มหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่ได้ เพราะอยู่ต่ำกว่าแม่น้ำทั้งหลาย.....................
บ้านนอกเข้ากรุง.........









ช่วงตรุษจีนได้เข้าไปทำธุระที่กรุงเทพ

เป็นงานเอกสารคอนโดที่อยากทำให้มันเสร็จๆไปซะที

พอลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ก็มายืนรอรับกระเป๋าที่โหลดมาจากเชียงรายที่ Belt
เห็นกระเป๋าของตัวเองเลื่อนมาใกล้พอจะเอื้อมถึงแล้ว
ก็โน้มตัวไปเพื่อจะหยิบกระเป๋าขึ้นมา

ฉับพลันก็ถูกแรงกระแทกของชายร่างท้วมดันให้เซไป
เพราะเขาก้มลงไปหยิบกระเป๋าของเขาที่วางอยู่ติดกับกระเป๋าเรา

เขาอาจทำไปด้วยความเคยชิน
เพราะยึดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไม่มองเห็นคนข้างๆ

.......

ด้วยไม่อยากให้ใจขุ่นมัว

เลยเดินอ้อมไปอีกด้านของ Belt เพื่อหยิบกระเป๋าเดินทางออกมา
แล้วเดินออกมาทางประตูผู้โดยสารขาออก

พนักงานโรงแรม พนักงานรถลิมูซีน ยืนยิ้มรอรับลูกค้า
แต่เป็นยิ้มแห้งๆ ดูแล้วไม่สดชื่น

ผมเดินออกมาเพื่อขึ้นแท็กซี่ตรงชั้นสาม
เห็นแท็กซี่จอดเปิดไฟ"ว่าง"อยู่หนึ่งคัน

ฝรั่งคู่หนึ่งเดินตามมา
แท็กซี่คันนั้นขับรถผ่านหน้าผมไปรับฝรั่งคู่นั้นโดยไม่ให้ความสำคัญกับผมแม้แต่นิด.......









ผมยิ้มให้กับความอับโชคของตัวเองแบบกึ่งๆสมเพช

สักพักแท็กซี่คันหนึ่งมาจอดตรงที่ผมยืนอยู่
เขาเปิดประตูออกมาถามว่าจะไปไหน
ผมบอกว่าไปที่.......

เขาอ้อมมาเปิดประตูรถและช่วยผมยกกระเป๋า

ผมก้าวเข้าไปในรถ
ผมเริ่มต้นบทสนทนากับคนขับซึ่งเป็นคนอิสาน
ทิ้งนาให้ญาติพี่น้องดูแล ส่วนเขาเข้ามาหากินในกรุงเทพได้สักระยะหนึ่งแล้ว

ผมเล่าเรื่องความอับโชคให้เขาฟัง
เขาหัวเราะในคอ...หึหึ

"พี่ต้องทำใจครับ...คนเมืองหลวงหน่ะก็เป็นแบบนี้แหละ"

ผมยิ้มแทนคำตอบ....








คนขับพาผมออกมาจากสุวรรณภูมิอันแสนวุ่นวาย

ขับออกมายังไม่ทันถึง Motorway เห็นรถติดยาวเหยียด

โอ้....เหลือเชื่อ!!!!

ติดตั้งแต่ออกจากสุวรรณภูมิเลยเหรอเนี่ย...

ผมนั่งแกร่วในรถ....หมดมุขคุยกับคนขับรถ
อยากไปถึงที่พักเร็วๆ....อยากหนีความวุ่นวายทั้งหลาย
ท่าทางคนขับเขาก็คงเบื่อกับสภาพรถติดในตอนนี้เช่นกัน

.......

ไฟจราจรเปลี่ยนจากแดงเป็นเขียวอยู่หลายรอบ
แต่เราเคลื่อนตัวมาได้ทีละไม่กี่เมตร

แมวยังจะเดินเร็วกว่ารถแท็กซี่ในตอนนี้เสียอีก

คันโน้นปาดหน้าคันนี้
คันนั้นบีบแตรด่าคันนี้

ผมพิงศรีษะไปกับเบาะพยายามไม่สนใจความวุ่นวายรอบตัว....








ร่วมสองชั่วโมงครึ่งจากสุวรรณภูมิ
สนามบินแห่งความภาคภูมิใจของไทยเรา
รู้สึกเสมือนหนึ่งไปออกศึกสู้รบกับใครมาเสียอย่างนั้น

..........

ผมเดินออกมาจากโรงแรมเพื่อหาอะไรทาน

ลองนั่งรถเมล์เพื่อประชาชนที่นั่งฟรีดู
ไม่ได้ดูว่าสายอะไร

แค่อยากนั่งให้สุดสายเท่านั้น
สุดสายที่ไหนก็จะหาอะไรกินแถวนั้น

ในรถผมโหนอยู่ตรงกลางตัวรถ
คนขึ้นลงตลอดสาย
ผู้ชายหลายคนลุกขึ้นยืนเพื่อให้ผู้หญิงและเด็กนั่ง
อีกหลายคนมองออกไปข้างนอกหน้าต่างเหมือนรถคันนี้ไม่มีใครโดยสารมาด้วย

ลงมาจากรถอากาศอบอ้าว ไม่มีลมพัด
กลิ่นควันจากรถยนต์คละคลุ้ง
เดินบนทางเท้าคนเดินเบียดเสียดกัน
เห็นเหงื่อของหลายคนไหลจนชุ่มโชกเสื้อผ้า
แต่ทุกคนก็ดำเนินชีวิตไปตามปกติของชาวเมืองหลวง.........

















.
.
.
เสร็จธุระที่กรุงเทพ

ผมนั่งเครื่องกลับในเช้าวันนี้
พอลงเครื่องผมรีบเปิดโทรศัพท์โทรหาแม่ทันที

"แม่...วันนี้ผมไปกินข้าวที่บ้านน่ะ"








ขับรถมาจอดที่บ้าน

แม่ซื้อผัก ซื้ออาหารสดมากองเต็มครัว
แม่เริ่มปรุงอาหารที่ผมชอบทาน
สีหน้าดีใจที่ลูกกลับมากินข้าวที่บ้าน

ผมขอตัวออกมาเดินฟอกปอดข้างนอกบ้าน
หลังจากสูดไอเสียมาสามวันเต็มๆ

พอก้าวออกมานอกตัวบ้านเพื่อนบ้านทักทายยิ้มแย้ม
แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจ อบอุ่น








เย็นย่ำมากแล้ว

พระอาทิตย์ก็คล้อยต่ำลงทุกที
แสงสีส้มส่องลอดกอไผ่มาตกกระทบที่กำแพงบ้านเตี้ยๆของผม

กลิ่นควันที่ชาวนาก่อไฟปรุงอาหารหอมเป็นเอกลักษณ์

สายลมปลายฤดูหนาวพัดอ่อนๆชวนให้เดินเล่นได้สบายๆ

ชาวนาเริ่มจูงฝูงควายกลับบ้านเดินผ่านผมไป
บ้างก็แบกจอบแบกเสียม
บ้างก็หิ้วตะกร้าไม้ไผ่ที่ข้างในมีผักกูด(ใบเฟิร์นยอดอ่อน)เพื่อนำมาปรุงอาหาร
ทุกคนเดินช้าๆ ไม่รีบเร่ง
.
.
.








เดินออกไปกลางทุ่งนาที่โล่งๆ

ไม่ได้ยินเสียงรถที่บีบแตรด่ากัน
ไม่ได้ยินเสียงของคนคนตะโกนโหวกเหวก

ได้ยินแต่เสียงของนกกระปูดที่ร้องเสียงก้อง
ได้ยินแต่เสียงลมที่พัดผ่านกอข้าว

ความรู้สึกตึงเครียดเมื่อสามวันก่อนผ่อนคลายลงอย่างน่าประหลาด










ผมนั่งลงไปกับคันนา

มองดูแปลงถั่วเหลืองที่มีคนปลูกเอาไว้สองสามแปลง

ผมไม่รู้ตัวว่านั่งไปนานเท่าไหร่
.
.
.









มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ฟ้าเริ่มมืดลง

ผมเดินกลับบ้านฝ่าความมืด
ที่นี่ผมเดินได้อย่างสบายใจ
ไม่กลัวว่าจะมีใครมาทำร้าย

ผมนั่งทานข้าวกับแม่
เล่าเรื่องวุ่นวายให้แม่ฟัง
แม่ยิ้ม.......ผมยิ้ม

ต่อไปนี้ถ้ามีใครบอกผมว่าเป็น"ไอ้บ้านนอก"
ผมจะบอกขอบคุณเขาทันที

เพราะผมถือว่าคำ"ไอ้บ้านนอก"เป็นคำชม
แต่ถ้ามีใครมาบอกผมว่าเป็น"คนเมืองกรุง"ผมจะบอกว่า...

คุณด่าผมแรงไปแล้วครับ
.
.
.
.
ขอบคุณที่ติดตามรับชมครับ











Details in the fabric
by James Morrison/Jason Mraz





Create Date : 28 มกราคม 2552
Last Update : 23 สิงหาคม 2552 20:36:06 น. 36 comments
Counter : 1321 Pageviews.

 
อ่านแล้วคิดถึงบ้าน อยากกลับบ้าน

ช่วงนี้เหนื่อยกับเมืองกรุงเหมือนกันค่ะ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:1:35:24 น.  

 
เราเป็นคนต่างจังหวัดตลอดชีวิตค่ะ
ตั้งแต่ไปกรุงเต๊บตั้งแต่เด็ก มีความรู้สึกที่จำได้เลย
ว่า "ไม่ใช่บ้าน" ชัดเจน ไปทีไรรู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของเรา
แม้แต่น้อย

โตมาเลี่ยงไม่ได้จะต้องไปเมืองกรุงอีก และก็เลี่ยงไม่ได้
ต้องทำงาน ตอนนั้นยังคิดอยู่ว่าจะอยุ่ได้หรือ
เพราะเราไม่ใช่คนที่นี่และไม่ใช่คนประเภทรีบก้าว
รีบเดิน และแล้วอยู่ยาวที่สุดของเราก็คือ ครึ่งปี
แล้วก็กลับบ้าน ... กลับมาอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องเร่ง
ไม่ต้องรีบ นัด 10 โมง ออกจากบ้าน 9.45 ถึงที่หมาย
เป็นอะไรที่ชอบแล้วอ่ะคะ 555+



โดย: JewNid วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:5:38:37 น.  

 
เหงาจังพี่เบส..ไมตอนนี้มันเหงาๆไมไม่รู้เนอะ...ทั้งเพลง ทั้งเรื่อง...

ผมอ่านแล้วก็พลอยเหงาไปด้วยเลยอะ....ยิ่งไกลบ้านแบบนี้...เห้อ...


วันแย่ๆ มันกำลังผ่านไปครับพี่


โดย: อ๊อด สิงห์ IP: 92.9.190.234 วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:6:28:22 น.  

 
เห็นด้วยกับคุณอ๊อด วันนี้ภาพที่คุณหมอถ่ายออกแนว ๆ เหงา ๆ ทุกภาพเลย

ว่าแต่พาคนป่วย (พี่ต๊อก) ไปเดินด้วยต้องดูแลด้วยยากินขนานค่ะ


โดย: ความเจ็บปวด วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:7:24:56 น.  

 
คุณหมอโชคดี....

ถ้าสมมุติว่าได้กลับบ้าน
อยากจะเป็นคนบ้านนอกบ้าง

ฝันเอาไว้ ไว้คอยดูว่าจะเป็นจริงหรือเปล่า...


โดย: SevenDaffodils วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:7:53:20 น.  

 
ชอบที่คุณหมอเขียน และภาพประกอบที่เข้ามาอย่างมีจังหวะ
ทุกๆอย่างมันกลมกลืน ชวนติดตาม
ไม่ได้รู้สึกเศร้านะคะ แต่เป็นความรักในบ้านเกิดมากกว่า ^^




โดย: nanida วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:9:28:46 น.  

 
เป็นคนกรุงเทพที่รักต่างจังหวัดค่ะ ได้ไปเมื่อไหร่ สุขใจเมื่อนั้น ฝันไว้ว่าวันนึงจะไปอยู่ต่างจังหวัด อากาศที่ตจว.หอมกว่าที่กรุงเทพค่ะ


โดย: popang (popang ) วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:10:10:57 น.  

 
ปล.ได้เลนส์70-300 แทมรอนมาแล้วค่ะ มีมาโคร ( ที่เคยขอคำปรึกษาเรื่องเลนส์ )ได้ใช้บ้างแล้วเช่นกัน


โดย: โปแป้ง (popang ) วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:10:18:49 น.  

 
อ่า..หนีไปกรุงเตปมา..นึกว่าจะหนุกซะอีก
พี่ต๊อกเล่าซะ..ไปหม่ำๆ ฟูจิ..ส้มตำ อาหารสามย่าน ฯลฯ
ไหงกลับมาเป็นงี้หละ..


โอ๋...กลับมาบ้านนอก..บ้านนาของเราเนอะ..
ทุกวันนี้ผมก็สุขใจที่ได้อยู่แถวๆนครน้ำม้าของผมนะ..
เมื่อวานให้ม้งไปเอาเป็ดเทศมาเลี้ยง สนุกดีอ่ะ..
เย็นๆมันลืมจับเข้ากรง..ไปควานหาเอากลางดึก..กลัวหมาคาบไปซะ


ชีวิตเมื่องกรุงก็ต้องทำใจ..ผู้คนแข่งให้ตัวเองได้ดี
เลยลืมดูคนที่เค้าย่ำยีไป..เวลาคุยกะTaxiผมเองก็รู้สึกดีหลายๆครั้งนะ
เค้ายังคงมีกลิ่นไอ..ของคนต่างจังหวัด..
และการที่เราโดยเค้าว่าเป็นบ้านนอกเข้ากรุง..

แล้วไง...บ้านนอกแล้วไง.. ไม่ได้ขอใครกิน..
ไม่ได้เป็นคนต่างจังหวัดเข้าไปแสวงหา..อดๆอยากๆ ในเมือง
เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็น "คนกรุงเตป" 555+


ทุกวันนี้รักชีวิตบ้านนอกครับ..มีแมลงให้ถ่ายมาโครเยอะดี
วันก่อน..ม้งแมร่งไปจับงูเขียวกะจะให้ผมถ่ายมาโคร...
ถือมาหน้าบ้าน..เรียกผมอย่างเอาเป็นเอาตาย..ว่ามีของแปลกมาให้

จึ๋ย.. ม้งเล่นตรูแล้ว




โดย: Little Knight วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:10:23:55 น.  

 
- หวัดดีน้องหมอเบส

- วันหน้าพี่จะฝึกความโหด การต่อสู้ ดิ้นรนในเมืองในนะน้อง รับรอง "เลือดเต็มจอ"

- มันก็แค่....ก็เท่านั้นเองน้องเอ้ยยยยย


โดย: พี่รี่+ต๊อก วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:11:41:04 น.  

 
หนทางของเมืองหลวงก็เป็นเช่นนั้น
มีทั้งข้อดี ข้อเสีย ใครหลงไปแล้วก็ต้องปรับตัว ดิ้นรน...
แต่ทั้งนี้ก็เพื่อบางสิ่งที่พวกเขาเดินทางเข้ามาค้นหาในเมืองใหญ่
มันคือความฝันมั้งครับ

บางครั้งผมก็อยากอยู่อย่างสงบในต่างจังหวัด แต่บางครั้งผมก็ยังสนุกกับการดิ้นรนในกรุงเทพ หรือผมยังตัดจากวังวนไม่ขาดนี่เอง


โดย: sesame man วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:11:47:00 น.  

 
อ่านแล้วเข้าใจอารมณ์ค่ะ ... ก่อนหน้านี้พี่อยู่กรุงเทพฯ ก็เคยรู้สึกค่ะว่าชีวิตเหมือนคนมีกรรม ... น้องหมอแมนต้า โชคดีที่สุดแล้วค่ะ ที่ได้ใช้ชีวิต สงบๆ สบาย


โดย: VA_Dolphin วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:12:01:34 น.  

 
อารมณ์กทม. กับเชียงรายต่างกันมากเลยแฮะ เห็นแล้วก็อยากไปอยู่ตจว. บ้างจังเลย...

บางมุมของกรุงเทพก็มีอะไรดีๆ นะคะ นุ้ยว่าเรามีความสุขที่เราได้อยู่ บ้าน น่ะค่ะ

สำหรับนุ้ยน๊า.. ตอนนี้คิดถึงกรุงเทพมากเลย

ชอบรูปไฟขยุกขยุยจัง ให้อารมณ์วุ่นวายดีแท้


โดย: N_Nirvana วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:16:56:09 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ดีใจจังค่ะ เจอคนบ้านเดียวกัน
"บ้านนอก" เหมือนกันเลย


โดย: แม่ภูมิ (Artagold ) วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:18:07:14 น.  

 
ถ้อยคำ...
.
.
ภาพ...
.
.
เพลง...
.
.


ทำเอาคนอ่าน..
รู้สึกเหงาในใจจริง...



โดย: กาสะลองคำ IP: 125.25.80.161 วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:18:30:14 น.  

 
ฝรั่งคู่หนึ่งเดินตามมา
แท็กซี่คันนั้นขับรถผ่านหน้าผมไปรับฝรั่งคู่นั้นโดยไม่ให้ความสำคัญกับผมแม้แต่นิด.......



^
^
^
ต้องพกยาทัมใจแล้วล่ะคะพี่เบส

แต่ทำไมพี่โบ๊ต ต้องใช้ประโยคนี้ด้วย "คนกรุงเตป"

นาห์ก็ไม่พิศมัยกรุงเทพฯเมืองฟ้าอมร(แต่นครค่อนข้างแล้งน้ำใจ)เท่าไหร่
ไม่งั้นเรียนจบก็คงหลงระเริงอยู่ที่กรุงเทพฯไปแล้ว

ถึงจะบ้านนอก แถมนอกเมืองชายแดนอีกตะหากแต่ก็สุขใจเนอะพี่เนอะ

...อัพบล็อกสาวสันทรายไว้ก่อนที่พี่จะเข้าไปดูอีกค่ะ
แต่ว่าระบบมันแฮงค์เลยไม่ได้ตั้งหน้าหลักไว้
เพิ่งเข้ามาจัดการตะกี้นี่เอง

...เซ็งช่วงนี้บล็อกล่มประจำ


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:19:36:02 น.  

 
กลับบ้านเรา...รักรออยู่...


โดย: nineagel IP: 118.172.73.69 วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:20:14:06 น.  

 
ชอบภาพดอกถั่วมากเป็นพิเศษค่ะ
เพราะดูสวยง่ายๆ ซื่อๆดี

ถึงจะอยู่ในกรุง แต่ก็ไม่เคยชินกับความชุลมุนวุ่นวายสักที
ไม่ชินกับฝุ่นและควัน
ถ้าเลี่ยงได้ ก็เลี่ยงเสมอค่ะ
รู้สึกว่าต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติ เวลาอยู่ท่ามกลางฝูงชน


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:22:45:23 น.  

 
เป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิดค่ะ
อยู่กรุงเทพมาตลอด
แต่ก็อยู่ย่านชานเมือง
เดี๋ยวนี้ ทำงานเลยสนามบินออกมาหน่อย
ไม่ค่อยได้เข้าเมือง
ไปทำธุระสักครั้งก็ตื่นตา ตื่นใจ

ตั้งแต่รถไฟฟ้าขยายเส้นทาง
สิ่งปลูกสร้างมันก็เริ่มกลายเป็นทัศนียภาพใหม่ ที่ต้องยอมรับ
อยากไปอยู่ใกล้ๆธรรมชาติเหมือนกัน
แต่ผู้อาวุโสที่อยู่ด้วยกัน ยังมีเงื่อนไขเรื่องที่ต้อง ใกล้หมอ

หรือว่า จะเอาไปฝากไว้กับหมอหมื่นตาดีล่ะ


โดย: นางไม้หน้า3 วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:23:11:23 น.  

 
คนกรุง .... แถบฝั่งธน ไม่เหมือนฝั่งพระนครนะค่ะ

ชีวิตไม่ค่อยเจอกับความวุ่นวายกับสภาพรถติดเท่าไหร่ ( เพราะอยู่ติดบ้าน )

ตอนนี้รอกล้องอยู่ค่ะคุณหมอ
แต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี่อากู๋ซื้อกล้องมาให้ใหม่ของ casio10 ล้านพิก
พี่ต๊อกบอกว่า 10 ล้านก็พอแล้ว ไม่ต้องซื้อใหม่แล้ว

แต่ยังอยากได้อยู่ค่ะ รอวันไหนว่าง ๆ ไปเดินพันทิพกับพี่ต๊อกไปดูของจริงแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเอารุ่นไหนดี


โดย: ความเจ็บปวด วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:23:49:25 น.  

 
มาชูจั๊กกะแร้...เห็นด้วยกับจิ๊บค่ะ คนฝั่งธนน่าร๊ากกกก

แต่เรื่องแท๊กซี่เนี่ย...น่าเบื่อจริงๆเลยค่ะ
เค้าไม่ค่อยเห็นคนไทยสำคัญ อยากได้ต่างชาติ
เผื่อหลอกฟันเงิน หลอกพาหลง ก็มีบ้าง..

ปล-นั่นดอกถั่วเหลือง หรือค่ะ ไม่เคยเห็นค่ะ สวยดี


โดย: UStogetheR วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:0:51:43 น.  

 
เห็นด้วยที่สุดถึงที่สุดเลยค่ะ แหะๆ อยู่เมืองกรุง หลายสิบปี ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่นี้ คุณหมอเขียนได้โดนใจดีจริงๆเลยค่ะ
อ่านแล้วเหงาเลย คิดถึงแม่ขึ้นมาทันใด ง๊ะ ปีนี้สงสัยจะอดไม่ได้กลับเมืองไทยแน่ๆ เลย ฝากสูดอากาศแถวบ้านนาเผื่อด้วยนะค่ะ


โดย: ป้าบ๋วย IP: 85.229.92.94 วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:5:41:40 น.  

 
มาแล้วครับ...

ภาพอาจจะน้อยไปสักหน่อย..แต่ว่าทั้งคู่ก็ได้มาเจอกัน
โดยฝ่ายพี่ก๋า..มีตุ๊กตามาฝากเอด้าด้วย...
และที่ดูดน้ำมูก สุดแสนมีประโยชน์...(บ้านนอกหาไม่ได้จริงๆ)

ผม เอด้า แก้ว...ขอบคุณพี่ก๋า พี่ดา และ หมิงๆ มากๆเลยครับ













ขอให้ครอบครัวพี่ก๋า..เดินทางกลับเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพนะครับ

ปล.เนื้อหาอาจมีการพาดพิง..เล็กน้อย โปรดอย่าได้ถือสา..เพราะเป็นเพียงแค่การ์ตูนครับ


โดย: Little Knight วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:9:03:32 น.  

 
เขียนถึงความน่าเบื่อวุ่นวายและความไม่ปลอดภัยในชีวิตของเมืองหลวงได้เห็นภาพเลยค่ะ
..แต่ก้อจำต้องอยู่ไปนะคะ..

อ่านแล้วคิดถึงบ้านนอกมากค่ะ..อยากกลับบ้านค่ะ..อยากกลับบ้าน


โดย: AB_PAE วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:9:14:30 น.  

 
เลื่องชื่อเสมอจริงๆแท๊กซี่แถวๆนั้น
แต่ยังโชคดีที่ไม่เคยเจอกับตัวเอง
เพราะจะมีคนใจดีที่บ้านไปคอยรับเสมอ สรุปว่าไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านเราเลยจริงๆครับหมอ


โดย: B/W วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:11:57:45 น.  

 
ช่วงย้ายมาจากกทม.ใหม่ๆ สาวรู้สีก เบื่อหน่ายกับคำว่าบ้านนอก(แม้ไปอยู่แค่ 1 ปี) ต่อมา 6 เดือนให้หลัง คิดว่าเรามีความสุขที่จะได้อยู่กับบ้านนอก บ้านเราคะ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: sawkitty วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:17:33:30 น.  

 
- หวัดดียามค่ำน้อง

- เห็น Bg แล้วปวดหัว น้องเบสก็ไปหาหมอสิครับน้อง "ความรู้ท่วม... แต่ดั้นเอาตัว....ไม่ร้อดดดดดด"


โดย: พี่รี่+ต๊อก วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:19:46:58 น.  

 
วิถึชีวิตของในเมืองกับต่างจังหวัดมันก็คนละแบบกันนะคะ แต่ส่วนหนึ่งก็เห็นด้วยค่ะว่าบางคนทำอะไรโดยยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง แล้วไม่นึกถึงคนข้าง ๆ

รัชชี่เป็นคนไม่ชอบแย่งอะไรทั้งสิ้น หลายครั้งก็โมโหเวลาเจอคนไม่ยอมต่อแถวแต่มาแทรกค่ะ

เอ๊! คุยกันคุยไปไหงเป็นเรื่องนี้ไปได้


โดย: รัชชึ่ (รัชชี่ ) วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:20:17:20 น.  

 
มากรุงเทพคราวนี้หมอเบสเค้าดู "ทุกข์" เนอะ



โดย: พี่รี่+ต๊อก วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:21:26:24 น.  

 
+ ภาพสวย เพลงเพราะมากมายเลยครับน้องหมอเบส แถมเนื้อหาดีอีกต่างหาก เหมือนได้อ่านเรื่องสั้นชั้นดีเรื่องนึงเลยอ่ะครับ เปรียบเทียบได้เห็นภาพมั่กๆ

+ ทุกวันนี้ถึงแม้ว่าครอบครัวพี่จะ "จำต้อง" ย้ายถิ่นพำนักจากลำปางมาอยู่บ้านใหม่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ... แต่พี่ก็ถือว่าพี่เป็นคน ตจว. อยู่นะครับ เพราะบ้านอยู่ จ.นนท์ ขับรถไปทำงาน เส้นทางก็อยู่นนท์ตลอด ตึกออฟฟิศปัจจุบันก็อยู่นนท์ เดินห้าง (ใหม่) เซ็นทรัล แจ้งฯ ก็ยังอยู่ในนนท์อยู่ดี เวลาเพื่อนเรียกประชุมพลที เด๋วนี้พี่ก็จะขี้เกียจๆ บอกมันว่า กรูต้อง "เข้ากรุงเทพฯ" เลยเหรอเนี่ย? ๕๕๕

+ ถ้าเลือกได้ พี่ก็อยากกลับไปมีบ้านที่เหนือ มีที่แปลงเล็กๆ ริมน้ำอย่างน้องหมอเบส มีบ้านเล็กๆ สักหลังเหมือนกันครับ เสียดายตอนนี้มันเลือกไม่ได้แล้นอ่า เพราะกว่าจะผ่อนบ้านหลังนี้จบ ก็คงแก่หง่อม เลิกทำงานพอดี เหอๆๆ

+ เอาเป็นว่าที่ไหนก็ตามที่เรารู้สึกว่าเป็น "บ้าน" ที่นั่นก็น่าจะเป็นที่ๆ มีความสุขที่สุดแล้วล่ะ ... รออ่านแถกนะครับผม


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:23:28:40 น.  

 

อ่านบล็อกพี่หมอแล้วก็รู้สึกถึงความวุ่นวายในเมืองหลวง
ที่เจอะเจอกันทุกวันจนคุ้นชินไปซะแล้ว..
อืม..สุขอย่างไรกับชีวิตคนกรุง..
ไม่แน่ใจในคำตอบว่าสุขแท้รึไม่กับสิ่งที่ขวนขวายกัน

เห็นมีอิริยาบถยิ้มอยู่หลายเวลา
แต่คงไม่มียิ้มไหนที่อิ่มเท่า.."แม่ยิ้ม.....ผมยิ้ม"...


แต่พออยู่สงบเงียบมากๆแล้ว
อยากแวะมาเที่ยวชมความวุ่นวายอีก
ก็เชิญมาแอ่ว..เอ๊ยย..เที่ยวกรุงเทพเมืองฟ้าอมรได้ตลอดนะพี่หมอ..
พร้อมต้อนรับขับสู้เปิดประตูรถให้ไม่ชนใครนะเออ..


โดย: สะพานไม้ วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:23:52:30 น.  

 
หายากนะคะ
เป็นคุณหมอที่มีจิตละเอียด
แต่คุณหมอก็โชคดีที่ได้อยู่บ้านนอก
ที่ยังมีความห่วงใยและใส่ใจซึ่งกันและกันหลงเหลืออยู่
ป้าก็ฝันถึงวันที่จะได้กลับเหมือนกัน
ป้าก็เป็นคนเชียงรายโดยกำเนิด
แต่โชคร้ายต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอน
ยังหาโอกาสกลับไปอยู่ไม่ได้เลย
ได้แค่กลับไปเยี่ยมคุณแม่ปีละครั้ง-สองครั้งเอง



โดย: ป้าตุ้ย (amornsri ) วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:10:08 น.  

 
คนกรุงเทพฯ แท้ๆ นิสัยดีๆ ก็ยังมีอยู่เยอะนะคะ...
ที่เห็นนิสัยแย่ๆ อยากแอบบอกว่า เป็นคนกรุงเทพฯ แท้ๆ ไม่กี่คนเองค่ะ...


โดย: Devonshire วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:12:47:34 น.  

 

ผมมาสวัสดีและขอบันทึกในบล็อกเดิมที่ยังคงสาระแง่คิดที่สะท้อนและเตือนสติเสมอ ความเป็นคนกรุงเทพฯ ที่ต้องต่อสู้และดิ้นรนกับความเร่งรีบและรีบร้อนของเวลาทำให้น้ำใจอาจเหือดแห้งไปบ้าง พี่หมออย่าติดใจนะครับ

สถานะของผมตอนนี้เคยจากที่เคยได้ชื่อว่ามีพื้นเพกรุงเทพฯ เต็มขั้นแต่วันนี้ต้องเลื่อนตัวออกมาอาศัยอยู่ขอบและตะเข็บของกรุงเทพฯ
ที่ยามเช้าต้องตื่นแต่หัวมืดที่ยามเย็นพลบค่ำก็หลบกลับที่พัก เหนื่อยเพลียคงประสาความรีบครับ ผมเชื่อว่าไมตรีที่ดีต่างๆ ยังคงพอมีหาได้ครับพี่หมอ อย่างไรไม่ว่าพี่หมอเข้ากรุงเทพฯ ครั้งใดขอให้พี่หมอไม่เหนื่อยมากนะครับ
พี่หมอนึกถึงความช่วยเหลือจากผมได้เสมอนะครับ พี่หมอคงพอจำผมได้ในงานที่พี่หมอได้เป็นช่างกล้องวีไอพีในงานฉลองที่โรงแรมแถวประตูน้ำที่ผมได้สวัสดีทักทายและต้องกลับไปก่อน

ขอให้พี่หมอและครอบครัวมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงยิ่งๆ ขึ้นๆ ไปนะครับ


โดย: j.c. IP: 125.24.28.20 วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:13:25:58 น.  

 
คนบ้านเดียวกันค่ะ อ่านแล้วอยากกลับบ้านจัง


โดย: เชียงรายบ้านเรา IP: 116.68.149.226 วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:11:04 น.  

 
หงะ ... ย้อนนเข้ามาอ่าน แต่แอบเศร้า

เพราะกำลังนอยย อยากกลับบ้าน T^T
เปนคนเชียงรายเหมือนกันค่า

เพิ่งจะมาเป็นบ้านนอกเข้ากรุงเมื่อ สองเดือนกว่าเอง หันซ้าย ขวา ก้อว้าเหว่เนอะ เง้อออ


ปล.คอนโดทาสีสวยดีค่ะ ^^



โดย: คนเชียงรายอีกคนค้าบบ IP: 210.246.158.254 วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:16:02:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Dr.Manta
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]




&key



Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
28 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Dr.Manta's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.