The best and most beautiful things cannot be seen or even touched, they must be felt with the heart.
Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
17 มกราคม 2555
 
All Blogs
 

รักร้ายๆ..ลูกชายมาเฟีย 8

8.

วันนี้ผมเข้าไปตรวจสอบการเตรียมการเรื่องสถานที่ ที่ไอลดาพาราไดซ์ พร้อมกับนายหัวปัญญา คุยเรื่องรูปแบบงานกับน้องไอซ์ คุณต้นและคุณวิกานดา พร้อมขอผังบริเวณจัดงานมาดูด้วย ปรึกษาเรื่องการวางแผนการอารักษ์ขาทั้งนายหัว เจ้าบ่าวเจ้าสาวและคนสำคัญของผม ...น้องฟลุ๊ค...


คุณต้น เจ้าบ่าวของน้องไอซ์จัดทีมบอดี้การ์ดมาดูแลในงานนี้อย่างเข้มแข็งด้วย และจากการได้พูดคุยกับหัวหน้าทีมผู้ดูแลของคุณต้นแล้วก็เป็นที่น่าพอใจและผมก็หวังว่าเราคงทำงานร่วมกันได้อย่างดี ...ตลอดระยะเวลาที่ร่วมพูดคุยกันสีหน้าท่าทางที่แสดงออกของคุณต้น....มันทำให้ผมเชื่อได้จริงๆว่า... คุณต้นรักน้องไอซ์มาก... ผมดีใจกับน้องไอซ์ด้วยจริงๆ เพราะถ้าเป็นผม ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะรักน้องไอซ์ได้เท่าที่คุณต้นรักหรือเปล่า...



กว่าจะเสร็จการวางแผนงานก็เกือบบ่ายแล้ว น้องไอซ์เชิญทุกคนร่วมรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันที่ห้องอาหาร ผมรับปากก่อนจะเลี่ยงออกมาโทรหานิกกี้ วันนี้เป็นอีกวันที่น้องฟลุ๊คออกไปข้างนอกโดยไม่มีผมไปด้วย

“นิกกี้ เป็นยังไงบ้าง เรียบร้อยดีไหม”

“ครับหัวหน้า...ทุกอย่างเรียบร้อยดี คุณฟลุ๊คอยู่ที่บ้านเพื่อนตลอดเลยครับ”

“อืม ..”

ผมวางสายแล้วกลับเข้าไปที่ห้องอาหาร วันนี้พ่อเข้ามาที่ไอลดาด้วยเพื่อมาเยี่ยมเยียนนายหัว พอเรารับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อย ผมก็เลยขอตัวไปติดต่อธุระอื่นๆอีกเล็กน้อย น้องไอซ์เตือนให้ผมกับน้องฟลุ๊คไปลองชุดสำหรับใช้ในงานด้วย ความจริงผมเห็นว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนักเพราะผมต้องทำหน้าที่บอดี้การ์ดในงาน การแต่งตัว หรูหราเต็มยศมันอาจไม่คล่องตัว แต่ก็ไม่อยากให้น้องไอซ์เสียความตั้งใจที่ดี ผมก็ได้แต่รับปากว่าจะหาเวลาไปเร็วๆนี้

ผมเข้าไปประสานงานที่หน่วยราชการเรื่องการขออำนวยความสะดวกด้านการจราจรเส้นทางจากบ้านเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาที่โรงแรมในวันงาน ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ชื่อเสียงของตระกูลธรรมมลและกลุ่มกังวานก้องเกียรติคุณก็น่าจะเป็นใบเบิกทางที่ดีที่ทำให้ทุกอย่างราบรื่น

ผมฮัมเพลงออกมาอย่างสบายอารมณ์ขณะขับรถเรื่อยๆออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ...วันนี้ผมรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพลงAnyone at all คือเพลงที่ผมกำลังเปิดอยู่ขณะนี้ ผมนึกถึงเสียงหวานไพเราะนุ่มหู และ เสียงเปียโนพลิ้วไหวจากฝีมือน้อง นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วผมไม่ได้คุยกับน้องเลย ผมรีบต่อโทรศัพท์หาน้องฟลุ๊คโดยตรง ขณะรอให้น้องรับสายอยู่ๆก็รู้สึกตื่นเต้น....นานเหลือเกินกว่าสัญญาณตอบรับจะดังขึ้น

“ฮัลโหล...พี่โอ..ฟลุ๊คฮะ”

“อืม....เสร็จธุระหรือยัง พอดีว่าน้องไอซ์ให้ไปลองชุดสำหรับใส่ในงาน ..เอ่อ...พี่เห็นว่าไหนๆเราก็ออกจากบ้านมาแล้วก็อยากจะเข้าไปที่ร้านวันนี้เลยให้เสร็จเรื่อง”

น้องเงียบไปนิด ระหว่างที่รอเสียงหวานๆตอบกลับนั้นผมแทบจะหยุดหายใจเสียให้ได้... มันดูนานเหลือเกินในความคิดคำนึง …แว่วเสียงเปียโนพลิ้วหวาน แผ่วมาจากปลายสาย ...ตอนนี้น้องอยู่กับใครและน้องกำลังทำอะไรอยู่นะ..

“ฮะ..พี่ไปที่ร้านได้เลยเดี๋ยวฟลุ๊คให้จ่าหมานไปส่งที่นั่น...อีกไม่เกินชั่วโมงเจอกันที่ร้านนะฮะพี่โอ”

“อืม...แล้วพี่จะรอนะ”


อยู่ๆก็รู้สึกปวดแก้มขึ้นมาเฉยๆ...ไอ้อาการยิ้มจนหน้าบานมันคงเป็นแบบนี้กระมัง...เฮ้อ...มีความสุขจริงๆ... ผมตื่นเต้นที่จะได้เจอน้องครับ ...แม้ว่าเราจะอยู่บ้านเดียวกันแต่ระยะหลังมานี้การต้องเคร่งเครียดกับงานนี้ทำให้ผมไม่ได้มีเวลาดูแลน้องเลย...เมื่อผมกลับเข้ามาห้องน้องก็ปิดไฟไปแล้ว อยากgood night kiss…แต่ก็ทำไม่ได้ ....ที่ผมทำได้ก็แค่เพียงยืนมองห้องน้องอย่างเงียบๆในทุกคืน…เท่านั้น


แม้จะไม่ได้ติดตามน้องเอง แต่คนที่ผมส่งให้ไปดูแลน้องแทนก็นับว่าเชื่อใจได้ จ่าสมานนักแม่นปืนประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มือดีที่อาสาตามมาช่วยงานผม นิกกี้หนุ่มอารมณ์ดีที่ใครๆเห็นก็ไม่อาจคิดว่าจะเป็นบอดี้การ์ดได้เพราะสีหน้ายิ้มแย้มแบบแป๊ะยิ้มนั้นบดบังรัศมีของบอดี้การ์ดมาดขรึมไปเสียหมด แต่ความที่เป็นคนอารมณ์ดีทำให้น้องฟลุ๊คถูกใจนิกกี้มากและมักจะเรียกหาอยู่เสมอ ส่วนในเรื่องของฝีมือนิกกี้ก็ไม่เป็นรองใครเหมือนกัน


ผมมาถึงที่ห้องเสื้อหรูแบรนด์นอกนั้นก่อนเวลาเล็กน้อย ตั้งใจจะเข้าไปนั่งรอน้องในร้าน พนักงานดูแลต้อนรับผมอย่างดี รู้สึกเขินเล็กน้อยที่น้องๆในร้านเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นเจ้าบ่าว คุณนิดหน่อยเจ้าของร้านมาคุยเล่นเป็นเพื่อนและให้ผมเข้าไปลองชุดในห้องที่จัดเตรียมไว้เฉพาะเป็นการส่วนตัว ชุดที่น้องไอซ์เตรียมไว้ให้ เป็นชุดสูทกระดุมสองเม็ดสีเทาเข้มที่ทำให้ผมไม่รู้สึกเขินมากนักเนื่องจากเชิ้ตด้านในเป็นผ้าไหมสีชมพูอ่อนที่อ่อนมาก กับหูกระต่ายสีชมพูสด ...มันดูโก้เกินกว่าบอดี้การ์ดจะสวมขณะปฏิบัติงาน...แต่เพราะว่าผมต้องทำหน้าที่พี่ที่ดี...ตามใจเจ้าสาว


ผมรับชุดนั้นมาแล้วเข้าไปลองสวมในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกมาส่องกระจกด้านนอกและให้คุณนิดหน่อยช่วยดู โดยส่วนตัวผมเองก็เห็นว่าพอดีแล้ว ช่วงแขน ไหล่ ข้อมือและชายเสื้อ อยู่ในเกณฑ์ที่ผมพอใจนับว่าเป็นสูทที่ดูดีมาก หรูด้วยเนื้อผ้าและการออกแบบ

“แหมสวมได้พอดีเชียวฮ่ะ...หล่อมาก..ก...ก.. ฮ่ะคุณโอ...เอิ่ม....สูทผ้าวูลเส้นใยเบอร์ 150 ไม่หนาจนเกินไปกำลังเป็นที่นิยมมากเลยฮ่ะ เพราะเหมาะกับอากาศของบ้านเรา เป็นไงบ้างคะคุณโอ อึดอัดหรือหลวมไปไหมคะ ลองสวมนานๆค่ะ..เดินค่ะ...นั่งค่ะ...ถ้าไม่สบายยังไงนิดหน่อยจะได้ให้เด็กแก้ให้”

“ผมก็ว่ามันก็ดีแล้ว..แต่..อืม..”

ผมส่องกระจกดูตัวเอง หันซ้าย..ขวา..อืม...ทุกอย่างก็ดูเข้าที ..แต่..แต่...อื่ม...

“แต่พี่ไม่เหมาะกับหูกระต่าย..”

ผมหันไปตามเสียงหวานที่ดังอยู่ด้านหลัง...ฟลุ๊คยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง...น้องเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ...นี่คงยืนดูผมลองชุดอยู่นานแล้วสิท่า...เขินจัง... ใบหน้าหวานมียิ้มจางๆ...พลอยทำให้ผมอดยิ้มตอบไม่ได้

“คุณนิดหน่อยมีเน็คไทสีชมพูไหมฮะ ...ขอฟลุ๊คดูหน่อยสิฮะ”

“แอร๊ยยยน้องฟลุ๊คสุดหล่อมาแล้ว...เดี๋ยวพี่นิดหน่อยไปดูก่อนฮ่ะรอสักครู่นะฮ่ะ”

“มานานแล้วหรือ...พี่ไม่ได้ยินเสียงเลย”

ผมเอ่ยออกมาเบาๆพอให้เราทั้งคู่ได้ยิน ตั้งใจสบตาโตสวยนั้น น้องจ้องกลับมานิด ก่อนจะหลบสายตามองไปทางอื่น เหมือนน้องเลี่ยงที่จะไม่สบตาผม...แต่ผมไม่ยอม..สายตาคมกล้าของผมยังจับจ้องใบหน้าที่ไม่ได้เจอมาเกือบสองอาทิตย์นั้นอย่างไม่วางตา

“ฮะ...สักครู่แล้วฮะ”

กำลังจะชวนคุยต่อแต่คุณนิดหน่อยถือกล่องเน็คไทเข้ามาให้เลือกหลายเส้นแต่ละเส้นเป็นสีชมพูที่อ่อนแก่ไล่กันไปตามลำดับ น้องหยิบเส้นหนึ่งขึ้นมาทาบกับตัวผมแล้วค่อยเลือกไปเรื่อยๆ คุณนิดหน่อยขอตัวออกไปด้านนอกสักครู่เพราะเด็กๆเข้ามาเชิญไปรับโทรศัพท์

“พี่ลองเส้นนี้ดูนะฮะ...สวยดี”

น้องหยิบเน็คไทเส้นหนึ่งที่ทำจากผ้าไหมสีชมพูไม่มีลายสีเข้มกว่าเสื้อเชิ้ตตัวในของผมประมาณ5-6เบอร์ได้ส่งมา ให้ ผมรับมาผูกแล้วส่องดูกับกระจก ...ก็สวยดี หันกลับไปให้น้องช่วยดูอีกครั้ง คนหน้าหวานยืนเอามือลูบคางตัวเองเบาๆอย่างใช้ความคิดก่อนจะเดินเข้ามาใกล้

“ขอโทษนะฮะพี่โอ ฟลุ๊คขอลองผูก ดูหน่อยนะฮะ”

มือเรียวสวยรูดเน็คไทที่คอผมออกก่อนที่น้องจะบรรจงผูกให้ใหม่...ดวงตากลมโตที่ก้มต่ำทำให้เห็นเพียงแผงขนตางอนยาวกระพริบน้อยๆอยู่ตรงหน้า แก้มใสระเรื่อสีตามธรรมชาติ...กับปากแดงอิ่ม..อืม... เราอยู่ใกล้กันมาก...มากจนผมได้กลิ่นจางๆของ Bvlgari Aqua กระจายจากตัวน้อง กลิ่นหอมที่เป็นกลิ่นเดียวกับผม ... ผมยิ้มพอใจ ...แอบสูดกลิ่นหอมจากกายน้องและถือโอกาสสำรวจใบหน้าของน้องที่กำลังตั้งใจผูกเน็คไทให้ผม ...อืม...แค่ผมไม่ได้เจอหน้าน้องแค่สองอาทิตย์ ทำไมผมรู้สึกว่าน้องผอมไป ใบหน้าหวานที่เคยอิ่มเอิบ...ดูเรียวลง ...ไม่ซูบ... แต่..

“...สวย...”

“ใช่ไหมล่ะ เน็คไทผ้าไหมสีวาวเลื่อม เหมาะกับการผูกแบบทบหรือสองทบง่าย ๆ แล้วจะเกิดรอยบุ๋มแบบหยดน้ำหรือเป็นแฉกคล้ายทองหยิบ ผูกแบบนี้จะทำให้เห็นความมันเงาของผ้าไหมได้ดีขึ้น”

น้องยิ้มกว้างเงยหน้าขึ้นสบตาผมที่กำลังจ้องมองอยู่อย่างจัง ตาโตสวยมีแววไหวระริก ปากแดงอิ่มเม้มนิดๆ แก้มใสแดงระเรื่อ...ก่อนจะหลบสายตาของผมเมื่อได้ยินเสียงพี่นิดหน่อยแว่วมาแต่ไกล

“น้องฟลุ๊คฮ่ะ..ลองชุดนี้ดูฮ่ะ ชุดนี้น้องไอซ์ตั้งใจเลือกเองกับมือเลยนะฮ่ะ”

“ฮะพี่”

ผมลอบถอนหายใจ...โล่งใจที่น้องเข้าใจผิด....คิดว่าผมชมเน็คไท..สวย...หึๆๆ ผมหันไปมองตัวเองในกระจกอีกครั้งและแอบมองเงาสะท้อนของน้องด้วย คนหน้าหวานตอนนี้อยู่ในชุดลำลอง เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาเต่อสีฟ้าอ่อนๆสวมแจ๊กเก็ตมีฮูดสีฟ้าคราม...อยู่ๆผมก็นึกถึงเด็กชายน้อยๆ...คนที่เถียงคำไม่ตกฟาก...ไอ้เด็กดื้อของผม

“ไอ้พี่เกรียน..หยุดก่อนได้ไหม..ฟลุ๊ค!...เหนื่อย!...อ่ะ!!”

คนตัวเล็กที่เดินตามผมไม่ทันก็ได้แต่ร้องโวยวาย เอาเสียงข่มไปอย่างนั้น ผมหยุดเดินและหันกลับมาอย่างเสียไม่ได้เพราะเสียงโวยวายที่ดังขึ้นเรื่อยๆนั้น และก็พบว่าใบหน้าหวานตอนนี้มีเหงื่อเม็ดเล็กๆซึมตามไรผมและต้นคอ ปอยผมที่เปียกชื้นนั้นจับกันเป็นช่อทำให้ใบหน้าหวานดูน่ามอง หึๆ...เหมือนทอมบอยเลย

“ก็บอกแล้วว่าให้กลับบ้านไปก่อน...นี่จะตามมาทำไมก็ไม่รู้ เดินไกลนะ”

ผมกอดอกมองดูสภาพคนที่ตัวเล็กแต่เสียงดังยืนเอามือเท้าเอวปาดเหงื่อก็อดขำไม่ได้ แดดวันนี้ก็ร้อนจริงๆแหละ ดูไปก็น่าสงสารเหมือนกันนะ ปากแดงนั้นเม้มแน่นอย่างงอนๆ

“กลับไปก่อนปะ”

“ไม่!!..จะมาทิ้งกันได้ไงอ่ะ..ไหนว่าจะไม่ทิ้งน้องไง..ไอ้พี่บ้า..ฮึก!”

“อ้าวๆๆจะมาเบะอะไรเนี่ย...โอ๊ย!!....ไอ้เด็กดื้อ”

น้องทิ้งตัวนั่งที่ใต้ต้นหูกวางข้างทางเดินนั้นอย่างอ่อนแรง ตาแดงๆนั้นเริ่มมีน้ำใสคลอที่ปลายตา เรื่องของเรื่องคือผมมีธุระสำคัญกับเพื่อนซึ่งก็คงต้องคุยกันยาวตามประสาแหล่ะครับ ก็บอกน้องแล้วว่าวันนี้คงดูหนังเป็นเพื่อนไม่ได้แต่น้องก็ไม่ยอมครับ ความจริงผมผิดเองด้วยที่นัดซ้อน..ก็หลังจากปิดเทอมที่ผมต้องฝึกภาคสนามอย่างหนัก ...เพราะผมกับน้อง...เราไม่เจอกันเดือนกว่าทำให้ผมอยากรู้ว่าไอ้เด็กดื้อของผมมันเป็นยังไงบ้าง

แต่เพื่อนที่ไม่เจอกันมานานตั้งแต่ผมสอบเข้าสามพรานได้ตอนม.4 เพิ่งกลับมาจากอังกฤษและว่างวันนี้เท่านั้นเพราะมันมีคิวเดินสายไปพบญาติๆที่ต่างจังหวัดโทรมาชวนให้ไปพบกันพร้อมกับกลุ่มเพื่อนๆอีกหลายคนมันบอกว่าจะจัดปาร์ตี้ที่บ้านครับ บ้านมันอยู่ในซอยลึกที่ต้องเดินลัดเลาะผ่านสวนมะพร้าวเข้าไปอีกเกือบครึ่งกิโล รถยนต์เข้าไม่ได้ ความจริงทางที่รถเข้าได้ก็มีแต่อ้อมไกลมาก สำหรับผมชินแล้วครับพวกเราเดินผ่านทางนี้กันบ่อยๆพอเข้าสวนแล้วก็ร่มรื่นไม่ร้อนแล้วครับ

ผมเดินกลับมาขยี้หัวเพื่อปลอบใจคนที่กำลังทำปากแบะตาแดงตรงหน้า อากาศร้อนเหลือเกินและดูเหมือนฝนจะตั้งเค้ามาแล้วด้วย สงสารคนที่นั่งหอบแดดปากแดงนี้อยู่เหมือนกัน

“ฮึก..ไอ้บ้า!..ฮื่อๆๆ...”

กำปั้นน้อยนั้นชกที่ไหล่ผมอย่างแรง เพราะความโกรธ ปากอิ่มเม้มแน่น มีแววน้อยใจอยู่ในตาโตสวยคู่นั้น

“พี่ขอโทษ จะไปด้วยก็ได้”

แค่นั้นไอ้เด็กดื้อก็ยิ้มออกมาได้ เราเดินไปตามทางเดินเล็กๆในสวนที่ร่มครึ้ม ตอนนี้น้องคงอารมณ์ดีขึ้นแล้ว เพราะสวนผลไม้แถบชานเมืองแบบนี้เราไม่ค่อยได้มากันบ่อยๆ มีท้องร่องยาวที่เต็มไปด้วยตะไคร่และพืชน้ำเต็มทั้งคู ในสวนดูเหมือนจะเป็นส้มโอและมะพร้าวน้ำหอมเป็นส่วนใหญ่

ยังไม่พ้นจากสวนฝนที่ตั้งเค้าเมื่อครู่ก็เทโครมลงมา เปียกปอนไปทั้งคู่เลยครับ ผมพาน้องวิ่งเมื่อเห็นหลังคาบ้านไอ้ยศไกลๆ แต่น้องลื่นล้มครับ ตัวเปรอะดินโคลนไปหมดและที่สำคัญข้อมือซ้ายของน้องถูกหนามต้นส้มโอขูดเป็นรอยยาวเลือดออกเยอะเลยครับ

“พี่โอ!..ฮือ..อ..อ.”

“อ่ะ!ฟลุ๊ค”

น้องร้องไห้จนได้ครับ ผมรีบเอาผ้าเช็ดหน้าผูกทับแผลไว้ เรามาถึงบ้านไอ้ยศก็เป็นลูกหมาตกน้ำพอดี แม่รีบให้ผมกับน้องไปอาบน้ำสระผมครับ น้องถูกแม่จับแต่งตัวใหม่แล้วครับ หน้าขาวปะแป้งลายพร้อยมันก็ดูน่ารักดีหรอกครับ แต่..กางเกงขาสั้นสีขาวตัวนั้นมันจะสั้นไปไหมครับแม่ ...

“หน้าหวานยังกับเด็กผู้หญิงแน่ะ...เหมือนตุ๊กตาเลย”

แม่ไอ้ยศหัวเราะชอบใจใหญ่ ผมเพิ่งรู้ว่าชุดที่น้องใส่เป็นของน้องแยมน้องสาวไอ้ยศมัน...แม่รีบพาน้องไปทำแผลแล้วครับ ดีที่แม่เป็นพยาบาลมีอุปกรณ์ทำแผลอย่างครบถ้วนแม่พาน้องไปฉีดยากันบาดทะยักที่อนามัยใกล้ๆบ้านด้วย ผมรู้สึกผิดมากเลยครับที่พาน้องมาแบบนี้และยังทำให้น้องเจ็บตัวด้วย ออกไปนานเกือบชั่วโมงน้องก็กลับมา หน้าบานมาเชียวเพราะแม่ซื้อไอศกรีมปลอบใจให้ด้วย

งานปาร์ตี้สำหรับผมมันกร่อยไงไม่รู้สิ ทั้งๆที่ผมเป็นเพื่อนมันนะดูเหมือนไอ้ยศมันไม่สนใจคุยกับผมสักเท่าไหร่เลย ไอ้เพื่อนคนอื่นๆก็ด้วยพากันเอาอกเอาใจไอ้เด็กดื้อของผมกันใหญ่ เดี๋ยวคนนั้นก็น้องฟลุ๊คครับทานนี่ไหมครับ น้องฟลุ๊คเล่นเกมส์นี้หรือยัง ดูวีดีโอเรื่องนี้กันไหม... ไอ้เด็กดื้อนี่ก็ช่างไม่รู้อะไรเลยจริงๆเชียว ..ขาน่ะ...ขาแบบนี้ที่ผมเข้าใจผิดมาแล้วครั้งหนึ่ง ขาที่เรียวสวยอย่างกลับเด็กผู้หญิงแบบนี้ไง...ฮื่ยๆๆ!!..แล้วจะนั่งเบียดทำไมกันบนโซฟาแคบๆนั่นอ่ะ!!..ชิส์!!


ผมขอตัวกลับเมื่อไอ้เด็กดื้อหมดฤทธิ์และหลับพิงกับบ่าผมอยู่นานแล้ว ผมโทรเรียกลุงแช่มให้มารับเรา ลุงมาอุ้มไอ้เด็กดื้อไปขึ้นรถ ผมจับให้น้องนอนหนุนตักผมมาตลอดทางจนถึงบ้าน ใบหน้าหวานกับแผงขนตางอนงามนั้นทำให้ผมใจกระตุก..ผมมั่นใจว่าเวลานั้นผมเกิดอาการหวงน้องอย่างมาก..ผมลูบแก้มใสที่อุ่นนุ่มนั้นอย่างแผ่วเบา เอนหลังหลับตาพิงเบาะรถอย่างอ่อนล้า...เป็นครั้งแรกที่ผมรู้ใจตัวเอง...ผมรักไอ้เด็กดื้อคนนี้เข้าให้แล้ว

น้องรับชุดสูทสีเทาที่คล้ายกับของผมมาดู เนื้อผ้าและแบบคล้ายกันมากแต่ของน้องดูเล็กกว่านิดหน่อยและออกจะทันสมัยด้วยว่ากางเกงเป็นเดฟที่ไม่รัดมากนัก..ดูดีเลยทีเดียว ผมนั่งรอน้องเข้าไปลองเสื้อผ้า ระหว่างนี้ผมก็โทรบอกให้นิกกี้กับจ่าหมานกลับไปก่อนเพราะผมจะพาน้องกลับบ้านเอง รู้สึกสุขในใจอย่างประหลาดผมควรจะทำอะไรบางอย่าง อย่างที่ได้ตั้งใจไว้นานมาแล้ว ผมอยากพัฒนาความสัมพันธ์ของผมกับน้องให้ก้าวไปอีกขั้นเหมือนที่เมย์เคยบอกไว้

“ คนเราต้องรู้จักไขว่คว้าหาสิ่งที่จะทำให้เรามีความสุขบ้าง โอทำเพื่อคนอื่นมามากแล้ว..ต่อไปนี้ลองทำเพื่อตัวเองดูบ้างไม่ดีหรือคะ”

“ครับเมย์..ผมจะทำตามหัวใจตัวเองสักที...อวยพรให้ผมด้วยนะครับ”

ทันทีที่ประตูห้องลองเสื้อเปิดออก น้องก้าวมายืนอยู่หน้ากระจก เงาสะท้อนนั้นทำให้ผมตกตะลึง...หนุ่มน้อยหน้าหวานในชุดสูทสีเทาเข้มเข้ารูปกับเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีชมพูอ่อนที่มีระบายบริเวณช่วงอก ผูกริบบิ้นสีชมพูเป็นหูกระต่ายที่คอ ปลายแขนเสื้อเชิ้ตที่โผล่พ้นข้อมือนั้นตั้งใจให้เป็นระบายน้อยๆ กางเกงขาเดฟที่ไม่รัดมากแต่เข้ารูปทำให้ช่วงขาที่เรียวยาวอยู่แล้วของน้องดูยาวมากขึ้น ...ช่างงดงามเหลือเกิน...

“แอร๊ยยยๆๆ...น้องฟลุ๊คน่ารักมากๆเลยค่ะ..เดี๋ยวนะคะ”

คุณนิดหน่อยกุลีกุจอจับน้องมานั่งที่หน้ากระจกอีกด้านทำการเซ็ทผมให้น้องอยู่ครู่ก่อนจะหยิบต่างหูรูปหยดน้ำทำจากเพชรเดี่ยวสีชมพูเล็กๆสวมที่หูด้านซ้าย...เพชรเม็ดนั้นวาววามอยู่ที่ปลายติ่งหู

ผมแทบหยุดหายใจเมื่อใบหน้าหวานนั้นอยู่ตรงหน้า ไม่รู้ตัวว่าถูกคว้าข้อมือไปจัดการเซ็ทผมตั้งแต่เมื่อไหร่สุดท้ายผมกับน้องถูกคุณนิดหน่อยจับถ่ายรูปคู่กันอยู่หลายใบในชุดนั้น

“หึๆ”

“หัวเราะอะไรฮะ...ขำมากหรือไง พี่นิดหน่อยนี่ก็นะทำอะไรก็ไม่รู้”

ถึงปากจิ้มลิ้มจะบ่นๆไปแต่ก็ไม่เห็นว่าใบหน้างามนั้นจะงองุ้มอย่างคนอารมณ์เสีย ผมกลับคิดไปว่าน้องพึงใจเสียมากกว่า คงเหมือนกับผมยามนี้ มีความสุขเหลือเกิน รูปโพราลอยด์ใบหนึ่งที่ผมกับน้องถ่ายเมื่อครู่ถูกผมเก็บซุกไว้ที่อกเสื้อด้านซ้าย น้องเอนกายพิงกับเบาะรถอย่างสบายใจหลังจากที่เราออกจากห้องเสื้อมาได้ครู่หนึ่ง ผมขับพาน้องไปทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวๆพุทธมณฑลในร้านที่ค่อนข้างกว้างขวางและมีมุมที่เป็นส่วนตัวอยู่มาก บนโต๊ะจุดโคมจากเทียนหอมให้แสงแวบวาบพลิ้วไหว โรแมนติกเหลือเกิน มันดูเหมาะกับการมาทานอาหารของคู่รักมากกว่า ..อืม..ผมเขินแฮะ

ทานอาหารกับเงียบๆผมชวนน้องคุยเรื่องที่ออกมาทำธุระข้างนอกบ่อยๆ น้องตอบแค่ว่าออกมาหาเพื่อนและเล่นดนตรีกันบ้างก็เท่านั้น ผมก็เลยพยักหน้าไม่อยากรู้มากนักเพราะผมถือว่าเป็นเวลาส่วนตัวของน้อง ผมยิ้ม ในใจนึกถึงเรื่องที่ตั้งใจจะบอกกับน้องไว้ตลอดเวลา

“นานแล้วนะที่ไม่ได้คุยกันสบายๆแบบนี้ ..ส่วนใหญ่ก็มักจะทะเลาะกันอยู่เรื่อย”

“ก็เรื่องไม่เป็นเรื่องตามประสาเด็กๆนะฮะ..แต่...ตอนนี้ฟลุ๊คโตแล้ว”

น้องยิ้มจางๆทานอาหารไปเพียงเล็กน้อยก็รวบช้อนบอกว่าทานมาจากบ้านเพื่อนบ้างแล้วและยังไม่ค่อยหิว ผมสั่งไอศกรีมบลูเบอรี่ให้น้อง น้องยิ้มหวานรับมาทานอย่างเต็มใจ บรรยากาศการทานอาหารวันนี้ราบเรียบและเบาบางเหลือเกินในความรู้สึกของผม น้องดูเหมือนแปลกไปจากที่ผมเคยเจอ น้องคนที่มักจะแสดงอารมณ์อย่างตรงไปตรงมาคนนั้น..หายไป..น้องเก็บอาการและแสดงแต่ด้านที่ทำให้ผมพอใจเป็นส่วนใหญ่...ผมรู้สึกเหมือนอากาศรอบกายมันเหลือน้อยเกินไป ..หายใจไม่ทั่วท้อง..หวิวไหวในความรู้สึก..ฟลุ๊คคนนี้...คือคนที่ผมไม่รู้จัก

ผมขับรถกลับมาเมื่อทานอาหารเรียบร้อยแล้ว กำลังจะเอ่ยบทสนทนาที่ตั้งใจไว้แต่การที่ น้องเอนเบาะราบลงและหลับตา นั่นคือการตัดบทสนทนาสำหรับเรา ..ผมคิดอยู่นานว่าเพราะอะไรบรรยากาศระหว่างเราถึงเป็นแบบนี้ ทั้งที่ผมตั้งใจจะบอกบางอย่างกับน้อง แต่น้องเหมือนจะปิดประตูการรับรู้ทุกทาง น้องตั้งใจตีตัวออกห่างจากผม ...ผมเชื่ออย่างนั้น

เราเข้าลิฟต์มาด้วยกัน ตลอดระยะเวลาแค่อึดใจในลิฟต์นั้นก็ทำให้ผมแทบบ้า อยากดึงไหล่บางๆของคนตรงหน้ามาใกล้... ผมน่าจะคว้าข้อมือน้อยๆนั้นไว้เสียก่อน... แล้วกระซิบความในใจออกไปเสียที แต่ผมทำได้เพียงยิ้มเมื่อน้องโบกมือให้ ยืนมองน้องเดินลับหายเข้าห้องนอนไป …เฮ้อ...


...คิดตรึกตรองอยู่นาน อยากกระซิบเธอ ด้วยคำพูดหนึ่ง
ที่มันซ่านมันซึ้ง อยู่ใน หัวใจ
ได้แต่รอแต่รอ เเล้ว อีกเมื่อไร
..โปรดเถิดใจ โปรดจงได้เอ่ยคำ
จะบอกว่ารัก เธอจะซึ้งหรือเปล่า
..อยากเอ่ยเรื่องราว ที่มันยังคั่งค้างใจ
ถ้าบอกกับเธอ เธอจะรักหรือไม่
…ได้เเต่ถอนใจ เก็บเอาไว้ ไม่กล้าบอกเธอ

เพียงแค่คำๆนี้ ยากเย็นเหลือเกิน ให้เธอได้รู้..
เมื่อลองคิดดู ก็อยู่เพียงเเค่ใจ
ได้แต่รอแต่รอ เเล้วอีกเมื่อไร
..โปรดเถิดใจ โปรดจงได้เอ่ยคำ
แสนจะทนทรมาน วอนให้ฝันช่วยบันดาลภายในใจ
ให้ตัวฉันมีกำลังจะพูดไป เอ่ยความนัยจากใจนี้
รักเพียงเธอมายาวนาน
พอจะบอกมันสั่นสะท้านทุกที
โอ้คนดี ใจดวงนี้มีแต่เธอ
...ได้เเต่ถามใจ ว่าเมื่อไร.....จะกล้าบอกเธอ...


ผมยืนโบกมือให้พี่ก่อนจะรีบปิดประตูห้องนอนอย่างรวดเร็ว...เพราะถ้าช้ากว่านี้ ผมคงต้องปล่อยน้ำตาแน่ๆ ภาพสุดท้ายเมื่อครู่คือพี่ยืนล้วงกระเป๋ามองดูผมอยู่จนลับตา ...ถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเองมากไป เหมือนพี่มีอะไรจะพูดกับผม...ผมยืนพิงประตูห้องนอนอยู่อย่างนั้น...นาน...กว่าจะเดินมาทิ้งตัวแผ่หลาที่กลางเตียงนุ่ม ความใกล้ชิดที่โหยหามานานตลอดสองอาทิตย์ได้รับการเติมเต็มแล้ว แม้จะไม่มากเท่าที่ผมอยากได้..แต่แค่เพียงเท่านี้...ผมก็พอใจแล้ว..

ผมพยายามไม่ตัดพ้อเรื่องราวที่ผ่านมากับพี่ เพราะผมไม่อยากให้ช่องว่างระหว่างเรามันกว้างมากไปกว่านี้ ผมอยากรักษาระยะห่างไว้..แค่นี้..แม้ว่าผมอยากให้เรากลับมาใกล้ชิดสนิทสนมกันเหมือนเมื่อก่อนอย่างเหลือเกินก็ตามที


ผมเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน รูปที่พี่นิดหน่อยตั้งใจให้ผมเก็บไว้ถูกผมนำมาใส่กรอบวางไว้ที่หัวเตียง รูปนี้สวยมาก พี่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลังของเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่แขนข้างหนึ่งของพี่วางบนพนักที่ผมนั่งพิงสบายๆนั้น นิ้วเรียวของผมเกลี่ยไปที่รอยยิ้มกว้าง...รอยยิ้มของพี่แบบนี้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวสมัยเด็กๆ ภาพความอบอุ่นและความได้รู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของไอ้พี่เกรียนมันเต็มตื้นอยู่ในหัวใจ..ไอ้พี่เกรียนคนนี้...ของผม ... ผมปล่อยหยาดน้ำใสออกมาเบาๆ รู้ว่าไม่สามารถกลั้นสะอื้นได้แต่ช่างเถอะ...ปล่อยมันไป...พรุ่งนี้อะไรๆก็คงดีขึ้น


ทั้งคืนผมฝันถึงตอนที่เราถ่ายรูปด้วยกัน ตลกพี่นิดหน่อยที่พยายามจัดท่าทางให้เราสองคน ผมพอใจกับอาการเก้อเขินของพี่มาก นานแล้วที่พี่ไม่ได้มีอิริยาบถสบายๆแบบนี้เมื่อเราต้องอยู่ด้วยกัน อาการแข็งขันและเจ้าระเบียบบางครั้งก็ทำให้ผมเบื่อหน่ายและอึดอัดแต่ผมแอบดีใจลึกๆว่าพี่ทำแบบนี้ก็เพราะเป็นห่วงผม..พี่ฮะ..ฟลุ๊คอยากกลับไปเป็นเด็กจัง...

เช้านี้ผมลงมาทานอาหารค่อนข้างสาย เพราะมันแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนดึก แต่เหมือนพี่โอก็ตื่นสายเหมือนกัน เราทานข้าวต้มกุ้งกันเงียบๆในห้องอาหาร พี่ไอซ์ไปทำงานและจะเลยไปบ้านพี่ต้นด้วย เห็นป้าพิศบอกว่าพี่ต้นมารับตั้งแต่เช้าแล้ว ป๊ากับลุงอารักษ์ไปออกรอบกันที่นครนายก โดยมีจ่าหมานและนิกกี้ตามไปด้วย..อ้าว..แล้วนี่ผมจะไปบ้านกัสยังไงล่ะทีนี้

“จะออกไปธุระที่ไหนไหม วันนี้พี่ว่างนะ”

พี่โอจิบกาแฟแล้วนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไปเรื่อยๆตาคมคู่นั้นไม่หันมองผมสักนิดเดียว เฮ้อ...

“จะไปหาเพื่อนที่...หน่อยฮะเพราะฟลุ๊คต่อเพลงกันไว้ ...อืม..พี่โอ...ฟลุ๊คลืมบอกพี่ไปเรื่องหนึ่ง”

พี่เงยหน้าจากหนังสือพิมพ์จ้องตาคมคู่นั้นกับตาผม ใจผมกระตุกแรง แววไหวระริกนั้นทำให้ผมเกือบพูดไม่ออก เฉไฉหยิบแก้วน้ำส้มคั้นมาดื่มก่อนเอ่ยออกมาเบาๆ

“เอ่อ...ฟลุ๊คจะเล่นเปียโนในงานด้วย...และจะมีเพื่อนมาร่วมเล่นกีตาร์อีกคนนะฮะ”

“อืม”

พี่พยักหน้ารับทราบ เกือบสิบโมงกว่าเราจะออกมาที่บ้านกัสด้วยกัน ผมแนะนำให้กัสรู้จักกับพี่โอ กัสยิ้มกว้างแบบที่เคย ผมอยากรู้จริงๆเลยว่าคนอย่างกัสจะมีเรื่องราวที่ต้องปิดบังไว้ในใจบ้างไหมเนี่ย ผมบอกพี่โอให้นั่งรออยู่ที่ด้านในบ้านตรงส่วนห้องรับแขก ซึ่งพี่ก็ไม่ว่าอะไรได้แต่พยักหน้ารับ ผมเดินตามกัสเข้ามาที่โรงฝึกด้านในสวนเหมือนเคย

“คนนี้หรือ...คือคนที่ทำให้คุณกลุ้มใจมาเกือบเดือนเนี่ย”

อยู่ๆกัสก็โพล่งขึ้นระหว่างที่เรากำลังซ้อม วันนี้จะเป็นการฝึกสำหรับการป้องกันตัวโดยใช้แรงกำลังจากฝ่ายตรงข้าม ผมขมวดคิ้ว จะว่าไปผมไม่เคยพูดหรือบ่นอะไรเรื่องพี่โอให้เขาฟังเลยนะ

“จะบ้าเหรอ!ทำไมคุณคิดอย่างนั้นล่ะ”

“ก็...”

“..อ่ะ!..ฮ่ะ!”

ผมถูกจับล็อคแล้วทุ่มลงบนเบาะอย่างเบามือ การฝึกแบบเบาๆนี้ก็เพื่อให้รู้จักทิศทางการเข้าประชิดของคู่ต่อสู้เท่านั้น กัสสอนเทคนิคปัดป้อง หลบหลีกและ หลักการ Safety ทั้งเพื่อลดหนักให้เป็นเบา และเปลี่ยนสถานการณ์ จากฝ่ายเสียเปรียบเป็นได้เปรียบ ซึ่งก็ได้แก่การล้ม ในลักษณะต่างๆให้บ้างแล้วส่วนการบิดล็อคและการทุ่มคู่ต่อสู้ในแบบยูยิตสึ ซึ่งก็คือหลักในการควบคุมฝ่ายตรงข้ามผมยังทำได้ไม่ดีนัก

“ตามธรรมชาติแล้วคนที่มีกำลังไม่มาก จึงต้องฝึกท่าง่าย ๆ โดยเริ่มจาก การรวบขาหรือท่าDouble leg take down เสียก่อนโดยให้ย่อตัวลงมาแบบนี้นะครับและรวบขาสองข้างของคู่ต่อสู้ แล้วผลักให้ล้ม เพื่อเป็นการลดทอนกำลังเพราะคนที่นอนอยู่บนพื้นจะไม่สามารถเคลื่อนไหวและใช้กำลังได้”

ครูฝึกของผมสอนไปด้วยอธิบายไปด้วยแล้วก็จับผมรวบลงไปอย่างที่บอกด้วย โอย..ผมที่ไม่ทันตั้งตัวก็ล้มทั้งยืนดีที่ผมฝึกล้มจนเก่งแล้วนะเนี่ย


“อ่ะ!..จากนั้นเมื่อคู่ต่อสู้ล้มแล้วเราก็สามารถ ขึ้นคร่อมหรือMount ซึ่งคนที่อยู่ด้านบนได้เปรียบมากที่สุด ให้ออกหมัดใส่หน้า ลำตัวทันทีที่คู่ต่อสู้ล้ม หรือกระทุ้งให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถสู้และเคลื่อนไหวได้ ซึ่งก็คือท่าศิลปะการต่อสู้บนพื้นฐานการเรียนรู้เพื่อเอาตัวรอดที่ผมได้สอนไปแล้วนะครับ”

กัสดึงให้ผมลุกขึ้นแล้วเริ่มสอนท่าใหม่ ทันที

“สำหรับท่า Side controlหรือ การควบคุมด้านข้าง และBack control คือการควบคุมด้านหลัง เป็นท่าที่คล้ายกัน เพียงแค่ว่าตัวเราเองอยู่ด้านข้าง หรือข้างหลังของคู่ต่อสู้ จากนั้นให้ล็อคคอช่วงคอหอยเพื่อให้หายใจไม่ถนัด และจุก จากนั้นหักตัวให้ล้ม แล้วขึ้นคร่อม”


“แต่ถ้าให้ง่ายที่สุดก็คือ การรัดคอ Choke ท่านี้ง่ายกว่า ด้วยการทำให้คู่ต่อสู้หมดสติได้ง่ายโดยใช้มือ หรือข้อแขน รัดบีบคอหอย ซึ่งเป็นจุดอ่อนของคนเรา รัดคอให้หมดแรงแล้วก็...วิ่งหนีให้เร็วที่สุด…ดูเหมือนท่านี้จะเหมาะกับคุณที่สุดแล้วล่ะ...ฟุ๊กกี้”

“ฮื่ย!!”

ประโยคท้ายคนสอนตั้งใจก้มมากระซิบที่ข้างๆหู ผมผลักครูฝึกออกเต็มแรงแล้วรีบลุกยืน กัสถอยออกไปนิดแต่ใบหน้านั้นก็ยังมีรอยยิ้ม

“หึๆ...มาต่อด้วย ท่าล็อคกางเขนหรือ Arm bar…เป็นการโจมตีส่วนที่เป็นข้อต่อของท่อนแขน ด้วยการฟันมือลงไปตรงข้อ หรือหักแขนไปด้านหลังคู่ต่อสู้ แบบนี้ กดไม่ให้มีแรง ซึ่งถ้าคู่ต่อสู้ไม่ยอมแพ้จะทำให้เกิดการบาดเจ็บถึงขั้นแขนหักได้”

“..อ่ะ!ระวังตัวไว้ให้ดี...ฟุ๊กกี้”

ครูฝึกของผมวันนี้สงสัยกินยาบ้ามาหรือไง ไม่ยอมหยุดพักเลย จับผมทุ่มเอาๆ วันนี้ผมรู้สึกเหนื่อยมากเหลือเกิน อาจเป็นเพราะว่าเป็นการฝึกเข้มในสัปดาห์สุดท้ายแล้ว เราฝึกการรับและผ่อนแรงในการถูกควบคุมต่างๆด้วย เช่นเมื่อถูกจับมือทั้งสองข้างไว้จะทำอย่างไรให้หลุดออกได้ การผ่อนแรงที่ไม่ทำให้ตัวเองเจ็บมากเกินไป

ผมสังเกตว่าความจริงกัสกับผมก็ตัวไม่ใหญ่กว่ากันมากนัก ผมเสียอีกที่จะดูมีเนื้อมีหนังมากกว่าคุณครูอีกด้วย แต่กัสก็สามารถล้มผมได้ง่ายๆเสมอ

“โอ๊ะ!”

“ตุ๊บ!”

“อ่ะ!..ฮ่ะ!..เหนื่อยจังเลย”

ผมถูกรวบให้ล้มและโดนล็อคไว้อีกแล้วครับ..กัสออกแรงกดผมไว้อยู่นานและยังแกล้งจี๋เอวผมอีกด้วย ผมก็เลยหัวเราะและพยายามจะดิ้นหนี

“อ่ะ!..ฮ่าๆๆๆกัส..ไม่เล่นแบบนี้..ผม..ผมยอมแล้ว ฮ่าๆๆ”

“ครูครับ...ผมยอมแพ้แล้วครู..พักก่อนนะฮะ”

หมดแรงดิ้นแล้วจริงๆ ผมก็เลยยอมแพ้ ไม่ดิ้นหนีแล้วฮะเหนื่อยเหลือเกิน และเหมือนกัสจะกอดผมอยู่นานเกินไปแล้ว ผมดันไหล่กัสออกเบาๆ แขนที่กดล็อคไว้ก็เริ่มคลายออก กัสทิ้งตัวนอนลงข้างๆผม เรานอนหายใจหอบแรงอยู่อย่างนั้น..นานกว่าจะคลายลงได้

ผมสูดหายใจลึกยาว หลับตาพยายามคิดบททวนท่าทางที่ครูฝึกสอนให้ ลมเย็นๆจากหน้าต่างบานยาวจรดพื้นที่เปิดไว้เกือบสิบบานทำให้ลมพัดผ่านและระบายอากาศได้ดี จากที่ร้อนมากเมื่อแรกๆพอเหงื่อโดนลมเย็นๆก็สดชื่นขึ้น ผมลืมตาเมื่อรู้สึกว่าถูกจ้องหน้า พอหันกลับมาก็พบตารีเรียวของกัสกำลังจ้องผมอยู่จริงๆ

“อื่ม..หน้าผมมีอะไรติดอยู่หรือครับ”

“เปล่า...”

กัสยิ้มน้อยๆก่อนจะดันตัวเองลุกนั่งแล้วเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าผากของผมออกอย่างแผ่วเบา ผมกำลังตกใจกับการแสดงออกของกัสที่นุ่มนวลกับผมอย่างเหลือเกิน... แววตาของกัสมันทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า..กัส...ไม่นะ...

+++TBC+++




 

Create Date : 17 มกราคม 2555
9 comments
Last Update : 17 มกราคม 2555 19:54:40 น.
Counter : 860 Pageviews.

 

น่าร๊าก^^

 

โดย: miyukik IP: 110.49.252.9, 141.0.10.178 17 มกราคม 2555 21:55:47 น.  

 

แอร๊ยยย กัสจะทำอะไรอ๊าาา
ไม่อย่ามาเปนศัตรูหัวใจพี่โอน๊าา
เริ่มอินแร้วง่ะ ลุ้นๆ รอตอนต่อไปนะค๊าา

 

โดย: lovePK IP: 49.49.132.235 17 มกราคม 2555 23:47:03 น.  

 

รักทั้งคู่จัง....พี่โอพยายามเข้านะเอาใจช่วย ^^

 

โดย: lunarcry25 IP: 58.8.126.87 18 มกราคม 2555 1:59:49 น.  

 

ชอบ moment ที่พี่โอนึกถึงน้องฟลุคจังโดยเฉพาะคำว่า"สวย"มันบอกถึงอารมณ์และความรู้สึกได้มากมายเลย

 

โดย: sngg IP: 58.9.31.165 18 มกราคม 2555 6:46:31 น.  

 

เริ่มหวานแล้ว น่ารัก สนุกค่ะ

 

โดย: TUM IP: 125.24.143.165 18 มกราคม 2555 14:35:34 น.  

 

แล่วๆแล้วววว...
น้องหน้าหวานค๊าทำไมไม่ยอมฟังสิ่งที่ไอ้พี่เกรียน
อยากจะพูด..อยากจะบอกล่ะคะ???
จะได้รู้อกรู้ใจกันซักที...คนอ่านก็ลุ้นกันจะแย่อยู่แล้ว
...ชอบตอนที่writerบรรยายตอนน้องกะพี่ในอดีตนะ
ดูซึ้งและบริสุทธิ์ดี...ใส..,ใส...ตรงไปตรงมา
ไม่ต้องมาคอยปิดกั้นความรู้สึกเหมือนในเวลานี้
...ส่วนอีตาดิวกัสโซ่เนี่ย...นายจะมาเป็นมือที่สาม
ของเค้าทำไม???ไปไป๊!!!ชิ่วๆไปไกลๆเลย
รู้ไว้ซะว่าเค้าสองคนนี้เค้าเกิดมาคู่กัน...
น้องหน้าหวานอย่าปล่อยให้เค้าทำอะไรๆนะ
เดี๋ยวไอ้พี่เกรียนเห็นเข้าจะเข้าใจผิดอีก!!!!
ลุ้นๆๆรอตอนต่อไป...เป็นกำลังใจให้eriterคนสวยนะคะ
มาต่อไวๆน้า

 

โดย: พี่นิดเองจร้า^^ IP: 182.232.72.18 18 มกราคม 2555 17:06:11 น.  

 

กราบสวัสดี แม่ดา คร่า
หนูชอบฟิคนี้ของแม่ดา ม๊ากกกกกกกมาก
ทั้งมีความรู้ และ หลากหลายอารมณ์
โอ้ยยยยยยย ชอบจริงๆๆนะคะ
ลุ้นแล้วลุ้นอีก เหอๆๆๆ

ตอนนี้เขิลลลลล น่ารักมากคร่า
ชักจะอยากเชียร์ กัส แล้วสิ
แต่บอดี้การ์ดสุดหล่อยังอันดับ 1 อยู่ 55555
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

รอติดตามตอนต่อไปค่า ขอบคุณแม่ดามากๆค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ จุ๊ฟๆๆ

 

โดย: เสืออวบ IP: 192.168.248.120, 202.44.4.106 18 มกราคม 2555 17:31:54 น.  

 

ทั้งๆที่พี่ชายตั้งใจจะเผยความในใจออกมาแล้วแท้ๆ แต่คนน้องกลับปิดกั้นที่จะรับรู้ความจริงเสียนี่ เฮ้อ......ต้องลุ้นกันต่อไป Y.Y

 

โดย: Lookwha IP: 58.10.84.216 24 มกราคม 2555 15:33:42 น.  

 

อ่านไปใจหวิว ๆ ^ ^

 

โดย: ระแนงไม้ IP: 61.90.110.8 24 พฤษภาคม 2555 18:21:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


womam in love
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




...อยากให้รัก...หมุนรอบตัวฉันและเธอ...ตลอดไป..
http://i485.photobucket.com/albums/rr213/yamiejung16/ui20.gif
New Comments
Friends' blogs
[Add womam in love's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.