Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
23 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

ญี่ปุ่นกับเกาหลี Heaven's Bookstore กับ Sad Dream 2 เรื่อง 2 พล็อตแปลกในวันเดียว

วันหยุดได้ดูหนัง 2 เรื่องติดกันเลย
ไอ้หนังรักเงียบ ๆ หดหู่ ๆ
หรือหนังรางวัลเมืองคานส์สัญชาติเกาหลีและญี่ปุ่นที่ซื้อมารอบใหม่ 40 กว่าเรื่อง
ยังดูไม่ถึง 10 เรื่องภายใน 2 เดือน

จาก 2 รอบที่แล้ว 50 กว่าเรื่อง แล้วประทับใจไม่ถึง 5 เรื่อง
ซึ่งทั้งหมดที่ประทับใจนั้นคือเรื่องที่เอามาเขียนลงบล็อคนั่นเอง
ส่วนเรื่องอื่นที่เข้าไป search หาเรื่องที่เค้าบอกว่าดูแล้วหดหู่ จิตตก ร้องไห้เยอะ ๆ
ทำไมเราดูแล้วไม่ร้องเลยแฮะ

แต่ละเรื่องที่ซื้อ ๆ มาเนี่ย
ไม่เคยอ่านพล็อตของแต่ละเรื่องก่อนซื้อเลยนะ
ซื้อเพราะเค้าบอกว่ามันเศร้า หรือมันดีเท่านั้น เหอะ ๆ

ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
2-3 ปีหลังมานี้ อยากดูแต่หนังประเภทนี้
อยากได้แบบเศร้ามาก ๆ ดูแล้วปวดใจ ร้องไห้ตาบวม ดูจบไปแล้วแต่ยังจิตตกไป 3 วัน 7 วัน
หรือหนังรักแบบเงียบ ๆ ไม่ต้องมีอะไรมากมาย เดินเรื่องเอื่อย ๆ แต่กินใจ

เล่าให้เพื่อนที่ไปเรียนเขียนบทหนังกับละครฟัง
เค้าวิเคราะห์ว่า
ท่าทางชีวิตเราจะมีความสุขมากไปนะเนี่ย
ถึงได้กระหายอยากดูหนังประเภทนี้
แล้วหนังประเภทนี้หายากนะ
เพราะมันไม่ใช่หนังรักตลาดที่หลายคนอยากดู

หลังจากสุ่มหยิบหนังจากกองนั้นมา 2 เรื่อง
แปลกใจเหมือนกันนะที่พล็อตของหนังทั้ง 2 เรื่องมันแปลกทั้งคู่เลย
เรื่องนึงสัญชาติญี่ปุ่น ส่วนอีกเรื่องสัญชาติเกาหลี

หวยมาออกที่เรื่องแรก Heaven's Bookstore 天国の本屋






หนังญี่ปุ่นที่ว่าด้วยที่ดัดแปลงมาจากนิยายที่เป็นที่รู้จักกันดีของญี่ปุ่น

เมื่อเช้าวันหนึ่ง นักเปียโนหนุ่มตื่นขึ้นมาพบว่าเขาอยู่ในสวรรค์- -เขาไม่ตาย ยังคงมีชีวิต เพียงแต่ผู้ดูแลที่นั่นพาเขามาเพื่อ "ภารกิจ" เยียวยา

ที่นั่นเขาได้พบกับความอัศจรรย์ใจมากมาย
เมื่อผู้ดูแลบอกเขาว่าคนเรามีอายุ 100 ปี
หากผู้ใดมีชีวิตอยู่บนโลกยังไม่ครบ 100 ปี
คนคนนั้นจะต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่บนสวรรค์จนกว่าจะครบ 100 ปี
และได้ไปเกิดใหม่
ขณะเดียวกัน
แม้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็สามารถมาที่สวรรค์นี้ได้
โดยจะถูกพามาทำงานในร้านหนังสือบนสวรรค์
ซึ่งมักจะรับคนที่พยายามจะฆ่าตัวตาย
หรือกระทำอะไรบางอย่างที่ทำลายตัวเองโดยไม่รู้ตัว
ทั้งที่ยังไม่ถึงฆาตมาทำงานพิเศษในร้านหนังสือบนสวรรค์
ที่เป็นเสมือนแหล่งพบปะชุมชนขนาดใหญ่
ผู้คนบนสวรรค์เข้ามายืม หรือซื้อหนังสือ

แต่ความพิเศษของที่นี่คือบริการอ่านหนังสือให้ลูกค้าฟังตามที่ร้องขอ
ไม่ว่าจะมีลูกค้าเพียงคนเดียวก็ตาม

"บางครั้งการอ่านหนังสือคนเดียวเงียบๆ ในใจก็เหงาได้ คุณไม่อยากได้ยินตัวอักษรถูกอ่านออกเสียงดังๆหรือ บางครั้งมันก็รู้สึกดีนะ"

หญิงสาวที่เข้ามาใช้บริการห้องสมุดสวรรค์บอกกับชาวหนุ่มนักเปียโน
และเมื่อชายหนุ่มได้ลองอ่านออกเสียงหนังสือเล่มหนึ่งให้หญิงสาวฟัง
ในหนังสือนั้นก็น่ารักนะ
เพราะในหนังสือเล่มนั้น มีตัวโน้ตเปียโนเขียนไว้ด้วย
ซึ่งเป็นเพลงที่หญิงสาวคนนั้นแต่งขึ้นมาแต่ยังแต่งไม่จบ
หลังจากได้อ่านหนังสือให้กันฟัง
เขาก็เริ่มค้นพบบางสิ่งที่เป็นความทรงจำในวัยเด็ก
เมื่อหญิงสาวที่นั่งฟังอยู่นั้น
คือนักเปียโนที่เป็นแรงบันดาลใจของความมุ่งมั่นจะเป็นนักเปียโนของเขาเสมอมา






เรื่องที่ 2 มาลงที่ Dream 비몽 หรือ Sad Dream หนังร่วมทุน สร้าง 2 ประเทศ เกาหลี - ญี่ปุ่น




เรื่องนี้เนื้อเรื่องก็แปลกดีนะ
ชอบกว่าเรื่องแรกด้วย


เรื่องย่อก็ลอกเค้ามา เค้าเขียนดี เลยขี้เกียจเขียนเอง เหอะ ๆ


หนังเล่าถึงชายหนุ่มหญิงสาวที่บังเอิญต้องมาแชร์ชีวิตด้วยการอยู่ด้วยกันช่วงหนึ่ง
สาเหตุเพราะเมื่อชายหนุ่ม (จิน) นอนหลับฝัน
ฝ่ายหญิงสาวที่เขาไม่รู้จัก (รัน) จะลุกตื่นและละเมอทำตามที่เขาฝัน
ชายหนุ่มถูกแฟนสาวทิ้งไปทั้งที่เขายังรักเธอ
การได้เห็นเธอในฝันจึงเป็นความสุขของเขา

ส่วนหญิงสาว
ทิ้งแฟนหนุ่มด้วยความชิงชังบางประการ
แต่ภาพฝันของชายหนุ่มทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานเพราะในฝันนั้นมีแฟนหนุ่มของเธอปรากฏอยู่ด้วย

โลกส่วนตัวของจินคืองานการแกะตัวอักษรบนแท่งหินเพื่อเป็นตราประทับ เป็นงานที่ต้องเพ่งสมาธิและจดจ่อในการทำ ไม่ต้องคุยหรือข้องแวะกับใคร โต๊ะทำงานอยู่ในบ้านก็จัดวางเป็นรูปตัวแอล (L) ประหนึ่งเป็นคอกกั้นบริเวณ มีโคมไฟเปิดส่องเฉพาะที่โต๊ะยิ่งให้ความหมายของความหมกมุ่น(ในเรื่องของตัวเอง)ได้เป็นอย่างดี ส่วนงานของรันที่ทำคือตัดเย็บชุดเสื้อผ้าที่มีการออกแบบเป็นพิเศษ ความยิบย่อยในรายละเอียดของชิ้นงานจึงทำให้เธอต้องวุ่นวายอยู่แต่กับสิ่งที่กำลังทำ ไม่ต้องไปมีปฏิสัมพันธ์กับใครเช่นกัน

และแม้ตัวเอกทั้งสองจะมีโลกของใครของมันยกเว้นความฝันที่ทำให้ชีวิตทั้งสองต้องเชื่อมโยงกันโดยปริยายแล้ว ความเป็นคู่ตรงข้าม ความเป็น “ความต่างแบบตรงข้าม” ของทั้งสองก็เป็นมุมมองที่น่าสนใจอันเป็นไปตามแนวความคิดในหลักปรัชญาของคิมเอง* ชัดเจนคือความเป็นเพศชายและเพศหญิง เสื้อผ้าที่ทั้งสองสวมใส่ จินสวมชุดสีดำ รันสวมชุดสีขาว หรือการที่จินถูกแฟนทิ้งแต่รันเป็นคนทิ้งแฟน เวลาจินนอนหลับรันจะเป็นคนลุกตื่น

กระทั่งงานแกะตัวอักษรของจิน บนแท่นหินเดียวกันนั้นหากต้องการให้ตัวอักษรเป็นสีทึบ(ดำ)ก็สกัดเอาพื้นที่หินส่วนอื่นออกเว้นตัวอักษรไว้ หรือหากต้องการให้ตัวอักษรเป็นสีขาวก็เซาะสกัดเอาตัวอักษรที่เขียนไว้บนหินนั้นออก เมื่อประทับหมึกและพิมพิ์บนกระดาษแล้วจะได้ทั้งสีขาวและสีดำ ที่สำคัญ การแกะตัวอักษรหรือการเว้นตัวอักษรไว้นั้นจะต้องทำแบบกลับข้าง เพื่อให้เวลาประทับแล้วจะเป็นตัวอักษรปกติ

หรือการใช้ภาษาที่แตกต่างของทั้งสอง โดยจินใช้ภาษาญี่ปุ่น รันใช้ภาษาเกาหลีแต่คุยกันรู้เรื่อง สื่อสารกันเข้าใจโต้ตอบกันได้ตามปกติเหมือนไม่ใช่คนละภาษา (ทุกคนในหนังยกเว้นจิน ใช้ภาษาพูดเป็นภาษาเกาหลี ) แต่ส่วนนี้เป็นความต่างที่คนดูเป็นรับเอาไม่เกี่ยวกับตัวละคร จึงเท่ากับว่าคิมเปิดโอกาสให้คนดูมีส่วนร่วมในหนัง เป็นประจักษ์พยานคนแรกที่เห็นความแตกต่างของหญิงชายคู่นี้

ความต่างที่รวมได้เป็นหนึ่ง เป็น หยิน-หยาง (yin-yang) ที่ธรรมชาติสร้างเพื่อให้สิ่งต่างๆมีความสมดุล เหมือนจินและรันที่ต้องหาจุดผ่อนผันเพื่อ-เมื่อถึงเวลาฝันแล้วรันจะไม่ต้องลุกละเมอไปทำเรื่องร้ายๆตามฝันหรือเพื่อที่จินจะได้ไม่ต้องฝันถึงแฟนเก่าหากเขาเข้าใจความเป็นไปของธรรมชาติ มีพบก็ย่อมมีจาก ตัดใจให้ขาดจากความทุกข์ทั้งหลาย




ดูจบแล้วชอบนะ
อินดีเหมือนกัน แต่ไม่มากเท่าเรื่องอื่น ๆ
แต่เพราะความแปลกของพล็อต
ก็ทำให้ชอบพอที่จะทำให้เขียนถึงได้เหมือนกัน

อย่างแรกเลยคือเนื้อเรื่องที่แปลกดี
ไม่เคยดู ไม่เคยฟังมาก่อน
เรื่องนี้ซื้อเพราะดูหน้าปกที่เป็นรูปผีเสื้ออย่างเดียวเลย
ดูมันอาร์ทดี
เป็นเรื่องที่ดูหน้านอก (ปก) ก็ชอบเพราะความอาร์ท
ดูข้างใน (หนัง) ก็ชอบในความอาร์ทเหมือนกัน
ไม่ผิดหวังเหมือนบางเรื่องที่ข้างนอกออกจะชอบ แต่ข้างในห่วย


ดูไปเป็น 10 นาทีเหมือนกันนะ
กว่าจะสังเกตได้ว่าพระเอกมันพูดภาษาญี่ปุ่นนี่หว่า
ไม่ได้พูดภาษาเกาหลี แต่ทั้งคู่เข้าใจกันเหมือนพูดภาษาเดียวกัน
ทั้ง ๆ ที่ตัวละครทั้งหมดพูดภาษาเกาหลี

มาดูนางเอก




เฮ้ย
Lee Na Young
ที่แสดงเรื่อง Maundy Thursday (Our happy time) ที่เราชอบมากนั่นเอง
แล้วเราก็ขอบคุณผู้กำกับที่คุณสร้างเรื่องนั้นขึ้นมาเมื่อบล็อคก่อนหน้า

ทำให้ค่อนข้างเชื่อใจว่าถ้านางเอกคนนี้แสดง เราคงจะชอบเรื่องที่เธอแสดงมากกว่าครึ่งนะ
เรื่องนี้ดูก็งง ๆ ในตอนท้ายนะ แต่ดูไปก็อินไปดีเหมือนกัน
จบแปลกดีเหมือนกัน เพราะเราไม่คิดว่าจะจบแบบนี้

ดูเรื่องนี้จบแล้วก็เรียนรู้เรื่องการปล่อยวางเหมือนกันนะ
จากที่ตั้งแต่ต้น นางเอกจะไม่พอใจ อาลวาด แต่สุดท้ายก็สามารถปล่อยวางได้เมื่อความฝันของชายหนุ่มนำพาตัวนางเอกมาจนสุดทาง
เธอคงเรียนรู้ได้ว่าคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะกล่าวโทษพระเอก
เราควบคุมความฝันไม่ได้
อะไรที่เราควบคุมไม่ได้แล้วพยายามจะไปควบคุมมันก็เป็นทุกข์
อย่าไปยึดมั่น ถือมั่น
อะไรควบคุมไม่ได้ก็ปล่อยวางซะ
ให้อภัยซะ จิตเราก็จะเบา

ดูจบแล้วก็หลอน ๆ เหมือนกัน
ไม่รู้ว่าหลอนเพราะเพลงประกอบหรือหลอนเพราะหลายฉากที่มันมืด ๆ ก็ไม่รู้
แต่ก็คงเป็นทั้ง 2 อย่าง

อาจจะหลอนตรงที่คนอื่นเค้าไม่หลอนก็ได้นะ
เราแอบหลอนตรงที่มันไม่ได้น่ากลัวหรอก

อย่างฉากบ้านพระเอกที่พระเอกอยู่คนเดียวตอนกลางคืนแล้วพยายามไม่หลับ
ตั้งหน้าตั้งตาแซะตราประทับของตัวเองไปคนเดียว เปลี่ยว ๆ มืด ๆ
แล้วก็เป็นเวลาเดียวกับที่นางเอกก็อยู่คนเดียวพยายามทำสมาธิเย็บผ้าของตัวเองไปคนเดียว มืด ๆ เปลี่ยว ๆ






สำหรับเรามันหลอน
คงเพราะเราไม่เคยมีโอกาสอยู่คนเดียวในบ้านตอนกลางคืนที่ทุกอย่างมืดและเงียบสงัดละมั้ง
เพียงฉากธรรมดา ๆ อย่างนี้มันทำให้เราหลอนได้

จริง ๆ เราชอบการได้นอนเล่นอ่านหนังสือเงียบ ๆ คนเดียวในห้องนะ
แต่ไม่ใช่การอยู่บ้านคนเดียว
การอยู่ห้องหนึ่งคนเดียวในบ้านที่อยู่กันหลายคน
บรรยายมันแตกต่างจากการอยู่ห้องหรือบ้านคนเดียวมากนัก

การที่คนเราต้องพักอาศัยอยู่ตัวคนเดียว
มีสมาธิ จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยตัดขาดจากโลกภายนอกทั้งคืน
สำหรับเรา
มันคงเหงาเกินกว่าจะจินตนาการถึง
แต่สำหรับบางคน
มันอาจจะเป็นความสุขที่เกินกว่าจะบรรยายออกมาได้

ชีวิตเราอาจจะมีความสุขเกินไปอย่างที่เพื่อนเราบอกจริง ๆ ก็เป็นได้









 

Create Date : 23 สิงหาคม 2553
1 comments
Last Update : 12 มีนาคม 2554 20:45:09 น.
Counter : 2354 Pageviews.

 

แว๊กกกก 40 เรื่องเลยเหรอคะ นี่มันงานประจำชัดๆ ^o^
มีช่วงนึง Lilac ก็ชอบดูหนังเศร้าๆ ค่ะ อินจริงๆจังๆ เลย ร้องไห้อย่างกับว่าเป็นนางเอก เอิ๊กกก (จริงๆ เป็นได้แค่ตัวประกอบ)

แต่ตอนที่ Lilac ดูหนังเศร้าคือชีวิตมันเศร้านะคะ ก็เลยอยากหาเพื่อนว่า เนี่ย เราไม่ได้เศร้าคนเดียว นางเอกก็เศร้า ตัวประกอบอย่าง Lilac ก็เลยช่วยร้องไห้ไง

เรื่องที่สองอ่านแล้วมาเดาว่าแอบหลอนยังไง คงจะเป็นแบบ มันเงียบนะ จะมีอะไรเกิดขึ้นป่าวหว่า รึป่าวคะ ^^'

-----------------------------------------------------------

คุณยัยลีลี แอบแวะมาตอบคอมเมนท์ที่นี่ด้วย

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะคะ

Lilac ก็ปากแห้งมากๆ เหมือนกัน ทาลิปสติกไม่ได้ค่ะ มันจะดูแย่มากกกก ทาได้แค่กลอสค่ะ

ถ้ารูปปากไม่ชัด และปากแห้งด้วย Lilac ว่าลองใช้กลอส และเขียนขอบปากด้วยดีมั้ยคะ น้องสาว Lilac ก็มีปัญหานี้ เค้าแก้แบบนี้ค่ะ ดูดีเลยนะคะ

 

โดย: copo de nieve 25 สิงหาคม 2553 18:04:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.