ปงแซ็ง-เบเนแซ หรืออีกชื่อหนี่งว่า ปงดาวีญงฝรั่งเศส: Pont d'Avignon) เป็นสะพานที่ก่อสร้างในสมัยยุคกลางตั้งอยู่ในเมืองอาวีญง ประเทศฝรั่งเศส ตัวสะพานตัดผ่านแม่น้ำโรน ข้ามจากฝั่งเมืองไปยังฝั่งขวาของแม่น้ำ ในปีค.ศ. 1669 อุทกภัยครั้งใหญ่ได้ทำลายสะพานเกือบทั้งหมด โดยเสาฐานของสะพานเหลือเพียง 4 เสาจากทั้งหมด 22 เสาแต่เดิม และได้ถูกทิ้งร้างลงถึงปัจจุบัน
ชอบมุมนี้มาก
บ๊ายบายโพรว๊อซ์และมาต่อตอนที่ 2 ลัลล้าปารีสกันเลยจ้า
ใการใช้บริการรถไฟจาก Avignon ไปเมือง Marseille ราคาตั๋ว 16.70 ยูโร ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงนึงสบายๆก็มาถึงสถานีรถไฟของสนามบิน
Marseille และมี shuttle bus ให้บริการไปส่งสนามบิน แค่โชว์ตั๋วรถไฟก็ขึ้นได้ฟรีแล้วค่ะ หลังจากนั้นไม่นานแอร์ฟรานซ์ก็พาเราเหินฟ้ามาถึงปารีสโดย
สวัสดิภาพและตามเวลา เย้อีกรอบ
สนามบินมาร์กเซย์ มองจากสถานีรถไฟ Virtrolles Airport Marseille Provence
ตั๋วรถไฟเข้าเมืองจากสนามบินราคา 9 ยูโร สามารถซื้อได้จากเครื่อง ทำได้ง่ายๆเลยค่ะ ถ้าเราไม่มีบัตรเครดิตก็ให้แลกเหรียญไว้ รับรองได้ใช้ซื้อตั๋วรถไฟแน่นอน
การเดินทางในปารีสด้วยรถไฟปรกติจะคิดราคาเที่ยวล่ะ 1.70 ยูโร แต่ถ้าเดินทางมากก็แนะนำให้ซือ 10 ใบจะประหยัดกว่าคือ 13.30 ยูโร อยู่ปารีสสองวันอาจจะ
ไม่พอด้วยซ้ำ (แหม อยากลงรูปวิธีซื้อตั๋วจังแต่พื้นที่บล็อคไม่พอใส่โค๊ด เอาไว้ไปขยายในพันทิปรวมทั้งที่พักทุกคืนเลยล่ะกันนะคะ)
คืนแรกที่ปารีส เราพักแถวมองต์มาร์ท ที่ต้องนั่งรถไฟไปเปลี่ยนเส้นทางที่สภานี Gare de Nord ต่อสาย 4 เพื่อไป Porte de Clingnancort ไปลงป้ายสุดท้าย
สุดระทึกด้วยบรรยากาศอารมณ์ที่แตกต่างและไม่คุ้นตา ย่านนั้นจะมีคนผิวดำชาวแอฟริกันอาศัยอยู่มากหน่อย นอนที่นี่ 2 คืนเข้าออกโรงแรมดึกๆคนเดียว
ต้องเดินระวังกันเป็นพิเศษ ภาพติดตาจากในหนังน่ะค่ะ แหะๆ แต่โชคดีที่ไม่มีอะไรตลอดทั้งทริป แถมเจอชาวฝรั่งเศสน่ารักใจดีช่วยเหลือเราอย่างคาดไม่ถึง
หลายเรื่องทีเดียว หลังจากเช็คอินแล้วก็ออกตระเวณลัลล้าปารีสกันก่อนเลย และจุดหมายแรกก็จะเป็นที่อื่นไปไม่ได้นอกจาก หอไอเฟล ที่รอคอย จุ๊บๆ
เรานั่งเมโทรจาก Porte de Clingnancourt มาเปลี่ยนเส้นทางที่ Strasbourg St-Denis เพื่อต่อสาย 6 ไปสถานี Trocadero นาทีที่เดินออกจากสถานีรถไฟ
ก็ลุ้นว่าจะได้เห็นหอไอเฟลเลยหรือปล่าว พอเดินขึ้นจากเมโทรก็เลี้ยวซ้ายนิดนึงก็เจอภาพนี้เลย ตะลึงตึงๆ
ไปถึงแล้ว ขอเก็บภาพกับหอไอเฟลกันซักสี่สิบห้าสิบรูปนะคะ :-P
เป็น wow moment ที่ประทับใจที่สุดครั้งนึงในชีวิตเดินทางกันเลยทีเดียวค่ะ หอไอเฟลที่รอคอย วันนี้เราได้มาเผชิญหน้ากันซักที เพราะฉะนั้นแนะนำเลยค่ะ
สำหรับคนที่จะได้ wow moment กับหอไอเฟล ให้เลือกมาที่สถานที Trocadero จะไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
จากนี้ไปจะเป็นไอเฟลโชว์เคส หลายเวอร์ชั่น จัดเต็มให้กับสัญญลักษณ์ของประเทศที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งนึงของโลกกันค่ะ

นักท่องเที่ยวเยอะมากๆๆ คิวขึ้นไปชมวิวด้านบนก็ยาวววววววววจนเข้าคิวไม่ไหว เลยได้แต่ป้วนเปี้ยนเก็บภาพอยู่ด้านล่างกันเต็มอิ่มเลยค่ะ
เดินเล่นคนเดียวเก็บภาพไปเรื่อยก็มีความสุขไปอีกแบบ เห็นหอไอเฟลริมน้ำแบบนี้ ทำให้นึกถึงวัดอรุณฯของเราเหมือนกันแฮ่ะ
เต็มอิ่ม จุใจกับหอไอเฟลกันไป เดินขาลากกลับโรงแรม เดินเล่นแถวไอเฟลเพลินจนลืมเวลา มารู้ตัวก็ตอนอยู่บนรถไฟ ลุ้นตื่นเต้นอีกเพราะต้องเดินกลับ
โรงแรมคนเดียว แต่ก็โชคดีที่ไม่มีอะไร เฮ้อ
วันที่ห้าของทริป ตั้งใจจะใช้เวลาสบายๆอยู่ในเมือง เดินเล่นเที่ยวพิพิภัณฑ์ลูฟว์ กับละแวกมหาวิหารนอเทอร์ดาม เลยนั่งรถไฟรวดเดียวไปลงสถานี St.Michel
ที่เป็นสถานีที่อยู่ใกล้กับมหาวิหารนอร์เทอร์ดาม ไปถึงเห็นรถบัสนำเที่ยว 2 ชั้น คล้ายๆที่อังกฤษที่เคยไป เลยคิดว่าวันนี้ขอเห็นไฮไลท์ของปารีสแบบสบายกัน
หน่อยเลยซื้อตั๋วรถบัสใช้วันเดียวราคา 31 ยูโร เอาไว้นั่งชมวิวปารีสเล่นๆ อยากจะลงที่ไหนก็ลงได้ตามป้ายที่จุดท่องเที่ยวที่สำคัญ อยากจะไปต่อก็กลับมาขึ้น
ที่เดิม ง่ายๆสบายๆดีค่ะ เราใช้บริการบริษัทินี้ คันสีเหลืองค่ะ
นั่งชั้นบน หลังรถจะได้วิ่งไปมาเก็บภาพสบายไม่รบกวนใคร
ภาพจากนี้จะเป็นภาพที่เก็บได้ระหว่างที่รถวิ่งผ่านนะคะ
ผ่านประตูชัยด้วย แต่เปลี่ยนเลนส์ไม่ทัน เลยได้มาแบบแหว่งๆ อิอิ
ว้า ยังไปไม่ถึงไหน บล็อคยาวไปอีกแล้ว ตามไปต่อตอนที่ 3 ได้เลยจ้า