|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
วันปีใหม่กับ UGI bleed
UGI bleed หรือเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น (มักเป็นที่กระเพาะและหลอดอาหาร) เป็นโรคที่นิสิตนักศึกษาแพทย์รู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี อาการส่วนมากมักจะมาด้วยอาเจียนเป็นเลือด คล้ายๆกับการกระอักเลือดในหนังจีนกำลังภายใน นอกจากจะไม่น่าดูแล้ว โอกาสตายก็มีสูงด้วย ว่าแต่ไอ้โรคแบบนี้มันมาเกี่ยวข้องกับเทศกาลปีใหม่ได้อย่างไรกัน
สืบเนื่องจากว่าสาเหตุของโรคนี้นั้นมีได้หลายประการ ตั้งแต่เป็นโรคกระเพาะเรื้อรัง กินยาหรือสารที่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร และที่สำคัญที่สุด มาจากกิจกรรมยอดฮิตของคนไทยในช่วงเทศกาลต่างๆ "กินเหล้า" ใครๆก็รู้ว่าเหล้าทำให้ตับแข็ง แต่มีซักกี่คนที่รู้ว่านอกจากจะตับแข็งแล้วยังมีโอกาสกระเพาะอาหารอักเสบ หรืออ้วกเป็นเลือดเนื่องจากมีเส้นเลือดดำที่หลอดอาหารโป่งพองและแตกออก หลายรายที่เลือดออกไม่หยุดจนกระทั่งเสียชีวิตในเวลาไม่กี่ชั่วโมง จากยืนๆคุยกันอยู่ดีๆก็หนีไปคุยกะเทวดาเฉย ส่วนคนทีรอดไปได้ก็ไม่เข็ด มักจะกลับมาแสวงหาประสบการณ์เหล่านี้อีกครั้งด้วยตนเอง ส่วนมากเป็นได้สักสามสี่ครั้งร่างกายก็ทนไม่ไหวโบกมือลาไปเฝ้าเทวดา เอ..หรือผิดศีลแบบนี้ต้องส่งไปที่ไหนก็ไม่รู้แฮะ
ในช่วงเทศกาลแบบนี้คนไทยนิยมเมามากกว่าปกติ ขนาดที่ว่าเคยเลือดออกมาแล้ว หมอขู่ก็แล้วปลอบก็แล้วก็ไม่เข้ด ชอบคิดว่าวันเดียวมันจะเป็นไรไป ก็ล่อมาซะเต็มคราบแล้วก็กระเพาะอักเสบมากุมท้องนั่งร้องโอยๆอยู่ที่โรงพยาบาล บางคนดูยังไงๆก็เป็นโรคตับชัดๆ ตัวงี้เหลืองเป็นมะละกอสุกก็ยังอุตส่าห์ยอมรับหน้าชื่นตาบานว่ากินเหล้ามา พวกปวดท้องนี่ยังไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้พวก GI bleed ที่พาเหรดกันมานั้นน่าสยอง ส่วนมากอาเจียนออกมาเป็นเลือดสดๆเป็นลิ่มๆ ถามไถ่ไปมาก็กินเหล้าตั้งแต่หนุ่มยันแก่ บางรายตั้งแต่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่มยังไม่ทันจะได้กลางคนก็กระอักโลหิตเสียแล้ว
ปีนี้ก็เหมือนทุกๆปี คือมีคนไข้มาโรงพยาบาลด้วยอาการเจ็บป่วยจากสุรามากกว่าปกติ มีคุณลุงรายหนึ่ง ตัวเหลืองตาเหลืองนิดๆกำลังดีขนาดมะละกอห่ามๆหน่อยไม่สุกจัด แก็มาด้วยว่าแกกลับบ้านต่างจังหวัด ไปเมา (ไม่รู้ว่ามันเมาอยู่ที่กรุงเทพกับเมาที่ต่างจังหวัดนี้มันต่างกันตรงไหน) เมาไม่เมาเปล่าแกอาเจียนเป็นเลือด อารามที่เคยเป็นมาแล้วครั้งนึงและหมอคงจะฝีมือดี แกก็เลยเข้าใจว่าแกหายดีแล้ว และครั้งนี้ก็คงจะเป็นเช่นครั้งนั้น (หารู้ไม่ว่าอาการมันจะหนักขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่เป็น ครั้งที่สองจะหนักกว่าครั้งแรก ครั้งที่สามจะแย่กว่าครั้งที่สอง ครั้งที่สี่...ไม่รู้สิ ไอติมยังไม่เคยเห็นใครทนได้ถึงสามครั้งนะ) แกอุตส่าห์นั่งรถทัวร์มาจากที่อันไกลโพ้นเพื่อมารักษาตามสิทธิ์บัตรทองของแกเอง ตรงจุดนี้ต้องยอมรับว่าแกก็น่ารักดี ทว่าถ้าถึงขั้นอ้วกเป็นเลือดนี่ก็รีบๆไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้แล้ว ให้เขาประเมินดู ถ้าคิดว่ามันส่งต่อไหวหรือแบบนี้ไม่ใช่เลือดออกจริงเดี๋ยวเขาส่งตัวกลับเองนั่นแหละ ถึงตอนนั้นอย่าดื้อขอนอนโรงพยาบาลก็แล้วกัน
ที่ห้องฉุกเฉิน พยาบาลปลุกไอติมงัวเงียๆขึ้นมา หลังจากที่พบว่าลุงแกอ้วกออกมาเป็นเลือดสดๆให้ดูอีกเกือบครึ่งลิตรและไม่สามารถใส่สายล้างท้องให้แกได้ เนื่องจากภาวะนี้พบได้บ่อยและเป็นที่รู้จักกันดีแม้แต่นักเรียนแพทย์ปีสี่ปีห้าก็ท่องการรักษาได้เป็นฉากๆ ไอติมจึงไม่ลังเลเลยที่จะตัดสินใจสั่งการรักษา อนิจจา ชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย บางอย่างเรารู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ด้วยทรัพยากรอันจำกัด เราทำได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น หลังจากมะรุมมะตุ้มกันพักใหญ่ ลุงแกก็นอนนิ่งๆรอ Admit ขึ้นไปข้างบนเนื่องจากเตียงเต็มตองรอให้คนไข้ข้างบนตายซะก่อนถึงจะมีเตียงว่าง อ่านไม่ผิดหรอกครับ ต้องนอนรอข้างล่างให้มีใครซักคน "ตาย" เพื่อจะให้ชั้นบนมีเตียงว่าง หรือไม่อย่านั้นก็รอเช้าๆสายๆให้หมอมาราวด์วอร์ดเช้า (ดูคนไข้รอบเช้า) แล้วให้คนที่พอจะกลับได้กลับบ้านไป เตียงมันแน่นขนาดนั้นจริงๆ ไม่รู้ว่ารัฐบาลเอาสมองส่วนไหนคิดว่าบริการทางสาธารณสุขมันเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
มาถึงลุงแกต่อ นอนรอเตียงอยู่ดีๆแกก็ BP drop ความดันเลือดตกเอาๆ กระหน่ำน้ำเกลือไปลิตรหนึ่งก็ยังไม่ขึ้น ไอติมก็นึกในใจ ซวยแล้ว สงสัยเลือดยังออกในหลอดอาหารไม่หยุด แบบนี้โอกาสเป็นตายเท่าๆกัน ลุงแกก็บ่นพะอืดพะอมอยู่บนเตียง ไอติมไม่รอช้า ให้น้ำเกลือขวดที่สอง เลือดที่จองไปตั้งแต่ตอนต้นก็ยังไม่ได้ ธนาคารเลือดโทรมาบอกว่าเลือดกรุ๊ปนี้มีน้อย จองไปสามให้ได้แค่สองถุง ไอติมรอเลือดไม่ไหวเลืยเอายากระตุ้นหัวใจเพิ่มความดันมาให้ก่อนที่ความดันลุงแกจะหายไปมากกว่านี้
หลังจากนั้นพยาบาลให้โอวาทลุงแกว่า "ถ้าคราวนี้รอดออกไป ลุงเลิกเหล้าได้แล้วนะ" ได้ยินดังนั้น ลุงแกก็ทะลึ่งพรวดขึ้นนั่งแล้วกระอักโลหิตออกมาอีกลิตรนึงแทนคำตอบ ทีนี้ทุกคนก็วุ่นวายกันใหญ่ ไอติมเห็นท่าแล้ว งานนี้ไม่ดีแน่ๆ ไม่ดีเอาซะเลย จากที่เคยเห็นมาออกเยอะขนาดนี้ไม่มีรอดซักราย เลยเรียกญาติมาคุยตั้งแต่ตอนแกยังมีสติพอพูดได้ว่า อาการหนัก มีโอกาสน็อคได้ตลอดเวลาโอกาสรอด ๕๐:๕๐ (ตามสถิติว่าไว้อย่างนั้นสำหรับเลือดออกครั้งที่สอง) ทั้งที่ในใจคิดว่า ๙๙:๑ เลยแบบนี้ แต่แม้หนึ่งเปอร์เซ็นต์ ด้วยความเป็นวิชาชีพก็บังคับให้เราสู้เนื่องจากเราไม่ใช่นักบริหารหรือนักลงทุน อาจารย์ไม่ได้สอนให้เราประเมินเรื่องกำไรขาดทุน อาจารย์สอนอย่างเดียวว่ารักษาคนต้องทำอะไรบ้าง
ญาติก็ปลอบกันไป พยาบาลก็แทงเส้นกันไป ยากระตุ้นหัวใจก็ให้มันจนถึงขนาดสูงสุด (Max dose) เลือดก็ยังไม่มา ยาอะไรก็ยังไม่มา ไม่ต้องพูดถึงเอาลุงแกไปส่องกล้องเลย ไอติมทำไม่เป็น และถึงคนที่ทำเป็น สภาพแบบนี้ก็เอาไปส่องกล้องไม่ได้ หลังจากอัดน้ำเกลือไปได้สองลิตร เลือดก็มา หลังจากให้เลือดไปสักพักอาการแกก็ดูคงที่ขึ้น ความดันวัดได้แม้จะต่ำแบบปริ่มๆ และก็เช้าพอดี พี่พยาบาลจึงจัดแจงส่งญาติไปรอข้างนอกและรีบติดต่อจองเตียงข้างบนทันที และแล้วไอติมก็ลงเวร
หลังจากลงเวร ไอติมมานั่งคิดแบบคนไม่ได้เป็นหมอว่าเราสูญเสียทรัพยากรตั้งมากมายให้กับคนที่ทำร้ายตัวเองแบบนี้ไปเพื่ออะไร อย่างคราวนี้โชคดีที่ไม่มีเหตุฉุกเฉินอื่นๆ ถ้าเกิดว่ามีอะไรซักอย่างแล้วมีคนต้องการเลือดกรุ๊ปเดียวกับลุง เราควรจะให้เลือดใคร ระหว่างคนที่ทำร้ายตัวเองมาทั้งชีวิต หรืออีกคนหนึ่งซึ่งเจ็บป่วยกระทันหัน ดูเหมือนจะไม่มีใครใส่ใจในหน้าที่ของการดูแลสุขภาพ ไม่ว่ารัฐหรือตัวประชาชนเอง รัฐก็เอาแต่ให้สิทธิ์นั้นสิทธิ์นี้ ชาวบ้านก็เป็นแต่ทวงถามถึงสิ่งที่ตัวเองควรจะได้ และไม่เคยทำในสิ่งที่ตัวเองควรจะทำ และไม่เคยพิจารณากติกาว่าเขากำหนดอะไรไว้แบบไหน แต่ฉันจะเอาอย่างนี้ และพอไม่ได้ก็โวยวาย อย่างที่เห็นชัดๆตอนนี้ก็เรื่องใบรับรองความพิการที่เพื่อนๆผมโดนอยู่
รัฐไม่เคยใส่ใจให้ความรู้ว่า "ความพิการ" ตามกฎหมายนั้นเป็นอย่างไร และชาวบ้านก็ไม่สนใจรับรู้ บางอย่างมันไม่พิการตามกฎหมายก็มาบังคับแพทย์จะเอาใบรับรองเพื่อไปรับเงินที่รัฐบาลแจกฟรี รัฐผลักภาระการตัดสินใจให้แพทย์ แต่พอแพทย์ตัดสินใจไม่ถูกใจประชาชน แพทย์ก็ถูกสังคมเล่นงาน ผมกำลังสงสัยว่าประเทศของเราเป็นอะไรไปกันหมดตอนนี้
เอ..มันมาถึงเรื่องแบบนี้ได้ไงหว่า
Create Date : 03 มกราคม 2553 |
|
10 comments |
Last Update : 3 มกราคม 2553 13:10:56 น. |
Counter : 989 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: nurse IP: 58.181.149.2, 58.181.149.27 3 มกราคม 2553 23:34:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: Cheriez 5 มกราคม 2553 20:37:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: june IP: 172.16.18.38, 172.16.18.38, 127.0.0.1, 180.180.3.168 7 มกราคม 2553 17:17:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: 1st IP: 172.168.1.92, 114.128.55.240 7 มกราคม 2553 17:18:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: june IP: 124.120.127.170 7 มกราคม 2553 23:41:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: kadomed IP: 161.200.107.136 9 มกราคม 2553 23:40:18 น. |
|
|
|
|
|
|
คนคนนี้ มีความเหงาเป็นเพื่อน
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]
|
ดูเผินเผินเหมือนบ้าปัญญาอ่อน ดูนานนานแล้วหลอนคล้ายคล้ายผี ดูดูไปเหมือนว่าไม่มีดี ดูอีกทีดู"................"
เติมเองตามใจชอบเลยครับ
|
|
|
|
|
|
|