แบกเป้ลุยเดี่ยวกินเที่ยวคิวชูวงกลม 10 วัน (ตอนต่อไปเป็นอีก 3 เมืองในคันไซ)
ทริปสานฝันใบไม้เปลี่ยนสีตอน 10 วันในคิวชู ดูปฐมบท - การเดินทาง และรีวิวที่พักได้ที่นี่จ้า ทริปนี้ไม่ใช่ทริปเที่ยวญี่ปุ่นที่ถูกที่สุดนะคะ เพราะกินอยู่ค่อนข้างดี เฉพาะ JR pass 14 วันก็หมื่นสามพันกว่าบาท โรงแรมตลอดทริปสองหมื่นกว่า เป็นคนแบกเป้กล้องหนักมากทุกวันกลับมาถึงโรงแรมของนอนสบายหน่อย แต่ค่าโรงแรมเฉลี่ยพันกว่าบาทต่อคืน ถือว่าดีมากเพราะโรงแรมอยู่ใกล้สถานีแทบทุกแห่ง เอาเป็นว่างบประมาณกินอยู่ขึ้นอยู่ที่เรากำหนดค่ะ ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปก็ไม่หนีกันมาก จะนั่งลีมูซีนไปหรือจะโบกรถไป มันก็รอเราอยู่ตรงนั้น สรุป จะถูกจะแพงเราดีไซน์ทริปของเราเองได้ค่ะ ^^ 15 วัน 11 เมือง 3 ภูมิภาค คนเดียวก็ชิลล์ได้ ฮิโรชิม่า ฟูกุโอกะ นางาซากิ คุมาโมโต้ คาโกชิม่า มิยาซากิ เบปปุ ยูฟูอิน โอซาก้า เกียวโต นารา ค่าใช้จ่ายทริปนี้ไม่รวมตั๋วเครื่องบินและค่าช๊อปปิ้ง JR pass 14 วัน 13xxx ค่าที่พักตลอดทริป 21xxx (พักดีหมดยกเว้น 3 คืนสุดท้ายนอน hostel ที่โอซาก้าคืนล่ะพันสอง) ค่ากิน + ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ + ค่าเดินทางยิบย่อย ประมาณหมื่นกว่าบาท ลิงค์ที่จำเป็นสำหรับทริปนี้ ที่พัก Expedia Thailand ===> //bit.ly/ExpJPatbg5 สายการบิน Thai AirAsia X ==> //www.airasia.com/th/th/home.page?cid=1 Pocket WiFi ===> //www.bs-mobile.jp/th ตารางรถไฟชินคังเซ็น ===> //www.shinkansen.co.jp/jikoku_hyo/en M I Y A J I M A - H I R O S H I M A ไปญี่ปุ่น ทุกคนอาจจะชินตากับเสาโทริอิ ตามศาลเจ้าทั้งดังทั้งไม่ดังมากมาย แต่จะมีเสาโทริอิแห่งใดจะมีความพิเศษไปกว่า เสาโอโทริอิหรือโทริอิกลางน้ำของศาลเจ้าลอยน้ำอิซิคุชิมะ (Itsukushima Jinja) แห่งเกาะมิยาจิมะ (Miyajima) ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ในการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกันเลย การเดินทาง เรานั่งรถไฟมาลงที่สถานีมิยาจิมะกุจิ (Miyajimaguchi) แล้วต่อเรือเฟอรี่ JR มาลงที่เกาะมิยาจิมะ (ถ้าใช้ JR Pass สามารถใช้ JR pass ขึ้นได้ฟรี) เมื่อถึงเกาะแล้วเดินตามทางไปก็จะถึงศาลเจ้าอิซึคุชิมะ ค่าเข้าชมศาลเจ้า 300 เยน แต่ไม่ได้เข้าน่ะ เวลามีน้อย ต้องใช้สอยอย่างประหยัด อาศัยเดินเล่นชมวิว ชิมโน้นชิมนี่ ถ่ายรปชิลล์ๆเพลินๆไป
ไม่แดงไม่เป็นไร เดินหาต้นกิงโกะถ่ายรูปแทนก็ได้ แต่ก่อนอื่นขอกรี๊ดดด เสาโทริอิกันก่อน แลนด์มาร์คของญี่ปุ่นกันเลยน่ะเนี่ยยย มาถึงแล้วแต่ยังกลับไม่ได้ ขอไปต่อน่ะ อิอิ มุมสวยๆในชั้นล่างของเจดีย์ห้าชั้น ตอนไปใบไม้ยังไม่แดง แต่เหลืองก็สวย PR ของเกาะ ทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่องเลย มองไปทางไหนก็เห็นเสนอหน้าทั่วไปหมด น่ารักจริงๆ ร้านกาแฟบนเกาะที่ร้าน Kakiwai ที่อยู่หลังเจดีย์หน้าชั้นนี่เอง ใช้เวลานั่งเล่นที่นี่เพลินเกิน จนไปสะพานคินไตเคียว (Kintai Bridge) ไม่ทันแสง อิอิ ^ เราใช้เวลาบนเกาะมิยาจิมะพอสมควร เพราะต้องรีบไปฟูกุโอกะต่อ แต่จะบอกว่าที่นี่ไม่ควรมาเที่ยวแบบรีบๆเร่งๆวิ่งเต้นระบำรอบเกาะแค่นั้นนะคะ เพราะว่าเกาะนี้มีความงดงามและประวัติศาสตร์มากมายที่น่าชื่นชม เพราะมันเป็นเกาะชื่อดังที่สุดของญี่ปุ่นน่ะจ๊ะ และอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่อยากให้พลาดก็คือหาหอยนางรมสดชิมกันเถอะ ตัวล่ะ 400-600 เยน ย่างไฟแบบใส่แค่มะนาวฝาน หรือใส่ซีอิ้วญี่ปุ่นก็ได้ตามใจชอบ มันสดอร่อยหวานหอมมาก
F U K U O K A ศาลเจ้า Dazaifu เพราะดูข้อมูลก่อนมาว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของคิวชูกันเลย (แน่นอนว่าถ้ามันเปลี่ยนสีน่ะ 5555) ตัดสินใจฝ่าสายฝนปรอยพาตัวเองให้มาถึงสถานี Tenjin กันก่อน คนที่มี JR พาสใหญ่ก็ต้องซื้อตั๋วใหม่น่ะ เพราะนั่งรถสายโลคอลค่ะ ไม่รู้คนอื่นเดินทางยังไง แต่เรานั่ง Subway สาย Kuko line (200 เยน) ไปเปลี่ยนรถไฟสาย Nishitetsu-Tenjin-Omuta Line ที่สถานี Tenjin ค่ารถจุดอีกนี้ 400 นั่งไปอีก 2 สถานีก็เปลี่ยนอีกที่สถานี Fuisukaishi เพื่อนั่งสาย Dazaifu ไปศาลเจ้า ไปถึงฝนฉ่ำเลย เดินเล่นท่ามกลางสายฝนกันเลย อิอิ
ศาลเจ้า Dazaifuเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดแห่งหนึ่ง ที่นี่มีชื่อเสียงมากๆในหมู่เด็กนักเรียนที่กำลังจะเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ตอนที่ไปจะเห็นกลุ่มนักเรียนมาทัศนศึกษาและขอพรกันเป็นจำนวนมาก มากกว่านักท่องเที่ยวปรกติด้วยซ้ำ ใบไม้เปลี่ยนสีท่ามกลางสายฝน เศร้า เหงา แบบมีความหวัง Autumn in the rain - ฝนตกแบบจริงจังมาก ท่ า ม ก ล า ง ส า ย ฝ น ก็ มี เ รื่ อง ร า ว มาเที่ยวแล้วเจอฝนแบบนี้ต้องทำใจ อย่ามัวไปคิดว่าจะไม่ได้รูปในแบบที่ต้องการ มองในแง่ดี มันชิลล์น่ะ ไม่รู้เพราะมาคนเดียวหรือเปล่า เราจะหยุดอยู่ตรงไหนก็หยุด จะอยู่ตรงไหนนานหน่อยก็เรื่องของเรา ไม่อยากไปไหน จะเปลี่ยนใจกระทันหันก็ไม่เป็นไร แม้จะขาดคนช่วยคิดและเพื่อนร่วมทาง แต่เราได้เป็นตัวของเราเต็มที่ ได้ท่องเที่ยวในสไตล์ของตัวเองอย่างเป็นอิสระดี ^^ Starbucks ที่ Dazifu แห่งนี้สวยงามโดดเด่นแปลกตา สะดุดตากันตั้งแต่แรกเห็น น่าจะเป็น Starbucks ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นล่ะมัง ฟูกุโอกะฉ่ำฝนจริงๆ ตอนนี้ไม่ต้องมองหาใบไม้แดงกันแล้ว มาชมแสงสีที่สถานีฮาคาตะกันเพลินๆดีกว่า มุมนั้นมุมนี้สวยทุกมุมค่ะ
N A G A S A K I กว่าจะออกมานางาซากิก็เกือบ 11 โมง นั่ง JR มาถึงสถานี Nagasaki ก็เกือบบ่ายโมง เตร็ดเตร่รอเข้าห้องตอนบ่าย 3 ถึงจะออกไปดูอะไรในเมืองเค้าซักหน่อย ซึ่งตั้งจะใจไป Nagasaki Atomic Bomb museum แต่นั่งเลยป้าย เดินงมไปงมมาจนมาเจอ Nagasaki Peace Park โดยบังเอิญจากการหลง แต่เป็นการหลงที่คุ้มค่าจริงๆบางครั้งการหลงทางในเมืองที่เราไม่รู้จัก มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนะคะ ^^ แต่สุดท้ายก็มาจบวันที่ Nagasaki Atomic Bomb museum ที่อยู่ใกล้ๆกันจนได้ ซึ่งภายในจัดแสดงเรื่องราวของการถูกระเบิดของเมืองด้วยลูกระเบิดปรมาณูลูกที่ 2 จนเป็นเหตุให้ญี่ปุ่นต้องประกาศแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เอาจริงๆน่ะ ตั้งใจไว้ก่อนมาว่าจะไม่มาที่นี่รวมทั้งที่ฮิโรชิม่าด้วย เพราะรู้ว่ามันเศร้า หดหู่และต้องเสียน้ำตาแน่นอน และก็เป็นไปตามนั้น เดินชมภาพถ่าย นิทรรศการแล้วรู้สึกบีบคั้น เศร้าใจและหดหู่อย่างที่สุด T__T การเดินทาง (แบบไม่หลง) ให้นั่งรถรางสาย 1 หรือ 3 ลงที่สถานี Hamaguchi-machi ค่ะ สะพานแว่นตาเมงาเนะบาชิ (Meganebashi) เป็นสะพานหินเก่าแก่ทอดข้ามแม่น้ำนากาชิมะ (Nakashimagawa) สะพานนี้สร้างโดยพระภิกษุจากวัดโคฟุกุจิ ในปี พ.ศ.2177 เพื่อเป็นหนทางไปสู่ตัววัด สะพานแห่งนี้เดิมเป็นสะพานหินโค้งที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น การเดินทาง นั่งรถรางสาย 4 หรือ สาย 5 มาลงสถานีรถรางนิกิไวบาชิ (Nigiwaibashi tram stop) แล้วเดินอีกนิดก็ถึงค่ะ นางาซากิไชน่าทาวน์ (Nagasaki Chinatown) อยู่ไม่ไกลจาก Dejima island ถ้ามารถรางก็ให้ลงที่สถานี Tsuki-machi ไชน่าทาวน์ที่นางาซากินี้เป็น 1 ใน 3 ของไชน่าทาวน์ในญี่ปุ่นเชียวนะคะ (อีก 2 ที่อยู่ที่เมืองโยโกฮาม่าและโกเบ) แถมเป็นไชน่าทาวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นแวะกันซักนิดเถอะค่ะ การเดินทาง อยู่ที่สถานีรถรางสุคิมาชิ (Tsukimachi Tram) รถรางสาย 1 หรือ 5 ค่ะ สวนโกลฟเวอร์ (glover garden) ที่อยู่บนเขามินามิ ยามาเตะ ที่มีบ้านรูปทรงตะวันตกที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นตั้งอยู่ บนนี้เราสามารถชมทิวทัศน์ของเมืองนางาซากิจากมุมสูงได้อย่างสวยงามมากเลยน่ะ ใครที่มาเที่ยวนางาซากิต้องห้ามพลาดกันเลยค่ะ การเดินทาง จากสถานีรถราง Ouratenshudo-shita สาย 5 เดินประมาณ 5 นาทีก็ถึง สวนโกลฟเวอร์ มีบันไดเลื่อนต่อลิฟท์ไปยอดเขานะคะ ไม่ต้องเดินมาก ดีใจจัง ^^ Dejima Island เป็นย่านการค้าเก่าแก่ตั้งแต่สมัยเอโดะ เป็นเขตอนุรักษ์ ทำให้ยังมีอาคารแบบเก่าหลงเหลืออยู่มากมาย ทั้งโกดังเก็บของ บ้านเรือน โรงงานอุตสาหกรรม โรงเรียน กำแพง ร้านค้า ประตู เข้าไปเดินเล่นแล้วเหมือนเดินเข้าไปในเมืองท่ายุคเอโดะจริงๆ การเดินทาง นั่งรถรางสาย 1 มาลงที่สถานีรถรางเดจิมะ (Dejima tram) Mt.Inasa Ropeway คือจุดชมวิวสูงสุดของภูเขาอินาสะ เราจะสามารถเห็นวิวที่สวยงามของเมืองนางาาซากิและยิ่งวิวตอนกลางคืนจะติด 1 ใน 3 จุดชมวิวกลางคืนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นด้วยน่ะ อีก 2 แห่งคือภูเขาฮาโกดาเตะ ฮอกไกโด (ไปมาแล้ว เย้) และ ภูเขาร็อคโกะที่โกเบค่ะ ณ ที่แห่งนี้มีเรื่องเล่า แต่จะค่อยไปเล่าในหนังสือดีกว่า อิอิ ต่อด้วยจุดหมายในฝันอีกแห่งคือ Huis Ten Bosch ซึ่งเป็นธีมพาร์คขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลใกล้เมืองซาเซะโบะ (Sasebo) แต่ยังอยู่ในจังหวัดนางาซากิ สามารถเดินทางมาได้ง่ายทั้งจากฟุกุโอกะและนางาซากิ ที่นี้ได้ถูกจำลองให้เป็นประเทศเนเธอแลนด์ แวดล้อมไปด้วยสิ่งก่อสร้าง ลำคลองและสวนดอกไม้ที่สวยงามมากๆ ที่ไฮไลท์ที่ตั้งใจไปชมคือการแสดงแสงสี Light illumination ที่จัดได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกกันเลย บรรยากาศสวยงามภายใน Huis Ten Bosch
สิ่งนี้ที่รอคอย Light illumination ที่ยิ่งใหญ่ตระการตาลืมกันไม่ลงจริงๆ มาถึงไปถึงสี่โมงเย็นเพื่อจะได้ส่วนลดค่าเข้าเหลือ 4800 เยน คุ้มกับการนั่งรถไฟไปกลับเกือบ 4 ชม.เพื่อไปดูไฟเลย ไฟนี้จะเปิดถึงวันที่ 18 เมษ.ปีนี้ค่ะ K U M A M O T O มาถึงคุมาโมโต้ทั้งทีขอนั่งรถไฟสายที่โด่งดังมากที่สุดสายหนึ่งของคิวชูนั่นคือ Aso Boy ซึ่งเป็นขบวนที่เหมือนสนามเด็กเล่น ทุกมุมน่ารักและทำมาเพื่อเด็กๆโดยเฉพาะจริงๆ เป็นขบวนที่วิ่งระหว่าง Kumamoto ไปกลับ Miyaji โดยผ่าน Mt.Aso ขบวนนี้จองยากหน่อย ถ้าใครจะนั่งก็ต้องรีบจองกันเลยนะคะ ตารางเดินรถไฟ Aso Boy ค่ะ ดูเล็งวันกันไว้ก่อน จะได้วางแผนการเดินทางได้ Everthing in Kumamoto is Kumamon อยู่เมืองนี้ เข้าร้านไหน มองไปทางไหนต้องคุมะมงเท่านั้น เพราะคุมะมงเป็นหมีมาสคอตซึ่งสร้างโดยรัฐบาลท้องถิ่นของจังหวัดคุมาโมโต้เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี่เองค่ะ ปราสาทคุมาโมโต้ (Kumamoto Castle) นอกจากจะเป็นปราสาทที่แข็งแกร่งที่สุดในญี่ปุ่นแล้ว ที่นี่ยังเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะไม่มาเยี่ยมชมที่นี่ถ้ามาถึงเมืองนี้น่ะจ๊ะ การเดินทางจากสถานี Kumomoto-eki mae ด้วยรถบัส Kumamoto Castle Loop Bus ให้ลงที่ป้าย Kumamoto-jo mae ใช้เวลาประมาณ 10 นาที รถจะจอดที่ฝั่งตรงข้าม ให้เดินตามป้ายบอกทางหรือฝูงชนก็จะไม่มีหลงแน่นอนค่ะ สวน Suizenji มาญี่ปุ่น อย่ามัวเอาแต่วิ่งถ่ายรูปนะคะ เผื่อเวลาไว้สัมผัสวิถีเซน ลองสโลว์ไลฟ์นั่งจิบชากลางสวน Suizenji ใช้ชีวิตแบบคนญี่ปุ่นกับบ้าง ซึ่งที่นี่เป็นสวนญี่ปุ่นที่มีแลนด์สเคปสวยมากๆอยู่กลางเมืองคุมาโมโต้เลยค่ะ การเดินทาง ในคุมาโมโต้ง่ายที่สุดในจักรวาล City tram หรือรถรางของเมืองซึ่งมีอยู่แค่ 2 สายคือ A และ B จะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองหมด เช่นสวน Suizenji นี่ก็นั่งรถสาย A จากหน้าสถานีรถไฟ (ป้าย 3) ไปป้ายที่ 18 หรือ ไปปราสาทคุมาโมโต้ก็ลงที่ป้าย 10 ส่วนขากลับก็นั่งสาย A กลับมาสถานีป้าย 3 อีกเช่นกัน ค่าโดยสารรถรางต่อเที่ยว 150 เยน แต่แนะนำให้ซื้อ Day pass ซึ่งมีหลายแบบ แนะนำแบบวันล่ะ 400 เยนก็ครอบคลุมจุดท่องเที่ยวใน 1 วันแล้วค่ะ ร้านนี้ชาเขียวอร่อยมากกกกกกกกกก ทำเลดีงามเพราะอยู่ริมน้ำในสวน Suizenji เลย ขนมโมจิใส้ถั่ว (มั้ง) กับชาเขียวถ้วยนี้ชุดล่ะ 550 ค่ะ สวน Suizenji เป็นสวนที่มีภูมิทัศน์สวยงามมากๆๆ มาเที่ยวคุมาโมโต้อย่าลืมแวะมานั่งเล่นนะคะ นี่ก็นั่งจนไม่ได้เข้าห้าง ไม่ได้ไปถนนคนเดินกันเลย ฮ่าๆๆ
KAGOSHIMA ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะคิวชู เป็นเมืองที่มีภูเขาไฟ Sakurajima ที่ยังคุกรุ่นอยู่ห่างไปเพียง 4 กิโลเมตร สถานีรถรางที่เมืองคาโกชิม่า (Kagoshima) สวยจังเลย ปูหญ้าแบบนี้แล้วทำให้ทัศนียภาพสวยขึ้นพันเปอร์เซนต์ ไอเดียเค้าดีจัง จุดหมายหลักในการมาคาโกชิม่าคือมาแช่ทรายร้อนที่เมือง Ibusuki เลยจ้า สำเร็จภาระกิจก็ย้ายเมืองต่อได้ อิอิ
M I Y A Z A K I Takachiho Gorge เป็นช่องผาลึกที่เกิดจาการกัดเซาะของแม่น้ำ gokase ที่นี่สามารถเดินทางจาก Aso โดยนั่งรถไฟมาต่อรถบัสแค่ 2 ชั่วโมง และสามารถนั่งรถบัสกลับสถานี Kumamoto ได้เลยแต่เราชอบของยากขอนั่งรถสองสามต่อจาก Miyazaki ไปต่อรถบัสที่ Nobeoka เพื่อไป Takachiho ไปกันหลายต่อเดินทางไกลหน่อยแต่คุ้มค่าค่ะ อ้อ ถ้าจะนั่งรถเล่นชมวิวแบบนี้ให้ซื้อตั๋ว bus day pass ที่ Nobeoka bus center ไปกลับ 1800 เยนค่ะ ตั๋วนี้จะรวม bus excursion แวะเที่ยวศาลเจ้าและนั่งฟรีไป Takachiho gorge ได้อีก แต่ถ้าซื้อเที่ยวเดียวราคา 1790 เยน ซึ่งแพงมาก แนะนำให้ซื้อเป็น day pass จะคุ้มกว่ามาก
Sun Messe Nichinan ตั้งใจมาที่นี่เพราะรูปปั้นหินโมอายทั้ง 7 ตัวที่สร้างใหม่ตามแบบของเกาะอีสเตอร์ในชิลีนี่แหล่ะ ไม่มีเหตุผลอื่นเลย อิอิ ซึ่งสวนแห่งนี้ได้รับอนุญาตจากหมู่เกาะ Easter ประเทศชิลีที่เป็นสถานที่ดั้งเดิมของรูปปั้นโมอายให้ทำการสร้างเลียนแบบได้เป็นแห่งเดียวในโลกน่ะจ๊ะ เพราะฉะนั้นใครไปไม่ถึงเกาะอิสเตอร์ซักที มาที่นี่แทนก็ได้ อิอิ การเดินทาง ...... ลืมสายรถเมล์แล้ว ฮ่าๆๆ แต่นั่งรถเมล์ตรงจากสถานมิยาซากิได้เลยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถ้างงงวยก็เดินถือรูปเข้าไปถามออฟฟิศดูแล้วบอกว่า จะไป Sun Messe เค้าก็จะบอก เจ้าหน้าที่ที่นี่พอสื่อสารภ.อังกฤษได้ค่ะ เค้าจะบอกให้เราไปรอที่ป้ายไหน อย่างไร ไม่ยากค่ะ (ไม่รู้คำตอบจะได้ช่วยได้มั้ย แต่ตัวเองทำแบบนี้ค่ะ อิอิ)
ศาลเจ้ายูโดะ (Udo Jingo) อยู่ที่ชายฝั่งทะเลนิชินาน(Nichinan) ทางตอนใต้ของมิยาซากิ ถูกสร้างขึ้นเพื่อบิดาของจักรพรรดิองค์แรกของญี่ปุ่น ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่แตกต่างจากศาลเข้าที่อื่น คือสร้างฝังตัวอยู่ในถ้ำริมหน้าผา หันหน้าออกทะเลทำให้ได้วิวทิวทัศน์ที่งดงามมาก การเดินทาง ใช้วิธีเดียวกับ Sun Messe ด้านบน เพราะอยู่เลยมาอีกป้ายเดียวค่ะ ให้ลงที่ป้าย Udo Jingu Iriguchi ค่ะ
B E P P U เบปปุ เมืองแห่งน้ำพุร้อน มาทั้งทีต้องไปบ่อนรก(Jigoku Meguri) ทั้ง 8 ให้ครบ ซึ่งไปมาครบแล้วค่ะเย้ ไปถึงก็ซื้อ Beppu Free Pass ราคา 900 เยน ในการขึ้นรถบัส เที่ยวในตัวเมืองเบปปุและบ่อน้ำพุร้อนทั้ง 8 เดินเที่ยวกัน 2 ชุด (1-6 และ 7-8) ที่นี่เที่ยวง่ายมีเวลาแค่สามสี่ชม.ก็ไปได้ครบแล้วค่ะ ขบวนรถไฟในฝัน Yufuin No Mori จาก Beppu to Hakata ต้องจองล่วงหน้ากันเป็นอาทิตย์เลยค่ะ แอดมินจองตั้งแต่ตอนอยู่ฟูกุโอกะกันเลย แต่ถ้าอยากนั่งแล้วจองไม่ทันก็นั่งระยะสั้นจาก Yufuin to Oita หรือ Beppu ได้ค่ะไม่ต้องจองก็มีโอกาสนั่งสูงมากๆๆ ลองมาแล้ว รถว่างมากๆๆเหมือนขบวนส่วนตัวเลย เราซื้อ JR ใหญ่ไป 14 วัน เวลาจองก็โชว์พาส บอกวันแล้วเค้าก็จองให้เลยค่ะ ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มซักบาท
Y U F U I N เมืองนี้คือเมืองที่อยากมาที่สุดในคิวชู ตลอดทริปอากาศไม่หนาวเอาซะเลย มาถึงที่นี่ปุ๊บ อากาศหนาวปั๊บ มีฝนปรอยๆบ้าง ไม่มีแดดแต่มีหมอกงามๆให้ชมกัน บรรยากาศชิลล์เมืองน่ารักมากๆเหมือนที่เรารู้ๆกัน 10 วันในคิวชู ขอบอกดังๆว่าชอบเมืองนี้มากที่สุด ตอนไปได้เห็นใบไม้แดงเหลืองบ้างแล้วแถวๆทะเลสาบ คิวชูมีให้เห็นกันแล้วนะคะ เที่ยวนานเลยกว่าจะได้เห็นกัน เอาให้ชัวร์ ต้องเดินกันสุดทางถึงทะเลสาบกันเลย
บ๊ายบายคิวชูแล้วค่ะ อยู่กันมา 10 วัน ครั้งนี้เป็นการมาญี่ปุ่นเป็นครั้งที่ 9 แต่เพิ่งมาคิวชูครั้งแรก เกาะนี้สดใหม่และมีอะไรดีกว่าที่คิด ชอบเที่ยวเมืองเล็กๆเงียบสงบไม่พลุกพล่านแบบนี้ เมืองต้องห้ามพลาดของญี่ปุ่นชัดๆ และแม้คิวชูจะไม่ใช่จุดหมายหลักในการมาชมใบไม้เปลี่ยนสี แต่ที่นี่ก็มีอะไรน่าสนใจไม่น้อยค่ะ และทุกเมืองที่ไปล้วนมีเสน่ห์น่าหลงใหลต่างกันไป ทริปนี้เที่ยวเป็นวงกลมลูปใหญ่ลงใต้ลึกเลย เริ่มจากบินมาโอซาก้า นั่งชินฯไปฮิโรชิมา เกาะมิยาจิมะ ต่อมาฟูกุโอกะ นางาซากิ คุมาโมโต้ คาโกชิม่า มิยาซากิ ยูฟูอินและเบปปุก่อนจะนั่งชินฯไปโอซาก้าในวันนี้ แม้ทริปนี้สภาพอากาศจะไม่อำนวยถ่ายรูปได้ไม่มากแต่ก็สนุกได้รสชาติการเดืนทางไปอีกแบบ การมาเที่ยวคนเดียวที่ญี่ปุ่นมันไม่ยากเลยน่ะ ทุกคนทำได้ เพราะเราเองก็มีข้อจำกัดในการเดินทางมากอยู่ ขอไม่ลุยไม่โหดจนเกินไป ขอกินดีนอนสบายสะอาดสะอ้าน แม้จะชินกับการขับรถเที่ยวมากกว่าเที่ยวแบบแบ็คแพ็คเกอร์ แต่เราก็เริ่มชีวิตการเดินทางด้วยการแบกเป้เที่ยว ลุยเดี่ยวหลงไปงมไปแบบนี้ล่ะค่ะ อิอิ เดี๋ยวมาต่อ 3 เมืองในคันไซในตอนหน้านะคะ ^^
Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2559 |
|
8 comments |
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2559 10:10:04 น. |
Counter : 3025 Pageviews. |
|
|
|