ให้ปากกามันพาไป ให้หัวใจมันขีดเขียน
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
3 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
วันปีใหม่กับ UGI bleed

UGI bleed หรือเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น (มักเป็นที่กระเพาะและหลอดอาหาร) เป็นโรคที่นิสิตนักศึกษาแพทย์รู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี อาการส่วนมากมักจะมาด้วยอาเจียนเป็นเลือด คล้ายๆกับการกระอักเลือดในหนังจีนกำลังภายใน นอกจากจะไม่น่าดูแล้ว โอกาสตายก็มีสูงด้วย ว่าแต่ไอ้โรคแบบนี้มันมาเกี่ยวข้องกับเทศกาลปีใหม่ได้อย่างไรกัน

สืบเนื่องจากว่าสาเหตุของโรคนี้นั้นมีได้หลายประการ ตั้งแต่เป็นโรคกระเพาะเรื้อรัง กินยาหรือสารที่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร และที่สำคัญที่สุด มาจากกิจกรรมยอดฮิตของคนไทยในช่วงเทศกาลต่างๆ "กินเหล้า" ใครๆก็รู้ว่าเหล้าทำให้ตับแข็ง แต่มีซักกี่คนที่รู้ว่านอกจากจะตับแข็งแล้วยังมีโอกาสกระเพาะอาหารอักเสบ หรืออ้วกเป็นเลือดเนื่องจากมีเส้นเลือดดำที่หลอดอาหารโป่งพองและแตกออก หลายรายที่เลือดออกไม่หยุดจนกระทั่งเสียชีวิตในเวลาไม่กี่ชั่วโมง จากยืนๆคุยกันอยู่ดีๆก็หนีไปคุยกะเทวดาเฉย ส่วนคนทีรอดไปได้ก็ไม่เข็ด มักจะกลับมาแสวงหาประสบการณ์เหล่านี้อีกครั้งด้วยตนเอง ส่วนมากเป็นได้สักสามสี่ครั้งร่างกายก็ทนไม่ไหวโบกมือลาไปเฝ้าเทวดา เอ..หรือผิดศีลแบบนี้ต้องส่งไปที่ไหนก็ไม่รู้แฮะ

ในช่วงเทศกาลแบบนี้คนไทยนิยมเมามากกว่าปกติ ขนาดที่ว่าเคยเลือดออกมาแล้ว หมอขู่ก็แล้วปลอบก็แล้วก็ไม่เข้ด ชอบคิดว่าวันเดียวมันจะเป็นไรไป ก็ล่อมาซะเต็มคราบแล้วก็กระเพาะอักเสบมากุมท้องนั่งร้องโอยๆอยู่ที่โรงพยาบาล บางคนดูยังไงๆก็เป็นโรคตับชัดๆ ตัวงี้เหลืองเป็นมะละกอสุกก็ยังอุตส่าห์ยอมรับหน้าชื่นตาบานว่ากินเหล้ามา พวกปวดท้องนี่ยังไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้พวก GI bleed ที่พาเหรดกันมานั้นน่าสยอง ส่วนมากอาเจียนออกมาเป็นเลือดสดๆเป็นลิ่มๆ ถามไถ่ไปมาก็กินเหล้าตั้งแต่หนุ่มยันแก่ บางรายตั้งแต่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่มยังไม่ทันจะได้กลางคนก็กระอักโลหิตเสียแล้ว

ปีนี้ก็เหมือนทุกๆปี คือมีคนไข้มาโรงพยาบาลด้วยอาการเจ็บป่วยจากสุรามากกว่าปกติ มีคุณลุงรายหนึ่ง ตัวเหลืองตาเหลืองนิดๆกำลังดีขนาดมะละกอห่ามๆหน่อยไม่สุกจัด แก็มาด้วยว่าแกกลับบ้านต่างจังหวัด ไปเมา (ไม่รู้ว่ามันเมาอยู่ที่กรุงเทพกับเมาที่ต่างจังหวัดนี้มันต่างกันตรงไหน) เมาไม่เมาเปล่าแกอาเจียนเป็นเลือด อารามที่เคยเป็นมาแล้วครั้งนึงและหมอคงจะฝีมือดี แกก็เลยเข้าใจว่าแกหายดีแล้ว และครั้งนี้ก็คงจะเป็นเช่นครั้งนั้น (หารู้ไม่ว่าอาการมันจะหนักขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่เป็น ครั้งที่สองจะหนักกว่าครั้งแรก ครั้งที่สามจะแย่กว่าครั้งที่สอง ครั้งที่สี่...ไม่รู้สิ ไอติมยังไม่เคยเห็นใครทนได้ถึงสามครั้งนะ) แกอุตส่าห์นั่งรถทัวร์มาจากที่อันไกลโพ้นเพื่อมารักษาตามสิทธิ์บัตรทองของแกเอง ตรงจุดนี้ต้องยอมรับว่าแกก็น่ารักดี ทว่าถ้าถึงขั้นอ้วกเป็นเลือดนี่ก็รีบๆไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้แล้ว ให้เขาประเมินดู ถ้าคิดว่ามันส่งต่อไหวหรือแบบนี้ไม่ใช่เลือดออกจริงเดี๋ยวเขาส่งตัวกลับเองนั่นแหละ ถึงตอนนั้นอย่าดื้อขอนอนโรงพยาบาลก็แล้วกัน

ที่ห้องฉุกเฉิน พยาบาลปลุกไอติมงัวเงียๆขึ้นมา หลังจากที่พบว่าลุงแกอ้วกออกมาเป็นเลือดสดๆให้ดูอีกเกือบครึ่งลิตรและไม่สามารถใส่สายล้างท้องให้แกได้ เนื่องจากภาวะนี้พบได้บ่อยและเป็นที่รู้จักกันดีแม้แต่นักเรียนแพทย์ปีสี่ปีห้าก็ท่องการรักษาได้เป็นฉากๆ ไอติมจึงไม่ลังเลเลยที่จะตัดสินใจสั่งการรักษา อนิจจา ชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย บางอย่างเรารู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ด้วยทรัพยากรอันจำกัด เราทำได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น หลังจากมะรุมมะตุ้มกันพักใหญ่ ลุงแกก็นอนนิ่งๆรอ Admit ขึ้นไปข้างบนเนื่องจากเตียงเต็มตองรอให้คนไข้ข้างบนตายซะก่อนถึงจะมีเตียงว่าง อ่านไม่ผิดหรอกครับ ต้องนอนรอข้างล่างให้มีใครซักคน "ตาย" เพื่อจะให้ชั้นบนมีเตียงว่าง หรือไม่อย่านั้นก็รอเช้าๆสายๆให้หมอมาราวด์วอร์ดเช้า (ดูคนไข้รอบเช้า) แล้วให้คนที่พอจะกลับได้กลับบ้านไป เตียงมันแน่นขนาดนั้นจริงๆ ไม่รู้ว่ารัฐบาลเอาสมองส่วนไหนคิดว่าบริการทางสาธารณสุขมันเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน

มาถึงลุงแกต่อ นอนรอเตียงอยู่ดีๆแกก็ BP drop ความดันเลือดตกเอาๆ กระหน่ำน้ำเกลือไปลิตรหนึ่งก็ยังไม่ขึ้น ไอติมก็นึกในใจ ซวยแล้ว สงสัยเลือดยังออกในหลอดอาหารไม่หยุด แบบนี้โอกาสเป็นตายเท่าๆกัน ลุงแกก็บ่นพะอืดพะอมอยู่บนเตียง ไอติมไม่รอช้า ให้น้ำเกลือขวดที่สอง เลือดที่จองไปตั้งแต่ตอนต้นก็ยังไม่ได้ ธนาคารเลือดโทรมาบอกว่าเลือดกรุ๊ปนี้มีน้อย จองไปสามให้ได้แค่สองถุง ไอติมรอเลือดไม่ไหวเลืยเอายากระตุ้นหัวใจเพิ่มความดันมาให้ก่อนที่ความดันลุงแกจะหายไปมากกว่านี้

หลังจากนั้นพยาบาลให้โอวาทลุงแกว่า "ถ้าคราวนี้รอดออกไป ลุงเลิกเหล้าได้แล้วนะ" ได้ยินดังนั้น ลุงแกก็ทะลึ่งพรวดขึ้นนั่งแล้วกระอักโลหิตออกมาอีกลิตรนึงแทนคำตอบ ทีนี้ทุกคนก็วุ่นวายกันใหญ่ ไอติมเห็นท่าแล้ว งานนี้ไม่ดีแน่ๆ ไม่ดีเอาซะเลย จากที่เคยเห็นมาออกเยอะขนาดนี้ไม่มีรอดซักราย เลยเรียกญาติมาคุยตั้งแต่ตอนแกยังมีสติพอพูดได้ว่า อาการหนัก มีโอกาสน็อคได้ตลอดเวลาโอกาสรอด ๕๐:๕๐ (ตามสถิติว่าไว้อย่างนั้นสำหรับเลือดออกครั้งที่สอง) ทั้งที่ในใจคิดว่า ๙๙:๑ เลยแบบนี้ แต่แม้หนึ่งเปอร์เซ็นต์ ด้วยความเป็นวิชาชีพก็บังคับให้เราสู้เนื่องจากเราไม่ใช่นักบริหารหรือนักลงทุน อาจารย์ไม่ได้สอนให้เราประเมินเรื่องกำไรขาดทุน อาจารย์สอนอย่างเดียวว่ารักษาคนต้องทำอะไรบ้าง

ญาติก็ปลอบกันไป พยาบาลก็แทงเส้นกันไป ยากระตุ้นหัวใจก็ให้มันจนถึงขนาดสูงสุด (Max dose) เลือดก็ยังไม่มา ยาอะไรก็ยังไม่มา ไม่ต้องพูดถึงเอาลุงแกไปส่องกล้องเลย ไอติมทำไม่เป็น และถึงคนที่ทำเป็น สภาพแบบนี้ก็เอาไปส่องกล้องไม่ได้ หลังจากอัดน้ำเกลือไปได้สองลิตร เลือดก็มา หลังจากให้เลือดไปสักพักอาการแกก็ดูคงที่ขึ้น ความดันวัดได้แม้จะต่ำแบบปริ่มๆ และก็เช้าพอดี พี่พยาบาลจึงจัดแจงส่งญาติไปรอข้างนอกและรีบติดต่อจองเตียงข้างบนทันที และแล้วไอติมก็ลงเวร

หลังจากลงเวร ไอติมมานั่งคิดแบบคนไม่ได้เป็นหมอว่าเราสูญเสียทรัพยากรตั้งมากมายให้กับคนที่ทำร้ายตัวเองแบบนี้ไปเพื่ออะไร อย่างคราวนี้โชคดีที่ไม่มีเหตุฉุกเฉินอื่นๆ ถ้าเกิดว่ามีอะไรซักอย่างแล้วมีคนต้องการเลือดกรุ๊ปเดียวกับลุง เราควรจะให้เลือดใคร ระหว่างคนที่ทำร้ายตัวเองมาทั้งชีวิต หรืออีกคนหนึ่งซึ่งเจ็บป่วยกระทันหัน ดูเหมือนจะไม่มีใครใส่ใจในหน้าที่ของการดูแลสุขภาพ ไม่ว่ารัฐหรือตัวประชาชนเอง รัฐก็เอาแต่ให้สิทธิ์นั้นสิทธิ์นี้ ชาวบ้านก็เป็นแต่ทวงถามถึงสิ่งที่ตัวเองควรจะได้ และไม่เคยทำในสิ่งที่ตัวเองควรจะทำ และไม่เคยพิจารณากติกาว่าเขากำหนดอะไรไว้แบบไหน แต่ฉันจะเอาอย่างนี้ และพอไม่ได้ก็โวยวาย อย่างที่เห็นชัดๆตอนนี้ก็เรื่องใบรับรองความพิการที่เพื่อนๆผมโดนอยู่

รัฐไม่เคยใส่ใจให้ความรู้ว่า "ความพิการ" ตามกฎหมายนั้นเป็นอย่างไร และชาวบ้านก็ไม่สนใจรับรู้ บางอย่างมันไม่พิการตามกฎหมายก็มาบังคับแพทย์จะเอาใบรับรองเพื่อไปรับเงินที่รัฐบาลแจกฟรี รัฐผลักภาระการตัดสินใจให้แพทย์ แต่พอแพทย์ตัดสินใจไม่ถูกใจประชาชน แพทย์ก็ถูกสังคมเล่นงาน ผมกำลังสงสัยว่าประเทศของเราเป็นอะไรไปกันหมดตอนนี้

เอ..มันมาถึงเรื่องแบบนี้ได้ไงหว่า



Create Date : 03 มกราคม 2553
Last Update : 3 มกราคม 2553 13:10:56 น. 10 comments
Counter : 987 Pageviews.

 
เข้ามาเห็นด้วยเลยค่า


โดย: โยเกิตมะนาว วันที่: 3 มกราคม 2553 เวลา:14:21:10 น.  

 
แอบเศร้าไปด้วย..
ยังไงก็สู้ต่อไประทาเคชิ!!!


โดย: june (MeE pOoh MoO pEe ) วันที่: 3 มกราคม 2553 เวลา:22:09:09 น.  

 
สู้สู้ นะ ติม


โดย: nurse IP: 58.181.149.2, 58.181.149.27 วันที่: 3 มกราคม 2553 เวลา:23:34:39 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่ไอติม ^ ^

แอบเป็นแฟนบล๊อคมาได้อาทิตย์ฝ่าๆ แหะๆ แว่บมาอ่านตอนมีเวลา
อ่านเรื่องที่พี่ไอติมเล่าให้ฟังแล้วเพลินมากๆเลยค่ะ
ไม่เหมือนพวกพ๊อคเก็ทบุ๊คที่เคยอ่าน ที่พี่ไอติมเขียนดูเรียลกว่ามากๆ
ได้ยินรอบข้างเป่าหูมานักต่อนัก อีกไม่เท่าไหร่น้องคงได้เจอของจริง
ตอนนี้อยู่ปี 2 วชิรพยาบาลค่ะ ไม่รู้ว่ารุ่นของพี่ไอติมยังทันได้มาฝึกที่นี่อยู่รึเปล่า

เห็นพี่ไอติมเรียนพาร์โธ,, พี่บัณฑิตของน้อง(จบไปแล้วสองปี)ก็พาร์โธเหมือนกัน แต่ไปอยู่ฬ
เห็นว่าไม่ต้องใช้ทุน ล่าสุดได้ยินว่าสละโสดไปด้วยแ้ล้วค่ะ xD
สำหรับน้องคงไม่ไหวค่ะ ไม่สามารถจริงๆ Histo คือยาขมจริงจัง
บล๊อคที่แล้ว Gyne.. ส่องกล้องไม่รู้เรื่องเลยค่ะ สอบแลปนี่กระเจิดกระเจิง


สุดท้ายก็ขอสวัสดีปีใหม่(ย้อนหลัง)นะคะ ถ้ามีเวลาจะมาหาอีกค่า
ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีนะคะ สู้ๆค่า ^___________^


โดย: Cheriez วันที่: 5 มกราคม 2553 เวลา:20:37:15 น.  

 
ชีวิตจริงมันก็ไม่สนุกอย่างที่เขียนหรอกครับ อิอิ


โดย: คนคนนี้ มีความเหงาเป็นเพื่อน วันที่: 6 มกราคม 2553 เวลา:11:27:00 น.  

 
หวัดดีค่ะคุณไอติม เหมือนเคยอ่านเจอว่าคุณไอติมก็เป็นผื่นแพ้ สงสัยจริงๆ ว่ามันจะไม่หายไปจากชีวิตเราจริงๆ เหรอคะ ช่วงนี้จูนกับพี่ที่ออฟฟิศอีกคนผื่นแพ้กำเริบเสิบสานมากๆ คิดว่าไม่ได้ไปโดนอะไรแล้วก็ไม่ได้ไปกินอะไรแปลกๆ มาด้วย หรือจะเป็นเพราะอากาศมันทะแม่งๆ ก็ไม่รู้ แต่ในรอบสามเดือนนี้ไปหาหมอเป็นครั้งที่สองแล้ว หมอก็ให้ยามาทานแล้วก็ทาเหมือนเดิมและพูดในประโยคเดิมๆ ว่า รู้ว่าแพ้อะไรก็เลี่ยงๆ หน่อยสิคะ (T T ก็ไม่รู้นี่คะว่าไปโดนอะไร) คราวนี้เป็นเยอะเลยทั้งแขน ตัว ขึ้นแก้มด้วย โฮ... คุณไอติมดูแลตัวเองยังไงคะ มีวิธีไหนที่ไม่ให้มันเป็นแทบจะตลอดเวลาอย่างนี้มั๊ย หรือควรจะไปโรงพยาบาลไม่ใช่คลีนิครักษาโรคผิวหนังธรรมดาดี


โดย: june IP: 172.16.18.38, 172.16.18.38, 127.0.0.1, 180.180.3.168 วันที่: 7 มกราคม 2553 เวลา:17:17:36 น.  

 
หมอไอติม
คิดถึง
อยากเจอตัวเป็นๆ


โดย: 1st IP: 172.168.1.92, 114.128.55.240 วันที่: 7 มกราคม 2553 เวลา:17:18:16 น.  

 
ตอบคุณ june
็คุณหมอเค้าพูดถูกแล้วครับ คือถ้าเรา"รู้"ว่าเราแพ้อะไรก็อย่าไปโดนมันเข้า ทีนี้ บางทีก็ไม่รู้หรอกครับ ผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าผมแพ้อะไร ดังนั้น เมื่อไม่รู้ว่าแพ้อะไร สิ่งเดียวที่ทำได้คือรักษาร่างกายให้แข็งแรงครับ อย่านอนดึก อย่าอยู่ในที่ร้อนหรือเย็นเกินไป หรือไม่ก็คอยสังเกตเอาก็ได้ว่าเราทำอะไรแล้วผื่นขึ้น อย่างผมนอนไม่พอหลายๆวันก็จะมีผื่นขึ้นครับ

ตอบคุณ 1st
ตัวเป็นๆอาศัยอยู่แถวๆศิริราช


โดย: คนคนนี้ มีความเหงาเป็นเพื่อน วันที่: 7 มกราคม 2553 เวลา:20:32:29 น.  

 
งั้นเหรอคะ จริงๆ ก็เริ่มเป็นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมานี่แหละค่ะ เช้าวันนั้นไปถึงศิริราชฝนเพิ่งหยุดตกพอดี พื้นกำลังแฉะได้ใจ อากาศก็กำลังอ้าวได้ที่ ผื่นได้ทีตามมาเลยติดๆ สงสัยจะเป็นอย่างที่คุณไอติมว่า ช่วงนี้นอนดึกน่ะค่ะ งานแยะเลย คิดดูดีๆ ก็จริงนะคะ ช่วงไหนพักผ่อนน้อยไม่ผื่นก็จามตลอด ขอบคุณนะคะ ตอนนี้คงเหลือแต่ต้องทำใจให้เข้ากับมันซะแล้ว

ปล.คุณไอติมก็อยู่แถวศิริราชสินะคะ ช่วงนี้ฝนตกบ่อยว่ามั๊ยคะ เมื่อเย็นฟ้าก็ฮึ่มๆ ตลอด ระวังเป็นหวัดด้วยนะคะ


โดย: june IP: 124.120.127.170 วันที่: 7 มกราคม 2553 เวลา:23:41:42 น.  

 
"เราสูญเสียทรัพยากรตั้งมากมายให้กับคนที่ทำร้ายตัวเองแบบนี้ไปเพื่ออะไร" เห็นด้วยอย่างยิ่งจ้า


โดย: kadomed IP: 161.200.107.136 วันที่: 9 มกราคม 2553 เวลา:23:40:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนคนนี้ มีความเหงาเป็นเพื่อน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




ดูเผินเผินเหมือนบ้าปัญญาอ่อน
ดูนานนานแล้วหลอนคล้ายคล้ายผี
ดูดูไปเหมือนว่าไม่มีดี
ดูอีกทีดู"................"

เติมเองตามใจชอบเลยครับ
Friends' blogs
[Add คนคนนี้ มีความเหงาเป็นเพื่อน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.