สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ

เมื่อกระเพาะเป็นแผล

เวลาเราหกล้มหัวเข่าถลอกเป็นแผลสามารถรักษาได้ด้วยการใส่ยาสมานแผลไม่กี่วันก็หายดี แต่นั่นเป็นบาดแผลภายนอก แล้วถ้าอวัยวะภายในเราเกิดเป็นแผลขึ้นมาล่ะ ควรจะทำอย่างไรดี?

บาดแผลภายในที่พบได้บ่อยมากเห็นจะได้แก่ แผลในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กส่วนต้นที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคกระเพาะทำให้เกิดอาการปวดท้องที่หลายๆ คนอาจมีประสบการณ์มาบ้าง หรือมีแนวโน้มจะเป็นในอนาคตโดยเฉพาะในภาวะการณ์เครียดๆ อย่างในช่วงนี้ ถ้าอย่างนั้นเราลองมาดูกันว่าจะรับมือกับเจ้าโรคนี้กันได้อย่างไร

กระเพาะอาหารเป็นส่วนที่เชื่อมติดต่อกับหลอดอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น กล่าวคือ อาหารที่เรากินเข้าไปจะผ่านไปทางหลอดอาหารเข้าไปสู่กระเพาะอาหารเพื่อทำการย่อย แล้วจึงค่อยผ่านไปทางลำไส้เล็กเพื่อการดูดซึมอาหารที่ย่อยแล้วนำไปใช้เลี้ยงร่างกาย จากนั้นกากอาหารที่ผ่านกระบวนการดูดซึมแล้วจะเคลื่อนตัวไปยังลำไส้ใหญ่เพื่อผ่านไปยังทวารหนักแล้วขับออกจากร่างกายต่อไป เมื่อพูดถึงแผลในกระเพาะอาหารซึ่งเป็นคำที่เรียกกันทั่วๆ ไปจนติดปาก ความหมายจึงมักคาบเกี่ยวระหว่างแผลที่กระเพาะอาหาร (Gastric Ulcer) กับแผลที่ลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenal Ulcer) ก็เป็นได้
แผลในกระเพาะอาหารที่ว่านี้บางคนอาจยังนึกภาพไม่ออกว่าเป็นอย่างไร ต้องขอบอกว่าไม่เหมือนกับบาดแผลถลอกตามผิวหนังภายนอกที่เมื่อแห้งแล้วจะเกิดสะเก็ดแผลสีดำๆ แน่ แต่ให้นึกถึงเวลาที่เราเกิดแผลในปากหรือตามกระพุ้งแก้มดูก็แล้วกัน ซึ่งนี่จะเป็นรอยแผลเล็กๆ ขนาด 5-25 มิลลิเมตรที่เกิดบนผนังของกระเพาะ มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แต่ก่อนมักมีความเชื่อกันว่าแผลในกระเพาะนี้มักเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงระดับความเครียดหรือวิตกกังวลที่มากเกินไป หรือเป็นผลของการกินอาหารเผ็ดจัดๆ แต่ปัจจุบันพบว่าการเกิดแผลในกระเพาะนั้นมีสาเหตุมาจากความไม่สมดุลของกรดในกระเพาะ (ที่ใช้ย่อยอาหาร) กับสารที่ทำหน้าที่ป้องกันเนื้อเยื่อของร่างกายจากกรดเหล่านี้ต่างหาก

แผลในกระเพาะเกิดได้อย่างไร?

ในสถานะสมดุล

ในกระเพาะอาหารของคนเราจะมีการสร้างกรดและเอนไซม์ชนิดหนึ่งเรียกว่า “เปปซิน (Pepsin)” เพื่อใช้สำหรับย่อยอาหารที่เรากินเข้าไป กรดนี้จะมีฤทธิ์รุนแรงในการกัดกร่อนย่อยสลายอินทรียสารต่างๆ ดังนั้นเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้กรดนี้ไปย่อยเนื้อเยื่อของร่างกายเสียเอง ตลอดผนังทางเดินอาหารส่วนบนของร่างกายจึงเคลือบไว้ด้วยเกราะป้องกันที่สร้างจากเมือกและโปรตีน ความสมดุลระหว่างปริมาณของกรดในกระเพาะกับปริมาณของเมือกบุผนังทางเดินอาหารนี้จะช่วยรักษาทางเดินอาหารให้มีสุขภาพที่ดี เมื่อเกิดความไม่สมดุล ก็เป็นที่มาของแผลในกระเพาะอาหาร

หากกรดในกระเพาะอาหารเกิดหลั่งออกมามากเกินไป หรือเมือกที่บุผนังทางเดินอาหารมีปริมาณไม่มากเพียงพอ ก็มีโอกาสที่กรดและเอนไซม์เปปซินจะไปกัดกร่อนทำลายเนื้อเยื่อชั้นในของผนังทางเดินอาหารทำให้เกิดแผลได้ ตำแหน่งที่เกิดแผลมักอยู่ในกระเพาะอาหาร (Gastric Ulcer) หรือแผลที่ลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenal Ulcer)

อะไรทำให้เกิดความไม่สมดุล?

มีหลายปัจจัยที่เป็นเหตุให้เกิดความไม่สมดุลกันระหว่างกรดในกระเพาะอาหารกับเมือกที่บุผนังทางเดินอาหารจนอาจนำมาสู่การเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ได้แก่

- การใช้ยาต้านอักเสบ (NSAIDs) ยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน และยารักษาอาการปวดข้อชนิดต่างๆ
- การสูบบุหรี่ ซึ่งมีผลไปเพิ่มปริมาณกรดในกระเพาะและยับยั้งการสร้างเมือกบุผนังทางเดินอาหาร
- การดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ กาแฟ (รวมทั้งกาแฟชนิดดีคาเฟอีน (decaffeinated coffee) หรือโคล่า (มีคาเฟอีนผสมเหมือนกัน) อาจทำให้อาการแย่ลง
- ปัจจัยทางพันธุกรรม หากใครมีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นแผลในกระเพาะอาหารมาก่อนก็มีแนวโน้มที่จะเป็นได้มากกว่าคนอื่นๆ
ติดเชื้อ! อีกสาเหตุของแผลในกระเพาะ

นอกจากความไม่สมดุลในกระเพาะอาหารจะเป็นสาเหตุของการเกิดแผลในกระเพาะอาหารแล้ว การติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H.pylori) ก็เป็นอีกสาเหตุของการเกิดแผลนี้ด้วยเช่นกัน

โดยปกติเชื้อโรคทั่วไปจะไม่สามารถทนภาวะกรดในกระเพาะอาหารได้ แต่ H.pylori เป็นเชื้อแบคทีเรียที่สามารถปรับตัวจนอาศัยในอยู่ภาวะกรดอย่างแรงได้ จึงเจริญเติบโตอยู่ในเยื่อบุกระเพาะอาหาร และเป็นสาเหตุของการอักเสบและแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น และในระยะยาวยังเป็นปัจจัยเสี่ยงประการหนึ่งของมะเร็งในกระเพาะอาหาร

สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังเป็นแผลในกระเพาะอาหาร คืออาการดังต่อไปนี้

* ปวดแสบปวดร้อนบริเวณลิ้นปี่เวลาท้องว่าง หรือจุก เสียด แน่นท้อง หรือปวดคล้ายกับเวลาหิวข้าว ซึ่งมักเกิดขึ้นหลังจากกินอาหารไปแล้วประมาณ 1-3 ชั่วโมง หรือปวดกลางดึก
* เวลาได้กินอาหารมักจะหายปวด หรือไม่ก็อาจจะปวดยิ่งขึ้น
* รู้สึกคลื่นไส้ หรืออาเจียน
* รู้สึกท้องอืด มีลมในท้อง เหมือนอาหารย่อยได้ไม่ดี
* มีอุจจาระเป็นสีคล้ำดำ หรือมีเลือดปน (ในกรณีที่แผลมีเลือดออกร่วมด้วย)
* แต่บางกรณีผู้ที่เป็นก็อาจไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือมีอาการเลยจนกว่าจะเกิดมีเลือดออก

ในคนที่เกิดอาการดังกล่าวควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเช็คในแน่ใจว่าอาการที่เป็นนั้นเกิดจากเป็นแผลในกระเพาะอาหารหรือเกิดจากเหตุอื่น ซึ่งแพทย์อาจสอบถามประวัติหรือทดสอบบางอย่างเพื่อจะได้วินิจฉัยและหาวิธีรักษาที่เหมาะสมได้ถูกกับโรคได้ เช่น ประวัติการสูบบุหรี่ การได้รับยาบางอย่าง โรคอื่นๆ ที่เป็นร่วมด้วย หรือมีคนในครอบครัวเคยเป็นแผลในกระเพาะมาก่อนหรือไม่ ในกรณีที่มีอาการยังไม่มากแพทย์อาจแนะนำวิธีการรักษาเบื้องต้น เช่น การใช้ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอยู่ในชีวิตประจำวัน เพื่อทดลองรักษาเบื้องต้นว่าอาการจะดีขึ้นหรือไม่ก่อนที่จะตรวจในระดับลึกขึ้น

สำหรับคนที่รักษาเบื้องต้นแล้วยังไม่ได้ผล หรือมีอาการเรื้อรังมานานๆ ในบางกรณีแพทย์อาจจำเป็นต้องสั่งตรวจพิเศษเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุ เช่น

- การตรวจเอกซเรย์โดยให้กลืนแบเรียม เพื่อการระบุตำแหน่งของแผลในกระเพาะอาหาร
- การตรวจโดยการส่องกล้อง (Endoscopic Exam) เพื่อดูลักษณะแผลที่อยู่ในกระเพาะอาหาร หรือทำการห้ามเลือด กรณีเลือดออกมากรวมทั้งอาจตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจ เพื่อดูว่าเป็นมะเร็งหรือไม่
- การตรวจอื่นๆ เช่น ตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H.pylori)
เมื่อทราบสมุฏฐานของโรคแล้ว แพทย์จะเลือกรักษาด้วยยาที่เหมาะสม ซึ่งยาที่ใช้รักษาแผลในกระเพาะอาหารมีหลายอย่าง บางอย่างเป็นยาที่ช่วยลดปริมาณกรดในกระเพาะ บางอย่างเป็นยาที่ใช้เคลือบผนังกระเพาะอาหารและปรับสภาพกรดให้เป็นกลางมากขึ้น ยาปฏิชีวนะบางอย่างมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori ซึ่งรวมๆ แล้วก็จะช่วยบรรเทาอาการที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้นได้

รักษาแผลในกระเพาะอย่างไรให้ได้ผล?

เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำของโรคที่เป็นและช่วยทำให้การรักษามีประสิทธิภาพเต็มที่ ล้วนขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษาและการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ โดยมีข้อเตือนใจที่ต้องคำนึงถึง ได้แก่

- อาการของโรคแผลในกระเพาะอาหารมักจะหายไปก่อนที่แผลจะหายสนิท ดังนั้นคุณไม่ควรหยุดกินยาก่อนที่แพทย์จะสั่งให้หยุด
- แผลในกระเพาะอาหารอาจกลับมาเป็นซ้ำแล้วซ้ำอีกได้บ่อยๆ คุณอาจจำเป็นต้องกินยาอย่างสม่ำเสมอจนกว่าแผลเก่าจะหายสนิทแล้วและป้องกันไม่ให้เกิดแผลใหม่ขึ้นมา
- ระหว่างรับการรักษานี้ควรหลีกเลี่ยงการกินยาแก้ปวดในกลุ่มแอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือยาต้านอักเสบอื่นๆ เพราะล้วนมีฤทธิ์ระคายเคืองต่อเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น ซึ่งจะยิ่งทำให้เป็นแผลมากขึ้น
- เมื่อเจ็บป่วยหรือต้องได้รับยาอย่างอื่น ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบด้วยว่ากำลังเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารอยู่ เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงตัวยาที่มีผลระคายเคืองกระเพาะ

นอกจากนี้ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน เช่น

- หยุดสูบบุหรี่ เพราะนอกจากจะทำให้ทางเดินอาหารอยู่ในสภาพไม่สมดุลแล้ว สารในบุหรี่ยังระคายเคืองต่อเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นด้วย ซึ่งจะมีผลให้แผลหายช้าลงมาก หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่แผลนั้นเสียเอง คนที่ยังสูบบุหรี่มักมีแนวโน้มเกิดแผลในกระเพาะซ้ำแล้วซ้ำอีก
- กินยาให้ตรงตามแพทย์สั่ง เพื่อรักษาความสมดุลระหว่างกรดและเมือกที่บุผนังทางเดินอาหาร ควรกินยาให้หมดหรือจนกว่าแพทย์จะสั่งให้หยุดแม้จะหายปวดท้องหรือไม่มีอาการปรากฏแล้วก็ตาม
- อย่าปล่อยให้ตัวเองเครียด แม้ว่าความเครียดจะไม่ได้มีผลโดยตรงต่อการเกิดแผลในกระเพาะ แต่ก็มักจะมีผลรบกวนการบรรเทาของแผลและมักจะทำให้อาการแย่ลงได้มาก วิธีบรรเทาความเครียดหากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ อาจทำได้โดยการหันไปออกกำลังกาย หรือการหยุดพักงานที่ทำอยู่สักพัก และนอนหลับให้เต็มอิ่ม
- กินอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายให้ครบหมู่ สมัยก่อนคนที่เป็นแผลในกระเพาะอาหารมักจะถูกสั่งให้เปลี่ยนมากินอาหารที่มีรสจืดๆ เป็นหลักไว้ก่อน แต่ปัจจุบันมีการพบว่าอาหารส่วนมากแม้แต่อาหารที่มีรสเผ็ดร้อนก็ตาม มีผลน้อยมากต่อการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร แต่อย่างไรก็ตามอาหารบางอย่างก็อาจทำให้คุณรู้สึกแย่ลง ดังนั้นจึงควรเลี่ยงจะดีกว่าไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ กาแฟ น้ำอัดลม โซดา เป็นต้น

ล้อมกรอบ

ในกรณีที่คุณไม่ได้รักษาตัวอย่างต่อเนื่อง เช่น ไม่กินยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบ หรือมีอาการกลับมาเป็นใหม่หรือแย่ยิ่งกว่าเดิม มีภาวะแทรกซ้อน เช่น เลือดออกไม่หยุด แผลทะลุ อาหารผ่านเข้าสู่ลำไส้ไม่ได้จากการอุดตัน หรือเกิดมะเร็งในกระเพาะอาหาร ในที่สุดแล้วอาจถึงขั้นจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดก็เป็นได้ ดังนั้นอย่าละเลยถ้ามีอาการรุนแรงเกิดขึ้นให้รีบไปพบแพทย์ทันที เป็นต้นว่า

- มีอาการอาเจียนบ่อยครั้ง หรืออาเจียนเป็นเลือด หรือลิ่มเลือด
- อุจจาระเป็นสีคล้ำ ดำ หรือมีเลือดปน
- มีอาการอ่อนแรง หรือเวียนศีรษะโดยไม่รู้สาเหตุ (เป็นสัญญาณของการเสียเลือดอย่างช้าๆ ต่อเนื่อง)
- ปวดท้องมากอย่างฉับพลัน
- น้ำหนักลดอย่างต่อเนื่อง
- ยังคงรู้สึกปวดต่อเนื่องแม้จะกินยารักษาแล้วก็ตาม
- รู้สึกอิ่มตื้อหลังจากกินอาหารไปได้เพียงไม่กี่คำ





ข้อมูล
//www.healthtoday.net




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2554
6 comments
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2554 9:18:20 น.
Counter : 752 Pageviews.

 

อตฺตทตฺถมภิญญาย สทตฺถปสุโต สิยา

กำหนดประโยชน์ที่หมายของตนให้แน่ชัด
แล้วพึงขวนขวายแน่วแน่ในจุดหมายของตน

มีความสุขกับความเพียรชอบของตน ตลอดไป...นะคะ



คนเป็นแผลในกระเพาะอาหารนี่
คงทรมานมากเลย...นะคะ

ไม่ป่วย...ดีที่สุด...นิ

 

โดย: พรหมญาณี 10 พฤศจิกายน 2554 10:08:47 น.  

 

เป็นโรคประจำตัวของวิสกี้เลยค่ะ ต้องดูแลการกินอาหารให้ตรงเวลาด้วย เป็นบ้างไม่เป็นบ้าง แต่ไม่หายขาดนะคะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ละเอียดและดีๆ อย่างนี้ค่ะ

 

โดย: วิสกี้โซดา 10 พฤศจิกายน 2554 10:15:32 น.  

 

ดื่มกาแฟทุกวัน

ดื่มเบียร์บางวันค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 10 พฤศจิกายน 2554 13:03:15 น.  

 

สวัสดีค่ะมีความสุขมากๆนะคะพี่กบ

โคลงสี่สุภาพ

กรองมธุพจน์ร้อย............เรียบเรียง
ให้ท่านประสบเคียง..........คลี่พร้อม
ให้สุขสงบใสเสียง............สลอนสวาดิ
จันทร์รุ่งมาเลื่อนล้อม.......หลับไว้สวรรค์สม

จมจำกระทงผ่องแผ้ว........ผันมา
โลกฝั่งดาริกา..................กลับใกล้
หมายมาดมั่นปรารถนา......โน้มสนิท
ทรวงชิดเสน่ห์เคลิ้มให้.......ห่มห้วงถวิลหอม

ให้นฤมิตคิดด้วย..............ด่ำดวง
ท่ามพาทย์เพลงชิดทรวง...แทรกล้ำ
เหงาหงอยผ่านสุดสรวง.....สู่สวัสดิ์
ธรรมรสมาฉ่ำค้ำ..............เคลื่อนต้านตรมเส

เห่กล่อมจิตรุ่งเรื้อง............ร่วมสราญ
เริงร่ากว่าวันวาน................วับแพร้ว
ให้พานพบเลอสถาน...........ถึงซึ่ง ซึ้งเอย
กอบกล่อมใจจรัสแก้ว.........เกิดพร้อมสว่างไสว

โศกเศร้าไกลบทเบื้อง..........โบกโบย
หมายรูปรอยหมดโปรย.........เปิดสะท้อน
ให้นิมิตหัตถ์ผ่านโผย.............ผันสะกิด
ทุกท่านพบเพลงต้อน............แต่งแต้มพิลาสฝัน

 

โดย: ญามี่ 10 พฤศจิกายน 2554 14:41:55 น.  

 

อ่านอย่างละเอียดเลย เพราะพี่ก็เป็นแผลในกระเพาะอาหารมานานพอสมควรแล้ว รักษาไม่หายซักที

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 10 พฤศจิกายน 2554 21:09:49 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับคุณกบ






 

โดย: กะว่าก๋า 11 พฤศจิกายน 2554 5:56:56 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
10 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.