"พระราชดำรัส" อย่าให้หายไปพร้อมกับไฟของการเฉลิมฉลอง
พระราชดำรัสในการเสด็จออกมหาสมาคมในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช ๒๕๕๔ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท วันจันทร์ ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ -------------------------------- ขอขอบพระทัยและขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ที่มีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด รวมทั้งให้คำมั่นสัญญาโดยประการต่าง ๆ.ข้าพเจ้าขอสนองพรและไมตรีจิตทั้งนั้นด้วยใจจริง เช่นกัน. ท่านทั้งหลายในที่นี้ ผู้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญ ทั้งฝ่ายพลเรือน และทหาร ย่อมทราบแก่ใจอยู่ทั่วกันว่า ความมั่นคงของประเทศชาตินั้นจะเกิดมีขึ้นได้ ก็ด้วยประชาชน ในชาติอยู่ดีมีสุข ไม่มีทุกข์ยากเข็ญ. ดังนั้น การใดที่เป็นความทุกข์เดือดร้อนของประชาชน ทุกคนทุกฝ่ายจึงต้องถือเป็นหน้าที่ ที่จะต้องร่วมมือกันปฏิบัติแก้ไขให้เต็มกำลัง. โดยเฉพาะ ขณะนี้ ประชาชนกำลังเดือดร้อนลำบากจากน้ำท่วม จึงชอบที่จะร่วมมือกันปัดเป่าแก้ไขให้ ผ่านพ้นไปโดยเร็ว และจัดทำโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน. อย่างเช่นโครงการต่าง ๆ ที่เคยพูดไว้นั้น ก็เป็นการแนะนำ ไม่ได้สั่งการ แต่ถ้าปรึกษากันแล้ว เห็นว่าเป็นประโยชน์ คุ้มค่า และทำได้ ก็ทำ. ข้อสำคัญ จะต้องไม่ขัดแย้งแตกแยกกัน หากจะต้องให้กำลังใจ ซึ่งกันและกัน เพื่อให้งานที่ทำบรรลุผลที่มีประโยชน์ คือความผาสุกของประชาชน และความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติ. ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่าน ให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย และอำนวยความสุขความเจริญ ให้แก่ท่านทั่วกัน.
---------------------------------------------------
เพลงพระราชนิพนธ์ "ความฝันอันสูงสุด"
วัดพระแก้ว ในค่ำคืนที่ไม่เงีบยเหงาอีกแล้ว มีช้างสีขาวสามเชือกอยู่ด้านหน้า
แสงไฟแห่งการเฉลิมฉลองย่อมดับลงในสักวันหนึ่ง แต่สิ่งที่พระองค์ทรงแนะนำยังคงเป็น ดั่งแสงสว่างส่องนำทางเราคนไทยทุกคน อย่าปล่อยให้ดับมืดไปพร้อมแสงไฟนี้เลย..
----------------------------------------------------
ราตรีบางกอกที่พิเศษเช่นนี้มีโอกาสออกไปชมความงามของไฟประดับ เก็บและคัดภาพที่ (คิดว่า)ดีพอจะมาแบ่งปันกันชมได้ หลังจากผ่านการปรับแก้มาบ้างแล้ว เริ่มที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ยังมีคนมาสักการะพระบรมรูปอยู่พอสมควร เมื่อมีคนมาก ก็มีร้านค้ามาตั้งวางอยู่หลายร้าน
ลานพระบรมรูปทรงม้า
พระที่นั่ง อนันตสมาคม
ภาพต่อมา เป็นภาพดวงไฟที่แขวนกับต้นไม้ บนทางเดินด้านข้างลานพระรูปฯ ขณะที่ถ่าย มีสายลมหนาวพัดเอื่อยๆ แสงไฟจึงดูพริ้วไหว และแสงฟุ้งมากเพราะไม่ได้เช็ดหน้าเลนส์เลย !
ทางเดินเท้าด้านข้างลานพระรูปฯ
เมื่อหันออกมาทางถนนราชดำเนินนอก ตรงข้ามลานพระรูปฯ ก็เป็นซุ้มแรกของถนนสายนี้ ดูเหมือนมีหมอกลงจางๆ เป็นผลจากความหลงลืม แต่ก็ได้บรรยากาศดีเหมือนกัน แหล่ะ
ซุ้มไฟประดับซุ้มแรกถนนราชดำเนินนอก
จากนั้นขยับห่างออกมาอีกหน่อย มีซุ้มระหว่างทางมาถนนราชดำเนินนอก มุ่งมาทาง ถนนราชดำเนินกลาง มีหลายซุ้มแต่ถ่ายเท่าที่จะสะดวกจอดรถแล้วลงไปเก็บภาพได้ ซุ้มไฟประดับอีกซุ้ม บนถถนราชดำเนินนอก
จากนั้นมาที่ถนนราชดำเนินกลาง จุดแรกที่ป้อม มหากาฬ จุดนี้มีมาสองภาพ ภาพแรกนี้ไปยืนเกะกะขวางทางคนข้ามถนนอยู่บนเกาะกลางถนนราชดำเนิน
ไฟประดับที่ ป้อมมหากาฬ
อีกภาพ เป็นภาพที่ถ่ายจากฝั่งตรงข้าม ถ่ายกลับมาหวังเก็บภูเขาทองมาด้วยซึ่งก็ เก็บได้ดั่งใจ แต่ขออภัย เบลอเล็กน้อย เพราะเน้นโฟกัสที่ป้อมอย่างเดียว
ป้อมมหากาฬ และวัดภูเขาทอง
อีกภาพ เป็นภาพของอาคารอาคเนย์ประกันภัย ประดับไฟไว้สวยงามมาก
อาคาร อาคเนย์ประกันภัย
ไฟประดับบนถนนราชดำเนิน ใกล้กับ อาคารอาคเนย์
โลหะปราสาท ที่อยู่ห่างจากถนนเข้าไปหน่อย ก็เป็นจุดที่น่าชมมากอีกจุดหนึ่ง นอกจากคนไทยแล้ว ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาตั้งกล้องถ่ายภาพอยู่ด้วย
โลหะปราสาท อยู่ติดกับ ป้อมมหากาฬ
โลหะปราสาท ในมุมใกล้
ผ่านอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย จะผ่านเลยไปได้อย่างไร เลยหยุดเก็บภาพสักหน่อย น่าเสียดายที่คืนนี้ไม่ได้ติดไฟประดับที่ตัวอนุเสาวรีย์ น่าจะโดดเด่นกว่านี้มาก
อนุเสาวรย์ประชาธิปไตย คืนนี้ไม่มีไฟประดับ มีแต่ไฟส่องสว่างเท่านั้น
ระหว่างอยู่แถวนั้น เห็นพวงหลอดไฟห้อยระย้าลงมา เลยลอง"ระเบิดซูมดู ก็ได้ภาพแปลกตาดี ลองอยู่หลายภาพ มีภาพนี้พอใช้ได้ภาพเดียว
ภาพนี้ไม่มีอะไร กดแล้วซุม ได้ภาพแปลกตาดี
จากนั้นไปต่อกันที่วัดพระแก้ว ผ่านบริเวณหน้าศาลอาญา มีการแสดงอะไรสักอย่าง คนยืนมุงดูกันหนาแน่นบรรยากาศคืนนี้คึกคัก แม้ว่าจะล่วงเข้ามาเที่ยงคืนแล้วก็ตาม
จอดรถแล้วเดินไปเริ่มที่กระทรวงกลาโหม ตัวอาคารมีสีเหลืองอยู่แล้ว พอได้แสงไฟประดับช่วยทำให้ตัวอาคารโดดเด่นและสวยงามมาก
ไฟประดับ กระทรวงกลาโหม
ฝั่งตรงข้ามคือวัดพระแก้ว ที่เมื่อคืนหนึ่งที่ได้เคยผ่านมาไม่สวยอย่างนี้ แต่สำหรับคืนนี้ภายใต้บรรยากาศของการเฉลิมฉลองกลับงดงามเหลือเกิน
วัดพระแก้ว คืนนี้แสงไฟสาดส่อง เปล่งประกายสีทองเหลืองอร่าม
วัดพระแก้ว คืนนี้งดงามราวกับเมืองในเทพนิยาย
สุดท้าย....เราก็ถึงเวลากลับบ้าน ด้วยความอิ่มใจ ใกล้ปีใหม่แล้ว เวลาผ่านเราไปเร็วมาก หลายคน ชีวิตต้องเดินทางอีกไกล บางครั้งเจอทางที่มืดมน แต่จะผ่านพ้นไปด้วยแสงสว่าง แห่งปัญญา มีจริยธรรม คุณธรรม ช่วยส่องนำทางไปข้างหน้า ไม่ต้องขอพรจากใคร เชื่อว่า ชีวิตไม่มีอัปจน ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมและทักทาย.......................สวัสดีปีใหม่ครับ
Create Date : 15 ธันวาคม 2554 |
|
44 comments |
Last Update : 14 มิถุนายน 2557 20:59:26 น. |
Counter : 8580 Pageviews. |
|
|
|