ต้น กุยช่าย

เป็นผักที่แทบไม่มีแมลงรบกวน อายุก็ยืน ทนอดน้ำได้ดีอีกด้วย เหมาะกับคนเลือดจาง กระดูกพรุน คลื่นไส้เพราะกระเพาะอาหารไม่ดี เอาผัดกับไข่ขาวกินจะช่วยล้างเลือดขาวออกจากร่างกาย

คนส่วนใหญ่นิยมรับประทานกุยช่ายแบบสดๆ กับก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ผัดรับประทานกับข้าวสวย หรือนำมาทำเป็นขนมกุยช่ายที่เรารู้จักกัน
ใบ มี Sulfide พวก Glycoside และสารที่มีรสขม นอกจากนี้ยังมีวิตามินเอ บี ซี โปรตีน สารพวกต่อต้านปฏิชีวนะซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคและช่วยปรุงแต่งรสอาหารให้อร่อย


ต้นที่บ้านชื่อกุ่ยช่ายแบบที่มีหัวติดมาด้วย ทีแรกเป็นหัวอ่อนๆก็ปลูกเกิด ตัดใบเอาไปกิน เหลือหัวเอามาปลูก จนใบยาวเพิ่มก็ตัดใบมาทำอาหารเรื่อย





สรรพคุณ

ใบกุยช่าย
มีคุณสมบัติร้อน รสเผ็ด สรรพคุณแก้อาการแน่นหน้าอก อาเจียนเป็นเลือด เลือดกำเดาออก ปัสสาวะเป็นเลือด บิด ริดสีดวงทวาร พลัดตกหกล้ม ช้ำใน แมลงและแมงป่องกัดต่อย

ใบ และรากกุยช่าย แม้จะมีสรรพคุณเหมือนกัน แต่ใบมีฤทธิ์กระจายห้อเลือด โดยใช้น้ำที่คั้นจากใบดื่ม แต่รากจะออกฤทธิ์ในบริเวณขาได้ดีกว่า นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ห้ามเหงื่ออีกด้วย
- แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม และแก้ท้องผูก โดยใช้ใบสดตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำดื่ม หรือนำไปผัดรับประทาน เพราะกุยช่ายมีใยอาหารมาก จึงช่วยกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวได้ดี

- แก้อาการฟกช้ำ โดยใช้ใบสดตำละเอียดพอกบริเวณที่เป็น บรรเทาปวดและแก้อาการห้อเลือดได้
- แก้อาการปัสสาวะกะปริบกะปรอย โดยใช้เมล็ดแห้งต้มรับประทาน หรือจะทำเป็นยาเม็ดหรือยาผงรับประทาน
- รักษาโรคหูน้ำหนวก โดยใช้น้ำที่คั้นได้จากใบสดทาในรูหู - บำรุงน้ำนม คนไทยโบราณเชื่อว่าแม่ลูกอ่อนกินแกงเลียงใส่ผักหอมแป้นหรือกุยช่ายจะช่วยบำรุงน้ำนมได้ดี

เมล็ด
กุยช่าย มีสรรพคุณใช้รักษาระดูขาว ปัสสาวะมากผิดปกติ






ดอกตูม





ตำรับยา (ในทรรศนะจีน)

1. ห้อเลือดบริเวณท้อง : กินน้ำคั้นจากกุยช่ายจำนวนพอควร(แล้วแต่อาการความรุนแรงของโรค)
2. แมลงเข้ารูหู : คั้นเอาน้ำจากกุยช่ายหยอดหู แมลงจะวิ่งออกมา (ต้องตะแคงหูขึ้น)
3. พลัดตกหกล้มหรือเคล็ดขัดยอก : กุยช่ายสด 3 ส่วน แป้ง 1 ส่วน ตำให้แหลกและคลุกเคล้ากัน พอกบริเวณที่เป็น วันละ 2 ครั้ง
หรือ ใช้กุยช่ายสดล้างให้สะอาด ตำให้แหลก เติมเกลือเข้าไปเล็กน้อย แล้วนำไปพอกบริเวณที่เป็น ถ้าเป็นน้อยๆ พอกครั้งเดียวก็หาย ถ้าหนักต้องพอกหลายครั้ง
หมายเหตุ : ถ้าเป็นแผลไม่ควรพอก
4. อาเจียน : ใช้น้ำสดครึ่งแก้ว เติมน้ำคั้นจากกุยช่าย 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำขิงสักเล็กน้อยอุ่นให้ร้อนแล้วกิน

ข้อควรระวัง
ไม่ควรกินกุยช่ายมาก หรือกินหลังจากดื่มเหล้า สำหรับผู้ที่ระบบการย่อยไม่ดี ไม่ควรกินกุยช่าย เพราะกุยช่ายมีเส้นใยมากทำให้ย่อยยาก ถ้ากินมากเส้นใยจะกระตุ้นลำไส้ ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวมากขึ้น เป็นเหตุให้ ท้องเสีย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ควรกินกุยช่ายแก่ เพราะกุยช่ายยิ่งแก่ก็ยิ่งมีเส้นใยมากและยิ่งเหนียว ทำให้ยิ่งย่อยยาก


การขยายพันธุ์

เพาะเมล็ด แบ่งเหง้าสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม สามารถเจริญเติบโตได้ดีในที่ดินชื้น

ต้นในกระถางได้หัวมาจากเพื่อนในเนตคุณ Supatka ส่งมาให้ก่อนไปเจอที่ตลาด รู้สึกจะโตช้ากว่าของแม่ค้า น่าจะเป็นที่สายพันธุ์









ดอกบานน่ารัก





วิธีทำกุ่ยช่ายขาว

กุ่ยช่ายขาวราคาสูงถึงกิโลกรัม 150 บาท ขณะที่กุยช่ายเขียวจำหน่ายได้กิโลกรัมละ 25 บาท

*** หาอะไรมาคลุมไว้ไม่ให้โดนแสง ไม่ให้สร้างคลอโรฟิลด์ก็เลยออกมาเป็นสีเหลืองซีด คุณสมบัติก็ยังเหมือนกับกุยช่ายสีเขียว แต่ความอร่อยต่างหากที่เพิ่มขึ้น จนกลายเป็นอาหารยอดนิยมประจำร้านข้าวต้ม กุยช่ายขาวผัดหมูกรอบ กุยช่ายขาวผัดปลาเค็ม
คงเหมือนกับปลูกหน่อไม้ฝรั่ง คือไม่ได้โดนแสงสักระยะก็จะได้สีเป็นสีขาว หรือจางลง ส่วนเรื่องคุณค่าทางอาหาร ก็จะมีมากมีน้อยกว่าเดิมไม่เท่ากัน

*** วิธีการผลิตกุยช่ายขาวและกุยช่ายเขียว อย่าให้น้ำมากเกินเพราะเน่าง่ายแต่ก็อย่าให้แห้ง โดยเฉลี่ยรด 2 วัน/ครั้งแล้ว ก็ตัดต้นกุยช่ายเขียวจำหน่าย
หลังจากตัด 1วัน ครอบด้วยกระถางดินเผา รดน้ำทุกวัน แต่ห้ามใส่ปุ๋ย หลังจากนั้น 15 วันก็จะได้กุยช่ายขาว

หลังจากตัดกุยช่ายขาว 30 วันก็จะสามารถตัดกุยช่ายเขียว ทำสลับกันไปเรื่อยห้ามผลิตกุยช่ายขาวติดต่อกันเพราะหัวจะเน่าเนื่องจากไม่มีการสังเคราะห์แสงไม่มีอาหาร

หลังจากนั้น 2- 3 ปีรื้อแปลงปลูกใหม่ดูว่าจะรื้อแปลงตอนไหนก็ให้สังเกตว่าถ้าต้นยังโตและ สมบูรณ์ก็ยังไม่ต้องรื้อ ถ้าต้นเล็กไม่ค่อยสมบูรณ์ก็รื้อปลูกใหม่ กุยช่ายขาวใน 1 กอจะมีน้ำหนักมากกว่ากุยช่ายเขียวเท่าตัว


***ใช้กระถางดินเผาขนาดโตประมาณ 8 - 10 นิ้ว สูงประมาณ 12 นิ้วหรือ 1 ฟุต ทรงกลมแต่ก้นกระถางจะไม่มีรูระบายน้ำเหมือนกระถางที่ใช้ปลูกต้นไม้ทั่วไป หลังจากตัดแต่งให้ต้นสั้นเหลือหน่อยเดียวใส่ปุ๋ยรดน้ำแล้วครอบเลย แล้วรดน้ำรอให้แตกใบอ่อนใหม่ ใบที่แตกใหม่ขึ้นมาจะมีสีขาว
แล้วก็เปิดกระถางครอบตัดเอาไปขาย
ถ้าใช้ถุงดำครอบก็ได้กุ๋ยช่ายสุกพอดีถุงดำน่าจะร้อน



ที่มาของข้อมูล
//www.thaihealth.or.th/node/1837

//www.doctor.or.th/node/5297

//gotoknow.org/blog/kitikantkpp/152043

Create Date : 08 กันยายน 2552		0 comments
Last Update : 30 สิงหาคม 2559 20:50:27 น.
Counter : 3663 Pageviews.
Share Tweet