Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
ทดสอบการสร้างบล็อคของช้าน
รับน้อง...ส่องทาง
เกาหลี กับการเที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิต
โตเกียว ครั้งแรก ตัวคนเดียว
กับหนังบางเรื่องที่ยังอิน
บ่น ๆ เพ้อเจ้อ เล่าโน่น เล่านี่ไปเรื่อย
สิงคโปร์คนเดียวครั้งแรก แถมนัดหนุ่มที่นั่นมาเที่ยวด้วย
เรื่องที่มันผ่านไปแล้ว อ่านไปตอนนี้มันไม่ดีอ่านะ
มิตรภาพฟูฟ่อง...ที่ฮ่องกงครั้งแรก ตัวคนเดียว
เที่ยวคนเดียวในมาเลย์...ไม่เก๋อย่างที่คิด
เที่ยวคนเดียวในเมืองฝรั่ง และการเจอหนุ่มตี๋หลาย ๆ คนจาก dating app
<<
กรกฏาคม 2553
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
30 กรกฏาคม 2553
ดูหนังคนเดียวที่ลิโด้กับ Hot Summer Days
All Blogs
หนังญี่ปุ่น The Graduation เงียบ เนิบช้า งดงาม
ซีรี่ย์เกาหลี two weeks หนังสืบสวนสอบสวนที่ต้องลุ้น แต่ทำไมเรากลับชอบฉากกุ๊กกิ๊กล่ะเนี่ย
Give Up Tomorrow เรื่องจริงของแพะ ที่ความยุติธรรมยังเข้าไม่ถึง กม.นิรโทษกรรมไม่เคยช่วยผู้ที่บริสุทธิ
Fly me to Polaris หนังอับดับ 1 ตลอดกาลในใจเรา
หนังเกาหลี Silenced บีบคั้น กดดัน หดหู่ ท้อแท้ สิ้นหวัง จิตตกไปเลย
Architecture 101 ถ้าเป็นกาแฟ คงทั้งหวาน ขม กลมกล่อม นุ่มติดลิ้นไปนาน
Innocent Man สนุกน่ะมันก็สนุกนะ แต่มันจะย้อน MV เยอะไปไหนเนี่ย
The Lucky One ความเชื่อ โชคชะตาและพลังแห่งศรัทธาในแสงเทียนอันริบหรี่ที่พร้อมจะดับได้ทุกเมื่อ
Mother ความรักอันยิ่งใหญ่ของแม่ มันก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป
Ice Rain เราจะฝังความเจ็บปวดไว้บนภูเขาหิมะร่วมกัน
Paju (2009) หนังรางวัลที่แอบยากต่อการเข้าใจ
Sung Kyun Kwan Scandal มันเป็นซีรี่ย์ที่สะอาดดีนะ
Come Rain, Come Shine บางความรัก ไม่มีเหตุผลที่จะเริ่มต้น และไม่มีเหตุผลที่จะหยุดลงเช่นกัน
รัก 7 ปีดี 7 หน ทำให้เราแบกรองเท้าไปวิ่งสวนลุมมาได้ร่วมเดือนแล้ว
Searching For The Elephant เรามีชีวิตอยู่ได้ด้วยการหลอกตัวเองกับหลอกคนอื่นปะปนกันไป
Saigo no Kizuna คู่พี่น้องที่ต้องมาเป็นฝ่ายศัตรูและแชร์ชะตาชีวิตกันในสงครามโลกครั้งที่ 2
Josee, The Tiger and The Fish การเข้ามาของคนหนึ่ง เปลี่ยนแปลงชีวิตของอีกคนไปตลอดกาล
Love Letter ดูแล้วถึงกับเอามือจับหัวใจเลยทีเดียว อบอุ่นมากมาย
Lovers Vanished หนังอินดี้เงียบ ๆ สลัว ๆ แต่ตอนจบอึ้งและเจ๋งมาก
Secret Garden จิตนาการเราก็เป็นสากลนะเนี่ย
North Face เราต้องสนิทกันแค่ไหนถึงจะปีนเขาด้วยกันได้
Hitsudan Hostess ความรักของแม่กับความพยายามเป็นเป็นที่ 1 ของสาวน้อยหูหนวก
Taegukgi ความรักของพี่ชายอบอวลในสงครามที่ความตายตัดกันไปมาทุกวินาที
Otonari เพียงผนังบาง ๆ ที่กั้นระดับเสียงของ 2 หัวใจข้างห้อง
One Million Stars Falling from the Sky ไม่ร้องแต่ลุ้นตลอดทั้งเรื่อง
Welcome to The Quiet Room แต่ที่จริง...มันไม่เงียบ
หนังญี่ปุ่น Sweet rain 3 เรื่องราวกับ 1 ยมทูตในวันฝนตก
Sukida หรือความเงียบ จะเป็นการบอกรักที่โรแมนติกที่สุด
หนังญี่ปุ่น Chloe กับการต่อสู้กับโรคประหลาด
Niini no Koto wo Wasurenaide กับความเจ็บปวดของเนื้องอกในสมอง
หนังญี่ปุ่น Confessions ว่าด้วยเรื่องการแก้แค้นทางจิตวิทยาที่เจ๋งดีนะ
Oishi Man คนนึงมาเพื่อเยียวยาบางสิ่ง อีกคนอยู่เพื่อรอคอยบางอย่าง
Oh Dal Ja's Spring ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเรามีซีรี่ย์เรื่องนี้ถึง 3 ชุด
The Woman Who Still Wants To Marry เธอมาเปลี่ยนฤดูหนาวในใจฉันให้เป็นฤดูใบไม้ผลิ
49 days เข้มข้น ลุ้น ตื่นเต้น เดาไม่ถูก ดูรวดเดียวจบเลย
April Bride...ว่าด้วยการมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องอัศจรรย์
Hanamizuki - May your love bloom for a hundred years
Once Upon a Time in Seoul หนังแมน ๆ แต่แอบหวานเล็ก ๆ ให้หัวใจอุ่น ๆ
Jump หนังจีนที่ให้ข้อคิดดี ๆ เรื่องความพยายาม
Madeleine การส่งหนังสือพิมพ์ก็เหมือนกับการเดินเล่นในเมืองที่ว่างเปล่า
Tegami (2006), The letters (手紙) มนุษย์นั้นจะใช้ชีวิตเพียงลำพังคนเดียวไม่ได้
ชั่วฟ้าดินสลายจะสนุกกว่านี้ถ้าไม่มีผีถีบเบาะข้างหลังทุก 10 นาที
หนังจีนเพิ่งเข้าโรง Aftershock ที่พี่เอ๋ นิ้วกลมบอกว่า มันคือหนังที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งตั้งแต่เคยดูหนังมา
หนังเกย์เกาหลี No Regret ใช้เวลาดูหลายวันมาก แต่ก็ชอบนะ
น้องมาค้นหนังในกรุเป็นร้อยเรื่อง แต่ไม่ได้กลับไปซักเรื่อง รสนิยมการดูหนังเหมือนกันเหลือเกิ๊น
ญี่ปุ่นกับเกาหลี Heaven's Bookstore กับ Sad Dream 2 เรื่อง 2 พล็อตแปลกในวันเดียว
Before Sunrise อบอุ่น เรียบง่าย แต่ลึกซึ้ง งดงาม กินใจ
หนังไต้หวันนอกกระแส Blue Cha Cha นิ่ง เนือย เอื่อย น้อยแต่มากมายและงดงาม
อยากมีความเคยชินกับการดูหนัง 2 คนบ้างจัง
ดูหนังคนเดียวที่ลิโด้กับ Hot Summer Days
About Love หนังที่ทำให้เราตกหลุมรักตั้งแต่ 10 นาทีแรก
You're beaufiful VS Coffee Prince ไม่ไหวแล้วทั้งคู่ อินขนาด
Beethoven Virus VS Nodame ลากไปถึงรถไฟฟ้าฯ และ I wish I had a wife
นั่งดูเด็กเล่นเปียโนในหนัง My Piano แล้วน้ำตาไหล (อ่อนไหวไปมั้ยเนี่ย)
หนังญี่ปุ่น waiting in the dark เงียบแต่ไม่อึดอัด น้อยแต่มากมายจริง ๆ
สั่งหนัง departures คนขายบอกหาไม่เจอเลยส่งเรื่องอื่นมาให้ มันถูกต้องแล้วเหรอ
หนังเกาหลี Maundy Thursday (Our happy time) ขอบคุณผู้กำกับที่คุณสร้างเรื่องนี้ขึ้นมา
Sky of Love เค้าร้องไห้กันฉากไหนเหรอ?
All for love เราสามารถเสียสละได้อย่างแม่ชีคนนั้นไหม
Get Karl! Oh Soo Jung ซีรี่ย์สนุกแถมให้ข้อคิดมากมาย
เพิ่งดู "หนีตามกาลิเลโอ" มา ผิดหวังมาก รอมาตั้งหลายเดือน สปอยล์นะ (ใครจะไปดูห้ามอ่าน)
A Frozen Flower หนังเกย์ฟอร์มยักษ์จากเกาหลี หนังดีมาก อินสุด ๆ
Someday บางเวลาที่เรารักกัน ลึกซึ้ง อบอุ่น งดงามได้ใจจริง ๆ
90 Days-Falling In Love Days ปวดใจมากมาย น้ำตาไม่รู้มาจากไหน
คำพูดพระเอกแบบนี้ แค่อ่านก็แทบจะกัดลิ้นตาย (แอบหวานรับวาเลนไทน์)
ดูหนังคนเดียวที่ลิโด้กับ Hot Summer Days
การดูหนังอินดี้คนเดียว มันก็ไม่ได้แย่
เพียงแต่เราไม่เคยชิน และ เขินไปเอง
บรรยากาศในโรงก็ดีนะ โหลงเหลงดี
จะเอาอะไรกับหนังอินดี้ในศุกร์แห่งชาติหรือศุกร์สิ้นเดือนรอบ 4 โมงครึ่ง
ใครเค้าจะเลิกงานเร็วแบบเรา
ถึงมี ก็คงไม่มีใครอยากดูหนังอินดี้แบบนี้
ทั้งโรงดูกันไม่ถึง 10 คน
บ้างก็มาคนเดียว บ้างก็มาเป็นคู่
แต่ส่วนใหญ่
อย่างน้อยเห็น 4 คนรวมเราที่มาคนเดียว นั่งกันเดี่ยว ๆ
มีนั่งติดกันเป็นคู่แค่คู่เดียวเองมั้ง คือคู่ที่นั่งถัดจากเราเว้นไป 1 ที่นั่ง
โรงคนน้อยแบบนี้
จริง ๆ อยากนั่งตรงไหนก็ได้ตามใจเรา
เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้แถวหลังสุดที่เรานั่งเนี่ยมันเบอร์ 11 รึเปล่า
แค่นั่งให้ไม่ติดกัน เว้นความสบายและเป็นส่วนตัวให้กับอีกคนมันก็คงพอแล้ว ไม่ว่าเราจะนั่งตรงไหน
บรรยากาศดีกว่าดูหนังตลาดทำเงิน คนแน่นโรง ฉายกันทุก 10 นาที
แบบนั้นเสี่ยงมากที่จะเจอเชื้อโรคและคนที่มารยาทแย่ ๆ ในโรงหนัง
แถมอีนี่โดนหัวคนข้างหน้าบังประจำเพราะเตี้ยบวกกับท่านั้งอันสบายเกิน 555
จริง ๆ แล้วไม่ได้ตั้งใจมาดูหนังเลย
แล้วก็ไม่ได้ดูหนังเพื่อฆ่าเวลาด้วย
มันเกิดจากการที่เราต้องมาปิดบัญชีฝากประจำ 24 เดือนที่สยาม
ต้องปิดและถอนเงินได้เฉพาะสาขาของธนาคารที่เราเปิดเท่านั้น
วันนี้นายให้เลิกเร็ว เพราะนายอารมณ์ดี เป็นวันศุกร์ด้วย
แล้วเราอยู่ห้องคนเดียว เพราะพี่ที่ออฟฟิศไปประชุมที่เมกากับญี่ปุ่นกันหมดทั้งอาทิตย์
ดูออฟฟิศหรูหรามะ
เราก็เพิ่งกลับจากประชุมเกาหลี
อีกอาทิตย์ก็ผลัดกันไปเมกากับญี่ปุ่น
จริง ๆ ทุกคนอยู่กันมาก็เพิ่งจะได้ไปกัน แล้วดั๊นมาตรงกันพอดี
แล้วทำไมต้องมาซวยตอนเราเป็นคนไทยอยู่ห้องคนเดียวกับนายฝรั่ง 2 คนด้วยวะ
แต่นายฝรั่ง 2 คนก็ไม่ค่อยอยู่ห้องหรอก แล้วอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์เค้านัดไปดูโรงแรมหลายแห่งแล้กไปกินอาหารฟรีที่โรงแรม 5 ดาว 6 ดาว ทั้งอาทิตย์เลย
ตอนแรกคิดว่าอยู่คนเดียวก็ดีเหมือนกัน
จะได้มีสมาธิทำงานมากขึ้น
เพราะไอ้งานที่กองจากที่ไปเกาหลียังเคลียร์ไม่หมดเลย
แต่ที่ไหนได้
ยุ่งกว่าทำงานหลายคนอีก
ไหนจะต้องรับโทรศัพท์ของทั้งออฟฟิศ
ไหนจะต้องรับแขกที่มาโดยไม่ได้นัด
ไหนจะต้องทำงานของพี่เค้าที่ด่วน ๆ ที่พอจะทำเป็น
สรุป งานตัวเองก็แทบไม่ได้ทำ เวงกำ
แต่มีความรู้สึกเหมือนออฟฟิศเป็นของเราดีจริง ๆ
เล่าไปไหนแล้วเนี่ย
หลังจากไปปิดบัญชีเสร็จก็ไปซื้อกล้วย+น้ำผึ้งปั่นที่ร้านกล้วย กล้วยบนลิโด้
ร้านนี้กินประจำตอนทำงานอยู่ที่เก่ากลางสยาม
ไปถึงคนขายเห็นหน้าก็เป็นอันรู้กันว่าอีนี่เอากล้วย+น้ำผึ้งปั่น กับอีเพื่อนก็เอากล้วย+สตรอเบอรี่ปั่น กินกันอยู่ได้อย่างเดียว 555
แถมบางครั้งรีบ ๆ ก็โทรมาสั่งให้ทำไว้ก่อนด้วย
ก็คุยกับอ้น ไม่รู้เจ้าของรึเปล่า แต่เหมือนจะเป็นนะ
สาวมาดเซอร์ ไว้ผมทรง dead rock แต่งตัวแนวเรคเก้
ก็ถามว่าช่วงนี้ลิโด้มีหนังอะไรน่าดู ไม่เอา Inception นะ อยากได้หนังอินดี้ที่ฉายเฉพาะลิโด้
แต่คิดในใจแล้วล่ะว่าถ้าอ้นพูด Hot Summer Days นะ เราจะไปดู
แล้วอ้นพูดขึ้นมาจริง ๆ ว่าเพิ่งดูเรื่องนี้
แรก ๆ อาจะสับสนนิดหน่อย แต่หนังโอเคเลย
ก็มีคุยกับอ้นว่าอยากดูนะ
แต่ถ้าดูต้องดูคนเดียว มันจะเปลี่ยวไปมั้ยเนี่ย
แต่เวลานี้ และ หนังแบบนี้ มันคงไม่มีคนดูเป็นเพื่อน
เลยเดินไปดูเวลาก่อน ถ้ารอไม่เกินครึ่งชั่วโมงจะดู
ปรากฏว่ามีจริง ๆ ด้วย
เพราะซื้อน้ำเสร็จเดินไปดูเวลาตอนนั้นมัน 4 โมงกว่า
แล้วหนังมีรอบ 4 โมงครึ่ง
เลยเดินไปจ่ายเงิน เลือกที่นั่ง
ซื้อตั๋วตอนครึ่งชั่วโมงก่อนหนังฉาย
มีคนซื้อ book ที่นั่งไว้แค่ 4-5 ที่ติดกัน
นอกนั้นโล่ง
เอิ่ม
มันจะฉายมั้ยเนี่ยถ้าต่ำกว่า 10 คน
มันจะคุ้มค่าแอร์เค้ามั้ยเนี่ย
แอบคิดในใจแต่ก็ชี้เลือกที่นั่งแล้วจ่ายตังแล้วเดินออกมาแบบงง ๆ ว่าตูไม่ได้ตั้งใจมาดูหนังนะ แต่วันก่อนเดินผ่านลิโด้เห็นโปสเตอร์ก็แอบอยากดู
แล้วก็มาเสียตังดูแบบไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้มาก่อน
ไม่ได้ดู Trailer มาด้วยว่ามันมีกี่คู่ อะไร ยังไง
จริง ๆ หลัง ๆ แทบไม่ได้ดูหนังฮ่องกงเลย
ทั้ง ๆ ที่สมัย 10 ปีก่อนตอนม.ปลายชอบดูมาก
ทั้ง ๆ ที่มันเข้าโรงบ้านเราน้อยมาก
แล้วเข้าแค่วันละ 2-3 รอบ ไม่ถึงอาทิตย์ก็ออกโรงไปแล้ว
ทำให้เราต้องไปดูคนเดียวบ่อย ๆ
เพราะไม่มีเพื่อนคนไหนรู้จักหนังที่เราพูดถึงเลย
เลยพาลทำให้ไม่มีใครจะอยากไปดูกับเรา
เพื่อนก็จะรู้จักแต่หนังไทยวัยรุ่นกับหนังตลาดทำเงินของ Hollywood
ท่าทางตอนนั้นจะเรียกหนังรักฮ่องกงว่าหนังอินดี้ได้นะ
เราก็ดูหนังอินดี้ตั้งแต่เด็กแล้วสิเนี่ย
ยิ่งหนังจีนกับไต้หวันไม่ต้องพูดถึง
เพราะ 4-5 ปีหลังที่มาติดซีรี่ย์เกาหลีเนี่ย
ก็มีลองดูซีรี่ย์ไต้หวันนะ
แต่ไม่ไหว
มันการ์ตูนมากมายทุกเรื่องที่ทุกคนพูดถึงและแนะนำ
หนังจีนก็เหมือนกัน การ์ตูนเหมือนกัน ไม่ค่อย make sense เท่าไหร่เลยตัดหนัง 2 สัญชาติ 1 ภาษาไปโดยปริยาย
ฟังจากอ้นเล่าคิดว่าหนังมันคงไม่การ์ตูนแหละ
ดูจากโปสเตอร์ก็รู้ว่าเป็นหนังรัก
แล้วคงเป็นหนังรักหลายอารมณ์
แต่ในหนังก็ไม่วายมีการ์ตูนเข้ามานะ
ไม่รู้ว่ามันเป็นธรรมเนียมของหนังจีนหรือยังไงที่ไม่นักแสดง ๆ แบบการ์ตูนหลุด ๆ เกินธรรมชาติก็ต้องมีตัวการ์ตูนในหนัง
โปสเตอร์ที่เอามาโชว์บ้านเราจะเป็นตัวข้างบน
แต่พอเข้าไปหาข้อมูลดู
มันมีโปสเตอร์หลายแบบที่เข้าฉายหลายประเทศเลย
น่ารัก ๆ ทั้งนั้นเลย
หนังว่าด้วยเรื่องราวความรักหลายรูปแบบ หลายนิยาม หลายช่วงเวลา ของคนหลายคู่ในฤดูร้อน
เราเลยได้เห็นเกือบทุกตัวละครผิวหนังเงา ๆ เปียกเหงื่อกันทั้งเรื่อง
เล่ายังไงให้ไม่สปอยล์นี่เล่าไม่เป็นนะ
ใครมีภูมิแพ้สปอยล์ กรุณาปิดบล็อคนี้ไปซะ
เพราะหนังมันกำลังฉายอยู่เดี๋ยวเสียอรรถรสหมด
เราก็เป็นนะ ดูหนังแต่ละเรื่องไม่เคยอ่านสปอยล์หรือเนื้อเรื่องเข้าไปก่อนเลย Trailer ยังไม่ดูเลย 555
ถ้าใครรับได้ก็เอา Trailer ไปดูก่อนเลย
เอาเรื่องย่อมะ
ก๊อปมาให้อ่านกันหน่อยแล้วกัน
รัฐบาลฮ่องกงประกาศเตือนว่าฤดูร้อนปีนี้ อุณหภูมิจะไต่ระดับขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ มวลอากาศร้อนที่ปกคลุมทั่วผืนฟ้า ทำให้อารมณ์ของผู้คนปั่นป่วน เรื่องเหลือเชื่อกลับกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และทุกๆ มุมเมืองจากฮ่องกง ถึงเสิ่นเจิ้น ไกลจนถึงปักกิ่ง - - ดอกไม้แห่งความรักกำลังจะเบ่งบานรับแสงอาทิตย์
มันเริ่มต้นจากการส่งข้อความไปผิดหมายเลข โชเฟอร์หนุ่มใหญ่ (จางเซียะโหย่ว) ที่ตกพุ่มม่ายมาปีกว่าๆ จึงได้มีโอกาสแชร์ความเหงากับนักเปียโนสาวตกอับ (เรเน่ หลิว) ที่ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นหมอนวดฝ่าเท้า
มันคล้ายกับการเป็นรักแรกพบ เด็กหนุ่มลูกจ้างร้านขายของชำ (จิงป๋อหยัน) หมายปองสาวโรงงาน (แองเจล่าเบบี้) ที่ขี่จักรยานผ่านหน้าร้านทุกวัน เขาสัญญากับเธอว่า ทุกๆ เที่ยง เขาจะไปยืนรอขอความรัก และเมื่อครบวันที่ 100 เธอจะต้องรับรักเขา
มันเกิดจากอาการเหม็นขี้หน้า ช่างซ่อมแอร์จอมกวนโอ๊ย (เซียะถิงฟง) และหญิงสาวลึกลับ (ต้าเอส) ท้าพนันแข่งมอเตอร์ไซค์กัน ก่อนที่จะรู้ตัวภายหลังว่าต่างฝ่ายต่างแพ้ใจกันและกันมาตั้งแต่ต้น
มันอาจจะยังไม่ถึงเวลาสำหรับเรื่องนั้น พ่อครัวหนุ่มผู้เย็นชา (แดเนียล วู) จึงไม่ยอมรับรักนักวิจารณ์อาหารแสนสวย (วิเวียน ซู) ทั้งๆ ที่ฝ่ายหญิงตัดสินใจมาขอความรักเขาถึงที่
มันเป็นบทเรียนอันล้ำค่า ช่างภาพแฟชั่นผู้แสนเย่อหยิ่ง (ต้วนหลง) กำลังจะสอนให้ลูกศิษย์ของเขา (ฟู่ซินป๋อ) เข้าใจความหมายของการเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง เพื่อที่จะเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
คงเป็นเพราะ ความรัก หน้าร้อนปีนั้น จึงมีความหมายมากกว่าทุกๆ ปี
หนังก็ไม่ได้แย่นะ
แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราอินอะไรมากมาย
เราชอบเพลงฝรั่งช้า ๆ ในเรื่องที่ร้องผ่านทุกตัวละคะใน moment เดียวกันนะ ได้อารมณ์ดี
จริง ๆ หนังหลาย ๆ เรื่องสั้นที่ตัวละคนแต่ละเรื่องเชื่อมโยงก็มันก็ดีนะ
เราจะได้หลายอารมณ์ดี ถ้าตอนนั้นมันเน่ามาก เราก็ดูไม่นาน
แต่เวลาหนังเปิดมามันจะสับสน ไม่รู้ว่าคู่ไหนเป็นคู่ไหน
แล้วเราไม่ได้สับสนแค่นั้น
เราสับสนหน้าพระเอกในแต่ละตอนด้วยที่หน้าคล้ายกันหมด ทั้งคุณพ่อลูกเล็กที่ขับแท็กซี่ ช่างซ่อมแอร์ และช่างถ่ายภาพ
หนังยาวแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง ดูไปดูมาเหมือนโดนตัดเยอะเหมือนกัน
หนังเปิดมาด้วยมุกขำ ๆ ตั้งแต่ต้นเรื่อง
ตอนที่พ่อหนุ่มหน้าคล้ายโทนี่ รากแก่นที่เป็นคนเดียวที่เราไม่สับสนในเรื่อง เค้าคุยกับเถ้าแก่
เถ้าแก่แกก็เล่าให้ฟังว่ามีเมียมา 2 คน ไม่ได้ดีซักคน
เพราะมีเมียคนแรก เมียแกก็ทิ้งแกไป
ส่วนเมียคนที่ 2 ก็ไม่ยอมทิ้งแกซักที
หนังตอนที่ 2 คนบังเอิญส่งข้อความผิดหากันและคุยกันขณะที่ทั้งคู่อยู่โรงพยาบาลก็น่ารักดี แถมมีการหลอกเรื่องอาชีพกันอีกต่างหาก เพราะจริง ๆ แล้วทั้งคู่จน แต่ก็มีอันต้องมาพบกันทั้งที่ต่างคนต่างไม่รู้ว่าใครเป็นใครในชีวิตจริงอีกต่างหาก
แต่หนังตอนนี้เล่นมุกเก่าแล้ว ที่เราจะเคยอ่านมาทาง forward เมล
ที่คุณพ่อที่ทำงานหามรุ่ง หามค่ำเพื่อเอาเงินมาส่งลูกสาวตัวน้อยที่แม่เค้าทิ้งไปแล้ว
ลูกสาวก็ถามพ่อว่าพ่อทำงานชั่วโมงละเท่าไหร่ ลูกจะเก็บเงินมาให้พร้อมกับทิ้งโน้ตว่าขอซื้อตัวคุณพ่อ 1 ชั่วโมงมาฟังดูเค้าประกวดที่โรงเรียน
มุกนี้ถ้าใครไม่เคยอ่านมาก่อนคงซึ้งน่าดู
อีกมุกนึงที่ซ้ำกับที่เคยอ่านมาจากคอลัมน์พี่'ปราย พันแสงเรื่องพลทหารกับเจ้าหญิง
ทหารหนุ่มแอบหลงรักเจ้าหญิงเลอโฉม
เขาตะหนักถึงความสูงส่งของเธอ
เฉกเช่นเดียวกับที่ตระหนักถึงความต่ำต้อยตน
แต่เขายังรวบรวมความกล้า
เดินเสี่ยงตายเข้าไปบอกเธอว่า รัก
และจะอยู่บนโลกต่อไปโดยไม่มีเธอ-ไม่ได้
เจ้าหญิงผู้เป็นดวงใจตอบเขาว่า
ถ้าเขาสามารถรอคอยอยู่ใต้ระเบียงห้องเธอ
ได้ติดต่อกัน 100 วัน 100 คืน
เธอจะเป็นของเขาตลอดไป
ณ ใต้ระเบียง
ทหารหนุ่มเฝ้ารอคอยอยู่ตรงนั้น
วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า
โดยไม่ยอมขยับเขยื้อนกายไปไหน
เรารอคอยในสายลมบาดผิว
รอคอยในสายฝนกระหน่ำ
รอคอยในความเหน็บหนาวของหิมะ
วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า
โดยมีเจ้าหญิงของเขาเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา
เธอเห็นหยาดน้ำตาของเขาพรูพราวเป็นสาย
จนกระทั่งในคืนที่ 99
ทหารหนุ่มหยุดร้องไห้
หยุดรอคอย หยุดทุกอย่างไว้
แล้วหันหลังเดินจากไป
เรื่องนี้ไม่มีตอนจบ แต่มีบางคำถาม บางคำตอบในใจ
ความรักของเธอกับเขาอาจจะเหมือนนาฬิกาทราย
เมื่อฝ่ายหนึ่งเริ่มหมดรักไป
ในใจอีกฝ่ายกลับรักขึ้นมาใหม่เต็มเปี่ยม
แต่บางทีทหารหนุ่มอาจตั้งใจแค่แสดงให้เห็นว่าเขารักเธอจริงแท้แค่ไหน
แค่พิสูจน์ให้เห็น แต่ไม่ต้องการครอบครองไว้
หรือบางทีเขาอาจเสียใจ ต้องตัดใจจากไปเพราะรักเขาถูกทำร้ายย่ำยี
หรือบางทีเป็นเจ้าหญิงเองที่เสียใจ
เพราะไม่เคยมีใครรักเธอได้อีกถึงเพียงนี้ !!
จากหนังสือ ฉันเกลียดเธอ ฉันรักเธอ..ชีวิต ของ 'ปราย พันแสง
เค้าก็เอามุกนี้มาเล่นเหมือนกัน
ตอนที่น้องโทนี่ รากแก่นแอบรักกับน้องนางเย็บตุ๊กตา
น้องนางก็มีข้อแม้ว่าให้ยืนตากแดดตอนเที่ยงให้ครบ 100 วันแล้วจะรับรัก แต่สุดท้ายพระเอกของเราก็ยืนได้ 99 วันแล้วจากไป
เราไม่แน่ใจว่าหนังเค้าเล่นกับการรอคอยด้วยรึเปล่า
เพราะตอนน้องสาวโรงงานคนนี้
เค้ามีวิธีนับวันให้ครบ 100 วันโดยการใส่กระดุมลงในขวดโหลวันละเม็ด
ส่วนคู่เชฟกับนักชิมก็เป็นการรอคอยสายเรียกเข้าของเชฟที่ไม่เคยยิ้มโทรมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วเธอจะจดเวลาที่เค้าโทรมาแปะที่กระจกเป็นรูปหัวใจจนเต็ม เธอถึงจะใจอ่อนยอมคุยกับเค้า
อีกอันก็คือคู่ของน้อง เอ้ยไม่ใช่สิ ต้องพี่แล้ว แต่ชีหน้าเด็ก
คู่ของต้าเอส สาวนักบิดกับหนุ่มช่างแอร์ ที่นางเอกจะไปสักที่แขนเพิ่มทุกปี จนช่างที่สักก็ถามว่ามาสักเพิ่มที่แขนปีละครั้งเนี่ย มีความหมายอะไร แต่เธอก็ไม่บอก ก็ไปหาในหนังกันเอาเองบ้างนะ
ชอบตอนของต้าเอสมากสุดเลย
จากทรงผมหวาน ๆ
เปลี่ยนมาตัดสั้นซะสั้นกุด เท่มากมาย
แถมใส่เสื้อผ้าแมน ๆ แต่เป็นเสื้อกล้ามที่อวดสรีระพร้อมรอยสัก
แถมแต่งหน้าแนว smoky eye ด้วย ลุคนี้เจ๋งดี
ไม่ได้ชอบเนื้อเรื่องมากมาย แต่มันก็ซึ้งดีที่ตัวเองป่วย
แต่ก็พยายามช่วยคนที่ป่วยเหมือนกันให้มีความสุข
3 คู่แสดงถึงการนับวันเวลา รอคอย
อีกคู่นึงของช่างภาพเจ้าอารมณ์ที่กำลังจะตาบอดนี่คิดไม่ออก
ฝังใจกับฉากที่ไฟไหม้ห้องแล้วตัวเองตาบอดมองไม่เห็น
ก็ให้ลูกน้องวิ่งไปหยิบรูปให้
แต่ลูกน้องบอกว่ารูปมันเยอะมาก ขนออกมาหมดไม่ไหวหรอก
แต่เค้าต้องการเพียงรูปเดียวคือรูปที่เค้าพกไว้ในกระเป๋าสตางค์
ซึ่งมันเป็นภาพคนรักที่เค้าถ่ายเป็นครั้งแรกจากอาชีพช่างภาพของเค้า
จริง ๆ ดูตอนของช่างภาพอันนี้ก็คิดต่อในทางธรรมะได้นะ
คือเคยอ่านหนังสือสิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ ของ น.พ.เทอดศักดิ์ เดชคง
(เป็นหนังสือเล่มบาง ๆ ที่ดีมาก ๆ อ่านง่าย แนะนำ ๆ)
เค้าบอกว่า
เวลาเราเครียดหรือวิตกกังวลเรื่องอะไรเนี่ย
ให้เราลองคิดว่าถ้าพรุ่งนี้หรืออีก 1 ชั่วโมงจะตายเนี่ย
สิ่งที่เราอยากได้หรืออยากทำจริง ๆ ก่อนตายคืออะไร
เราจะยังกังวลเรื่องงานที่ยังทำค้างอยู่หรือจะต้องส่งพรุ่งนี้มั้ย
เราจะยังงอนเพื่อน งอนแฟนเรื่องต่าง ๆ อยู่มั้ย
คำตอบนั้นจะเป็นสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ ในชีวิต
ชีวิตมันสั้น (แต่ยาวพอที่จะรักใครซักคน)
ดังนั้นเราอย่าไปเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
Create Date : 30 กรกฎาคม 2553
Last Update : 2 กรกฎาคม 2555 9:24:55 น.
7 comments
Counter : 5229 Pageviews.
Share
Tweet
ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวดีดีมาให้อ่านครับ ตอนที่ได้ชมตัวอย่างเรื่องนี้ในโรงเมื่อครั้งไปดูหนังที่สกาลา มีนักแสดงดาราใหญ่อย่างจางเซี่ยะโหย่วร่วมแสดงนี่ก็ทำให้อยากดูขึ้นมา แต่พอเวลาผ่านมาความอยากก็ลดลง เผอิญผ่านมาเห็นบล๊อคนี้เข้าเลยกดเข้ามาดูมาอ่าน ก็ดูจะน่าสนใจขึ้นมาอีกจากที่ได้อ่านๆให้อารมณ์แบบว่าอย่างกับอยู่ในฤดูหนาวเลยช่างดูเหงาๆ ทั้งที่หนังมันหน้าร้อน
โดย:
forever movie
วันที่: 31 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:16:00 น.
หาอ่าน comment ยากมากเรื่องนี้..
ขอบคุณครับ.. ที่เขียนจนอยากไปดู
วันนี้เลิกงานสี่โมง จะไปดูครับ ไปดูคนเดียวเหมือนกัน แต่ผมชินแล้ว เครือ Apex ไม่ค่อยรู้สึกอะไรนะ.. เพราะโดยมากมากันเดี่ยวๆ เยอะ..
ปล. วิเวียน ซู นี่ผมรู้จักครั้งแรก เป็นภาพนิ่ง เมื่อ 14ปีก่อน สมัยเข้ามหาฯลัย เลยอยากไปดูเธอแบบเคลื่อนไหวสักครั้ง..
โดย: จ๊ะจ๋าจ๋าจ๊ะ IP: 161.200.139.196, 161.200.139.237 วันที่: 31 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:50:28 น.
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะคะ
โดย:
สายลมที่จากไป
วันที่: 31 กรกฎาคม 2553 เวลา:18:04:55 น.
หึหึ ยัยแจ๋วเฝ้ออฟฟิสเรย บ่นๆๆ เหรอครับ แง่บๆ
โดย:
itoursab
วันที่: 31 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:30:03 น.
โดย:
kapeak
วันที่: 1 สิงหาคม 2553 เวลา:9:10:23 น.
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรในวันเกิดนะคะ
โดย:
หนีแม่มาอาร์ซีเอ
วันที่: 1 สิงหาคม 2553 เวลา:13:53:43 น.
แวะมาบ้านนี้ทำให้ได้รู้ว่า เราไม่ได้เป็นคนเดียวที่ไปดูหนังคนเดียวที่ลิโด้
โดย:
ต๋องตึง
วันที่: 11 สิงหาคม 2553 เวลา:23:10:58 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [
?
]
ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.