ตะลุย Hong Kong == ลุย Sha Tin เที่ยววัด Che Kung Temple
Che Kung Temple (車公廟) เป็น 1 ใน 4 วัดใหญ่ของฮ่องกง นั่นคือ Che Kung Temple,Man Mo Temple,Wong Tai Sin Temple และ Tin Hau Temple สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16 โดยสร้างอยู่ตรงชุมทางแม่น้ำ 3 สาย เพราะเชื่อกันว่าเทพเจ้านั้นเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองเมืองให้พ้นจากภัยน้ำท่วมและโรคระบาดในปี ค.ศ.1629
ในทุกๆ วันกำเนิดของหนึ่งในเทพเจ้าแห่งโชคลาภซึ่งตรงกับวันที่ 2 ในเดือนแรกของปีตามปฏิทินจีน (年初二) จะมีผู้ที่เลื่อมใสศรัทธามากมายเดินทางมายังวัดเพื่อหมุนใบพัดทองเหลือง โดยเชื่อกันว่าการได้หมุนใบพัดทองเหลืองเปรียบเสมือนการหมุนเพื่อพัดพาความโชคดีเข้ามา
การเดินทาง นั่ง KCR East Rail ลงสถานี Tai Wai แล้วเปลี่ยนไปยังสาย Ma On Shan Rail ลงที่สถานี Che Kung Temple ออกทางออก B เดินลอดอุโมงค์ เมื่อสุดทางเลี้ยวขวา จะเจอป้ายบอกทางไปวัด Che Kung ให้เดินตรงไปเรื่อยๆ จะผ่านป้ายรถเมล์และบ้านคน ประมาณ 100 เมตร วัดจะอยู่ทางซ้าย
วันที่ไปเป็นวันธรรมดา บรรยากาศต่างจากในหนังสือโดยสิ้นเชิง มีประมาณ 3-4 คนได้
ด้านในวัดจะมีขายธูปเทียนยักษ์ให้ซื้อไปบูชา แต่ก็ซื้อกับเค้าไม่เป็นด้วยสิ เรื่องเข้าวัดเข้าวาทำบุญทำทานนี่ไม่ถนัดอย่างแรง
นอกจากการหมุนใบพัดทองเหลืองแล้ว การตีกลองก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมนึง เพื่อเป็นการรายงานต่อเทพเจ้าว่าตัวเองได้มายังวัดแห่งนี้แล้ว
อยู่ได้ไม่นานก็กลับ เข้าวัดนานๆ แล้วร้อน
ข้อมูลเพิ่มเติม //www.bighongkong.com/bhkphoto/chekungtemple/
Create Date : 05 กรกฎาคม 2550 |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2550 18:29:32 น. |
|
24 comments
|
Counter : 2980 Pageviews. |
|
|
|
แถมเวลาเห็นคันจิก็มักจะชอบอ่านเป็นเสียงภาษาจีน รู้ความหมาย แต่ไม่รู้คำอ่านญี่ปุ่น 555+
อย่างวันนี้ได้การบ้านให้เขียนคำอ่านของคันจิ ลี่ก็บอกเพื่อนว่าเขียนได้แต่คำอ่านจีน ก็มีอย่างคำว่า เสวียเชิง (นักเรียน) เชียนเชิง รื่อเปิ่นเหริน แต่ไม่รู้คำอ่านญี่ปุ่นจริงๆ 555+
วันนี้ยืมหนังสือคันจิมาค่ะ เปิดดูแล้วก๊งเลยค่ะ เพราะแอบเห็นว่าคุณเธอมีคำอ่านได้หลายแบบมากๆ เลย สุดท้ายจะจำคำอ่านได้ไหมหว่า เรื่องการเขียนไม่มีปัญหาเพราะเคยเจอจีนมาแล้ว เลยชิน แต่การอ่านออกเสียงจะทำไงดีหนอ ยังดีที่หลายๆ คำยังรู้ความหมายอยู่บ้าง
ซ่าถิ่นสวยนะคะลี่ว่า แบบว่าชอบห้างซ่าถิ่นที่ใหญ่ๆ เห็นแม่เรียกว่า ซ่าถิ่นปะปะปูน ห้างใหญ่ซะเดินจนงงว่าเมื่อกี้เรามาจากทางไหนหว่า แล้วสุดท้ายมันก็ไปไหนไม่รู้
สุดท้ายก็เลยไม่รู้ว่าจะสอนญี่ปุ่นใครได้ เพราะคิดว่ายากกว่าจีนอย่างมากเลยแหละค่ะ เหอๆ ใครบอกหว่าว่าเรียนจีนแล้วญี่ปุ่นจะง่าย ที่ไหนได้ก็ยังยากอยู่ดี
แต่ตอนนี้ที่เซ็งสุดๆ ก็คือภาษาอังกฤษตัวเองก็ยังห่วยเหมือนเดิมค่ะ