อยากมีความเคยชินกับการดูหนัง 2 คนบ้างจัง
การดูหนังคนเดียวมันก็ไม่ได้แย่
แต่การดูหนัง 2 คนมันรู้สึกดีกว่า (เยอะเลย)
วันนี้ไปดู Inception มา เลือกดูตอนมันจะออกโรงเพราะไม่อยากเจอคนเยอะ ไม่อยากต้องประสบ พบเจอมารยาทแย่ ๆ ของคนหมู่มาก ถ้าคนยิ่งเยอะ โอกาสที่จะเจอคนพวกนี้ก็ยิ่งมาก เลยไปดูรอบ 15.55 ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเลิกงาน 4 โมง แต่เข้าเน็ทตัดบัตรจองตั้งแต่ 10 โมงกว่าเรียบร้อย ให้รุ่นพี่ไปเอาบัตรให้แล้วเข้าโรงไปก่อนเลย
เลิกงานปุ๊บเด้ง ต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน ขึ้นมาต่อรถไฟฟ้าบนดิน แล้วก็วิ่งตากฝนไปดูที่ Major เอกมัย วิ่งขึ้นบันไดเลื่อน 3 ตัวก่อนจะมาหอบเอาหน้าโรงตอน 4 โมง 25
เข้าไปปุ๊บ หนังเริ่มไปแล้ว กะเวลาพลาดไปหน่อย เพราะไม่ชอบดูโฆษณากับหนังตัวอย่าง อยากเข้าไปปุ๊บ ได้ดูเลย
ดูไป 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็ไม่ได้ชอบมากมายนะ คงไม่เกี่ยวกับที่อ่านสปอยล์เยอะเพราะกลัวงงหรอก แต่เราไม่ชอบหนังแนวนี้จริง ๆ ล่ะมั้ง พวกหนังตลาด ทำเงินสูง ๆ เทคนิคเยอะ บู๊ระห่ำ ขนาด Avatar ยังดูแล้วเฉย ๆ ไม่ได้อิน ไม่ได้เพ้อเลย
ดูหนังเรื่องนี้ก็ไม่ต่างกัน
แต่ที่ต่างกันคือได้ไปดู 2 คน!!!!! ไม่ชิน ไม่ชิน และไม่ชิน เรียกว่าไม่ชินคงไม่ได้ เพราะมันเป็นครั้งแรกเลยล่ะมั้งที่ไปดูหนังกับผู้ชาย 2 ต่อ 2 ที่ไม่ได้เดท แล้วต่างคนก็ต่างไม่ได้คิดอะไรด้วย หุหุ มาด้วยจุดประสงค์เดียวกันคือโดนแดกดันมาเต็ม ๆ ว่าทำไมยังไม่ดูหนังเรื่องนี้ มันเป็น a must ในรอบปี ถ้าปีนี้เลือกดูหนังได้เรื่องเดียว เรื่องนั้นจะต้องไปเรื่องนี้ ห้ามดูแผ่น ต้องดูในโรงเท่านั้น
จากการที่เคยชินกับการดูหนังคนเดียว ไม่งั้นก็ดูแผ่นอยู่บ้านคนเดียว
ดีใจจัง คราวนี้ได้ไปดูกับผู้ชาย 2 คน
แล้วก็ดีใจจังที่พี่เค้ายอมไปดูกับเราด้วย เพราะไม่เคยดูหนังกับผู้ชายที่ไม่สนิทเลย
เค้าก็ไม่ได้สนิทกับเรา เราก็ไม่ได้สนิทกับเค้า เคยเที่ยวด้วยกันเป็นกลุ่มเมื่อนานมาแล้วสมัยอยู่ชมรมที่มหาลัย ไม่นึกว่าพี่เค้าจะกล้ามาดูกับเราด้วย
เรื่องหนังนี่มันเกิดจากการนัดกินข้าวเป็นกลุ่มหลังเลิกงาน ซึ่งกลุ่มเพื่อน + รุ่นพี่ที่สนิทนัดกันประจำอยู่แล้ว แล้วรุ่นพี่ที่เป็นโต้โผคนนี้นัดได้สะใจมาก โทรนัดตอนใกล้ 5 โมงเวลาที่เพื่อน 2-3 คนกำลังจะเลิกงาน บอกว่าเจอกันทองหล่อตอนใกล้ ๆ 6 โมงแล้วกัน และไม่เคยมีการนัดล่วงหน้า แต่อีนี่ก็ไปตลอด ว่างเเหลือเกินกรู โทรนัดกี่โมงกรูก็ไป พร้อมตลอด เหอะ ๆ
เคยครั้งนึง วันเสาร์ นั่งเล่นเน็ทอยู่บ้าน 5 โมงเย็น รุ่นพี่ที่สนิทโทรมา คาราโอเกะมั้ย อีนี่ก็ได้เลย เมื่อไหร่ พี่เค้าบอกตอนนี้ ขึ้นไปเปลี่ยนชุดแล้วไปเลย ก็บอกแล้วว่าขอให้ชวน ไปตลอด คนชวนนั่นแหละต้องคิดว่าอยากให้อีนี่ไปมั้ย เพราะชวนไปไหนมันไม่เคยปฏิเสธ 555
กินไปคุยเรื่องหนังไป แล้วคราวนี้พี่เค้านัดรุ่นพี่ที่แทบไม่เคยได้มากินข้าวกับพวกเรามาด้วยอีก 2 คน topic ที่คุยก็จะเป็นเรื่องหนังตลาดและหนังอินดี้ และ Old Boy ที่เราเพิ่งดูจบไม่กี่วันที่บางฉากยังตราตรึง
หลับตาทีไรเห็นทุกที (ไม่ใช่ฉากอย่างว่านะเฟ้ย) แต่เป็นฉากโรคจิตหลาย ๆ ฉาก
พี่ที่เค้าอาร์ต ๆ เป็นนักดนตรีอยู่ค่าย Love is ก็บอกว่าให้ไปหาเรื่องอื่นของผู้กำกับคนนี้มาดู
แล้วก็มีพูดถึงเรื่อง Spring, Summer, Fall, Winter...and Spring
หนังที่เราว่าจะหามาดูเหมือนกัน เพราะมันเกี่ยวกับธรรมะด้วย แต่ก็พอรู้แหละว่ามันมีฉากหวือหวาด้วยเหมือนกัน พี่'ปรายเคยพูดถึงแล้วอยากไปหามาดูเดี๋ยวนั้นเลย
แล้วก็คุยมาถึง Inception คือว่าไอ้ที่มานั่งกินนี่ 6-7 คน ดูกันหมดแล้วยกเว้น 2 คนคือเรากับพี่เค้า นั่งฟังไอ้พี่นักดนตรีคนนี้ build แล้วแม่งต้องไปดูเลย ฟังรู้เรื่องมั่ง ไม่รู้เรื่องมั่งเหมือนฟังอ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์เล่าเรื่องภาพวาดของแกอยู่ประมาณนั้น แต่อันนี้เป็นแนวนักดนตรี นักแต่งเพลง incept ให้ฟัง เล่าไป อาร์ทไป แนวไป ฟังไปก็งงไป ไม่รู้เรื่องไป แต่อยากไปดู พี่เค้าก็อยากไปดู เลยชวนว่าไปกันมะ พี่เค้าบอกว่าไปดิ นัดวันมาเลย เราก็บอกว่าเอาจริงนะ พุธนี้นะ รอบประมาณ 4 โมงถ้ามี (เคยเจอหลายคน บอกว่าเอาดิ แต่พอนัดก็บอกว่าติดโน่น ติดนี่ คือพูดเป็นมารยาทเท่านั้นเอง พอเราจัด เรากำหนดก็ไม่ว่าง ไม่ได้ ให้เค้ากำหนดก็ไม่ได้ นู่น นี่ นั่น แล้วเมิงจะพูดทำไม ไม่ต้องรักษามากก็ได้ไอ้มารยาทน่ะ ไม่เอาก็บอกว่าไม่เอา ไม่ไปก็บอกว่าไม่ไป ไม่ต้องคิดตรงกันทุกเรื่องก็ได้)
มันเลยมาเป็นที่มาของรุ่นพี่ รุ่นน้องที่ไม่สนิทกันเลย แต่มาดูหนังด้วยกัน
พี่เค้าก็กล้าเหมือนกันนะที่มาดูกับเรา ไม่กลัวโดนแซวด้วย 555 เพราะคราวที่แล้วไปถ่ายรูปเล่นที่สวนรถไฟกับรุ่นน้องผู้ชายอีกคน น้องผู้ชายคนนั้นเจอเพื่อนผู้ชายปากหมาอิชั้นแซวจนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด เสียหายหลายแสน 555
แซวจน self ที่มีอยู่้น้อยนิดของเราหายหมด ทำไมวะ ผู้ชายที่มาเที่ยวกะกรู 2 ต่อ 2 นี่มันคิดผิดมากขนาดนั้นเลยหรือไงวะที่ตัดสินใจไปกะกรูเนี่ย 5555
ดูออกมาก็ต่อยอดกันไป แต่ทำไมบนรถ เราคุยกันแต่เรื่องธรรมะฟระ แต่ก็รู้สึกดีที่ออกมาจากโรงแล้วมีคนแชร์หนังด้วย
ดูคนเดียวก็อารมณ์นึง ดู 2 คนก็อีกอารมณ์นึง ดูหลายคนก็อารมณ์อีกแบบนึง (ดูหลายคนนี่ไม่ไหวนะ เรายอมดูคนเดียวดีกว่า)
จริง ๆ เคยคิดมาตลอดนะ ว่าดูคนเดียวสบายจะตาย ไม่ต้องนัดกับใคร อยากดูเรื่องไหน วันไหน รอบไหนก็ดูได้เลยตามใจ เกิดไม่อยากดูแล้วหรือทำธุระอื่นยังไม่เสร็จหรือแวะทำอะไรเลยเวลาก็ไม่ต้องไป
ตอนวัยรุ่นเมื่อ 10 กว่าปีก่อนก็ดูคนเดียวไม่ค่อยได้ เขิน แต่หนังที่อยากดูก็เป็นหนังเอเชีย (แต่ก่อนเกาหลียังไม่มีใครรู้จักเล้ย) แล้วเพื่อนก็ดูแต่ Hollywood หนังทำเงิน หนังตลาด ก็ต้องบังคับเพื่อนไปดูบ้าง
ทนไม่ไหวก็ไปดูคนเดียวบ้าง แต่ต้องรีบซื้อรีบเข้าโรง เขิน ดูคนเดียว พอหนังเลิกก็รอให้คนออกไปกันหมดก่อนค่อยเดินออก ส่วนนึงก็คือเขิน กลัวคนอื่นมองว่าทำไมอีนี่มาดูหนังคนเดียว เพื่อนไม่คบเหรอไง คิดเยอะ แคร์สายตาคนรอบข้างตลอดเวลา แล้วอีกส่วนนึงที่ออกช้าเพราะชอบดูหนังจนจบจริง ๆ คือฟังเพลงตรงที่เค้าให้เครดิตชื่อคนท้ายเรื่อง นั่งดู นั่งฟังจนตัวหนังสือของจอดำวิ่งขึ้นจนหมด จนเพลงจบจริง ๆ ค่อยออก
แต่พอแก่แล้ว ช่างเมิง ใครจะมองยังไงไม่สนแล้ว ทำไมล่า กรูมาดูคนเดียวไม่ใช่ว่าเพื่อนไม่คบเว้ย แต่เพื่อนมันไม่ดูด้วย (เอ๊ะ ต่างกันตรงไหน) ความชอบหนังคนละ style เว้ย ไม่บังคับเพื่อนเว้ย เดี๋ยวนี้คนดูหนังคนเดียวถมเถ (จริงเหรอ? เห็นแต่มากับแฟน) หนังอินดี้ เค้าก็ดูคนเดียวกันเยอะแยะ (ได้ข่าวว่าที่นั่งข้าง ๆ ก็มาเป็นคู่)
แล้วมาค้นพบสัจธรรมว่าไม่มีใครเค้าสนใจเมิงหรอก เมิงคิดมากไปเอง คนส่วนใหญ่ก็สนใจแต่เรื่องตัวเองทั้งนั้นแหละ 555
ดูหนัง 2 คนมันดีแบบนี้นี่เอง
แต่กว่าจะได้ไปดูนี่ต้องรอหนังตลาดเลยนะนั่น หนังอินดี้โรงลิโด้ก็คงได้ดูคนเดียว again and again
ชอบที่พี่'ปรายบอกเหมือนกันนะ ว่าโลกนี้มันแพงไปรึเปล่าสำหรับการอยู่คนเดียว
Create Date : 04 สิงหาคม 2553 |
|
4 comments |
Last Update : 24 มีนาคม 2555 20:40:36 น. |
Counter : 1326 Pageviews. |
|
|
|