สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ

ลมหนาว...วายร้ายของเจ้าตัวน้อย

lozocatlozocat



หน้าหนาวนี้  ทารกทั้งหลายมักเจอสารพันปัญหาสุขภาพ  เนื่องจากธรรมชาติของเจ้าตัวน้อยมีผิวอันแสนบอบบาง   มีช่องทางเดินหายใจขนาดเล็ก  มีปริมาณน้ำในร่างกายน้อยกว่าในเด็กโต  ทั้งความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรคก็ยังน้อยอยู่   เหตุนี้จึงต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ   มาดูกันเลยค่ะว่ามีอะไรบ้าง
 


ผิวนุ่มๆ ถูกรังแก


            ฤดูหนาว  เป็นช่วงที่มีอากาศหนาวเย็นทั้งความชื้นในอากาศยังลดลง ทำให้น้ำระเหยจากผิวหนังจนเสียความชุ่มชื้นง่าย โดยเฉพาะเด็กทารกและเด็กเล็กมีผิวที่บอบบาง ไวต่ออากาศที่เปลี่ยนแปลง ผิวมักแห้งเกิดผื่นคันได้ง่าย ช่วงนี้จึงไม่ควรให้เด็กอาบน้ำร้อนเกินไปหรือแช่น้ำนานๆ และไม่ควรใช้สบู่มากไป เพราะจะทำให้ไขมันตามธรรมชาติที่เคลือบผิวหนังอยู่หลุดออกไป ถ้าผิวแห้งมาก หลังอาบน้ำแล้วให้ทามอยส์เจอไรเซอร์หรือครีมบำรุงผิวที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ ก็จะช่วยเคลือบผิวไม่ให้น้ำที่ผิวหนังระเหยไปง่าย ๆ ทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น


 
            นอกจากนี้เด็ก ๆ ยังอาจป่วยจากโรคติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อไวรัส ซึ่งสามารถทนต่อความเย็นและแพร่ขยายพันธุ์ได้เร็วในฤดูหนาว เช่น ไวรัสที่ก่อโรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ โรคสุกใส  โรคหัด  โรคเหล่านี้ติดต่อโดยการหายใจเอาเชื้อไวรัสที่อยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วยเข้าไป  รวมทั้งโรคสุกใสยังอาจติดต่อโดยการสัมผัสตุ่มน้ำที่ผิวหนังของผู้ป่วยได้
 


ฮัดชิ้ว!  ไข้หวัดมาเยือน


                ในเด็กทารก อาการเริ่มของไข้หวัด มักจะมีอาการไข้นำมาก่อน ส่วนเด็กเล็ก ๆ หรือเด็กโตกว่าอาจจะไม่มีไข้ หรือมีไข้ต่ำ ๆ มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอจาม อาจมีอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ส่วนไข้หวัดใหญ่มักจะมีไข้สูง และปวดกล้ามเนื้อ
 


               โดยทั่วไปอาการของไข้หวัดใหญ่จะรุนแรง ยาวนาน และมีภาวะปอดอักเสบแทรกซ้อนได้บ่อยกว่าไข้หวัดธรรมดา  การป้องกันที่ดีที่สุด คือ จะต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรง   รับประทานอาหารที่มีประโยชน์  พักผ่อนให้เพียงพอ  ออกกำลังกายสม่ำเสมอ  รักษาร่างกายให้อบอุ่น ยิ่งผู้ปกครองไม่ควรสูบบุหรี่ โดยเฉพาะในห้องที่มีเด็กอยู่  ถ้ามีผู้ป่วยเป็นไข้หวัดอยู่ในบ้านก็ไม่ควรให้คนที่ป่วยเลี้ยงดูหรืออยู่ใกล้ชิดเด็ก และควรใช้ผ้าปิดปากเวลาไอหรือจาม จัดที่อยู่ให้สะอาด  หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนแออัด
 


การรักษาไข้หวัดนั้น แพทย์จะแนะนำผู้ปกครองให้ดูแลเด็กตามอาการ เช่น ให้นอนพักผ่อนมาก ๆ ดื่มน้ำมากขึ้น   อาจเป็นน้ำผลไม้ หรือน้ำแกงจืดก็ได้  ถ้ามีไข้ให้ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัว   และให้ยาลดไข้พาราเซตามอลในปริมาณที่เหมาะสมตามแพทย์สั่ง  หรือตามที่ระบุไว้ในฉลากยา  และอย่าให้ซ้ำเกินกว่าทุก 4 ชั่วโมง เพราะยาอาจสะสมทำให้เป็นพิษต่อตับได้ นอกจากนี้ หากเกิดอาการคัดจมูกหรือแน่นจมูกมาก ให้ใช้น้ำเกลือหยอดจมูกในเด็กเล็ก ๆ และช่วยดูดน้ำมูกออก จะช่วยให้เด็กสบายขึ้น



จะว่าไปแล้ว โดยทั่วไปเด็กที่ป่วยเป็นไข้หวัด มักจะหายเองภายใน 1 สัปดาห์ ถ้ายังไม่หายควรพาเด็กไปพบแพทย์ เพราะอาจเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น ทอนซิลอักเสบ ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ หรือปอดอักเสบได้



จุด จุด จุด อุ๊ยนั่น “โรคสุกใส”


เด็กที่ป่วยจะเริ่มมีไข้ต่ำ ๆ ต่อมามีผื่นขึ้นที่หนังศีรษะ หน้า ตามตัว โดยเริ่มเป็นผื่นแดง ตุ่มนูน แล้วเปลี่ยนเป็นตุ่มน้ำ(ตุ่มใส) ในวันที่ 2-3 นับตั้งแต่เริ่มมีไข้ หลังจากนั้นตุ่มจะเป็นหนอง (ตุ่มสุก) แล้วเริ่มแห้งตกสะเก็ด เนื่องจากมีทั้งตุ่มสุกและตุ่มใส จึงเรียกว่า อีสุกอีใส หรือ โรคสุกใส โดยทั่วไปโรคนี้มักหายได้เองเป็นปกติ แต่ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแทรกซ้อนทางสมอง และปอดอักเสบได้  
 


การรักษา ส่วนใหญ่รักษาตามอาการ  โดยให้ผู้ป่วยนอนพักผ่อน เช็ดตัวในช่วงที่มีไข้สูง  ไม่ควรเกาผิวหนังบริเวณที่มีตุ่มน้ำ เพราะอาจติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เป็นฝีหนองที่ผิวหนังได้ ควรรักษาความสะอาดของร่างกายและตัดเล็บให้สั้น   แพทย์อาจให้ยารับประทานหรือยาทาเพื่อบรรเทาอาการคัน ในเด็กโตที่ป่วยเป็นโรคสุกใส  มักจะมีอาการมากกว่าเด็กเล็ก ๆ แพทย์อาจจะสั่งยาที่ลดการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัสสุกใสให้ผู้ป่วยรับประทาน ซึ่งจะลดปริมาณตุ่มที่ขึ้นตามผิวหนังได้  แต่ต้องรับประทานยาตั้งแต่วันแรก ๆ ที่เริ่มมีอาการ  เด็กที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำและป่วยเป็นโรคสุกใสต้องพบแพทย์เพื่อรับการรักษา  สำหรับเด็กนักเรียนควรให้หยุดเรียนประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อพักรักษาตัวและป้องกันการแพร่เชื้อไปยังเด็กคนอื่นๆ ด้วย



โรคหัด


          ทารกและเด็กเล็กกว่า 8 เดือน มักจะไม่เป็นโรคหัด เพราะยังมีภูมิคุ้มกันจากแม่ที่เคยเป็นโรคหัดแล้ว เด็กที่ป่วยจะมีอาการไข้สูง น้ำมูกไหล ไอ ตาแดงแฉะนำมาก่อน ประมาณวันที่ 4 หลังจากมีไข้ จะเริ่มมีผื่นขึ้นที่หลังหู ผื่นลามไปยังหน้าและตามตัว เมื่อผื่นกระจายไปทั่วตัวแล้ว ไข้จะลดลง ผื่นจะค่อย ๆ จางหายไปภายในประมาณ 2 สัปดาห์ อาจพบโรคแทรกซ้อนได้ เช่น หูชั้นกลางอักเสบ ปอดอักเสบ อุจจาระร่วง  


การรักษา ส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการ  ให้ผู้ป่วยนอนพัก เช็ดตัวในช่วงที่มีไข้สูง  และให้รับประทานอาหารอ่อนๆ ถ้ามีโรคแทรกซ้อนแพทย์จะให้ยาที่เหมาะสม  ควรแยกผู้ป่วยออกจากเด็กอื่น ๆ จนถึงระยะ  4 - 5 วันภายหลังผื่นขึ้น หลายคนเชื่อว่าเด็กต้องออกหัดทุกคน ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะโรคหัดเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน



ถ่ายจู๊ด ๆ เพราะ“โรคอุจจาระร่วง”


            โรคอุจจาระร่วงในช่วงฤดูหนาว ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสโรตา  ติดต่อโดยการดื่มน้ำหรือรับประทาน อาหารที่มีเชื้อไวรัสนี้ปนเปื้อน  และยังติดต่อทางน้ำมูก น้ำลายได้ด้วย พบบ่อยในเด็กเล็ก ผู้ป่วยอาจเริ่มมีอาการคล้ายไข้หวัดมาก่อนคือ มีอาการไข้ อาเจียน และถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ โดยทั่วไปอาการไม่รุนแรง แต่เด็กบางคนอาจขาดน้ำรุนแรงโดยเฉพาะเด็กเล็ก มีปริมาณน้ำในร่างกายน้อย เสียน้ำมากอาจช็อคได้
 


การรักษา ควรให้อาหารเหลวบ่อยครั้ง เช่น น้ำข้าวต้ม น้ำแกงจืด  น้ำนมแม่  ถ้ายังถ่ายบ่อย  ให้เด็กดื่มน้ำเกลือแร่ทีละน้อย บ่อยครั้ง เพื่อทดแทนการสูญเสียเกลือแร่จากการถ่ายและอาเจียน  ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือรับประทานได้น้อย ควรพาไปพบแพทย์ ซึ่งส่วนใหญ่แพทย์จะให้การรักษาแบบประคับประคอง คือ ให้สารน้ำทดแทนทางหลอดเลือด  ให้ยาตามอาการ เช่น ให้ยาแก้อาเจียน  ยาลดไข้ 



เมื่อเด็กมีไข้


            ในเด็กเล็กอาจเห็นผิวหนังตามตัวแดง หน้าแดง เมื่อจับตัวจะรู้สึกร้อน ไข้จะขึ้น ๆ ลง ๆ หรือไข้สูงลอย แล้วแต่ลักษณะของโรคนั้น ผู้ปกครองมักจะกังวลว่า ให้เด็กรับประทานยาลดไข้แล้ว  ไข้ยังขึ้นอีก ก็เพราะว่าสาเหตุของไข้ยังมีอยู่  แต่การดูแล เช็ดตัวให้เด็กและให้ยาลดไข้  จะช่วยบรรเทาอาการได้ ทำให้เด็กสบายตัวขึ้น และถ้าไข้สูงมากในเด็กเล็กอาจมีอาการชักได้ เนื่องจากศูนย์ควบคุมอุณหภูมิในสมองของเด็กเล็กยังทำงานได้ไม่ดี
 


         การดูแลเด็กเมื่อมีไข้ ให้ใช้น้ำที่ไม่ร้อนจัดหรือเย็นจัดจนเกินไป (น้ำจากก๊อกประปาก็ได้) เช็ดให้ทั่วตัวโดยเฉพาะตามซอกคอ ข้อพับแขนขา และให้ยาลดไข้พาราเซตามอล ไม่ควรใช้ยาแอสไพริน เพราะถ้าเด็กเป็นโรคไข้หวัดใหญ่หรือโรคสุกใส อาจทำให้เกิดตับวายและมีผลต่อสมองถึงขั้นเสียชีวิตได้ และถ้าไข้สูงอยู่ตลอดติดต่อกันหลายวันหรือเด็กมีอาการไม่ทุเลาเลยควรพบแพทย์ด่วน 



อย่านิ่งนอนใจค่ะ ทุกอย่างสามารถแก้ไขด้วยการดูแลเอาใจใส่ลูกน้อยของท่านอย่างเพียงพอ








ข้อมูลจาก
ผศ.พญ.เกษวดี ลาภพระ
กุมารแพทย์
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
กรอบสวยๆ จากคุณlozocat



lozocat lozocat






 

Create Date : 28 พฤศจิกายน 2554
7 comments
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2554 19:59:48 น.
Counter : 956 Pageviews.

 

หมิงหมิงเพิ่งหายหวัดวันนี้เองครับ
เป็นมาประมาณ 1 อาทิตย์
เพราะเด็กในชั้นเรียน
เป็นกันเกือบทุกคนน่ะครับ


 

โดย: กะว่าก๋า 28 พฤศจิกายน 2554 20:44:10 น.  

 

สวัสดียามค่ำครับน้องกบ

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 28 พฤศจิกายน 2554 21:25:09 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
kobnon Health Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
---------------------
แวะมาทักทายและมาโหวตให้คุณกบค่ะ

 

โดย: เกศสุริยง 28 พฤศจิกายน 2554 23:19:46 น.  

 

มารับความรู้ค่า คุณกบ

 

โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา 28 พฤศจิกายน 2554 23:38:21 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับคุณกบ







 

โดย: กะว่าก๋า 29 พฤศจิกายน 2554 6:00:19 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับคุณกบ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: panwat 29 พฤศจิกายน 2554 8:37:25 น.  

 

สวัสดีครับคุณกบ
ลุงกล้วยก็หายไปนานเหมือนกันครับ ตอนนี้ร่างกายสบายดีแต่บ้านแย่ครับ น้ำเน่ายังขังอยู่รอว่าเมื่อไหร่น้ำจะยุบซะที คุณกบสบายดีนะครับ

 

โดย: ลุงกล้วย 29 พฤศจิกายน 2554 11:45:28 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
28 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.