lozocat
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
7 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
วันที่ 7 สู้เพื่อตัวเอง ใจฟ่อ. กินชาเย็นแก้ช้ำใจ!

บทความมาฝากค่ะ จาก //on-diet.com/weightControl.asp

การควบคุมน้ำหนัก เป็นการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และทำไม่ยาก ถ้าเข้าใจ
วัตถุประสงค์ในการควบคุมน้ำหนัก ก็เพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง
น้ำหนักตัวที่มากเกินไปทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงหลายชนิด ดังนั้นการควบคุมน้ำหนักตัวให้คงที่และในระดับที่เหมาะสม ย่อมเป็นส่วนหนึ่ง ของข้อควรปฏิบัติเบื้องต้นในการดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง กระฉับกระเฉง และ สร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง
แต่ในปัจจุบัน วัฒนธรรมแบบตะวันตกที่แพร่ขยายมากขึ้น ทำให้คนที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไปค่อยๆเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน



คุณเคยประสบปัญหาในการควบคุมน้ำหนักตัวหรือไม่
คนส่วนใหญ่ที่ไม่ประสบผลสำเร็จในการควบคุมน้ำหนักตัวให้ เหมาะสม มักเกิดจากความเข้าใจในเรื่องการควบคุมน้ำหนักตัวที่ไม่ถูกต้อง เป็นผลให้ต้องพบกับปัญหาอื่นๆตามมา เช่น

*น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาเท่าเดิมภายหลังจากพยายามลดน้ำหนักลงมาแล้ว
*รู้สึกทรมานอย่างมากกับความพยามยามทนหิว โดยไม่กินอาหารอร่อยถูกปาก แต่ในที่สุดก็ไม่สำเร็จ
*เสียเวลามากเกินไปในการเสาะหาวิธีลัดที่จะลดน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็วแต่ในที่สุดก็ไม่สำเร็จ
*น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น ทั้งที่รับประทานอาหารเท่าเดิม

ดังนั้นวิธีการควบคุมน้ำหนักตัวให้ประสบผลสำเร็จ ควรเริ่มต้น จากการทำความเข้าใจความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ดีก่อน

ความรู้พื้นฐาน
1. พลังงานที่ร่างกายได้รับ > พลังงานที่ร่างกายใช้ไป = อ้วน
ในแต่ละวันร่างกายของเราจะได้รับพลังงานจากอาหารที่รับประทานเข้าไป ไม่ว่าจะรับประทาน อาหารในเวลาใดๆก็ตาม เช่นเวลาเช้า กลางวัน หรือ ก่อนนอน ถ้ารับประทานอาหารชนิดเดียวกันในปริมาณเท่ากัน ย่อมจะได้พลังงานที่เท่ากันเสมอ
เมื่อร่างกายได้รับพลังงานจากอาหารในหนึ่งวัน มากกว่าพลังงานที่ร่างกายใช้ไปในหนึ่งวัน นั่นย่อมหมายถึง พลังงานส่วนเกินจะถูกเก็บสะสมเปลี่ยนเป็นไขมัน ส่งผลให้้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยพลังงานที่ขาดหรือเกินไปจำนวน 7500 แคลอรี จะทำให้้น้ำหนักตัวลดลงหรือเพิ่มขึ้นตามลำดับเป็นจำนวน 1 กิโลกรัม

คำแนะนำ
ไม่ควรรับประทานอาหารเร็วเกินไปจนรู้สึกอิ่มแล้วถึงหยุด แต่ควรรับประทานอาหารช้าๆ และหยุดรับประทานอาหารก่อนที่จะรู้สึกอิ่ม เพราะถึงแม้ว่าร่างกายของเราจะทำงานด้วยระบบรับรู้และตอบสนองที่รวดเร็ว แต่การรับรู้ในเรื่อง “อิ่มพอดี” จากอาหารเต็มกระเพาะกลับต้องใช้เวลาถึง 15 - 20 นาทีจึงจะถูกส่งมาถึงสมอง
ควรกินอาหารมื้อหลักให้ครบทั้งสามมื้อ และไม่ควรเลื่อนเวลา อาหารมื้อหลักให้นานออกไปจนรู้สึกหิว เพราะความหิวจะยิ่งกระตุ้น ให้รับประทานอาหารหมดเร็วขึ้นกว่าปกติ และการรับรู้ “อิ่มพอดี” จากอาหารเต็มกระเพาะจะต้องใช้เวลานานกว่าปกติถึงจะถูกส่งมายังสมอง
ควรมีอาหารว่างหรือเครื่องดื่มที่ให้พลังงานต่ำ เสริมระหว่าง อาหารมื้อหลัก เพื่อป้องกันความรู้สึก “หิว” เมื่อถึงเวลาอาหารมื้อ หลักมื้อต่อไป

จากความรู้พื้นฐานข้อที่หนึ่งนี้ จะเห็นได้ว่ามีคำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง ด้วยอยู่ สามคำได้แก่
**น้ำหนักตัว
**พลังงานที่ร่างกายได้รับจากอาหาร และ
**พลังงานที่ร่างกายใช้ไป
คำศัพท์ทั้งสามคำนี้จะถูกขยายความเป็นความรู้พื้นฐานในข้อต่อๆไป


2. 2/3 ของน้ำหนักตัวเกิดจากน้ำ เพียง 1/3 ของน้ำหนักตัวเท่านั้นที่เกิดจากเนื้อเยื่อ
ร่างกายของคนเราประกอบด้วยส่วนประกอบหลักๆ สองส่วนด้วยกันคือ

1. ส่วนของน้ำ ได้แก่ เลือดในหลอดเลือด น้ำเหลืองในเนื้อเยื่อต่างๆ น้ำย่อยในระบบทางเดินอาหาร และปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น น้ำหนักของน้ำ ในร่างกายคนเรามีมากถึงประมาณ 2/3 ของน้ำหนักตัวทั้งหมด
ในแต่ละวัน ส่วนของน้ำนี้เองจะเป็นส่วนที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ถ้าน้ำหนักตัวของเราจะลดลงอย่างรวดเร็ว
--> เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำ ไปกับเหงื่อโดยการอบด้วยอากาศร้อน
--> เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำ ไปกับอุจจาระโดยการกินยาระบาย
--> หรือเมื่อร่างกายสูญเสียน้ำ ไปกับปัสสาวะโดยการกินยาขับปัสสาวะ

แต่การควบคุมน้ำหนักตัวด้วยวิธีขับน้ำออกจากร่างกายเช่นนี้ เป็นวิธีที่ไม่มีประโยชน์ใดๆต่อร่างกาย และน่าจะถือว่าเป็น การหลอกตัวเองมากกว่า

2. ส่วนของเนื้อเยื่อ ได้แก่ กล้ามเนื้อ กระดูก อวัยวะภายใน และไขมันส่วนเกิน เป็นต้น น้ำหนักของเนื้อเยื่อในร่างกายคนเรามีประมาณ 1/3 ของ น้ำหนักตัวเท่านั้น และ กระบวนการเผาผลาญไขมันส่วนเกินนี้ ไม่สามารถเสร็จสิ้น ได้อย่างรวดเร็ว โดยปกติเฉลี่ยประมาณ ครึ่ง ถึง หนึ่งกิโลกรัม ต่อสัปดาห์
การควบคุมน้ำหนักตัวด้วยวิธีเผาผลาญไขมันส่วนเกินนี้ จึงนับเป็นวิธีที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างแท้จริง

คำเตือนเรื่องการลดน้ำหนัก
ยาระบาย ไม่ใช่ ยาลดน้ำหนัก

การลดน้ำหนักที่ถูกต้อง ควรลดน้ำหนักตัวลงอย่างช้าๆประมาณครึ่งถึงหนึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์


3.พลังงานส่วนเกินที่ร่างกายได้รับจากอาหารมาจาก น้ำตาล และน้ำมัน

อาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวัน ประกอบด้วยสองส่วนคือ
1. อาหารที่ให้สารจำเป็นต่อสุขภาพ ได้แก่ ข้าว-แป้ง นม-เนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ เราไม่สามารถงดรับประทานอาหารกลุ่มนี้ เนื่องจากอาหารเหล่านี้จำเป็น ต่อสุขภาพที่แข็งแรง
2. อาหารที่ให้แต่พลังงาน ได้แก่ น้ำตาล และน้ำมัน พลังงานจากอาหารกลุ่มนี้ เป็นพลังงานส่วนเกินที่ร่างกายจะเก็บสะสมไว้ โดยการเปลี่ยนรูปไปเป็น ไขมันส่วนเกิน เราสามารถงดรับประทานอาหารกลุ่มนี้ เนื่องจากอาหารเหล่านี้ ไม่จำเป็นต่อสุขภาพที่แข็งแรง

ทั้งแป้งและไขมัน เป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการ แต่โดยธรรมชาติของอาหารที่เรารับประทาน จะมีส่วนผสมของสารกลุ่มแป้งกับไขมันอยู่แล้ว เช่น ข้าวสวยมีแป้ง หมูปิ้งมีไขมัน ฯลฯ ดังนั้นการรับประทานโดยเจตนาเพิ่ม น้ำตาล(กลุ่มแป้ง)และน้ำมัน(กลุ่มไขมัน) เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

น้ำตาล ถูกเรียกว่าเป็น พลังงานว่างเปล่า (Empty Calories) เนื่องจากให้พลังงานแต่ไม่ให้สารอาหารใดๆ โปรดอย่าลืมว่า อาหารบางอย่างมีน้ำตาลหรือน้ำมันแฝงมาโดยที่เรามองไม่เห็น เช่น
น้ำตาลกลูโคสในน้ำอ้อยหรือน้ำผึ้ง , น้ำตาลฟรุกโตสจากน้ำผลไม้เข้มข้น
หรืออาจแฝงตัวอยู่ในชื่อแปลกๆอื่นๆ เช่น เด๊กโตสไซรัป, มอลโตส, แลกโตส, คอร์นไซรัป เป็นต้น
เหล่านี้ ถือเป็นน้ำตาล และล้วนให้พลังงานส่วนเกินสูง ไม่ต่างจากน้ำตาลทรายละลายน้ำ

ส่วนน้ำมันพืช (ที่ไม่เป็นไขเมื่อถูกความเย็น) หรือครีมเทียม ก็ให้พลังงานเท่าๆกับน้ำมันจากสัตว์ (ที่เป็นไขเวลาถูกความเย็น)

การควบคุมอาหารไม่จำเป็นต้องรับประทานเฉพาะผัก และผลไม้จืดๆเท่านั้น แต่เราสามารถควบคุมอาหารโดยที่ยังคงมีความสุขกับการรับประทานอาหารอร่อยๆได้ ด้วยการเติมรสหวานจากสารให้ความหวานที่ไม่มีพลังงานแทนน้ำตาล, ใช้การปิ้ง-อบอาหารแทนการทอด, เลือกอาหารสำเร็จรูปชนิดพิเศษที่ให้พลังงานต่ำกว่าปกติ เป็นต้น

คำแนะนำ
/ใช้สารให้ความหวานที่ไม่มีพลังงาน แทนการบริโภคน้ำตาล
/ปรุงอาหารด้วยการปิ้ง-อบ แทนการทอด
/เลือกซื้ออาหารสำเร็จรูปชนิดพิเศษที่ให้พลังงานต่ำกว่าปกติ แทนอาหารสำเร็จรูปธรรมดา


4.พลังงานส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย
ส่วนการออกกำลังกายใช้พลังงานเพียงส่วนน้อยของพลังงานทั้งหมด

คนหนุ่มสาวอายุ 25ปี ส่วนใหญ่ที่ใช้ชีวิตในเมืองจะใช้พลังงานรวม (หน่วยเป็นแคลอรี) ต่อวัน เท่ากับประมาณ 30 คูณกับน้ำหนักตัว (หน่วยเป็นกิโลกรัม) ตัวอย่างเช่น คนอายุ 25ปี น้ำหนักตัว 55 กิโลกรัมจะใช้พลังงานประมาณ 1650 แคลอรีต่อวัน
พลังงานที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ส่วนใหญ่(ประมาณ 2/3 ของพลังงานที่ใช้ไปทั้งหมด) ถูกใช้ไปกับการทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย ซึ่งเกิดขึ้นแม้ในขณะเรากำลังพักผ่อน-นอนหลับ(หรือเรียกว่า พลังงานขณะพัก) เช่น การเต้นของหัวใจ การขยับตัวของกระบังลมเวลาหายใจ การบีบตัวของลำไส้ การดูดซึมและย่อยสารอาหาร เป็นต้น

พลังงานส่วนน้อยเท่านั้น(ไม่เกิน 1/3 ของพลังงานรวมทั้งหมด) ที่จะถูกใช้ไปกับการทำงาน-ออกกำลังกาย

ตัวอย่างเช่น คนอายุ 25ปี น้ำหนักตัว 55 กิโลกรัม จะใช้พลังงาน 1100 แคลอรีต่อวัน (หรือพลังงานที่ได้จากอาหารสองมื้อ) ไปกับการทำงานของอวัยวะภายในซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดเวลาแม้ในขณะเราพักผ่อนหรือนอนหลับ และใช้พลังงานเพียง 550 แคลอรีต่อวัน (หรือพลังงานที่ได้จากอาหารหนึ่งมื้อ) ในการทำงานหรือออกกำลังกาย

นั่นหมายความว่า หากคุณต้องการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกาย คุณจะต้องออกกำลังกายหนักมากและอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปได้ยาก


พลังงานขณะพักจะลดลงเมื่อ
(a)เรามีอายุมากขึ้น หรือ น้ำหนักตัวลดลง
เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ พลังงานที่ใช้ไปกับการทำงานของอวัยวะภายใน จะลดลงประมาณ 5 แคลอรี/วัน/อายุที่เพิ่มขึ้น 1 ปี
ฉะนั้น ถ้าคนเรารับประทานอาหารเหมือนเดิม และมีกิจกรรมเหมือนเดิมไปตลอด เราจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหนึ่งกิโลกรัมทุกๆสี่ปี

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คนเราต้องการพลังงานน้อยลง สวนทางกับอายุที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น เพื่อคงน้ำหนักตัวที่เหมาะสมไว้ เราจึงต้องระมัดระวังเรื่องการรับประทานน้ำตาลและน้ำมัน ตามวัยที่มากขึ้น

(b) เมื่อน้ำหนักตัวของเราลดลงร่างกายจะมีการปรับตัว โดยลดการใช้พลังงานในการทำงานของอวัยวะภายในแบบอัตโนมัติ

ฉะนั้น เพื่อเผาผลาญพลังงาน 350 แคลอรี่ ถ้าเราน้ำหนัก 60 กิโลกรัม อาจต้องวิ่ง 50 นาที แต่ถ้าเราน้ำหนัก 50 กิโลกรัม อาจต้องวิ่งถึง 1 ชั่วโมง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อทำกิจกรรมอย่างเดียวกัน คนอ้วนต้องการพลังงาน มากกว่า คนผอม

นั่นคือ ถ้าเราอยากลดน้ำหนักตัวด้วยการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว แต่ไม่เปลี่ยนนิสัยการกิน เราจะต้องออกกำลังกายมากขึ้นเรื่อยๆในทุกช่วงน้ำหนักตัวที่ลดลงมา ซึ่งทำได้ลำบากมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

ดังนั้น เพื่อคงน้ำหนักตัวที่เหมาะสม สิ่งที่ควรทำคือ การปรับพฤติกรรมการรับประทาน ร่วมกับการออกกำลังกายที่เหมาะกับวัย


คำเตือนเรื่องการลดน้ำหนัก
การควบคุมน้ำหนัก ด้วยการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอ


5. การควบคุมน้ำหนักตัวให้คงที่ในระดับที่เหมาะสมตลอดไป ยากกว่าการลดน้ำหนัก

ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไปส่วนใหญ่สามารถลดน้ำหนักตัวลงมาได้ในระยะสั้นๆเท่านั้น โดยมีจำนวนไม่เกิน 1/3 ของคนเหล่านี้ ที่สามารถควบคุมน้ำหนักตัวให้คงที่ในระดับเหมาะสมต่อไปเรื่อยๆในระยะยาว ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการควบคุมน้ำหนักตัวที่ถูกต้อง คือ
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหารอย่างต่อเนื่องตลอดไป
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ถูกต้องซึ่งเราได้ทำซ้ำๆจนเคยชิน เราต้องตระหนักถึงโทษที่จะเกิดขึ้นจากน้ำหนักตัวที่มากเกินไป และต้องมี “ความตั้งใจจริง”ที่จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ถูกต้อง

ในชีวิตจริงเมื่อวันเวลาผ่านไปคนเราก็อาจหลงลืม “ความตั้งใจจริง” ที่เราเคยมี
ดังนั้นเราอาจต้องอาศัยกลวิธีบางอย่างเพื่อคอยช่วยเตือนความจำ ไม่ให้ลืมถึงความตั้งใจที่ดีนั้น

คำแนะนำ*ชั่งน้ำหนักตัวอย่างสม่ำเสมอ แล้วจดบันทึกไว้ เพื่อย้ำเตือนถึง “ความตั้งใจจริง”
**ตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนักครั้งละไม่มาก เมื่อทำได้แล้วจึงค่อยตั้งเป้าหมายใหม่ต่อไป และ อย่าลืมให้รางวัลเล็กๆน้อยกับตัวเองทุกครั้งที่ทำได้สำเร็จ เช่น ซื้อเสื้อชุดใหม่ ไปดูภาพยนต์ ไปทำงานอดิเรกที่ชอบ เป็นต้น แต่อย่าฉลองความสำเร็จด้วยการรับประทานอาหารเด็ดขาด







การใช้ยาลดน้ำหนักที่ถูกต้องและปลอดภัย จะลดน้ำหนักได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2-8 กิโลกรัม
เป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปจะชอบวิธีลัด ซึ่งทำได้ง่ายและเห็นผลสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าในปัจจุบัน สำหรับเรื่องการลดน้ำหนักตัวแล้ว ยังคงไม่มีวิธีลัดง่ายๆดังกล่าว
การใช้ยาลดน้ำหนักเป็นวิธีเสริมที่มีประโยชน์สำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไปมากๆบางราย ที่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหารอย่างต่อเนื่องแล้ว แต่น้ำหนักตัวก็ยังมากเกินไปอยู่ จนอาจเป็นผลเสียต่อสุขภาพอย่างรุนแรง ในกรณีเช่นนี้การใช้ยาลดน้ำหนักที่ถูกต้องและปลอดภัย จะช่วยลดน้ำหนักได้เพิ่มเติมอีกประมาณ 2-8 กิโลกรัม

ณ ปัจจุบันนี้ ยาลดน้ำหนักที่ได้รับการอนุญาตจาก FDA ของอเมริกาว่า ปลอดภัยพอที่จะให้ใช้ติดต่อกันได้เป็นระยะเวลานาน มีเพียงสองชนิด เท่านั้นคือ sibutramine และ orlistat แต่ก็ยังจำเป็นต้องใช้ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์เท่านั้น

ส่วนยาลดน้ำหนัก dexfenfluramine และ fenfluramine นั้นมีผลข้างเคียงที่รุนแรง ถึงขั้นอาจทำให้ลิ้นหัวใจผิดปกติ ดังนั้น FDA จึงได้ระงับการจำหน่ายยาสองตัวไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ยังคงมีการลักลอบจำหน่ายยาดังกล่าวอยู่ ทั้งในรูปของยาชุด และ แอบผสมในยาสมุนไพรเพื่อลดน้ำหนัก


คำเตือนเรื่องการลดน้ำหนัก
ยาลดน้ำหนักเป็นยาเพื่อรักษาโรค ไม่ใช่ยาเพื่อเสริมสวย
ยาขับปัสสาวะ ยาระบาย และ ยาสกัดฮอร์โมนทัยรอยด์ ไม่ใช่ยาลดน้ำหนัก
ยาเหมือนดาบสองคม มีทั้งคุณและโทษ จำเป็นต้องใช้ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์เท่านั้น




สรุปคำแนะนำในการควบคุมน้ำหนักที่ถูกต้องคือ...การเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหารอย่างต่อเนื่องตลอดไป เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง

1. ควรรับประทานอาหารช้าๆ และหยุดรับประทานอาหารก่อนที่จะรู้สึกอิ่ม
2. ควรกินอาหารมื้อหลักให้ครบทั้งสามมื้อ และไม่ควรเลื่อนเวลาอาหารมื้อหลักให้นานออกไปจนรู้สึกหิว
3. ควรมีอาหารว่างหรือเครื่องดื่มที่ให้พลังงานต่ำ เสริมระหว่างอาหารมื้อหลัก
4. ใช้สารให้ความหวานที่ไม่มีพลังงานแทนน้ำตาล
5. ปรุงอาหารด้วยการปิ้ง-อบ แทนการทอด
6. เลือกซื้ออาหารสำเร็จรูปชนิดพิเศษที่ให้พลังงานต่ำกว่าปกติ แทนอาหารสำเร็จรูปธรรมดา
7. ชั่งน้ำหนักตัวอย่างสม่ำเสมอ แล้วจดบันทึกไว้
8. ตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนักครั้งละไม่มาก เมื่อทำได้แล้วจึงค่อยตั้งเป้าหมายใหม่ต่อไป และ อย่าลืมให้รางวัลเล็กๆน้อยกับตัวเองทุกครั้งที่ทำได้สำเร็จ เช่น ซื้อเสื้อชุดใหม่ ไปดูภาพยนต์ ไปทำงานอดิเรกที่ชอบ เป็นต้น แต่อย่าฉลองความสำเร็จด้วยการรับประทานอาหารอย่างเด็ดขาด



คำเตือนเรื่องการลดน้ำหนัก
การลดน้ำหนักตัวที่ถูกต้อง ควรลดน้ำหนักอย่างช้าๆประมาณครึ่ง ถึงหนึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์

การควบคุมน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายอย่างเดียวไม่เพียงพอ
หลักสำคัญของการควบคุมน้ำหนัก คือ ระวังการบริโภค น้ำตาลและน้ำมัน
ยาลดน้ำหนักเป็นยาเพื่อรักษาโรค ไม่ใช่ยาเพื่อเสริมสวย
ยาขับปัสสาวะ ยาระบาย และ ยาทัยรอยด์ฮอร์โมน ไม่ใช่ยาลดน้ำหนัก
ยาเหมือนดาบสองคม มีทั้งคุณและโทษจำเป็นต้องใช้ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์เท่านั้น

************************************************


เพื่อนๆ ลองอ่านบทความดูนะ มันก็ทำให้เราคิดได้ ฮึดสู้เหมือนกัน ว่าไอ้เจ้าไขมันที่เราสร้างมันมาด้วยตัวเอง เวลาจะไล่มันไปไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราก็ต้องสู้อย่างตั้งใจค่ะ เป็นกำลังใจให้ตัวเองสู้ต่อไป และขอให้เพื่อนๆ สู้ต่อไปนะค่ะ

เมนูที่กิน
วันนี้ใจฟ่อค่ะ น้ำหนักขึ้นมา 2 ขีดจากเมื่อวาน เลยกลับคำ ขอกินชาเย็นย้อมใจ
เช้า หมูกระเทียม ไข่ดาวครึ่งฟอง มัสมั่นไก่ มัน 1 ชิ้น แกงเผ็ดปลาดุก
กลางวัน สลัดผัก ทูน่า
บ่าย กล้วยน้ำหว้า แอปเปิ้ล
เย็น ยังไม่ได้คิดเลย
ออกกำลังกาย
เช้า ยืดเส้นยืดสาย 20 นาที
เย็น ดัมเบลสัก 15 นาที



Create Date : 07 ตุลาคม 2552
Last Update : 7 ตุลาคม 2552 10:01:13 น. 15 comments
Counter : 338 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะคะ


โดย: พริกน้ำส้ม วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:10:06:01 น.  

 
ขอบคุณค่ะ มีประโยชน์เยอะเลย


โดย: ดินสอสีม่วง วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:11:21:06 น.  

 
หวัดดีค่ะ
ลดน้ำหนักนี่มันยากจริงๆเลยนะคะ
แต่ยังไงก็จะสู้ สู้ ค่ะ
เอากำลังใจมาฝากอีกแล้วค่ะ
มาผอมด้วยกันเนอะ^^


โดย: emmycookie วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:12:02:10 น.  

 
ขึ้น 2 ขีดเอง
เอาลงได้อยู่แล้วน่า

ปล.เดี๋ยวกลับมาอ่านบทความใหม่
อ่านผ่านๆ ไปรอบนึงแระ..ขอบคุณนะ


โดย: DolphinRoll วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:12:14:46 น.  

 
จริง ๆ เหมือนบทความเลยเนอะ

สู้ ๆ ค่ะพี่แหม่ม

แห๋ม ๆๆ แค่ชาเย็น หมูแนนยังกินเลย

อย่าคิดมาก กินไปเลย แล้วก้อกินแล้ว ทำไงได้


โดย: หมูแนน วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:13:24:20 น.  

 
เวิ้ว... ม่ะช่าย หมูแนนหมายความว่า เหมือนจริง ๆ กับที่บทความเค้าบอกหน่ะค่ะพี่แหม่ม

แหะๆๆๆ


โดย: หมูแนน วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:14:07:28 น.  

 
นั่น มาบอกพี่แหม่ได้ทีหล่ะ อย่าง

เรื่องกาแฟ ก้อจะเป็น กาแฟ+นมพร่อง 0 เปอร์+สารให้ความหวานค่ะ ใส่น้ำแข็งจะเป็นกาแฟเย็น ถ้าเป็นการแฟร้อน อุ่นนมก่อนนะค่ะ ก้อใช้ได้

อ่อ เปลี่ยนจากฟาแฟ เป็นชานมก้อได้น๊า

ร่อยหล่ะ ไม่อ้วน ด้วย..


โดย: หมูแนน วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:14:09:16 น.  

 
ข้อมูลมีประโยชน์มากๆเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ


โดย: เด็กอ้วนน่ารัก วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:14:48:06 น.  

 
เข้ามาก็ได้อ่านข้อมูลดีดีอีกแล้ว

น้ำหนักขึ้นมา 2 ขีดเองไม่เป็นไรคะ ไม่มากเลย กินชาเย็นไปก็ถือซะว่าให้รางวัลตัวเอง เราอยากจะกิน มันห้ามไม่ได้หรอกคะ เพียงแค่อย่ากินบ่อยเท่านั้นเองคะ

สู้ ๆ อนาคตเจ้าสาวคนสวย


โดย: massupa วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:15:17:31 น.  

 
บทความดีมีประโยชน์มากค่ะ
เมื่อวานม่าพลาดไป แต่วันนี้จะเข้มๆกับตัวเองใหม่
เป็นกำลังใจให้นะคะ


โดย: HidaYa วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:16:17:04 น.  

 
ใจฝ่อตาม เพราะกินน้อย ก่อยังไม่ลด อยู่ดี


โดย: ณ.แก้มป่อง วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:17:23:14 น.  

 
ข้อมูลมีประโยชน์มากๆเลยค่ะ


โดย: saranrat วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:18:05:38 น.  

 

กู๊ดไนท์ค่ะ..คุณmoomamviolet


นอนหลับฝันดีน่ะค่ะ





โดย: aenew วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:22:04:59 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ค่ะ เอากำลังใจมาฝากพี่แหม่มค่ะ สู้ๆนะค่ะ


โดย: สวรรค์บันดาล วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:22:28:57 น.  

 
เริ่มออกกำลังทีละน้อยแล้วค่อยๆเพิ่มค่ะ
ทอย พี่ปลา น้องแนน น่ะเซียนออกกำลังของจริงค่ะ พี่ออกแบบจิ๊บๆ


โดย: พริกน้ำส้ม วันที่: 8 ตุลาคม 2552 เวลา:0:18:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

moomamviolet
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เริ่มลดน้ำหนักจริงจังเดือนมิ.ย.52 ก่อนหน้านี้ 2-3 สัปดาห์ก็ควบคุมอาหารนิดหน่อย บันทึกไปสักพัก ก็ห่างหายไปวุ่นเรื่องแต่งงาน พอแต่งงานแล้วไม่ได้ควบคุมน้ำหนัก ตอนนี้ก็เลยน้ำหนักขึ้นมาอีกมากมาย

บันทึกน้ำหนัก
02/06/52.................80.2 kg
29/06/52.................75.1 kg
31/07/52.................69.9 kg
29/08/52.................66.8 kg
14/09/52.................67.4 kg
01/10/52.................66.0 kg
02/11/52.................64.4 kg
27/02/53.................61.9 kg
09/08/53.................69.4 kg
27/08/53.................69.1 kg
07/09/53.................68.8 kg
ตอนนี้ไม่ก้าวหน้า กำลังถอยหลัง
ต้องสู้ต่อไป.. พิชิตเลข 5.... kg ให้จงได้!

My Weight Chart:
Weight Chart
Friends' blogs
[Add moomamviolet's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.