| | | |
อุบัติการณ์ในประเทศไทย
โรคหัวใจและหลอดเลือดไม่ได้สร้างความสูญเสียให้กับประชากรโลกเท่านั้น เพราะปัจจุบันก็มีคนไทยที่สียชีวิตจากโรคนี้ไม่น้อยเช่นกัน โดย พญ.หญิงน้อยให้ข้อมูลว่า อัตราการเสียชีวิตของคนไทยจากโรคหัวใจและหลอดเลือด ไม่ว่าจะเนื่องจากหัวใจขาดเลือดหรือเส้นเลือดหัวใจตีบยังจัดอยู่ในระดับที่สูง โดยจากผลการศึกษาของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า อัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ ซึ่งเคยอยู่ที่ 7.9 คนต่อประชากร 1 แสนคนในปี พ.ศ.2542 เพิ่มขึ้นเป็น 21.2 คนต่อ 1 แสนคนในปี พ.ศ.2551 หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า โดยถือว่าเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 5 ของผู้ชายไทย คือคิดเป็นร้อยละ 6.1 ของการเสียชีวิตของผู้ชาย แต่เป็นสาเหตุการตายอันดับ 3 ของผู้หญิงไทย โดยคิดว่าเป็นร้อยละ 7 ของการเสียชีวิตของผู้หญิง
นอกจากอัตราการตายจะสูงขึ้นแล้ว อัตราการป่วยก็ยังสูงขึ้นด้วย โดยในปี พ.ศ.2542 คนไทยป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด 81.9 คนต่อประชากร 1 แสนคน แต่เพิ่มขึ้นเป็น 276.83 คน ต่อ 1 แสนคนในปี พ.ศ.2551
ขณะที่ผลการศึกษากับพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดย นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา เป็นเวลา 23 ปี พบว่า พนักงานการไฟฟ้าฯมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือดถึง 80 คนต่อ 1 แสนคน ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเสียชีวิตที่สูงมาก
7 ปัจจัยเสี่ยงเลี่ยงได้
นอกจากอายุ เพศ และประวัติครอบครัวจะจัดว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงพื้นฐานของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดแล้ว วิถีชีวิตอันเร่งรีบยังทำให้คนไทยมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก 7 ปัจจัยเสี่ยงดังต่อไปนี้
- การสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน เนื่องจากในควันบุหรี่มีสารพิษหลายอย่างที่เป็นอันตรายต่อหลอดเลือดหัวใจ โดยสารที่มีผลมากเป็นพิเศษมีอยู่ 2 ชนิด คือ นิโคตินและคาร์บอนมอนนอกไซด์ โดยผู้ที่สูบบุหรี่จะเป็นโรคหัวใจสูงกว่าผู้ที่ไม่สูบบหรี่ถึง 5 เท่า จึงควรเลิกสูบบุหรี่ หรือสูบให้น้อยลงหากยังไม่สามารถเลิกได้
- ระดับไขมันสูง เพราะอาจจะเกิดการสะสมของตะกรันไขมัน ซึ่งทำให้หลอดเลือดตีบลง หัวใจจึงต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อดันให้เลือดเคลื่อนที่ผ่านไปได้ โดยในคนปกติไม่ควรมีคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี หรือแอลดีแอลคอเลสเตอรอลสูงเกิน 160 มิลลิลิตร และควรมีคอเลสเตอรอลชนิดดี หรือเอชดีแอลคอเลสเตอรอลเกิน 35 มิลลิลิตรสำหรับผู้หญิง และเกิน 45 มิลลิลิตรสำหรับผู้ชาย ขณะที่คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือเบาหวานควรมีคอเลสเตอรอลไม่ดีต่ำกว่า 100 มิลลิลิตร สำหรับวิธีการลดไขมันก็คือควรรับประทานอาหารที่ดีต่อหัวใจอย่าง ข้าวกล้อง ธัญพืชไม่ขัดสี ผัก และไขมันชนิดไม่อิ่มตัว
- ความดันโลหิตสูง เพราะความดันโลหิตสูงเป็นต้นเหตุของโรคหัวใจขาดเลือด จึงควรงดรับประทานอาหารที่มีรสเค็ม และหลีกเลี่ยงความเครียด
- โรคอ้วน ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นในการสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกาย จึงเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ฉะนั้นหากว่ามีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ก็ควรระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหารและหันมาออกกำลังกายเพื่อควบคุมน้ำหนัก
- พฤติกรรมนั่งๆ นอนๆ ซึ่งทำให้ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เพราะทำให้หัวใจซึ่งเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแอ จึงควรหันมาออกกำลังกายวันละ 30 นาทีอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังกายแบบแอโรบิก ไม่ว่าจะเป็นว่ายน้ำ เดิน หรือจ็อกกิ้ง ซึ่งจะทำช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้น
- ความเครียด ความเครียดทำให้ความดันโลหิตสูงและทำให้อัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้น ซึ่งทั้งสองอย่างล้วนแล้วแต่เป็นอันตรายต่อหลอดเลือดหัวใจทั้งสิ้น ดังนั้นจึงควรเรียนรู้วิธีรับมือกับความเครียดอย่างถูกวิธี เช่น การออกกำลังกาย ฝึกสมาธิ ทำงานอดิเรก สังสรรค์กับเพื่อนหรือคนในครอบครัว
- เบาหวาน จัดว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่น่ากลัวสำหรับโรคหัวใจขาดเลือด เพราะเบาหวานทำให้เกิดความเสื่อมของหลอดเลือดแดงทั่วร่างกาย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะผู้ป่วยเบาหวานจะต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากตลอดเวลา เพื่อช่วยชะลอการเสื่อมของหลอดเลือดแดงทั่วร่างกาย
One World, One Home, One Heart
สำหรับแคมเปญรณรงค์ของวันหัวใจโลกในประเทศไทยปีนี้จะจัดขึ้นภายใต้แนวคิด One World, One Home, One Heart ตามที่สมาพันธ์หัวใจโลกได้กำหนดขึ้น เพื่อให้ทุกคนทั่วโลกช่วยกันลดภาระอันอาจจะเกิดขึ้นจากโรคหัวใจและหลอดเลือด ด้วยการหันมาเรียนรู้ปัจจัยเสี่ยง รวมถึงยื่นมือเข้ามาช่วยลดปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองและคนในครอบครัว เนื่องจากครอบครัวเป็นศูนย์กลางในการทำกิจกรรมต่างๆ และเป็นจุดศูนย์รวมของทุกชีวิต เพียงแค่หันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างภายในบ้าน สมาชิกของทุกครอบครัวก็จะมีอายุยืนยาวขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการมีสุขภาพหัวใจที่ดีได้ โดย 4 พฤติกรรมที่ทุกครอบครัวสามารถช่วยกันทำได้มีดังนี้
ห้ามสูบบุหรี่ภายในบ้าน เนื่องจาก 1 ใน 5 ของคนที่ป่วยเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดทั่วโลกมีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ แต่ปัจจัยเสี่ยงการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจจะลดลงครึ่งหนึ่งหลังจากที่หยุดสูบบุหรี่เป็นเวลา 1 ปี และถ้าเลิกสูบเป็นเวลา 15 ปีจะมีความเสี่ยงลดลงเท่ากับคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลย ไม่เพียงเท่านั้นการไม่สูบบุหรี่ภายในบ้านยังทำให้ลูกๆ และสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวมีสุขภาพหัวใจที่ดีขึ้นด้วย แต่ถ้าหากว่าการเลิกสูบบุหรี่เป็นเรื่องที่ทำได้ยากก็อาจจะใช้วิธีการตั้งกฎขึ้นภายในบ้านว่า หากสูบบุหรี่ 1 มวนต้องทำงานบ้านเพิ่มขึ้น 1 อย่าง ซึ่งอาจจะช่วยให้คนติดบุหรี่อยากสูบบุหรี่น้อยละได้
ซื้อแต่อาหารที่ดีต่อสุขภาพเข้าบ้าน อาหารที่ดีต่อสุขภาพคืออาหารที่มีไขมันชนิดอิ่มตัวและเกลือในปริมาณที่ต่ำ แต่อุดมไปด้วยผัก ผลไม้ ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด โดบคุณอาจจะเริ่มต้นวันด้วยผลไม้ หรือนำอาหารกลางวันจากบ้านไปรับประทานที่ทำงานหรือโรงเรียน เพื่อจะได้มั่นใจว่าได้รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพแน่ๆ ที่สำคัญอาหารเย็นควรมีผักอย่างน้อย 2-3 ฝ่ามือ/คน
เคลื่อนไหวไปมา ด้วยการจำกัดเวลาการนั่งแช่อยู่หน้าจอโทรทัศน์ไม่ให้เกินวันละ 2 ชั่วโมง รวมถึงส่งเสริมให้มีการทำกิจกรรมนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นออกไปวิ่งจ็อกกิ้ง ขี่จักรยาน หรือเล่นกันในสวน และเมื่อโอกาสอำนวยก็ควรให้วิธีการเดินหรือขี่จักรยานแทนการขับรถยนต์หากต้องไปทำธุระใกล้ๆ บ้าน เพราะอย่างที่ทราบว่าการออกกำลังกายเพียงวันละ 30 นาทีจะช่วยป้องกันภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันและโรคหลอดเลือดสมองได้
รู้จักตัวเลขของคุณ ตัวเลขที่ว่านี้หมายถึง ค่าความดันโลหิต (ไม่ควรเกิน 140/90 มิลลิเมตรปรอท) คอเลสเตอรอล (แอลดีแอลคอเลสเตอรอลควรต่ำกว่า 160 มิลลิลิตร) และระดับน้ำตาลในเลือด (ต่ำกว่า 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร) รวมไปถึงรอบเอว (ผู้หญิงไม่เกิน 32 นิ้ว ผู้ชายไม่เกิน 36 นิ้ว) และดัชนีมวลกาย (ไม่เกิน 23) ถ้าหากค่าต่างๆ เหล่านี้ของคุณสูงเกินกว่าที่กำหนด ก็ควรวางแผนการที่จะช่วยปรับปรุงหัวใจของคุณให้มีสุขภาพแข็งแรงขึ้น โดยควรติดแผนการที่วางไว้ให้เห็นชัดๆ ภายในบ้าน เพื่อเตือนตัวเองให้ลงมือปฏิบัติด้วย
อาการ สัญญาณเตือน
70% ของสัญญาณเตือนว่าคุณหรือคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจมักจะเกิดขึ้นที่บ้าน พญ.หญิงน้อยจึงแนะนำอาการของโรคหัวใจให้ทุกท่านรู้จัก เพื่อจะได้ช่วยเหลือคนในครอบครัวได้ทัน
- อาการเจ็บแน่นหน้าอก คือมักจะมีอาการเจ็บตรงกลางหน้าอก หรือด้านหลังของกระดูกหน้าอก ซึ่งมักจะเจ็บหลังจากไปออกกำลังกาย ยกของหนัก หรือตื่นเต้น โดยอาการเจ็บที่เกิดขึ้นจะมีอาการคล้ายๆ ถูกบีบ ถูกเหยียบ หรือถูกอัด
- อาการเจ็บหน้าอกจะกระจายไปยังบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย เช่น ที่แขนข้างใดข้างหนึ่ง (มักจะไปที่แขนข้างซ้าย) หรือแขนทั้งสองข้าง หลัง คอ ขากรรไกร หรือที่ท้อง
- รู้สึกหายใจติดขัดโดยอาจจะมีหรือไม่มีอาการเจ็บหน้าอกก็ได้
- อาการเตือนอื่นๆ ก็อย่างเช่น อาการอ่อนเพลียหรือเหนื่อยโดยไม่มีสาเหตุ รู้สึกวิตกกังวล หรือตื่นเต้นแบบผิดปกติ อาหารไม่ย่อย หรือปวดท้องเหมือนมีแก๊สในกระเพาะ เหงื่อออก คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะและหน้ามืด
หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นกับคุณหรือคนในครอบครัว (ซึ่งอาจจะเป็นๆ หายๆ) ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว
กรอบสวยๆ จาก คุณ lozocat ขอบคุณข้อมูลจาก //www.healthtoday.net/thailand/WorldHealthEvents/worldhealthevents_126.html
| | | | | | |
สีเลนะ นิพพุติงยันติ ตัสมา สีลัง วิโสทะเย
คนจะมีสุขก็เพราะอาศัยศีล คนจะมีโภคทรัพย์สมบัติก็ต้องอาศัยศีล
คนจะไปนิพพานได้ก็ต้องอาศัยศีล เหตุนั้นพึงชำระศีลของตนให้หมดจด
มีความสุขกับการฝึกฝนตนในการรักษาศีล ตลอดไป...นะคะ