Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
3 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
มาริโมะ นำโชค ความรัก ความสุข

เลี้ยงมาได้สักพักแล้วตั้งแต่เขาเริ่มเห่อจนเริ่มซาแระพึ่งได้มาอัพ จนปัจจุบันนี้ยังรอดเขียวน่ารักดีอยู่
รวบรวมข้อมูลไว้ตั้งแต่เริ่มหัดเลี้ยง




มาริโมะมีมานานแล้ว แต่ไม่ฮิตเท่าช่วงนี้เท่านั้นเอง ความจริงก็ไม่ได้มีแต่ที่ญี่ปุ่นเท่านั้น ฝั่งยุโรปก็มี เมื่อมันโตมากๆแล้วแตก มันจะเป็นเศษๆออกมาแล้วกลิ้งๆ ไปโตไปจนเป็นก้อนกลมๆ เพราะฉนั้นที่เป็นก้อนเล็กๆจึงเกิดจากการปั้นขึ้นมาจากเศษมาริโมะจริงๆ แต่เลี้ยงไปสักพักมันก็จะค่อยๆเข้ารูปร่าง กลมเอง
วิธีเลี้ยงจึงเป็นการเลี้ยงแบบไม้น้ำ มีแสง และอย่าให้น้ำร้อนมากเท่านั้นเอง


มาริโมะ อันเป็นของฝากชื่อดังจากเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ขึ้นชื่อว่าเป็น ของล้ำค่าของเกาะฮอกไกโด เพราะ เอกลักษณ์ที่แปลกและมีความน่ารักเฉพาะตัว อีกทั้งยังหาได้ไม่กี่ที่ในโลก
เป็นสาหร่ายน้ำจืดสีเขียวที่มี ลักษณะเป็นก้อนกลม ๆ อาศัยอยู่ใน ทะเลสาบอะคัง ที่เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เป็นพืชที่ สามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการ สังเคราะห์แสงนั่นเอง

มีขนาดใหญ่ที่สุดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 25 เซนติเมตร เชื่อกันว่า มาริโมะ สามารถเติบโตได้เพียงปีละ 1 เซนติเมตรเท่านั้น
มาริโมะแต่ละลูก ในธรรมชาตินั้นมีอายุยืนยาวได้ถึง 200 ปี

ชาวญี่ปุ่นเขาถือว่า เจ้ามาริโมะนี้เป็นเครื่องรางนำโชคที่จะนําพาความโชคดี ความรัก และ ความสุขมาให้แก่คนที่เลี้ยง ถ้าเลี้ยงดูมาริโมะด้วยความรัก และความเอาใจใส่ มาริโมะจะ ช่วยทําให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนาได้ จึงนิยมเรียกมาริโมะว่าLuckyBall

เชื่อว่ามาริโมะคือตัวแทนของความรักที่สมหวัง จากตำนานของ ลูกสาวหัวหน้าชนเผ่าแห่งทะเลสาบอะคังที่เกิดไปตกหลุมรักกับหนุ่มชาวบ้าน แต่พ่อกับแม่ของทั้งคู่ไม่เห็นด้วย ทั้งสองจึงหนีไปด้วยกันและกลาย เป็ นมาริโมะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข มาริโมะจึงเป็นต้นไม้แห่งความรัก ตั้งแต่นั้น

มาริโมะที่นำมาขายในขวดแก้วนั้นไม่ใช่มาริโมะของแท้ที่ไปเอามาจากทะเลสาป หากแต่เป็นมาริโมะที่สังเคราะห์จากมนุษย์ เนื่องจากเหตุผลหลายๆสาเหตุที่ทำให้จำนวนมาริโมะลดลงอย่างต่อเนื่องทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นออกคำสั่งห้ามนำมาริโมะขึ้นมาจากทะเลสาบ Akan เขาบอกว่านำมาจากสถาบันวิจัยมาริโมะที่รับมาขายจากญี่ปุ่น ที่เอามาขายทุกวันนี้เกิดจากการเพาะพันธุ์แล้วเอามาขาย



ตอนที่ได้มาครั้งแรกขนาด 4 cm.


- มาริโมะสามารถอยู่ในที่ๆ ไม่มีน้ำได้(ชื้นๆ) ประมาณ 3 - 4 อาทิตย์




ถ้าของแท้ขนมันจะเป็นเมือนขนสุนัข หรือแมว อัดแน่น ถ้าเป็นลูกใหญ่ขนก็จะฟูนุ่มทั้งลูก
เส้นใยจะต้องเป็นเส้นตรงไป หงิกงอไปมา ขนที่ยื่นออกมาควรสั้นเกรียนเหมือนกับกำมะหยี่
ลองบีบเบาๆดูก็ได้ ถ้าเป็นของแท้จะพองตัวกลับมาเป็นลูกกลมๆเหมือนสภาพเดิม
เอาไปตั้งที่มีแสงรำไรถ้าคายฟองก็แสดงว่าแท้

ถ้าของปลอมเค้าจะเอาตะไคร่น้ำธรรมดามาปั้นเป็นเป็นก้อน ปั้นได้แปปเดียวมันก็คลายตัว เลี้ยงไปเรื่อยขนก็จะหลุด
แต่ถ้าบีบน้ำออกแล้วไม่พองตัวเหมือนเดิมแต่แบน


ขนาดอุ้งมือน่ารักปุกปุยกำลังน่ากำดี





เริ่มแรกเอาไปแช่น้ำให้พองและล้างฝุ่นออก






วิธีการเลี้ยงดูที่ถูกต้องสำหรับมาริโมะ Moss ballไม่ยากเลย แค่มีขวดโหล แก้ว หรือตู้ปลาใส่น้ำเปล่าสะอาด ๆ ก็สามารถเลี้ยงได้แล้ว และของประดับตกแต่งบ้านมาริโมะกระจุกกระจิกพอน่ารักสวยงาม พวกหิน ปะการัง กิ่งไม้ หรือชอบมาริโมะล้วนๆ ใส่แค่น้ำก็พอแล้วและคอยเปลี่ยนน้ำใหม่เรื่อย ๆ


เลี้ยงใหม่ ๆ แมว งง ก้อนอุไรหว่ะ คุงแม่เห่อกว่าเค้าอีก




- มาริโมะไม่ต้องเลี้ยงในน้ำเย็นมากก็ได้ เค้าสามารถอาศัยอยู่ในน้ำที่มีอุณหภูมิสูงไม่เกิน 30 องศา ถ้าเกินกว่านี้ขนเค้าจะเริ่มร่วงและกลายเป็นสีน้ำตาล
แต่ถ้าน้ำเย็นจะโตเร็วหน่อย มาริโมะเป็นพืชที่ชอบน้ำสะอาด หากตั้งมาริโมะไว้ในอุณหภูมิห้องปกติควรเปลี่ยนน้ำสะอาดทุก ๆ 1-2 สัปดาห์ครั้ง โดยในฤดูร้อนอาจต้องเปลี่ยนน้ำบ่อยกว่าในช่วงฤดูหนาว แต่อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตนั้นจะอยู่ที่น้อยกว่า 25 องศาเซลเซียส จะเจริญเติบโตได้ดีในน้ำที่มีอุณหภูมิ 15-20 องศาแต่สามารถอยู่ได้ใน ต้องการแสงแดดอ่อนๆในการสังเคราะห์แสงเหมือนพืชอื่นๆ ทั่วไปแต่จะมีความพิเศษตรงที่เมื่อสังเคราะห์แสงมาริโมะจะคายฟองอากาศเล็กๆรอบๆตัว และถ้ามากพอมาริโมะจะลอยตัวขึ้นเหนือน้ำ
มาริโมะ ชอบน้ำเย็น สามารถใส่น้ำแข็งหรือน้ำจากตู้เย็นได้

- อยากให้สวยเร็วต้องเลี้ยงในน้ำเย็นที่อุณภูมิ 25 องศาก็สวยและโตไว
ถ้าแกะออกแล้วปั้นใหม่เอามาอยู่ที่น้ำเย็นๆมันจะฟื้นตัวได้






- สภาวะปกติของมาริโมะ คือจม แต่จะลอยขึ้นเมื่อสังเคราะห์แสง โดยจะมีฟองอากาศเล็กๆ รอบๆ
เมื่อมาริโมะโดนแสงที่มีความเหมาะสมและปริมาณแร่ธาตุและคาร์บอนไดออกไซด์ละลายอยู่ในน้ำเหมาะสม เค้าอาจจะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำได้เป็นเรื่องปกติเนื่องจากพืชเวลาสังเคราะห์แสงจะคายก๊าซออกซิเจนออกมา

- ถ้าแสงไฟ ตอนเปิดแสงมันจะลอยขึ้นผิวน้ำ เป็นเรื่องปกติเพราะเนื้อข้างในมันคายออกซิเจนออกมา ปิดไฟมันก็จมลงไปใหม่


มาริโมะกำลังลอยตัวตุ๊บป่อง
มีเทอโมมิเตอร์วัดอุณหภูมิ ชอบอุณหภมูิ 20 กว่าองศา สามารถเอาน้ำแข็งใส่ลงในน้ำได้





มาริโมะลอย และมีฟองอากาศ









ฟองอากาศบางฟองลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ




ฟองอากาศเห็นแบบชัดๆ





ชอบดูฟองอากาศดููเพลิน ฟินนนนเลย





- มาริโมะ สามารถอยู่ในสภาวะที่ไม่มีแสงได้ ชอบแสงน้อยๆ เพราะปกติมันอยู่น้ำลึกๆ เพราะต้องการแสงน้อย
แสงมากไม่ดี โดนแสงอาทิตย์เต็มๆ อาจตายได้ ห้ามโดนแสงแดดแรงๆ โดยตรง ชอบแสงอ่อนๆ แสงแดดที่ไม่แรงเช่นแสงแดดยามเช้า แสงแดดที่ผ่านหลังผ้าม่าน เนื่องจากในธรรมชาติเค้า
อยู่ในทะเลสาปที่น้ำลึกพอสมควรดังนั้นปริมาณแสงที่เค้าได้รับก็จะไม่มาก
แต่ก็ต้องการปุ๋ย คาร์บอน เหมือนไม้น้ำทั่วๆไป

- ฟองจะเต็มตัวหลังจากเข้าตู้เย็นแล้ว พอตอนเย็นหรือตอนเช้า
เอามารับแสง ถ้ามาริโมะสีซีดขาวแสดงว่าโดนแสงมากไป

- การที่มาริโมะจะเขียวและขนฟูสดใสได้ เกิดจากการที่มาริโมะสุขภาพดี ซึ่งเหมือนพืชทั่วๆไปคือ ได้รับอาหาร และ สภาวะการเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับพืชชนิดนั้นๆ มาริโมะ สร้างอาหารจากการสังเคราะห์แสงเหมือนพืชทั่วไป

- การฟอกขาวเกิดจากการที่มาริโมะได้รับแสงมากเกินไปวิธีแก้ก็คือเติมเกลือลงไปและลดจำนวนแสงให้น้อยลง จากนั้นก็รอจนกว่ามาริโมะกลับคืนสู่สภาพเดิมอีกนานเลย

- มาริโมะก็ไม่สบายได้ ดูจากขนมันจะเป็นสีเหลืองหรือน้ำตาล เพราะผิดสมดุลเกลือแร่ และสมดุลแบคทีเรีย แก้โดยเอามือถูส่วนที่เปลี่ยนสีออกเบาๆ แล้วเติมเกลือทะเลลงไป 5% น้ำกระด้าง และถ้าเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทั้งก้อน คือ มาริโมะตายแล้ว





- ทุกครั้งเมื่อเปลี่ยนน้ำทำความสะอาดถ้าเป็นไปได้ควรนำมากลิ้งบนมือและบีบเบาๆ เพื่อรักษารูปร่างเค้าให้กลมอยู่เสมอ
เนื่องจากปกติตามธรรมชาติมาริโมะอาศัยอยู่ในทะเลสาปที่มีกระแสน้ำวนทำให้ตัวเค้าได้เคลื่อนที่หรือกลิ้งไปมาตลอด การนำเค้ามาเลี้ยงในน้ำนิ่งจึงต้องช่วยเค้านิดหน่อย

- มาริโมะชอบน้ำที่มี pH ประมาณ 6.8-7.5 น้ำประปาบ้านเราส่วนใหญ่ก็มี pH ในระดับนี้ซึ่งเหมาะสมที่จะนำมาใช้เลี้ยงเค้าได้ แต่สำหรับใครที่คิดว่าน้ำประปาบ้านตนเองเป็นกรดเกิดไปก็อาจจะใส่พวกเศษประการังลงไปในโหลที่ใช้เลี้ยงเค้าก็จะช่วยทำให้น้ำกระด้าง (pHสูงขึ้น)ได้

- การให้คาร์บอนกับมาริโมะที่ทำกันมีหลายวิธี
การเติมน้ำโซดา (น้ำที่อัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เอาไว้)
ข้อดี : สะดวกรวดเร็ว, ได้เห็นมาริโมะลอย (แต่ไม่ได้ลอยจากการคายฟองออกซิเจนของตัวเค้าเอง เค้าลอยเพราะ
ฟองคาร์บอนในน้ำโซดามันดันตัวเค้าให้ลอย)
ข้อเสีย : น้ำโซดามีฤทธิ์เป็นกรดคาร์บอนิก (H2CO3) แต่น้องมาริโมะเค้าชอบน้ำที่เป็นด่างอ่อนๆดังนั้นเติมมากๆ ก็ไม่ดีแน่นอน

- สามารถปิดฝาภาชนะที่ใส่มาริโมะได้

- ห้ามเลี้ยงกับปลาบางประเภท เช่นปลาทองและ ปลากินพืชบางชนิด เดี๋ยวจะกินขนมาริโมะหมดนะซิ

- การขยายพันธุ์ ต้องปล่อยให้มันสร้างก้อนเล็กๆขึ้นมาเอง แล้วหลุดออกมา อย่าไปแบ่งครึ่ง มีสิทธิตายสูง หากแบ่งไปแล้วต้องปั้นมันให้กลับมากลมเหมือนเดิม ไม่ต้องไปเร่งมัน ปล่อยมันขยายของมันเองดีกว่า
ถ้ามาริโมะ มีติ่งหลุดออกมา หรือปูดออกมาจากลูกเดิม ไม่ต้องกังวล มาริโมะอาจกำลังแยกตัว

เลี้ยงในขวดโหลใหญ่เผื่อมาริโมะคลอดลูก





ก้อนเล็กซื้อมาต่างหากไม่ใช่ลูกนะ





เวบนี้วาดอธิบายน่ารักดี


//aqua.c1ub.net/forum/index.php?topic=246628.0

https://www.youtube.com/watch?v=pVwG1F0gr8s







Create Date : 03 กันยายน 2557
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2558 14:29:50 น. 0 comments
Counter : 10027 Pageviews.

ใจรัก Jairuk Channel
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 91 คน [?]








ติดตามดูต่อที่YouTube

ใจรักJairukChannel



ติดตามดูต่อที่Facebook

ใจรักJairukChannel



แนะนำให้ชม

บัวหิมะ
บัวหิมะ
วิธีเลี้ยงบัวหิมะ
เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน
บั้งไฟพญานาคที่ไปดูมา
ติดอันดับTOP Page Views
อาหารและการดูแลสุขภาพ ผู้ป่วยมะเร็งและคนทั่วไป
เที่ยวขอนแก่น
Michael Jackson
คอนเสิร์ตบอย Peacemaker
คลิปเจ้าขุน
การกลับมาของX Japan

ท่องเที่ยว

UFOที่เคยเห็น
บั้งไฟพญานาคที่ไปดูมา
หาดใหญ่และปัตตานี
ไข่มุกอันดามัน
อะ พีพี
เกนติ้ง
กัวลาลัมเปอร์
หาลิงเข้าถ้ำทะเลภูเขาเลยจ้า นอนดูหมอกที่ปราจีนบุรี
เที่ยวปราจีนบุรีต่อ
เลยจะถึงไหมละนี่
พักค้างแรมที่เลย
เลยจนเกือบถึงลาว
ขุดกรุเขื่อนป่าสัก
บึงแก่นนคร ขอนแก่น
พระธาตุขามแก่น
เดินทางไปลพบุรี
กินข้าวอิงภูชัยภูมิ
ลาว เวียงจันทร์
ลาว2
ปิดทริปเที่ยวลาว
ล่องเรือเจ้าพระยา
รถไฟลอยฟ้า ฟ้า ไทย
รถไฟใต้ดินไทย
ทะเลน้ำจืดหาดวังโกขอนแก่น บ้านปราสาทโคราช
วังน้ำเขียวโคราช
ชอปปิ้งหนองคาย
ตัวเมืองขอนแก่น
น้ำผุดทับลาว ชัยภูมิ
สนามหลวง2
ไปดูงานศิลป
สายน้ำกับปลาที่ไปปล่อย
งานExpro
เขื่อนอุบลรัตน์
เที่ยวป่าวัดพรไพรวัลย์
ล่องแพอ่างเก็บน้ำห้วยไร่
ทะเลหมอกภูพานน้อย
วัดเจดีย์ชัยมงคล
ครั้งหนึ่งที่เคยโบกรถ
น้ำหนาว,เพชรบูรณ์
พระพุทธชินราช,พระธาตุลำปางหลวง
น้ำพุร้อน,วัดร่องขุ่น
มหาลัยแม่ฟ้าหลวง,น้ำตกก้างปลา
เวียงแก่น,ภูชี้ฟ้า
ดอยแม่สลอง
อุทยานฯขุนแจ
สวนโลกราชพฤกษ์
วัดเจดีย์7ยอด,วัดเจดีย์หลวง
ดอยสุเทพ,ทุ่งสแลงหลวง
โครงการครูบ้านนอก
วัดหลวงพ่อโตใหญ่ที่สุดในโลก
ที่พักปากช่อง
เลย-ลาว-ท่าลี่
ถึงระยองแล้วจ้า
ทะเลตอนเช้า
งานเที่ยวภาคใต้






Friends' blogs
[Add ใจรัก Jairuk Channel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.