร" เพราะหลายๆคนก็ลืมมันไปและล่องลอยไปกับกระแสความปั่นป่วนของความคิดที่ไม่สิ้นสุด บางทีก็เหมือนหุ่นยนต์ที่สนองตอบต่อสิ่งกระทบ แต่ไร้จิตวิญญาณ และความฝัน

ในเดือนแห่งความรักนี้ ดอกไม้ที่เหมือนจะเป็นสัญลักษณ์เลยก็คงจะเป็น "ตาเบบูญ่า" หรือ "ชมพูพันธุ์ทิพ" ที่เบ่งบานแต่งแต้มให้โลกเป็นสีชมพู ถ้าอยู่ที่พิษณุโลก จุดที่มีตาเบบูญ่ามากที่สุดก็คงจะเป็นถนนข้างแมคโคร แต่ตาเบบูญ่าต้นที่ผมคิดว่าสวยและสุดแสนโรแมนติกที่สุดก็คงจะเป็นตาเบบูญ่าหน้าตึกพลังงานมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ปลูกไว้ข้างสระน้ำ มันงดงามจับใจ สมัยเรียนที่นั่นผมก็ชอบแอบไปทำมิวสิกแถวๆนั้นบ่อยๆ แต่ถ้าถามว่าตาเบบูญ่าต้นไหนที่มีคุณค่ามากที่สุดสำหรับผม ก็คงเป็นตาเบบูญ่าที่ปลูกไว้ในโรงเรียนจ่า-นก-ร้อง โรงเรียนที่มีสีชมพูเป็นสีประจำโรงเรียน ก็เลยปลูกตาเบบูญ่าเอาไว้มากมายหลายต้น และแต่ละต้นนั้น ผมกับเพื่อนๆเป็นคนปลูกมัน ตั้งแต่สมัยที่โรงเรียนร้อนแล้งไร้ต้นไม้ใหญ่ อย่างที่เด็กจ่านกร้องในสมัยนั้นเรียกว่า "ทะเลทรายจ่านกร้อง" ผมกับเพื่อนที่เรียนเกษตรด้วยกัน โดนอาจารย์บังคับให้ช่วยกันปลูกตาเบบูญ่าไว้รอบโรงเรียน จำได้ว่าขุดดินมือแตกเลือดซิบเลย เพราะดินในโรงเรียนเป็นดินลูกรังที่แข็งเอามากๆ กว่าจะขุดหลุมปลูกได้แต่ละหลุม แทบตายเลย พอปลูกเสร็จเหงื่อชุ่มตัวเหม็นไปหมด ก็เลยเล่นน้ำกันทั้งชุดนักเรียน เปียกปอนเป็นลูกหมาตกน้ำ พอเลิกเรียนนั่งรถสองแถวกลับบ้านเขามองกันทั้งรถเลย ผมก็ยิ้มๆให้แล้วบอกว่า "พอดีที่โรงเรียนฝนตกครับ" เห็นตาเบบูญ่าที่จ่านกร้องทีไรมันเลยเจ็บๆที่มือยังไงบอกไม่ถูก

ความงดงามสุดแสนโรแมนติกของตาเบบูญ่านั้น ผมว่าอยู่ที่ลีลาดอกที่ร่วงหล่นอยู่ตลอดเวลายามเมื่อสายลมพัดผ่าน พรมดอกไม้ใต้ต้นที่หวานเสียจน... มดขึ้น แฮะๆ จริงๆ... ตอนสัก ม.2 ผมซื้อหนังสือ "เวลาในขวดแก้ว" ของ ประภัสสร เสวิกุล มาอ่าน ในบทประพันธ์บรรยายถึงฉากถนนสายชมพูพันธุ์ทิพ หน้าโรงเรียนที่อ้วนจับจ๋อมเจอกัน กับเสียงไวโอรินและโต๊ะหินอ่อนที่ปูทับด้วยดอกไม้สีชมพู บรรยายจนผมอินสุดๆ แต่ว่า กลิ่นอายของตาเบบูญ่าที่ผมนึกถึงตอนนี้เป็นตาเบบูญ่าที่...

ช่วงนั้นผมยังนุ่งเกงเกงขาสั้นสีกากีอยู่เลย ผมพักอยู่บ้านพักข้าราชการทางจังหวัดภาคเหนือนะครับ บ้านพักก็อยู่ในรั้วเดียวกับสถานที่ราชการนั่นเอง ซึ่งมีขนาดใหญ่มากเกือบร้อยไร่ ทุกวันผมต้องเดินจากบ้านพักออกมาขึ้นรถเมย์ไปเรียน สองข้างทางที่เดินผ่าน ปลูกต้นตาเบบูญ่าขนาดใหญ่ไว้หลายต้นทีเดียว ยามเมื่อตาเบบูญ่าผลิดอกเบ่งบานพร้อมๆกันในเดือนกุมภาพันธ์ การเดินบนเส้นทางสายนี้มันสุดแสนจะรื่นรมย์จริงๆครับ ทุกย่างก้าวปูไปด้วยดอกไม้สีชมพูที่ดารดาษอยู่บนพื้นเป็นผืนพรมสีหวาน เวลาเดินบนพรมประหนึ่งว่าเราเป็นชาวฟ้าชาวสวรรค์ หรือคู่บ่าวสาวในพิธีวิวาห์ (แต่ถ้าเดินพรมแดงคงเหมือนดาราฮอลีวู๊ด) สายลมเย็นๆที่พัดผ่านในยามเช้าทำให้ดอกตาเบบูญ่าค่อยๆร่วงหล่นมาด้วยลีลาน่าประทับใจ บางดอกตกลงไปในสระน้ำใหญ่ข้างทาง ซึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้สีชมพูลอยเป็นแพ สวยงามตรึงตาตรึงใจให้จดจำ

และวันหนึ่งในปลายฤดูหนาว ที่เส้นทางสายนี้เต็มไปด้วยสีชมพูอ่อนหวาน ขณะที่ผมกำลังเดินอืดอาดชมดอกไม้สองข้างทาง ใครบางคนที่เดินนำหน้าผมอยู่ ซึ่งเห็นกระโปรงสีน้ำเงินทรงสูง ก็รู้ว่าเป็นสาวมอปลาย ส่วนผมเป็นเด็กมอต้นครับผม เธอเดินห่างจากผมพอสมควร แต่แล้วก็หยุดเดิน จนผมเดินทันเธอ และเดินผ่านเธอไป แต่เธอก้าวตามผมมา และมาเดินเคียงข้างกัน

เธอเอ่ยขึ้นก่อน "พี่ชื่อแก้วนะค่ะ ปกติพี่จะเดินทางไปเรียนแต่เช้ามืด ไปทางเดียวกะน้องชายล่ะ แต่น้องชายออกสาย เราเลยไม่เคยเจอกันบนทางสายนี้" ผมหันไปมองหน้าพี่สาวหน้าตาสดใส และมีรอยยิ้มเป็นประกาย "ผมชื่อ.." แต่ผมไม่ทันเอ่ย เธอก็ชิงบอกชื่อผมซะก่อน "พี่รู้จักผมหรอ"

พี่สาว "พี่พักกับพี่สาวอยู่แฟรชชั้น 2 มองลงมาเห็นบ้านพักน้องพอดี ทุกค่ำจะได้ยินเสียป้าเราเดินตะโกนเรียกให้น้องไปทานข้าวทุกวันเลย พี่ยังรู้อะไรเกี่ยวกับเราอีกมากเลยล่ะ" ผม "มีไรอีกหรอครับ มีคนพูดถึงผมด้วยหรอ ผมน่าสนใจอย่างนั้นเลย" พี่สาว "รู้แล้วจะหนาว.. น้องชอบปลูกต้นไม้ กลับจากโรงเรียนต้องมารดน้ำต้นไม้ทุกวัน ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน จะมานั่งที่บ่อปลาให้อาหารปลา น้องนอนขี้เซา เพราะพี่ได้ยินเสียงป้าน้องตะโกนปลุกทุกวัน รู้กระทั่งน้องใส่ กกน สีขาวล่ะ" พูดถึงตรงนี้ผมก็ตกใจ รีบเบรกพี่สาวไว้ก่อน ผม "พอๆ ล่ะพี่ มันรู้ลึกไปและ ผมเชื่อแล้วว่ารู้จริง"

พี่สาว "อีกปีกว่าๆพี่ก็จะเรียนจบมอปลายและไปจากที่นี่ พี่ไม่รู้จักเพื่อนในบ้านพักนี้เลย ทั้งที่พี่มาอยู่ได้ปีหนึ่งแล้ว น้องเป็นคนแรกที่พี่คุยด้วย" ผม "ย้ายโรงเรียนกลางครัน? เข้าใจความรู้สึกครับ ผมก็เป็นแบบนั้น ผมมีเพื่อนมากมายเลยครับ เด็กในนี้ผมรู้จักเกือบทุกคน แล้วผมจะแนะนำให้พี่รู้จัก จะได้ไม่เหงา" พี่สาว "ไม่ต้องหรอก 6 เดือนนี้ พี่รู้จักเราคนเดียวก็พอ ต่อไปนี้ ทุกเช้าพี่จะมารอน้องที่ใต้ต้นตาเบบูญ่านะ เราจะได้เดินไปเป็นเพื่อนกัน" ผม "ก็ดีครับ จะได้มีเพื่อนคุย" และเราก็เดินต่อไปตามเส้นทางแสนสวย และบทสนทนาที่สนุกสนาน การคุยกับพี่สาวเป็นเรื่องสนุกสำหรับผม เพราะเธอจะสนใจทุกๆเรื่องที่ผมชอบ เธอจะไม่คุยในเรื่องที่ผมไม่สนใจ ซึ่งปกติผมไม่ชอบคุยกับผู้หญิงมากนัก และเบื่อเรื่องที่สาวๆ พูดคุยกัน รู้สึกมันไร้สาระ อ่า...

จากวันนั้นที่เรารู้จักกัน ทุกๆวัน ผมก็จะมาเจอพี่แก้ว ที่ใต้ต้นตาเบบูญ่าเสมอ และจะเดินคุยกันด้วยเรื่องราวมากมาย ที่จะสรรหามาเล่าสู่กันฟัง จนเราสนิทสนมคุ้นเคยกัน และในวันวันลอยกระทง พี่สาว "ลอยกระทงกับพี่นะ ที่สระน้ำใต้ต้นตาเบบูญ่า นี่หล่ะ" ผม "พี่ชวนผมช้าไปแล้วล่ะ ผมต้องไปลอยกับเพื่อนที่แม่น้ำนะครับ แล้วคงกลับดึกด้วย" พี่สาวท่าทางผิดหวัง "ไปกับเพื่อนผู้หญิงรึเปล่า" ผม "ครับ.. พี่ไปด้วยกันไหม" พี่สาว "ไม่ล่ะ เพื่อนหญิงน้องคงไม่สนุกแน่ ถ้าพี่ไป ว่าแต่.. เป็นแฟนกันหรอ" ผม "ไม่หรอกครับ ผมยังไม่คิดเรื่องนี้ ผมยังไม่อยากมีแฟน เขาอาจจะคิดก็ได้ แต่ผมคิดว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน" พี่สาว "ทำไมไม่อยากมีแฟน??" ผม "ก็เคยมี... แค่เค้าขอเป็นแฟน ผมก็โอเค แต่วันหนึ่งเราทานข้าวกัน แล้วเค้าก็ให้ผมจ่ายอยู่คนเดียว คือ... พ่อแม่ผมเลิกกัน แม่เอาผมมาให้ป้าเลี้ยง แค่อยู่กินค่าเล่าเรียนผมก็รบกวนป้ามากอยู่แล้ว ผมคงไม่เอาเงินไปเลี้ยงใครแบบนั้นอีก ก็เลยไม่อยากมีแฟน คบเป็นเพื่อนสบายใจกว่า" พี่สาว "เพื่อนหรอ... งั้นพี่จะรอให้น้องกลับมา เที่ยงคืนนะ พี่จะรออยู่ที่เดิม"

แต่กว่าผมจะกลับมาถึงก็ตี 1 กว่าแล้วครับ เพราะเพื่อนผมเขาอยากลอยตามทำเนียม คือเที่ยงคืน และกว่าจะไปส่งกันอีก สมัยนั้นโทรศัพท์มือถือไม่มีหรอกครับ นัดต้องเป็นนัด แต่พี่สาวก็ยังรอผมอยู่ ลอยกระทงเสร็จ เราก็นั่งชมจันทร์กันเป็นชั่วโมงก่อนจะกลับเข้าบ้าน

พี่สาวสอบได้เรียนพยาบาลที่กรุงเทพ และนั่นหมายถึงเราต้องจากกัน ก่อนจากกันพี่สาวเอารูปถ่ายตอนที่เราลอยกระทงด้วยกันไปใส่กรอบและให้ผมเป็นของที่ระลึก จากนั้นเราก็คุยกันทางจดหมายระยะหนึ่ง(ถ้าสมัยนี้คงแชทกระจาย) แต่ดูเหมือนว่าหลายเรื่องที่ผมเล่าให้พี่สาวฟัง จะทำให้พี่สาวขุ่นข้องหมองใจประจำ บ่อยครั้งที่ถ้อยคำจากพี่สาว เต็มไปด้วยการประชดประชัน และข้อความที่ยากจะเข้าใจ แต่มันก็ดูไม่น่าอ่านนัก จนผมรู้สึกว่า ผมทำตัวน่ารำคาญ และพี่สาวไม่ได้อยากจะติดต่อกับผมแล้ว ก็เลยพยายามถอยห่างออกมาจนเราไม่ได้ติดต่อกันในที่สุด

เมื่อถึงวันหนึ่งตอนผมย้ายบ้าน ระหว่างขนส่ง กระจกกรอบรูปนั้นแตก ผมเลยเอารูปออกเพื่อจะเปลี่ยนกรอบ และพบว่าหลังรูปเขียนข้อความไว้ว่า "ไม่รู้จริงๆหรือ ว่าพี่รักเรามากแค่ไหน ไม่ใช่แค่พี่สาว น้องไม่เข้าใจความรู้สึกพี่ หรือสิ่งที่น้องแสดงออกนั้นเพื่อที่จะปฏิเสธพี่ แต่พี่ก็รักน้องนะ รักจนยากจะตัดใจลืม" ผมอยากจะขอโทษ ผมเข้าใจแล้ว แต่มันก็สายไปแล้วใช่ไหม... มันเป็นเพียงอดีต... สำหรับผมมีเพียงแค่ปัจจุบันให้สร้างสรรค์และอนาคตให้ก้าวเดินต่อไป ซึ่งอดีตนั้นไม่อาจหวนคืน แต่ถึงลมจะพัดหวนมาได้ เราก็คงเป็นได้แค่เพื่อนกัน...

ตาเบบูญ่าเป็นไม้ดอกงดงาม ทว่าออกดอกให้ชื่นชมเพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น การจะชื่นชมความงามสีชมพู จำเป็นต้องเฝ้ารออย่างใจเย็น ต้องอาศัยเวลา และการดูแลที่เหมาะสม เหมือนความรัก กว่าจะพลิดอกงดงาม ก็ต้องอาศัยเวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน รักและทุ่มเท และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ความรักที่สวยงามสีชมพูก็ผลิบาน แต่ถ้ามันไม่เบ่งบาน ก็ไม่ได้หมายความว่า ต้องทำลายมันไป เพราะมิตรภาพก็สวยงามไม่แพ้ความรักเช่นกัน

|
Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2555 |
Last Update : 17 มีนาคม 2557 15:37:33 น. |
|
17 comments
|
Counter : 6004 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: Patteera วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:17:20:18 น. |
|
|
|
โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:1:24:23 น. |
|
|
|
โดย: kitpooh22 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:11:24:16 น. |
|
|
|
โดย: Tiwanon48 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:12:21:01 น. |
|
|
|
โดย: ดอกแก้ว (tanH2O ) วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:10:46:51 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:9:31:40 น. |
|
|
|
โดย: พี่นู๋อ้อ (pinuaoo2006 ) วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:11:08:03 น. |
|
|
|
โดย: ประกายพรึก วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:14:17:18 น. |
|
|
|
โดย: deco_mom วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:16:00:47 น. |
|
|
|
โดย: Lika ka วันที่: 1 มีนาคม 2555 เวลา:11:45:12 น. |
|
|
|
โดย: Lika ka วันที่: 3 มีนาคม 2555 เวลา:11:52:14 น. |
|
|
|
โดย: coji วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:14:39:15 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| | |