การท่องเที่ยว ถือเป็นการหากำไรชีวิต แต่ละคนก็มีวิธีการเดินทางแตกต่างกันตามความสะดวกและอุปนิสัยของแต่ละคน สำหรับผม ชอบวิธีขับรถเที่ยวและวางแผนการเดินทางด้วยตัวเอง ข้อเสียก็มี แต่ข้อดีที่ผมชอบมีมากกว่า และรถยนต์เป็นหัวใจของสำคัญของการเดินทางด้วยวิธีนี้ ดังนั้นการดูแลตรวจเช็คสภาพรถยนต์อย่างดีก่อนออกเดินทางจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำทุกครั้ง ละเว้นและหลงลืมไม่ได้เด็ดขาด.และจากประสพการณ์ที่ผ่านมาหลายปี ที่เรามีโอกาสจัดสรรเวลาขับรถออกไปท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวตามต่างจังหวัดทั่วทุกภาค แต่ก็ยังนับว่าน้อยมาก เมื่อเที่ยบกับนักท่องเที่ยวตัวจริง เพราะปีหนึ่ง ๆ เราเดินทางจริงจังเพียงแค่สองถึงสามครั้งเท่านั้น ทั้งที่ชอบเที่ยวมากเวลาไปเที่ยวกันก็ไม่เคยได้ไปเพียงลำพังพ่อแม่ลูกเลย ทุกครั้งจะมีพี่ ๆ น้อง ๆไปเที่ยวด้วยกันไม่มีเหงา บางครั้งต้องนั่งอัดกันไปอย่างทรหดตลอดทั้งคืนตั้งแต่ค่ำ ๆ จนถึงเที่ยงของอีกวันหนึ่ง! ลานจอดรถ ผาแต้มภาหนะคู่ใจ ที่พาเราไปสู่จุดหมายปลายทางตั้งแต่ครั้งแรก ยังคงรับใช้เรามาจนถึงวันนี้เป็นเวลานานมาก นานเท่ากับอายุลูกสาวน่ารักของเรา นับได้ 14 ปีเข้าไปแล้วครับพี่น้องแต่สิ่งที่ประทับใจ ตลอดสิบสี่ปีที่ผ่านมา ไม่เคยทำให้เรา"กลับไม่ได้"หรือ"ไปไม่ถึง" เลยหน้าวัด พระธาตุพนม เรื่องการดูแลบำรุงรักษา ก็ทำไปตามระยะเวลาที่เหมาะสม ตามแบบของสภาพยุการใช้งานอาการเสียของอะไหล่ต่าง ๆ ก็มีบ้าง ตามอายุอะไหล่ชิ้นนั้น ๆ แต่ที่โชคดีอยู่อย่างที่เวลารถเสียจะเสียตอนใช้งานในกรุงเทพ ก็สามารถประคองกลับมาหาอู่ช่าง ที่ไว้ใจได้ประจำอยู่ข้างบ้านถนนใน อุทยานแห่งชาติ"ภูเวียง"แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้นจนได้.... วันอาทิตย์ สองอาทิตย์ที่ผ่านมา เดินทางไปรับงานที่ สุวรรณภูมิ แต่ต้องไปแวะส่งลูกสาวก่อนน้องฝ้ายมีนัดกะพี่เดียร์จะไปว่ายน้ำกัน ระหว่างทางขณะจอดติดไฟแดงอยู่รถก็เริ่มมีอาการเตือนเริมต้นด้วยรอบเครื่องเดินเบาสวิง แล้วดับ ! สตาร์ทใหม่แล้วต้องคอยเลี้ยงรอบไว้ ไอ้อาการแบบนี้เคยเป็นมาครั้งสองครั้งแล้วหล่ะ ตัวช่วยเร่งรอบเดินเบามันสกปรก ล้างทำความสะอาดก็หายแล้วขับต่อมาอีกสักพักใหญ่ แอร์ดับ!!อ้าว แล้วกัน มีแต่ลมไม่มีความเย็นเลย ขับรถกลางแดดเปรี้ยงแล้วไม่มีแอร์ ทั้งภรรยาและลูกสาวเริ่มอึดอัด ผมเองก็งุนงงไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่เพิ่งจะเปลี่ยนคอมแอร์มาไม่ถึงสองเดือน หรือคอมใหม่เสียซะแล้ว!! รถก็ติดมาก...ร้อน...หงุดหงิดถนนทางขึ้น"หินช้างสี" ริมเขื่อน อุบลรัตน์ ขอนแก่น ไม่รู้อะไรมาบังตา (ถามด้าย...อะไรมาบังตา ความขี้ลืมอะมั้ง) ที่ไม่ได้มองดูเข็มความร้อนเล้ยยยมาเห็นอีกที อะจ๊าาาก เข็มความร้อนชี้ขึ้นสูงสุด โหยต้องจอดเดี๋ยวนี้ แต่ไม่ใช่ที่รถติดมากขนาดนี้ไม่ใช่ห่วงรถอย่างเดียว เพราะระหว่างรอเครื่องเย็นคนในรถก็ต้องหาที่หลบร้อนด้วยแต่ตรงนี้ไม่มีแต่ห่างไปราว สองร้อยเมตร มีที่ร่มใต้สะพานข้ามคลอง ตัดสินใจค่อย ๆ คลานไปที่นั่นเหมาะมากที่สุดช่วงที่รถติดก็ดับเครื่องเลย พอรถขยับก็สตาร์ทขับต่อ ลุ้นไปจนกระทั่งถึงเชิงสะพานอีกแค่เพียง สองช่วงรถก็เข้าที่จอดอยู่แล้ว ทันไดนั้นเอง เสียงดัง"ฟลุ๊บ" พร้อมกับไอน้ำกระจายออกมาจากหน้ารถ จ๊าากก..(เป็นครั้งที่สอง) หม้อน้ำระเบิดซะแล้ววววว แต่เครื่องยังไม่น็อค ส่งถึงที่จอดจนได้แวะชม อช .ภูพาน ที่สกลนคร ตอนไปตะลอนอิสานรอบสองผมนึกโกรธตัวเองมาก ที่วันนี้ไม่ได้ทำการเช็ครถก่อน ทุกครั้งจะต้องเปิดกระโปรงรถ สตาร์ทเครื่องเปิดแอร์ ดูพัดลมหน้ารถทั้งสองตัวว่าหมุนหรือเปล่า เพราะเคยเกิดเหตุมาแล้วครั้งหนึ่ง สายไฟพัดลมโดนหนูกัด เครื่องร้อนระหว่างทาง แต่ครั้งนั้นเห็นเข็มความร้อนก่อนจึงจอดรถได้ทัน ขับประคองกลับได้แต่วันนี้มาถึงรถแล้ว ลืมโทรศัพท์..เอ้า!! วิ่งกลับไปเอา กลับมาที่รถได้ก็ออกรถเลย...เลยเป็นเรื่องงงงรถเสีย เราเสียงาน ลูกสาวก็ต้องมาติดเหง็กอยู่ด้วย เซ้งโคตร. ไม่น่าพลาดเล้ยเรา..ผ่าสิ!! แต่มานึกอีกทีขนาดเครื่องจำโบ้ มีนักบินตั้งสองคน เช็คลิสทุกครั้งก่อนขึ้นบิน มีเครื่องยนต์ตั้ง สี่ เครื่อง.....ยังตกได้แล้วเราล่ะ...ขับก็ขับคนเดียว เครื่องยนต์ก็เครื่องเดียว มันก็ย่อมพลาดกันได้บ้างเป็นธรรมดาอ่ะนะ อิอิ..ถนนสายเปลี่ยว ทางขึ้น อช.นันทบุรี อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่านงานนี้สุดท้ายจริง ๆ ต้องลากกลับ ไม่สามารถประคองไปได้ไกล ค่าใช้จ่ายที่ระเหยไปพร้อมกับไอน้ำเป็นเงิน หกพันเศษ เปลี่ยนหม้อน้ำใหม่เปลี่ยนมอเตอร์พัดลม ทำเพียงสองอย่างเท่านั้น ที่ยังมีโชคดีที่เครื่องยนต์ไม่เป็นอะไร ไม่เช่นนั้น หมื่นอาจไม่พอ ต่อไปนี้ต้องหมั่นดูเข้มความร้อนบ่อยๆ ตามอายุรถอย่างน้อยก็ช่วงเวลาที่เสียเงินไปใหม่ๆ อิอิ หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ลืม...เหมือนเดิม.....ขอบคุณที่เข้าชม สวัสดีครับ.
รินดูบล็อกคุณหมุนใน Chrome มันตีกันหมดเลยค่ะ
ทำไงดีน้อ
กล่องเม้นลอยมาตรงกลาง
พื้นหลังสีเทา อ่านกันสีตัวอักษรไม่ได้เลยค่ะ