Group Blog
 
 
มีนาคม 2561
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 มีนาคม 2561
 
All Blogs
 

Tech Support





เครื่องพิมพ์ (printer) คือ อุปกรณ์ที่จะแปลการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ออกมาในรูปแบบกระดาษทั้งรูปภาพและอักษร ซึ่งมีการมองว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่ดัดแปลงมาจากเครื่องพิมพ์ดีด เพราะมันมีการใช้แถบหมึกเหมือนเครื่องพิมพ์ดีด ซึ่งแถบหมึกนี้ จะประทับรอยลงไปบนแผ่นกระดาษเมื่อถูกเหล็กพิมพ์ดีดไปกระทบเข้า สำหรับเครื่องพิมพ์หรือพริ้นเตอร์ระบบดังกล่าว ที่มีการใช้งานแพร่หลายมากที่สุดก็คือ dot matrix ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง

ข้อเสียที่เด่นชัดของบรรดาพริ้นเตอร์รุ่นแรกๆ เหล่านี้ก็คือ การมีเสียงดัง ซึ่งได้มีการพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในภายหลัง เมื่อมีการนำเอาเครื่องพรินเตอร์ไปใช้งานในสำนักงานและบ้านเรือนมากขึ้น ซึ่งความเงียบนับเป็นสิ่งสำคัญในการพิมพ์งานในสถานที่เหล่านั้น เครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ที่มีความเงียบมากขึ้นในการพิมพ์ก็คือ เครื่องพิมพ์ระบบ melting wax หรือ ที่บางครั้งก็เรียกว่า thermal wax, เครื่องพิมพ์ระบบ heating dye หรือที่บางครั้งก็เรียกว่า thermal dye printers, เครื่องพิมพ์ระบบ spitting ink หรือที่นิยมเรียกกันว่า เครื่องอิงค์เจ็ท รวมทั้งเครื่องพิมพ์ระบบฉายแสง หรือที่รู้จักกันดีว่าเลเซอร์พริ้นเตอร์นั่นเอง โดยหลักการแล้วพริ้นเตอร์เหล่านี้ จะทำงานคล้ายกับเครื่องระบบdot matrix เพียงแต่ว่าจุดของหมึกนั้นจะเล็กกว่ามากและไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งเครื่องพิมพ์รุ่นแรกๆ ในกลุ่มนี้จะมีค่าความคมชัดราว 300 คูณ 300 จุดหรือdotต่อนิ้ว (dpi) ทั้งนี้ ค่าความคมชัดดังกล่าวนี้ก็ได้มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆในหลายปีที่ผ่านมา และในปัจจุบันนี้เครื่องพิมพ์รุ่น 600 dpi ได้รับการพิจารณาว่าเป็นมาตรฐานการพิมพ์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะทั่วไป ในวันนี้เครื่องพริ้นเตอร์สามารถพิมพ์งานได้ตามรูปแบบหรือฟอนต์ของตัวอักษร ตรงตามที่เราได้เห็นบนจอภาพ โดยมันสามารถพิมพ์ข้อความได้อย่างคมชัดเทียบเท่ากับเครื่องพริ้นเตอร์ ระดับมืออาชีพ นอกจากนั้นมันยังสามารถพิมพ์ภาพกราฟิกสีที่สวยงาม เพื่อการนำเสนอในโอกาสต่าง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบางรุ่นที่สามารถพิมพ์ภาพถ่าย ได้ใกล้เคียงกับภาพ ที่อัดจากฟิล์มจริงๆ จนแทบจะแยก กันไม่ออกอีกด้วย


เครื่องพิมพ์แต่แบบมีลักษะและการใช้งานที่แตกต่างกันก่อนที่เราจะเลือก printer มาใช้งานเรามาดูว่า printer แต่ละแบบใช้งานในลักษณะไหนเพื่อที่จะได้เลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม


ประเภทของเครื่องพิมพ์

เครื่องพิมพ์ (Printer) แบ่งออกเป็น 7 ประเภท ดังนี้



1. เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (DotMatrix Printer) เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เป็นเครื่องพิมพ์ที่นิยมใช้งานกันแพร่หลาย เนื่องจากราคาและคุณภาพการพิมพ์อยู่ในระดับที่เหมาะสม การทำงานของเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ใช้หลักการสร้างจุด ลงบน กระดาษโดยตรง หัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ มีลักษณะเป็นหัวเข็ม (pin) เมื่อต้องการพิมพ์สิ่งใดลงบนกระดาษ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งที่ประกอบกันหัวเข็มจะกระแทกผ่านผ้าหมึกลงบนกระดาษ ความคมชัดของข้อมูลบนกระดาษขึ้นอยู่กับจำนวนจุด ถ้าจำนวนจุดยิ่งมากข้อมูลที่พิมพ์ลงบนกระดาษก็ยิ่งคมชัดมากขึ้น ความเร็วของเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์อยู่ระหว่าง 200 ถึง 300 ตัวอักษรต่อวินาที หรือประมาณ 1 ถึง 3 หน้าต่อนาที เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์จะใช้กับกระดาษที่เป็นสำเนา Copy และกระดาษจะเป็นแบบต่อเนื่องกระดาษจะมีรูอยู่ข้างๆเพื่อที่ หนามเตยของเครื่องพิมพ์จะได้เลื่อนกระดาษ แต่มีข้อเสียอยู่ที่คุณภาพงานพิมพ์ต่ำเมื่อเทียบกับ printer ประเภทอื่นๆ และมีเสียงดังขณะพิมพ์งาน




2. เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink-JetPrinter) เครื่องพิมพ์พ่นหมึก สามารถพิมพ์ตัวอักษรที่มีรูปแบบและขนาดที่แตกต่างกันงานพิมพ์กราฟิกที่ให้ผลลัพธ์คมชัดมาก คุณภาพงานพิมพ์เป็นที่ยอมรับและการใช้งานได้ค่อนข้างหลากหลาย เทคโนโลยีที่เครื่องพิมพ์พ่นหมึก ใช้ในการพิมพ์ก็คือจะเป็นการพ่นหมึกพิมพ์เป็นหยดๆ ลงบนกระดาษการใช้งาน เครื่องพิมพ์พ่นหมึกมีความเร็วในการพิมพ์ มีหน่วยวัดความเร็วเป็นในการ พิมพ์เป็น PPM (Page Per Minute) ซึ่งเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์มาก สามารถพิมพ์ได้ ทั้งแนวตั้งที่เรียกว่า "พอร์ทเทรต" (Portrait) และแนวนอนที่เรียกว่า "แลนด์สเคป" (Landscape) โดยกระดาษจะถูกป้อนเข้าไปในเครื่องพิมพ์ที่ละแผ่นเหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร แต่โดยทั่วไปมักมีขนาดไม่เกิน A3 สินค้าให้เลือกหลายรุ่นตามระดับราคาและฟังก์ชันที่ต้องการ



3. เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (LaserPrinter) ลักษณะของเครื่องพิมพ์ประเภทนี้ใช้เทคโนโลยีเดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบนกระดาษในการสร้างรูปภาพหรือตัวอักษร ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาจะมีคุณภาพสูงมากกว่าเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก การใช้งานเหมาะสำหรับการพิมพ์ที่ต้องการคุณภาพที่สูงมากสามารถพิมพ์ได้หลายร้อยหน้าต่อนาที ซึ่งเหมาะ กับงานในองค์กรขนาดใหญ่ หรืองานที่ต้องการความคมชัดและสวยงามมากกว่าการพิมพ์อิงค์เจ็ทโดยทั่วไป หน่วยวัดความเร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะเป็น PPM เครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ก็จะมีทั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบ ขวา-ดำ และเครื่องพิมพ์ เลเซอร์แบบสี




4. ครื่องพิมพ์พล็อตเตอร์ (Plotter)  เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษที่ทำมาเฉพาะงาน พล็อตเตอร์ทำงานโดยใช้วิธีเลื่อนกระดาษ โดยสามารถใช้ปากกาได้ 6-8 สี ความเร็วในการทำงานของ พล็อตเตอร์มีหน่วยวัดเป็นนิ้วต่อวินาที (Inches Per Second : IPS) ซึ่งหมายถึงจำนวนนิ้วที่พล็อตเตอร์สามารถ เลื่อนปากกาไปบนกระดาษการใช้งานเหมาะสำหรับงานเกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม และงานตกแต่งภายใน ใช้สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก งานพิมพ์ขนาดใหญ่มีหน้ากว้าง เหมาะสำหรับทำงานด้านป้ายหรือโฆษณา และเครื่องพิมพ์ประเภทนี้มีราคาแพงที่สุดในเครื่องพิมพ์ประเภทต่างๆ





5. เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน (Multifunction) เป็นเครื่องพิมพ์ออลอินวัน(All in one) นั่นก็เพราะว่าเป็นการผสมผสานฟังก์ชันการทำงานของอุปกรณ์หลายๆส่วนในชุดเดียวกัน ซึ่งประกอบไปด้วย เครื่องปริ้นเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องแฟกซ์ และ เครื่องสแกนเนอร์ เป็นต้น สามารถ scan, copy หรือรับ-ส่งแฟ็กซ์ ได้ในตัวเอง ทำให้มีความสะดวกสบายในการใช้งานที่ค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน แต่ละรุ่น อาจจะมีประส่วนประกอบแตกต่างกันออกไป เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน เหมาะใช้กับงานกับกลุ่มนักธุรกิจ ออฟฟิศ สถานประกอบต่างๆ เพราะสะดวก เรียบง่าย ไม่กินพื้นที่มากเกินไป สามารถใช้ทำงานได้หลายแบบในเครื่องเดียว ซึ่งเป็นที่นิยมไม่แพ้ เครื่องพิมพ์หัวเข็ม ที่ใช้กันในสำนักงานเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานเป็นหลัก ฉะนั้นการเลือกเครื่องปริ้นเตอร์ควรเลือกตามงานที่ได้รับมอบหมายจะดีที่สุดนั่นเอง





6. เครื่องพิมพ์แบบใช้ความร้อน (Thermal Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ทำงานโดยการให้ความร้อนแก่กระดาษโดยไม่ต้องใช้หมึก เช่นแบบที่ใช้ในการพิมพ์ใบเสร็จจากเครื่อง ATM หรือที่เจอกันบ่อยๆก็คือใบเสร็จที่มาจากเครื่อง POS เครื่องแคชเชียร์คิดเงินตามร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้าต่างๆนั่น รวมไปถึงเครื่องคิดเลขแบบตั้งโต๊ะบางประเภท รวมถึงเครื่องโทรสารในสมัยก่อนก็ใช้ระบบการพิมพ์แบบนี้นะ แต่ว่าเราก็ต้องเลือกใช้กระดาษเคมี(บางท่านก็เรียกว่ากระดาษความร้อน)ซึ่งเครื่องในลักษณะนี้ก็มีดีก็คือประหยัดหมึก พิมพ์ได้รวดเร็ว แต่ข้อเสียก็คือข้อความในกระดาษจะเลือนลางได้ง่าย ไม่เหมาะสำหรับเก็บไว้เป็นหลักฐานเพราะว่าเป้ปเดียวก็ซีดซะแล้วนั่นเอง เครื่องพิมพ์ใบเสร็จที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันก็ได้แก่ Epson Nita Prowill เป็นต้น



7. 3D Printer

3DPrinter หรือ Rapid Prototype (RP) หรือ ที่คนไทยเรียกเครื่องพิมพ์ 3มิติ เครื่องปรินท์ 3มิติ นั้นมีใช้กันมาเกือบ 30 ปีแล้ว แต่ใช้กันในวงจำกัดในบริษัทขนาดใหญ่หรือใน Lab ใหญ่ๆ เท่านั้น เพิ่งจะได้รับความนิยมในผู้ใช้จำนวนมาก และมีราคาลดลง เมื่อประมาณปี 2009 นี่เอง  3D Printer นั้นสามารถสร้างชิ้นงานที่เป็นวัตถุจับต้องได้(3มิติ) มีความกว้าง-ลึก-สูง ไม่เหมือนเครื่องพริ้นท์เตอร์แบบ 2D ที่เราใช้โดยทั่วไป ที่พิมพ์หมึกสีลงบนกระดาษ เช่น หากเราพิมพ์ลูกบอลลงบนกระดาษ(2D) เราจะได้กระดาษที่มีรูปลูกบอลอยู่ แต่หากเราพิมพ์จาก 3D Printer เราจะได้ลูกบอลทรงกลมมากลิ้งบนพื้นได้



หมึกที่ใช้ของ 3D Printer แตกต่างกันออก บางชนิดพิมพ์โดยฉีดเส้นพลาสติกออกมา บางชนิดพ่นน้ำเรซิ่นออกมา แล้วฉายแสงให้เรซิ่นแข็งในแต่ละชั้น บางชนิดฉีดซีเมนต์ ซึ่งก็คือ 3D Printer ใช้สร้างบ้าน, ชนิดฉีดน้ำตาล ซึ่งก็คือ 3D Printer ใช้ทำขนม ,  หรือแม้กระทั่งฉีดสเต็มเซลล์ ซึ่งก็คือ 3D Printer กับการพิมพ์อวัยวะ ก็มี

3D Printer ฉีดซีเมนต์สามารถสร้างบ้านหรืออาคารได้



3D Printer ฉีดน้ำตาลก้อนสำหรับใส่ในกาแฟ



3D Printer ฉีดสเต็มเซลส์ เพื่อสร้างอวัยวะ


ไฟล์ที่ใช้กับเครื่องพิมพ์ 3มิติ นั้นเป็นไฟล์ 3มิติ แทนที่จะเป็นรูปภาพเหมือนในเครื่องพิมพ์บนกระดาษทั่วไป 3D File นี้อาจสร้างจากโปรแกรม เช่น AutoCAD, SolidWork, 3DsMax, Zbrush, Maya, SketchUp หรือ แม้กระทั่ง PhotoShop รุ่นใหม่ก็มีส่วนที่ Support 3D Printer แล้ว


ส่วนประกอบของเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น

เนื่องจากบริษัทของเรามีการใช้งานเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่นกันทุกสาขา ดังนั้น จึงขอยกตัวอย่างเครื่องพิมพ์ประเภทนี้มาแนะนำส่วนประกอบต่างๆ กันค่ะ

1. ตัวเครื่อง (Body)



เป็นลักษณะโครงสร้างทางกายภาพภายนอก ที่แสดงรายละเอียดว่าเครื่องพิมพ์แต่ละรุ่นมีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร เช่น ฝาปิดด้านบน, ช่องป้อนต้นฉบับอัตโนมัติ, แผงควบคุม, ถาดใส่กระดาษ ฯลฯ


2. หมึกพิมพ์ (Toner)



เป็นส่วนที่จำเป็นสำหรับพิมพ์รายละเอียดที่เราต้องการลงบนกระดาษ ซึ่งหากเป็นเครื่องขาวดำ ก็จะใช้หมึกพิมพ์สีดำ K อย่างเดียว  แต่หากเป็นเครื่องพิมพ์สี นอกจากจะมีหมึกสึดำแล้ว ก็ยังมีหมึกสีเพิ่มอีก 3 สี คือ สีฟ้า C (Cyan), สีชมพู M (Magenta), สีเหลือง Y (Yellow) 


3.วัสดุรับและสร้างภาพ (Drum)



เป็นวัสดุสิ้นเปลืองอีกชิ้นหนึ่งที่ทำหน้าที่รับและสร้างภาพสิ่งที่เราสั่งพิมพ์ และภาพที่ได้จะถูกแทนที่ด้วยผงหมึก (Toner) ลงบนกระดาษ  ซึ่งหากใช้งานจนลูกดรัมเสื่อมสภาพจะทำให้ผลลัพธ์การพิมพ์ออกมาไม่ชัดเจน สวยงาม  ดังนั้นเมื่อใช้งานไปจนครบกำหนดเปลี่ยน ซึ่งจะมีข้อความโชว์ขึ้นมาที่หน้าจอว่าควรเปลี่ยนลูกดรัมใหม่  ซึ่งในเครื่องพิมพ์แต่ละรุ่นจำนวนลูกดรัมก็จะมีจำนวนเท่ากับหมึกพิมพ์ด้วย เช่น เครื่องพิมพ์ขาวดำ จะมีหมึกพิมพ์สีดำและลูกดรัม 1 ลูก  แต่หากเป็นเครื่องพิมพ์สี ก็จะมีหมึกพิมพ์ 4 สี (ดำ,ฟ้า,ชมพู,เหลือง)  ก็จะมีลูกดรัม 4 ลูก (R1 - R4) คู่กับหมึกพิมพ์ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นเมื่อมีข้อความแจ้งเตือนให้เปลี่ยนลูกดรัม ก็ต้องดูว่าเป็นลูกดรัมลูกไหน ควรเปลี่ยนให้ถูกต้องด้วยค่ะ


4.กล่องเก็บผงหมึก (R5)



มีไว้สำหรับเก็บผงหมึกที่ใช้แล้ว เมื่อกล่องเต็มจะมีข้อความแจ้งเตือนให้เปลี่ยนกล่องใหม่


เมื่อมีการใช้งานไปนานๆ ก็จะต้องมีการบำรุงรักษาและดูแลเครื่องพิมพ์ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น  เราลองไปศึกษาวิธีบำรุงรักษาเครื่องพิมพ์ในแต่ละประเภทกันต่อเลยค่ะ


ข้อควรปฏิบัติในการดูแลเครื่องพิมพ์เลเซอร์และเครื่องพิมพ์มัลติฟังชั่น มีดังนี้


1. ควรเลือกใช้กระดาษที่เหมาะกับเครื่องพิมพ์ 

เพราะหากใช้กระดาษที่ไม่เหมาะเช่นกระดาษที่หนาเกินไปจะทำให้กระดาษติดเครื่องพิมพ์ได้


2. ใส่ปริมาณกระดาษลงในเครื่องพิมพ์ให้พอเหมาะ

ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพราะอาจเกิดปัญหากระดาษติด


3. การใช้เครื่องพิมพ์ พิมพ์ลงในแผ่นใส

ก็ต้องเลือกใช้แผ่นใสที่ใช้ถ่ายเอกสารได้เท่านั้นหากใช่แผ่นใสแบบธรรดาซึ่งไม่สามารถทนความร้อนได้อาจจะหลอมละลายติดเครื่องพิมพ์ทำให้เกิดความเสียหาย


4. ป้องกันเศษลูกแม็กซ์เข้าไปในตัวเครื่อง

กระดาษต้นฉบับที่จะนำมาใช้สำเนาหรือกระดาษรียูสที่นำมาใช้  ควรแกะลูกแม็กซ์ออกก่อน เพื่อป้องกันลูกแม็กซ์ทำความเสียหายกับลูกกลิ้งหรือตัวเครื่อง 


5.ใบรับประกัน Printer ปิดแปะไว้ใต้ฐานของ Printer

เพื่อป้องกันปัญหาในการหายเมื่อเครื่องพิมพ์มีปัญหา สามารถยกไปหาช่างได้ง่ายขึ้นในกรณีที่มีประกัน


6. ควรเลือกใช้หมึกสำหรับเครื่องพิมพ์โดยเฉพาะ

และเป็นหมึกที่มีคุณภาพ หากเติมหมึกด้วยตนเองไม่เป็นขอแนะนำให้ใช้บริการช่างจะดีที่สุดเพราะราคาเครื่องพิมพ์ Laser ไม่ใช่ถูกนัก



ข้อควรปฏิบัติในการดูแลเครื่องพิมพ์ Inkjet Printer มีดังนี้


1. ดูแลหัวพิมพ์ให้สะอาดอยู่เสมอ

การรักษาความสะอาดหัวพิมพ์ของพริ้นเตอร์ เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยไม่ให้เกิดการอุดตันของหัวพิมพ์ได้เพราะบางครั้งน้ำหมึกบางส่วนอาจเกิดการตกค้างแล้วไหลไปจับกันเป็นคราบที่หัวพิมพ์ให้เช็ดทำความสะอาดบริเวณหัวพิมพ์ด้วย cotton buds ห้ามใช้กระดาษชำระและแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด


2. ไม่ควรทิ้งไว้นานๆ โดยไม่ปริ้นเลย

การนำพริ้นท์เตอร์ออกมาใช้งานเป็นระยะๆช่วยป้องกันไม่ให้หมึกแห้งเป็นคราบติดอยู่ภายในท่อฉีดน้ำหมึก ซึ่งแนะนำให้ทำอาทิตย์ละครั้ง


3. หลีกเลี่ยงน้ำหมึกคุณภาพต่ำ

การใช้น้ำหมึกคุณภาพต่ำนั้นมีผลต่อหัวพิมพ์ได้เหมือนกันเพราะจะทำให้หัวพิมพ์ของเรานั้นอุดตันหรือเสียได้ง่ายครับ


4. การเก็บรักษาให้ห่างจากฝุ่น

ควรมีผ้าคลุมกันฝุ่นละอองไม่ให้เข้าไปในเครื่องหลังการใช้งาน


5. ควรทำความสะอาดลูกกลิ้งหมุนกระดาษ

โดยการฉีดน้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียให้หมาดๆ ใส่กระดาษหนาๆแล้วจึงนำเข้าไปในพริ้นท์เตอร์ และนำกระดาษออกมา ทำอย่างน้อยประมาณ 2-3 ครั้ง หลังจากนั้นให้ใช้กระดาษธรรมดาป้อนเข้าไปและนำออกมาเพื่อซับลูกกลิ้งหมุนกระดาษให้แห้ง


6. การปิดเครื่องอย่างถูกขั้นตอน

การปิดเครื่องด้วยสวิตช์ของพริ้นท์เตอร์จะทำให้พริ้นท์เตอร์มีการทำความสะอาดหัวพิมพ์และเก็บตลับหมึกเข้าที่ก่อนตัดไฟเข้าเครื่อง จึงเป็นการทำให้พริ้ท์เตอร์ถูกปิดลงอย่างถูกต้อง


7. อัพเดตไดร์เวอร์อยู่เสมอ

การอัพเดตนั้นมักจะมีคุณสมบัติใหม่ๆ ของซอฟท์แวร์ที่ช่วยในการเพิ่มประสิทธิ ภาพในการใช้งานให้กับเครื่องพริ้ท์เตอร์เสมอ


หลังจากนี้เพื่อนๆ คงได้รู้จักเครื่องพิมพ์กันไปพอสมควรแล้ว  หัวข้อถัดไปเราจะไปเรียนรู้วิธีการใช้งานเครื่องพิมพ์ที่เรามีกันค่ะ




 

Create Date : 19 มีนาคม 2561
0 comments
Last Update : 2 เมษายน 2561 10:47:58 น.
Counter : 1321 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สมาชิกหมายเลข 2436574
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 2436574's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.