Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
30 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
ดูหนังคนเดียวที่ลิโด้กับ Hot Summer Days

การดูหนังอินดี้คนเดียว มันก็ไม่ได้แย่
เพียงแต่เราไม่เคยชิน และ เขินไปเอง
บรรยากาศในโรงก็ดีนะ โหลงเหลงดี
จะเอาอะไรกับหนังอินดี้ในศุกร์แห่งชาติหรือศุกร์สิ้นเดือนรอบ 4 โมงครึ่ง
ใครเค้าจะเลิกงานเร็วแบบเรา
ถึงมี ก็คงไม่มีใครอยากดูหนังอินดี้แบบนี้

ทั้งโรงดูกันไม่ถึง 10 คน
บ้างก็มาคนเดียว บ้างก็มาเป็นคู่
แต่ส่วนใหญ่
อย่างน้อยเห็น 4 คนรวมเราที่มาคนเดียว นั่งกันเดี่ยว ๆ
มีนั่งติดกันเป็นคู่แค่คู่เดียวเองมั้ง คือคู่ที่นั่งถัดจากเราเว้นไป 1 ที่นั่ง
โรงคนน้อยแบบนี้
จริง ๆ อยากนั่งตรงไหนก็ได้ตามใจเรา
เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้แถวหลังสุดที่เรานั่งเนี่ยมันเบอร์ 11 รึเปล่า
แค่นั่งให้ไม่ติดกัน เว้นความสบายและเป็นส่วนตัวให้กับอีกคนมันก็คงพอแล้ว ไม่ว่าเราจะนั่งตรงไหน

บรรยากาศดีกว่าดูหนังตลาดทำเงิน คนแน่นโรง ฉายกันทุก 10 นาที
แบบนั้นเสี่ยงมากที่จะเจอเชื้อโรคและคนที่มารยาทแย่ ๆ ในโรงหนัง
แถมอีนี่โดนหัวคนข้างหน้าบังประจำเพราะเตี้ยบวกกับท่านั้งอันสบายเกิน 555

จริง ๆ แล้วไม่ได้ตั้งใจมาดูหนังเลย
แล้วก็ไม่ได้ดูหนังเพื่อฆ่าเวลาด้วย

มันเกิดจากการที่เราต้องมาปิดบัญชีฝากประจำ 24 เดือนที่สยาม
ต้องปิดและถอนเงินได้เฉพาะสาขาของธนาคารที่เราเปิดเท่านั้น
วันนี้นายให้เลิกเร็ว เพราะนายอารมณ์ดี เป็นวันศุกร์ด้วย
แล้วเราอยู่ห้องคนเดียว เพราะพี่ที่ออฟฟิศไปประชุมที่เมกากับญี่ปุ่นกันหมดทั้งอาทิตย์

ดูออฟฟิศหรูหรามะ
เราก็เพิ่งกลับจากประชุมเกาหลี
อีกอาทิตย์ก็ผลัดกันไปเมกากับญี่ปุ่น
จริง ๆ ทุกคนอยู่กันมาก็เพิ่งจะได้ไปกัน แล้วดั๊นมาตรงกันพอดี
แล้วทำไมต้องมาซวยตอนเราเป็นคนไทยอยู่ห้องคนเดียวกับนายฝรั่ง 2 คนด้วยวะ
แต่นายฝรั่ง 2 คนก็ไม่ค่อยอยู่ห้องหรอก แล้วอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์เค้านัดไปดูโรงแรมหลายแห่งแล้กไปกินอาหารฟรีที่โรงแรม 5 ดาว 6 ดาว ทั้งอาทิตย์เลย

ตอนแรกคิดว่าอยู่คนเดียวก็ดีเหมือนกัน
จะได้มีสมาธิทำงานมากขึ้น
เพราะไอ้งานที่กองจากที่ไปเกาหลียังเคลียร์ไม่หมดเลย

แต่ที่ไหนได้
ยุ่งกว่าทำงานหลายคนอีก
ไหนจะต้องรับโทรศัพท์ของทั้งออฟฟิศ
ไหนจะต้องรับแขกที่มาโดยไม่ได้นัด
ไหนจะต้องทำงานของพี่เค้าที่ด่วน ๆ ที่พอจะทำเป็น
สรุป งานตัวเองก็แทบไม่ได้ทำ เวงกำ

แต่มีความรู้สึกเหมือนออฟฟิศเป็นของเราดีจริง ๆ

เล่าไปไหนแล้วเนี่ย

หลังจากไปปิดบัญชีเสร็จก็ไปซื้อกล้วย+น้ำผึ้งปั่นที่ร้านกล้วย กล้วยบนลิโด้
ร้านนี้กินประจำตอนทำงานอยู่ที่เก่ากลางสยาม
ไปถึงคนขายเห็นหน้าก็เป็นอันรู้กันว่าอีนี่เอากล้วย+น้ำผึ้งปั่น กับอีเพื่อนก็เอากล้วย+สตรอเบอรี่ปั่น กินกันอยู่ได้อย่างเดียว 555
แถมบางครั้งรีบ ๆ ก็โทรมาสั่งให้ทำไว้ก่อนด้วย
ก็คุยกับอ้น ไม่รู้เจ้าของรึเปล่า แต่เหมือนจะเป็นนะ
สาวมาดเซอร์ ไว้ผมทรง dead rock แต่งตัวแนวเรคเก้
ก็ถามว่าช่วงนี้ลิโด้มีหนังอะไรน่าดู ไม่เอา Inception นะ อยากได้หนังอินดี้ที่ฉายเฉพาะลิโด้
แต่คิดในใจแล้วล่ะว่าถ้าอ้นพูด Hot Summer Days นะ เราจะไปดู
แล้วอ้นพูดขึ้นมาจริง ๆ ว่าเพิ่งดูเรื่องนี้
แรก ๆ อาจะสับสนนิดหน่อย แต่หนังโอเคเลย

ก็มีคุยกับอ้นว่าอยากดูนะ
แต่ถ้าดูต้องดูคนเดียว มันจะเปลี่ยวไปมั้ยเนี่ย
แต่เวลานี้ และ หนังแบบนี้ มันคงไม่มีคนดูเป็นเพื่อน
เลยเดินไปดูเวลาก่อน ถ้ารอไม่เกินครึ่งชั่วโมงจะดู
ปรากฏว่ามีจริง ๆ ด้วย
เพราะซื้อน้ำเสร็จเดินไปดูเวลาตอนนั้นมัน 4 โมงกว่า
แล้วหนังมีรอบ 4 โมงครึ่ง
เลยเดินไปจ่ายเงิน เลือกที่นั่ง
ซื้อตั๋วตอนครึ่งชั่วโมงก่อนหนังฉาย
มีคนซื้อ book ที่นั่งไว้แค่ 4-5 ที่ติดกัน
นอกนั้นโล่ง
เอิ่ม
มันจะฉายมั้ยเนี่ยถ้าต่ำกว่า 10 คน
มันจะคุ้มค่าแอร์เค้ามั้ยเนี่ย
แอบคิดในใจแต่ก็ชี้เลือกที่นั่งแล้วจ่ายตังแล้วเดินออกมาแบบงง ๆ ว่าตูไม่ได้ตั้งใจมาดูหนังนะ แต่วันก่อนเดินผ่านลิโด้เห็นโปสเตอร์ก็แอบอยากดู







แล้วก็มาเสียตังดูแบบไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้มาก่อน
ไม่ได้ดู Trailer มาด้วยว่ามันมีกี่คู่ อะไร ยังไง



จริง ๆ หลัง ๆ แทบไม่ได้ดูหนังฮ่องกงเลย
ทั้ง ๆ ที่สมัย 10 ปีก่อนตอนม.ปลายชอบดูมาก
ทั้ง ๆ ที่มันเข้าโรงบ้านเราน้อยมาก
แล้วเข้าแค่วันละ 2-3 รอบ ไม่ถึงอาทิตย์ก็ออกโรงไปแล้ว
ทำให้เราต้องไปดูคนเดียวบ่อย ๆ
เพราะไม่มีเพื่อนคนไหนรู้จักหนังที่เราพูดถึงเลย
เลยพาลทำให้ไม่มีใครจะอยากไปดูกับเรา
เพื่อนก็จะรู้จักแต่หนังไทยวัยรุ่นกับหนังตลาดทำเงินของ Hollywood
ท่าทางตอนนั้นจะเรียกหนังรักฮ่องกงว่าหนังอินดี้ได้นะ
เราก็ดูหนังอินดี้ตั้งแต่เด็กแล้วสิเนี่ย

ยิ่งหนังจีนกับไต้หวันไม่ต้องพูดถึง
เพราะ 4-5 ปีหลังที่มาติดซีรี่ย์เกาหลีเนี่ย
ก็มีลองดูซีรี่ย์ไต้หวันนะ
แต่ไม่ไหว
มันการ์ตูนมากมายทุกเรื่องที่ทุกคนพูดถึงและแนะนำ
หนังจีนก็เหมือนกัน การ์ตูนเหมือนกัน ไม่ค่อย make sense เท่าไหร่เลยตัดหนัง 2 สัญชาติ 1 ภาษาไปโดยปริยาย

ฟังจากอ้นเล่าคิดว่าหนังมันคงไม่การ์ตูนแหละ
ดูจากโปสเตอร์ก็รู้ว่าเป็นหนังรัก
แล้วคงเป็นหนังรักหลายอารมณ์
แต่ในหนังก็ไม่วายมีการ์ตูนเข้ามานะ
ไม่รู้ว่ามันเป็นธรรมเนียมของหนังจีนหรือยังไงที่ไม่นักแสดง ๆ แบบการ์ตูนหลุด ๆ เกินธรรมชาติก็ต้องมีตัวการ์ตูนในหนัง

โปสเตอร์ที่เอามาโชว์บ้านเราจะเป็นตัวข้างบน



แต่พอเข้าไปหาข้อมูลดู
มันมีโปสเตอร์หลายแบบที่เข้าฉายหลายประเทศเลย
น่ารัก ๆ ทั้งนั้นเลย



















หนังว่าด้วยเรื่องราวความรักหลายรูปแบบ หลายนิยาม หลายช่วงเวลา ของคนหลายคู่ในฤดูร้อน
เราเลยได้เห็นเกือบทุกตัวละครผิวหนังเงา ๆ เปียกเหงื่อกันทั้งเรื่อง
เล่ายังไงให้ไม่สปอยล์นี่เล่าไม่เป็นนะ
ใครมีภูมิแพ้สปอยล์ กรุณาปิดบล็อคนี้ไปซะ
เพราะหนังมันกำลังฉายอยู่เดี๋ยวเสียอรรถรสหมด
เราก็เป็นนะ ดูหนังแต่ละเรื่องไม่เคยอ่านสปอยล์หรือเนื้อเรื่องเข้าไปก่อนเลย Trailer ยังไม่ดูเลย 555
ถ้าใครรับได้ก็เอา Trailer ไปดูก่อนเลย







เอาเรื่องย่อมะ
ก๊อปมาให้อ่านกันหน่อยแล้วกัน

รัฐบาลฮ่องกงประกาศเตือนว่าฤดูร้อนปีนี้ อุณหภูมิจะไต่ระดับขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ มวลอากาศร้อนที่ปกคลุมทั่วผืนฟ้า ทำให้อารมณ์ของผู้คนปั่นป่วน เรื่องเหลือเชื่อกลับกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และทุกๆ มุมเมืองจากฮ่องกง ถึงเสิ่นเจิ้น ไกลจนถึงปักกิ่ง - - ดอกไม้แห่งความรักกำลังจะเบ่งบานรับแสงอาทิตย์

มันเริ่มต้นจากการส่งข้อความไปผิดหมายเลข โชเฟอร์หนุ่มใหญ่ (จางเซียะโหย่ว) ที่ตกพุ่มม่ายมาปีกว่าๆ จึงได้มีโอกาสแชร์ความเหงากับนักเปียโนสาวตกอับ (เรเน่ หลิว) ที่ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นหมอนวดฝ่าเท้า











มันคล้ายกับการเป็นรักแรกพบ เด็กหนุ่มลูกจ้างร้านขายของชำ (จิงป๋อหยัน) หมายปองสาวโรงงาน (แองเจล่าเบบี้) ที่ขี่จักรยานผ่านหน้าร้านทุกวัน เขาสัญญากับเธอว่า ทุกๆ เที่ยง เขาจะไปยืนรอขอความรัก และเมื่อครบวันที่ 100 เธอจะต้องรับรักเขา












มันเกิดจากอาการเหม็นขี้หน้า ช่างซ่อมแอร์จอมกวนโอ๊ย (เซียะถิงฟง) และหญิงสาวลึกลับ (ต้าเอส) ท้าพนันแข่งมอเตอร์ไซค์กัน ก่อนที่จะรู้ตัวภายหลังว่าต่างฝ่ายต่างแพ้ใจกันและกันมาตั้งแต่ต้น










มันอาจจะยังไม่ถึงเวลาสำหรับเรื่องนั้น พ่อครัวหนุ่มผู้เย็นชา (แดเนียล วู) จึงไม่ยอมรับรักนักวิจารณ์อาหารแสนสวย (วิเวียน ซู) ทั้งๆ ที่ฝ่ายหญิงตัดสินใจมาขอความรักเขาถึงที่













มันเป็นบทเรียนอันล้ำค่า ช่างภาพแฟชั่นผู้แสนเย่อหยิ่ง (ต้วนหลง) กำลังจะสอนให้ลูกศิษย์ของเขา (ฟู่ซินป๋อ) เข้าใจความหมายของการเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง เพื่อที่จะเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง






คงเป็นเพราะ “ความรัก” หน้าร้อนปีนั้น จึงมีความหมายมากกว่าทุกๆ ปี



หนังก็ไม่ได้แย่นะ
แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราอินอะไรมากมาย
เราชอบเพลงฝรั่งช้า ๆ ในเรื่องที่ร้องผ่านทุกตัวละคะใน moment เดียวกันนะ ได้อารมณ์ดี
จริง ๆ หนังหลาย ๆ เรื่องสั้นที่ตัวละคนแต่ละเรื่องเชื่อมโยงก็มันก็ดีนะ
เราจะได้หลายอารมณ์ดี ถ้าตอนนั้นมันเน่ามาก เราก็ดูไม่นาน
แต่เวลาหนังเปิดมามันจะสับสน ไม่รู้ว่าคู่ไหนเป็นคู่ไหน
แล้วเราไม่ได้สับสนแค่นั้น
เราสับสนหน้าพระเอกในแต่ละตอนด้วยที่หน้าคล้ายกันหมด ทั้งคุณพ่อลูกเล็กที่ขับแท็กซี่ ช่างซ่อมแอร์ และช่างถ่ายภาพ

หนังยาวแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง ดูไปดูมาเหมือนโดนตัดเยอะเหมือนกัน

หนังเปิดมาด้วยมุกขำ ๆ ตั้งแต่ต้นเรื่อง
ตอนที่พ่อหนุ่มหน้าคล้ายโทนี่ รากแก่นที่เป็นคนเดียวที่เราไม่สับสนในเรื่อง เค้าคุยกับเถ้าแก่
เถ้าแก่แกก็เล่าให้ฟังว่ามีเมียมา 2 คน ไม่ได้ดีซักคน
เพราะมีเมียคนแรก เมียแกก็ทิ้งแกไป
ส่วนเมียคนที่ 2 ก็ไม่ยอมทิ้งแกซักที

หนังตอนที่ 2 คนบังเอิญส่งข้อความผิดหากันและคุยกันขณะที่ทั้งคู่อยู่โรงพยาบาลก็น่ารักดี แถมมีการหลอกเรื่องอาชีพกันอีกต่างหาก เพราะจริง ๆ แล้วทั้งคู่จน แต่ก็มีอันต้องมาพบกันทั้งที่ต่างคนต่างไม่รู้ว่าใครเป็นใครในชีวิตจริงอีกต่างหาก

แต่หนังตอนนี้เล่นมุกเก่าแล้ว ที่เราจะเคยอ่านมาทาง forward เมล
ที่คุณพ่อที่ทำงานหามรุ่ง หามค่ำเพื่อเอาเงินมาส่งลูกสาวตัวน้อยที่แม่เค้าทิ้งไปแล้ว
ลูกสาวก็ถามพ่อว่าพ่อทำงานชั่วโมงละเท่าไหร่ ลูกจะเก็บเงินมาให้พร้อมกับทิ้งโน้ตว่าขอซื้อตัวคุณพ่อ 1 ชั่วโมงมาฟังดูเค้าประกวดที่โรงเรียน
มุกนี้ถ้าใครไม่เคยอ่านมาก่อนคงซึ้งน่าดู


อีกมุกนึงที่ซ้ำกับที่เคยอ่านมาจากคอลัมน์พี่'ปราย พันแสงเรื่องพลทหารกับเจ้าหญิง

ทหารหนุ่มแอบหลงรักเจ้าหญิงเลอโฉม
เขาตะหนักถึงความสูงส่งของเธอ
เฉกเช่นเดียวกับที่ตระหนักถึงความต่ำต้อยตน
แต่เขายังรวบรวมความกล้า
เดินเสี่ยงตายเข้าไปบอกเธอว่า “รัก”
และจะอยู่บนโลกต่อไปโดยไม่มีเธอ-ไม่ได้
เจ้าหญิงผู้เป็นดวงใจตอบเขาว่า
ถ้าเขาสามารถรอคอยอยู่ใต้ระเบียงห้องเธอ
ได้ติดต่อกัน 100 วัน 100 คืน
เธอจะเป็นของเขาตลอดไป

ณ ใต้ระเบียง
ทหารหนุ่มเฝ้ารอคอยอยู่ตรงนั้น
วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า
โดยไม่ยอมขยับเขยื้อนกายไปไหน
เรารอคอยในสายลมบาดผิว
รอคอยในสายฝนกระหน่ำ
รอคอยในความเหน็บหนาวของหิมะ
วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า
โดยมีเจ้าหญิงของเขาเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา
เธอเห็นหยาดน้ำตาของเขาพรูพราวเป็นสาย
จนกระทั่งในคืนที่ 99
ทหารหนุ่มหยุดร้องไห้
หยุดรอคอย หยุดทุกอย่างไว้
แล้วหันหลังเดินจากไป


เรื่องนี้ไม่มีตอนจบ แต่มีบางคำถาม บางคำตอบในใจ
ความรักของเธอกับเขาอาจจะเหมือนนาฬิกาทราย
เมื่อฝ่ายหนึ่งเริ่มหมดรักไป
ในใจอีกฝ่ายกลับรักขึ้นมาใหม่เต็มเปี่ยม
แต่บางทีทหารหนุ่มอาจตั้งใจแค่แสดงให้เห็นว่าเขารักเธอจริงแท้แค่ไหน
แค่พิสูจน์ให้เห็น แต่ไม่ต้องการครอบครองไว้
หรือบางทีเขาอาจเสียใจ ต้องตัดใจจากไปเพราะรักเขาถูกทำร้ายย่ำยี
หรือบางทีเป็นเจ้าหญิงเองที่เสียใจ
เพราะไม่เคยมีใครรักเธอได้อีกถึงเพียงนี้ !!


จากหนังสือ ฉันเกลียดเธอ ฉันรักเธอ..ชีวิต ของ 'ปราย พันแสง


เค้าก็เอามุกนี้มาเล่นเหมือนกัน
ตอนที่น้องโทนี่ รากแก่นแอบรักกับน้องนางเย็บตุ๊กตา
น้องนางก็มีข้อแม้ว่าให้ยืนตากแดดตอนเที่ยงให้ครบ 100 วันแล้วจะรับรัก แต่สุดท้ายพระเอกของเราก็ยืนได้ 99 วันแล้วจากไป

เราไม่แน่ใจว่าหนังเค้าเล่นกับการรอคอยด้วยรึเปล่า
เพราะตอนน้องสาวโรงงานคนนี้
เค้ามีวิธีนับวันให้ครบ 100 วันโดยการใส่กระดุมลงในขวดโหลวันละเม็ด

ส่วนคู่เชฟกับนักชิมก็เป็นการรอคอยสายเรียกเข้าของเชฟที่ไม่เคยยิ้มโทรมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วเธอจะจดเวลาที่เค้าโทรมาแปะที่กระจกเป็นรูปหัวใจจนเต็ม เธอถึงจะใจอ่อนยอมคุยกับเค้า




อีกอันก็คือคู่ของน้อง เอ้ยไม่ใช่สิ ต้องพี่แล้ว แต่ชีหน้าเด็ก
คู่ของต้าเอส สาวนักบิดกับหนุ่มช่างแอร์ ที่นางเอกจะไปสักที่แขนเพิ่มทุกปี จนช่างที่สักก็ถามว่ามาสักเพิ่มที่แขนปีละครั้งเนี่ย มีความหมายอะไร แต่เธอก็ไม่บอก ก็ไปหาในหนังกันเอาเองบ้างนะ

ชอบตอนของต้าเอสมากสุดเลย
จากทรงผมหวาน ๆ




เปลี่ยนมาตัดสั้นซะสั้นกุด เท่มากมาย
แถมใส่เสื้อผ้าแมน ๆ แต่เป็นเสื้อกล้ามที่อวดสรีระพร้อมรอยสัก
แถมแต่งหน้าแนว smoky eye ด้วย ลุคนี้เจ๋งดี











ไม่ได้ชอบเนื้อเรื่องมากมาย แต่มันก็ซึ้งดีที่ตัวเองป่วย
แต่ก็พยายามช่วยคนที่ป่วยเหมือนกันให้มีความสุข






3 คู่แสดงถึงการนับวันเวลา รอคอย
อีกคู่นึงของช่างภาพเจ้าอารมณ์ที่กำลังจะตาบอดนี่คิดไม่ออก
ฝังใจกับฉากที่ไฟไหม้ห้องแล้วตัวเองตาบอดมองไม่เห็น
ก็ให้ลูกน้องวิ่งไปหยิบรูปให้
แต่ลูกน้องบอกว่ารูปมันเยอะมาก ขนออกมาหมดไม่ไหวหรอก
แต่เค้าต้องการเพียงรูปเดียวคือรูปที่เค้าพกไว้ในกระเป๋าสตางค์
ซึ่งมันเป็นภาพคนรักที่เค้าถ่ายเป็นครั้งแรกจากอาชีพช่างภาพของเค้า

จริง ๆ ดูตอนของช่างภาพอันนี้ก็คิดต่อในทางธรรมะได้นะ
คือเคยอ่านหนังสือสิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ ของ น.พ.เทอดศักดิ์ เดชคง
(เป็นหนังสือเล่มบาง ๆ ที่ดีมาก ๆ อ่านง่าย แนะนำ ๆ)
เค้าบอกว่า
เวลาเราเครียดหรือวิตกกังวลเรื่องอะไรเนี่ย
ให้เราลองคิดว่าถ้าพรุ่งนี้หรืออีก 1 ชั่วโมงจะตายเนี่ย
สิ่งที่เราอยากได้หรืออยากทำจริง ๆ ก่อนตายคืออะไร
เราจะยังกังวลเรื่องงานที่ยังทำค้างอยู่หรือจะต้องส่งพรุ่งนี้มั้ย
เราจะยังงอนเพื่อน งอนแฟนเรื่องต่าง ๆ อยู่มั้ย
คำตอบนั้นจะเป็นสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ ในชีวิต
ชีวิตมันสั้น (แต่ยาวพอที่จะรักใครซักคน)
ดังนั้นเราอย่าไปเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง






Create Date : 30 กรกฎาคม 2553
Last Update : 2 กรกฎาคม 2555 9:24:55 น. 7 comments
Counter : 5229 Pageviews.

 
ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวดีดีมาให้อ่านครับ ตอนที่ได้ชมตัวอย่างเรื่องนี้ในโรงเมื่อครั้งไปดูหนังที่สกาลา มีนักแสดงดาราใหญ่อย่างจางเซี่ยะโหย่วร่วมแสดงนี่ก็ทำให้อยากดูขึ้นมา แต่พอเวลาผ่านมาความอยากก็ลดลง เผอิญผ่านมาเห็นบล๊อคนี้เข้าเลยกดเข้ามาดูมาอ่าน ก็ดูจะน่าสนใจขึ้นมาอีกจากที่ได้อ่านๆให้อารมณ์แบบว่าอย่างกับอยู่ในฤดูหนาวเลยช่างดูเหงาๆ ทั้งที่หนังมันหน้าร้อน





โดย: forever movie วันที่: 31 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:16:00 น.  

 

หาอ่าน comment ยากมากเรื่องนี้..

ขอบคุณครับ.. ที่เขียนจนอยากไปดู

วันนี้เลิกงานสี่โมง จะไปดูครับ ไปดูคนเดียวเหมือนกัน แต่ผมชินแล้ว เครือ Apex ไม่ค่อยรู้สึกอะไรนะ.. เพราะโดยมากมากันเดี่ยวๆ เยอะ..

ปล. วิเวียน ซู นี่ผมรู้จักครั้งแรก เป็นภาพนิ่ง เมื่อ 14ปีก่อน สมัยเข้ามหาฯลัย เลยอยากไปดูเธอแบบเคลื่อนไหวสักครั้ง..


โดย: จ๊ะจ๋าจ๋าจ๊ะ IP: 161.200.139.196, 161.200.139.237 วันที่: 31 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:50:28 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะคะ


โดย: สายลมที่จากไป วันที่: 31 กรกฎาคม 2553 เวลา:18:04:55 น.  

 
หึหึ ยัยแจ๋วเฝ้ออฟฟิสเรย บ่นๆๆ เหรอครับ แง่บๆ


โดย: itoursab วันที่: 31 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:30:03 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: kapeak วันที่: 1 สิงหาคม 2553 เวลา:9:10:23 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรในวันเกิดนะคะ


โดย: หนีแม่มาอาร์ซีเอ วันที่: 1 สิงหาคม 2553 เวลา:13:53:43 น.  

 


แวะมาบ้านนี้ทำให้ได้รู้ว่า เราไม่ได้เป็นคนเดียวที่ไปดูหนังคนเดียวที่ลิโด้



โดย: ต๋องตึง วันที่: 11 สิงหาคม 2553 เวลา:23:10:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.