บล็อก- blog เปรียบเสมือนสมุดไดอารี่เล่มใหญ่ที่สุดของผม
|
|||
นิยาย " ม.ปลาย วุ่นวายรัก " โดย เหมชาติ ทอง -- ( ตอนที่ 7. ) 7. . รถเก๋งหรู ใหม่เอี่ยมขับช้าๆ เข้ามา ในบริเวณโรงเรียน . หน้าตารถที่ดูโฉบเฉี่ยว ไม่คุ้นตา ทำให้ทุกคนพากันเหลียวมอง ด้วยความ อยากรู้ . ว่าใครเอ่ย -เข้ามาในโรงเรียน . . พอจอดแล้ว คนที่ก้าวลงมาเป็น สุภาพสตรีวัยกลางคนคนนึง แต่งกาย ภูมิฐาน . และหนุ่มน้อยคนขับ หน้าตาดี ในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ . . พากันเดินมาสวัสดีคุณครูแถวนั้น คุยกันแป๊บๆ ก็ถูกเชิญไปนั่งรอธุระที่ เก้าอี้รับแขกในห้องปกครอง . * * * * * * * * * . . " ขออภัยอาจารย์ทุกท่านที่กำลัง สอนนะคะ . บุษบัน เตวราฯ -(ขอสงวนคำที่เหลือ) ม. 5/1 . ให้มาพบญาติที่ห้องปกครอง . ตอนนี้เลยค่ะ " . . เป็นประกาศแทรกการเรียนการสอน แสดงว่า ต้องเป็นธุระสำคัญจริงๆ . . " ย่าเอียด " . . เดย์หันมาบอกย้ำแก่บุษบัน . . " เขาประกาศชื่อหล่อนค่ะ " . . ย่าเอียด เป็นคำเรียกของภาษาเหนือ ซึ่งก็คือยายเอียด หรือยัยเอียด ของทาง ภาคกลางนั่นเอง . เพราะทางเหนือจะเอาคำว่า "ปู่-ย่า" มาใช้ ไม่เอาคำว่า "ตา-ยาย" . . อย่างพงษ์ หรือโยธา ก็จะเป็น ปู่พงษ์ ปู่โย ไม่ใช่ ตาพงษ์-ตาโย . อีตาคนนี้ มันยังไงกัน ? จะพูดเป็น ปู่นี้ มันอย่างไย-หา ? . ยัยนี่ ท่าจะโง่ -- ก็จะพูดว่า ย่านี้ สีท่าจะง่าว . -- แบบนั้น . . เอียดยกมือไหว้ ขออนุญาต อ. ปัญญา ที่กำลังสอน เดินออกห้องเรียน . มีโยธามองตามหลังไป . . มีใครมาหาเอียดเหรอ ? . - อยากไปดูด้วยจัง . . * * * * * * * * . . " เอียดมาแล้ว-- . เอียด - . จำป้าเกดได้ไหม ? " . . พอบุษบันเดินเข้าห้องปกครอง สตรีผู้นั้นก็ร้องทักเธออย่างดีใจ . . บุษบันเห็น ก็จำได้เลย ว่าคนที่ มาหาเธอคือป้าเกด . หรือ ป้าเกศรา - ภรรยาลุงชนันท์ เพื่อนของพ่อ . และนั่น พี่เก่ง-ประลองพล ลูกชาย คนเดียวของป้าเกด . . ครูฝ่ายปกครองเห็นเอียดยกมือไหว้ คนที่มาหาทั้งสองคน และหันมาไหว้ตน ตามธรรมเนียมปฏิบัติของนักเรียน . ก็ถามยิ้มๆ . . " ป้าเหรอ บุษบัน ? " . . " ค่ะ -- . ป้าเป็นเพื่อนคุณพ่อค่ะ " . . " อ๋อ -- " . . ท่านจึงหันไปทางเกศรา ยิ้มให้ บอกว่า . . " เชิญตามสบายนะคะ . ดิฉันขอตัว-- " . . " ขอบคุณมากค่ะ อาจารย์ " . . เกศรา และประลองพลไหว้ขอบคุณ ครูฝ่ายปกครอง . ที่ตอนนี้ ผละไปนั่งที่มุมโต๊ะทำงาน ของตัวเอง ปล่อยให้ทุกคนได้สนทนา ส่วนตัวกัน . * * * * * * * * . . " เอียดดูซิ นี่ใคร . -- จำพี่เก่งได้ป๊ะ ? " . . " จำได้ค่ะ " . . เอียดตอบ . หนุ่มรุ่นพี่ที่นั่งอมยิ้ม ดูหล่อเหลากว่า เดิมมาก แต่ก็ยังมีเค้าเด็กชาย คนที่เคย เห็นกันมา . . เกศราบอกว่า ตอนนี้ เก่ง-ประลองพล กำลังเรียนคณะวิจิตรศิลป์ ปี 3 ที่มช . . ลุงชนันท์สามีของเกศรา บิดาของ ประลองพล เป็นเพื่อนทหารรุ่นพี่ของ พ่อบุษบัน . คบหา ถูกคอ จนซี้กัน ราวกับเป็น เพื่อนรุ่นราวคราวเดียว . . ลุงชนันท์เป็นคนนครศรีธรรมราช ส่วนป้าเกดเป็นสาวอัมพวา สมุทรสงคราม ป้าเกดจึงพูดใต้ไม่ได้ แต่ฟังออก . และก็พยายามหัดพูดใต้กับใครต่อใคร แต่ทุกคนฟังแล้ว จะตลกขำ เพราะป้าเกด พูดเป็นภาษาใต้ ปนๆ กับภาษากลาง . . จนมีบางคนแอบห้ามเกศรา ไม่ให้พูดใต้ อีก บอกว่า " ภาษามันจะสูญพ้น " . เกศราถามว่า ยังไงเหรอ ไม่เข้าใจ ? . เขาก็อธิบายว่า คือหมายถึง ภาษามันจะ ไปกันใหญ่ . เตลิดเปิดเปิง กู่ไม่กลับ -ไง . เกศราจึงเพลาๆ การพูดใต้ หันมาพูดกลาง เป็นหลักอย่างเดิม . . มีหลายครั้ง ที่ลุงชนันท์พาป้าเกดมา เที่ยวที่บ้านของบุษบัน และพาพี่เก่ง- ลูกชาย คนเดียวมาด้วย . พี่เก่งแก่กว่าเอียด 4 ปี เป็นเด็กชายเงียบๆ ขรึมๆ เหมือนพ่อ . . สองครอบครัว รู้จักสนิทสนมกันได้ร่วม 2 ปี และแล้ว ป้าเกดก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงชีวิต อย่างไม่ทันคาดคิด . นั่นคือ เมื่อสามปีที่แล้ว พี่เก่งกำลังจะ จบ ม.6 จากโรงเรียนสาธิตฯ มหาวิทยาลัย ของจังหวัดที่บ้านเอียด . ทุกคนช็อก - เพราะลุงชนันท์เสียชีวิต ถูกยิงหลายนัด จากเหตุการณ์ปะทะกันกับ ผู้ก่อการร้าย . ตอนนั้น เอียดกำลังเรียน ม.2 ยังไป ร่วมงานศพของลุงชนันท์ในชุดนักเรียน . รู้สึกสงสารป้าเกดกับพี่เก่งมากๆ สองแม่ ลูกกอดกัน ร้องไห้กลางพิธีงาน เมื่อเริ่มการ ฌาปนกิจ . . แล้วสักพัก ป้าเกดก็ตัดสินใจย้าย จากปักษ์ใต้ พาพี่เก่งกลับไปอยู่ที่บ้านเดิม ของท่านที่อัมพวา . จากนั้น ข่าวคราวของป้าเกด ก็ค่อยๆ เลือนหาย . จนต่อมาก็เหมือนจะเงียบไปเลย . * * * * * * * * . . " ตอนนี้ ป้าเกดมาอยู่ที่เชียงใหม่ แล้วค่ะ . พอดี พี่เก่ง เอนท์ฯ ติด มช . ป้าเลยตัดสินใจมาซื้อบ้านอยู่ที่นี่ ซะเลย . ไว้เดี๋ยว ป้าจะพาเอียดไปเที่ยวบ้าน ของป้านะคะ " . . เกศรากอดบุษบัน ลูบศีรษะเธอ อย่างเอ็นดูรักใคร่ . สามปีที่ผ่านมา หลานคนนี้โตขึ้น กลายเป็นเด็กสาวที่สวยเด่น สะดุดตา . . * * * * * * * . . " เอียดมาเรียนที่เชียงใหม่ ได้ไง " . . ประลองพลถามบุษบัน . ในใจนั้น นึกภาพเด็กหญิงเอียด ม.2 ที่แสนกะโปโลคนเดิมไม่ออกแล้ว เพราะ ตรงหน้า ตอนนี้ เอียดกลายเป็นคนสวยจัด หน้าตาคมขำ มีส่วนเค้าหน้าแม่ แต่ได้สูง โปร่ง สมสมัยจากพ่อ . . " อ๋อ - พอดีอานิด -น้องพ่อน่ะค่ะ ได้งานที่เชียงใหม่ . อานิดยังโสด ซื้อบ้านอยู่คนเดียว แม่เลยให้เอียดมาอยู่เป็นเพื่อนอานิด " . . " อ้าว- นิดมาอยู่เชียงใหม่เหรอ ? . โห- ดีจัง-- . ป้าจะได้มีเพื่อนคุยแระ " . . เกศราจำปณิศรา-น้องสาวของพ่อ บุษบันที่เธอก็เคยสนิทกันได้ . . " แล้วป้าเกดรู้ไงคะ . ว่าเอียดมาเรียนที่นี่ " . . ทีนี้ เกศราหัวเราะเลย . ชี้มาที่ประลองพล-ลูกชาย . . " นี่ - คนนี้เลย -- ที่รู้ " . . เก่งยิ้ม - แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้ ว่าเหตุที่ตนได้รู้ว่าบุษบันกำลังเรียน อยู่ที่นี่ คงไม่เหมาะที่จะคุยบอกกัน ตรงนี้ . . " เอ่อ - เดี๋ยวค่อยคุยที่รถต่อดีกว่า ครับแม่- . น้องเอียดต้องเรียนหนังสือ เดี๋ยวเรา ค่อยมาเยี่ยมใหม่ที่บ้านอานิดก็ได้ " . . " อ๋อ - จ้า " . . เกศราจึงหันไปหาครูฝ่ายปกครอง ยกมือไหว้ กล่าวขอบคุณ และลากลับ . . " เอียดไปส่งป้าที่รถด้วยกัน - ป้ามีของฝากหนู " . . เดินไปที่รถ ประลองพลก็บอกเอียด ว่ามีคนเอารูปเอียดมาให้ตนดูอย่างบังเอิญ . . " เพื่อนพี่ มันทำไซด์ไลน์-sideline เป็น โมเดลลิ่ง . มันชอบค้นดูภาพที่แชร์ในสื่อโซเชี่ยล ก็เจอรูปเอียด ทางเฟสบุคของโรงเรียน . ตอนถือป้าย งานกีฬาสี " . . เก่งเอามือถือมาเปิดหาภาพ เลื่อนหน้าจอไปมาสองสามที . แล้วก็ส่งให้เอียดดู . . เป็นภาพเธอ สงคราม และโยธา ในคอสตูมนาคี นั่นเอง . โรงเรียนเอาลงเผยแพร่ในเฟสบุค มีทั้งรูปเต็มตัว และโคลสอัพ คัดแล้ว ว่าอย่างโดนๆ . . " เพื่อนมันติดใจเอียด . -กับคนเนียะ " . . คนเนียะที่ว่า ก็คือโยธา . . " ก็เห็นว่า จะมาติดต่อเอียด กับ น้องอีกคนนี้อยู่นะ จะให้ไปลองแคสติ้ง ถ่ายโฆษณาแชมพู . เพื่อน-มันกำลังจะหาเด็กใหม่มาปั้น จะใช้ดารา ก็ค่าตัวแพงเหลือเกิน . -สู้ไม่ไหว " . . บุษบันฟังประลองพลบอก อดรู้สึก ตื่นเต้นประสาเด็กวัยรุ่นไม่ได้ . . " พี่ดูๆ - ทำไมหน้าเหมือนเอียด จังเลย แต่เอียดก็เรียนอยู่ที่ใต้ นู่น . แล้วนี่ มันเชียงใหม่ - . พี่เลยไลน์ไปให้แม่ดู ว่าใช่เอียด รึเปล่า? . แล้วพอพี่เข้าเฟสฯ ของโรงเรียน อ่านเจอที่เพื่อนๆ เอียดเข้ามาเม้นท์ เลยรู้ว่า ใช่เอียดจริงๆ ด้วย " . . บุษบันนึกถึงคอมเม้นท์-ความเห็น เพื่อนที่พี่เก่งบอก . คงเป็นเม้นท์ของแมงแน่เลย . . " เอียด- บุษบัน เตวราฯ-(ขอสงวนคำ ที่เหลือ) สาวใต้คนงาม เพื่อนเราเอง จร้า . แต้ว 2 -ใสๆ ในชุดนางพญานาคี . งามแต๊ะ งามว่า-- " . * * * * * * * * * * * . . เกศราหยิบถุงกระดาษใบโต ที่เบาะหลังของรถยนต์เก๋งคันงาม ส่งให้บุษบัน . ในนั้น มีขนมเค้กแบบต่างๆ บรรจุ ในกล่องสวยหลายชิ้น . . " ป้าซื้อขนมมาฝากเอียดค่ะลูก " . . " เยอะเกินค่ะป้าเกด " . . บุษบันบอกทันที ที่รับถุง มันหนักๆ . . " เอียดขอรับแค่สองชิ้นก็พอค่ะ " . . บุษบันเห็นกล่อง และถุงหิ้ว พิมพ์ชื่อ ร้านขนมสวยงาม ดูมีรสนิยม ก็พอเดาออก ว่าราคาสูง ให้รู้สึกเกรงใจ . . " ทั้งหมดนี่แหละค่ะ ป้าตั้งใจซื้อมาให้ เอียดเอาไปแบ่งทานกับเพื่อนๆ นะลูก " . . เอียดจึงจำต้องยอม พนมมือไหว้ ขอบคุณ . . " และอันนี้ -- ป้าให้เอียด . เก็บไว้ซื้อหนมค่ะ " . . เกศราเปิดกระเป๋าถือ ล้วงเงินส่งให้ บุษบัน . . คราวนี้เอียดส่ายหน้า ไม่รับแบ็งค์ 1 พันใบนั้น . . " ไม่ค่ะป้าเกด --- . แค่ขนมก็พอแล้วค่ะ " . . " น้องเอียดต้องรับไว้ครับ" . . ประลองพลบอกกับบุษบัน . . " ผู้ใหญ่ให้เงิน น้องเอียดเก็บไว้เป็น ขวัญถุงก็ได้ ที่ตอนพี่ย้ายมา คุณพ่อ กับคุณแม่ของน้อง ก็ให้เงินขวัญถุงกับ พี่ พี่ก็รับมา นะครับ " . . เอียดฟังแล้ว จึงต้องรับมาอีก . และไหว้ขอบคุณป้าเกดอีกครั้ง . * * * * * * * * * . . ร่ำลากัน ก่อนจะเคลื่อนรถกลับไป . ประลองพลบอกย้ำกับบุษบัน . อย่างห่วงใย . . " น้องเอียด --เรื่องแคสติ้งโฆษณา -น่ะ . ถ้าสนใจจริง ก็ต้องปรึกษาอานิด ก่อนด้วยนะ อย่ารับงานเอง . เรายังเด็ก รู้ไม่ทันเขา อาจโดนเขา เอาเปรียบ . สัญญาอะไร ถ้าเกิดว่าต้องได้ทำกัน น้องเอียดต้องให้อานิดเป็นผู้จัดการคอย ดูแลให้ และเป็นคนทำสัญญานะ " . . " ค่ะ " . . เอียดรับปาก ยกมือไหว้ แอบนึก ในใจ แล้วฉันจะได้งานถ่ายโฆษณา หรือเปล่า . ก็ยังไม่รู้เลย . . ประลองพลส่งยิ้มหล่อให้ . เกศราก็ยิ้มใจดี ยกมือ นิ้วกลางและ นิ้วนางรัวกระดิกบ๊ายบาย . บอกว่า เดี๋ยวป้าจะแวะมาเยี่ยมบ่อยๆ . * * * * * * * * * . . กลับมาที่ห้อง เป็นจังหวะเปลี่ยน คาบเรียน และจะต้องเปลี่ยนห้องเรียน พอดี . . เห็นเจี๊ยบหิ้วกระเป๋าของเธอ ยืนรออยู่กับ แมง เอียดจึงรีบตรงไปหา . . " ป้ามาเยี่ยม--- . นี่- มีขนมมาฝากด้วย เยอะเลย " . . " ว้าว-- . ลาภปากบ่าวแต๊ๆ เจ้าค่ะ " . . แมงร้องอย่างตื่นเต้น . เมื่อเห็นเป็นขนมเค้กหลากชนิด . . พอเห็นถุง และกล่อง เจี๊ยบก็อุทาน ออกชื่อร้าน . และบอกเอียดว่า . . " หูว์ -- ขนมเค้กร้านนี้ ร้านดังเน่อ อยู่ทางไป มช. น่ะ . - ร้านใหญ่ " . . " อะ- . เลือกหยิบคนละกล่อง " . . เอียดยื่นถุงไปตรงหน้า ให้เจี๊ยบ และแมง เดี๋ยวเดียว เดย์ก็มาอีกคน . -- และพงษ์อีก . . เลือกหยิบกันไป เหลืออีกสองกล่อง . . " โย -- " . . เจี๊ยบเห็นโยธาทำท่าจะเดินเลี่ยง ไปตามลำพัง ก็รีบเรียก . . * * * * * * * * . . ที่จริงโยธาเห็นแล้ว ว่าเอียดกำลัง แบ่งขนมให้เพื่อนๆ . แต่จิตใจของโยธาตอนนี้ เป็นอะไร ก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก . เวลาอยู่ใกล้เอียด หัวใจมันหวั่นไหว รู้สึกตื้อๆ หนึบๆ เหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อ กับตัว . . ลองเลือกนั่งโต๊ะห่างไป แต่ใจของโยธา ก็คอยสั่งให้แอบมองเอียดเป็นระยะ . . นี่ก็ตั้งใจว่า ว่าแอบปลีกตัว--- แต่พอเจี๊ยบเรียก โยธาก็ต้องหันไป . . ใจเด็กหนุ่มเต้นแรงอีกแล้ว เมื่อพบ ว่า เอียดกำลังมองเขาอยู่เหมือนกัน . ในมือเอียดถือขนมกล่องนึง . . " โย -มากินหนมด้วยกัน " . . เอียดร้องชวน . . โยธาจึงเดินมาหา . เอียดรีบหยิบขนมอีกกล่องชิ้น มายื่น ให้โยธาเลือกเป็นคู่ . . " โยชอบอันไหน ? " . . โยธายิ้มเขิน มองขนม ไม่กล้าสบตา บุษบัน . . " อันไหนก็ได้เอียด . -- เอามาจากไหนเนี่ย ? " . . " ป้าเรามาเยี่ยมไง " . . เอียดส่งขนมเค้กไส้ช็อกโกแลตให้ โยธา อีกอันที่เป็นไส้ครีม ก็เป็นของเธอ เอง . เลยได้กินคนละกล่อง ครบถ้วน . * * * * * * * แอบยืนแทะขนมกินกันตรงนั้น มันให้รู้สึกว่า อร่อยมากจริงๆ . แอบครูกินขนมนี่ --ฟิลฯ เหมือนจะ อร่อยกว่าตอนนั่งกินที่โต๊ะที่ร้าน . . เจี๊ยบได้ขนมเค้กชิ้นที่น่ากินมาก . มีไส้หลายชั้น ซ้อนสลับกัน สวยเหมือน ขนมชั้น . . แมงเห็น ก็บอกว่า ขอเค้าชิมหน่อย ได้มั้ย . . " หื้อเปิ้นจิมจิ่ม . -- ได้ก่อเจี๊ยบ ? " . . จิ่ม - คือ นิด-หน่อย . . เจี๊ยบส่งให้แมงชิมทันที . เดย์เลยมาขอแบ่งชิมบ้างอีกคน . . . * * * * * * * * . . เอียดแอบชำเลืองดูโยธาที่ค่อยๆ แทะกินขนมเค้กจากกล่อง ข้างๆ เธอ . เด็กสาวก็นึกชั่งใจ--ว่าจะบอกโยธา ดีไหม ? เรื่องแมวมองจากโมเดลลิ่ง-น่ะ . . ชั่ง-จนได้น้ำหนักว่า อย่าพึ่งบอก โยธาตอนนี้เลย ไว้ให้เขาติดต่อมาจริงๆ ก่อนดีกว่า . เดี๋ยวบอกไป เกิดเขาไม่มาติดต่อ ตัวเธอเองจะหน้าแตกเป็นหน้าขนมปุย ฝ้าย . * * * * * * * * . . โรงเรียนเลิกแล้ว -- . บุษบันนั่งรอรถรับส่งนักเรียนของตน ที่ม้านั่งหินขัดใต้ต้นกาสะลอง ที่ขอบสนาม บาส และลานซีเมนต์ที่ใช้เป็นที่เข้าแถว . . รถรับส่งนักเรียนนั้น จะคิดค่าบริการ เป็นรายเดือน จนเด็กๆ ทางนี้เรียกกันว่า " รถเดือน" จะเป็นอันรู้กัน ว่าคือรถรับส่ง นักเรียน . . รถเดือนของบุษบัน จะต้องออกไป รับนักเรียนประถมก่อน ก็ที่โรงเรียนที่เธอ กับเพื่อนๆ ไปตั้งแถวขบวนพาเหรดกีฬาสี-- นั่นแหละ . จากนั้น จึงจะขับเข้ามารับเด็กมัธยม ที่โรงเรียนนี้ . * * * * * * * * * . . เอียดนั่งเล่นมือถือฆ่าเวลา . มองไปข้างหน้า --ความรู้สึกนึง บอกกับตัวเธอว่า ที่นี่ คือเชียงใหม่นะ . ไม่ใช่ทางใต้ ที่เอียดคุ้นเคย . ก็ที่สุดขอบสนามฟุตบอล หลังอัฒจันทร์ ไกลๆ นั่นไง - เป็นทิวแถวของต้นสัก ที่มีคน ปลูกไว้นานแล้ว จนมีลำต้นตรง ชลูด สูงโปร่ง และมีใบโตๆ กว้าง ป้อมๆ . บอกชัดเลย ว่านี่คือป่า และต้นไม้ของ ทางเหนือ . . ที่โรงเรียนเดิมของเอียดทางใต้ ถ้าจะ มองหาต้นไม้ใหญ่ๆ ดูไปรอบๆอาจจะเจอต้น ตำเสา ที่ทางภาคกลาง เหมือนจะเรียกว่า ต้นกันเกรา . เติบโตเป็นต้นอวบ ล่ำๆ ปั๊กๆ มีใบดก ออกดอกเป็นช่อสวย ที่ลำต้นจะมีเปลือกแตก ระแหง เป็นร่องๆ . และอาจมีย่านลิเพา มางอกงามใกล้ๆ แล้ว เลื้อยไต่ ขึ้นตามลำต้น ลามไปถึงกิ่งโน้น-นั้น . ใบลิเพาสีเขียวสด ตัดกับสีออกดำๆ ของ เปลือกตำเสา ดูชอุ่ม สมกับเป็นไม้ป่าดิบชื้น แห่งป่าทางใต้ . . ย้ายมาใหม่ๆ --- . บุษบันไม่เข้าใจกับหลายๆ อย่าง ที่แตกต่างจากที่เธอพบเห็น และปฏิบัติ มาจากทางใต้ . . เป็นต้นว่า นักเรียนที่เชียงใหม่ติดจะพูด ภาษาเหนือตลอดเวลา . ไม่ว่าจะเป็นการคุยกับเพื่อนๆ ไปจนถึง การถามตอบกับครูในชั้นเรียน . . คุณครูก็เถอะ สอนไปโดยพูดภาษากลาง ได้สักสองสามประโยค เดี๋ยวเดียวก็กลับมา พูดภาษาเหนือแทน . เป๋นจะอั้น . . ส่วนทางใต้ ทุกคน ทั้งครู ทั้งนักเรียน เมื่ออยู่ในโรงเรียน ต้องใช้แต่ภาษากลาง ที่เป็นภาษาราชการ เวลาที่นักเรียนจะพูด กับครู หรือครูต้องพูดสอน . จะพูดกลางแล้ว ออกทองแดง หรือเจือ สำเนียงใต้บ้าง ก็ฝึกไป แก้ไขกันไป . เป็นพรรค์นั้น-แล . . พงษ์น่ะ-คนเหนือโดยกำเนิด เป็นหัวโจก เล่าเจี้ยก้อมขำๆ จะชอบ เล่าเจี้ย ให้เพื่อนๆ ฟังเอาฮา บ่อยๆ . . เจี้ย-คือ นิทาน . ก้อม คือ สั้นๆ . . เรื่องนึง พงษ์เล่าว่า คุณครูกำลังสอน ก็เน้นว่า เมื่อมาโรงเรียนก็ให้นักเรียนทุกคน หมั่นฝึกพูด สื่อสารเป็นภาษากลาง . เป็นพื้นฐาน เวลาเรียนต่อขั้นสูงต่อๆ ไป จะได้พูดกลางกับใครๆ ได้คล่องแคล่ว . ส่วนภาษาเมือง-หรือภาษาเหนือ ไม่ต้อง ฝึกพูดอีกแล้ว เพราะพูดเป็นกันทุกคน . . " นี่อะไรคะ ? " . . คุณครูชี้ไปที่รูปมะเขือเทศ . . " มะ-เขือส้ม !" . . นักเรียนตอบพร้อมกัน . . " ภาษากลาง เรียกว่า มะเขือเทศ ค่า - เรามาโรงเรียน ต้องฝึกพูดภาษากลางกัน นะคะนักเรียน . เอ้า- ว่าตามครูพร้อมกัน . -- มะ- เขือเทศ " . . เด็กๆ นักเรียนก็น่ารัก ฝึกพูดตาม คุณครู . . " มะ-เขือเทศ ! " . . " เก่งมาก ค่ะ-- . คราวนี้- ตอบครูมาซิ ว่ามะเขือเทศ -เนี่ย มันดีกินมั้ย ? " . . อิ อิ -- . ดีกิน -เป็นคำภาษาเหนือ นะ แปลว่า สามารถกินได้ -ใช้รับประทาน ได้ . คุณครูเผลอพูดซะเอง . . เด็กก็งงกัน - . ไหนคุณครูว่า ให้ฝึกพูดภาษากลาง กันไง . แต่ก็ตอบคุณครู ด้วยเสียงอ่อยๆ ลง พร้อมกันว่า . . " ดี - กิน " . ( กิน - ได้ ) . . เอียดชอบภาษาเหนือมาก . รู้สึกว่า ท่วงทำนองภาษาฟังดูอ่อนหวาน อ้อยสร้อย ไพเราะ . สมกับที่นำมาขับ เป็นลำนำเพลงซอ โดยคลอเสียง ล้อให้เข้ากับเสียงซอที่สี บรรเลงประกอบการขับ เรียกว่า ค่าวซอ . ไพเราะมาก . . การที่เพื่อนๆ พูดเหนือ -อู้กำเมียง ใส่เธอตลอด ก็ดีนะ . ทำให้เอียดเรียนรู้ และคุ้นชินภาษาเหนือ อย่างรวดเร็ว และเริ่มหัดพูดเหนือได้บ้าง แล้ว . . แต่เอียดก็ภูมิใจในภาษาใต้ของตน ไม่แพ้กัน เรียกว่าชอบทั้งสองภาษาเท่าๆ กันเลย . ภาษาเหนือ อ่อนหวาน นุ่มเบา ส่วนภาษาใต้ แข็งแรง ตรง และจริงใจ . รู้ -ก็บอกเลย ว่า โหร่ ! ไม่รู้ - ก็จะ ยืนยันแข็งขัน ว่า . " ห้าโหร่ ไมนิ ! " * * * * * * * * * . . กำลังนึกอะไรเรื่อยเปื่อยเล่นๆ ก็รู้สึก เหมือนมีใครเดินมาข้างหลัง . และนั่งลงใกล้ๆ . แล้วเอาช่อดอกไม้เล็กๆ วางลง บนกระเป๋าเป้นักเรียนของเธอ . . บุษบันหันขวับ ไปมอง-- . โยธานั่นเอง ที่เข้ามานั่งข้างๆ ทำ หน้าตาเฉยนิ่ง ไม่ขี้เล่นอย่างเคย . . " หื้อ -- " . . เอียดพูดออกมาแค่นี้ และนั่นก็เป็น คำทักแล้ว . . หยิบช่อดอกไม้ขึ้นมา . เป็นดอกปีบขาว หรือดอกกาสะลอง แถวๆ นั้น ที่ร่วงสดลงมาใต้ต้น ไม่ได้ร่วง อย่างแห้ง สักสิบกว่าดอก ถูกโยธานำมารวม มัดเป็นช่อด้วยสายม่านของต้นม่านบาหลี ที่ ทิ้งรากอากาศลงมาเป็นม่านสวย ตรงซุ้มนั่งเล่น ตรงโน้น . " เห็นเอียดชอบไง ดอกกาสะลอง โยเลยเก็บมาให้ " . . " ใช่ --เราชอบมาก . - ขอบคุณนะ " . . เอียดหยิบช่อดอกกาสะลองนั้นมาถือไว้ หมุนช่อดอก พิศดูไปมา . มองดูใกล้ๆ กลีบดอกที่บานแยกออก เป็นแฉกเล็กๆ สวยถูกใจเธออย่างบอกไม่ ถูก และมีกลิ่นดอกหอมรวยรินอ่อนๆ . . เธอเคยรู้จักชื่อของมัน จากการเรียน วิชาวรรณคดีไทย ว่าดอกปีบ และเคยเห็น มาบ้าง ที่ทางใต้ . ครั้นพอมาอยู่เชียงใหม่ ที่โรงเรียนนี้ ปลูกปีบไว้เป็นแนวข้างถนน ในบริเวณ โรงเรียน ทุกต้นโตเต็มที่ แข่งกันออกดอก ลีขาวเป็นช่อเป็นพวง พรั่งพราวเต็มต้น . เพื่อนๆ บอกว่า นี่คือดอกกาสะลอง เอียดจึงนึกออก ว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน จากเพลงๆ นึง . . " แบบนี้ดอกสีขาว - เรียกกาสะลอง เฉยๆ แต่ถ้าอีกพันธุ์ ที่ดอกสีเหลือง ส้มๆ หน้าตาดอกจะต่างกันหน่อย เป็นคล้ายๆ หลอด ก็จะเรียก ก๋าสะลองคำ " . . คำ ก็คือทองคำ - ภาษากลางเรียก ทอง แต่ภาษาเหนือจะเรียก คำ แบบว่าถ้าเจอทอง ทางเหนือจะอุทานว่า " โห-- คำ คำ -- ! " ไม่ได้อุทานว่า " โห- ทอง-ทอง ! " . แต่ถ้าอู้ว่า " ตอง " ทางเหนือจะหมายถึง ทองเหลือง . * * * * * * . . โยธานั่งมองบุษบันทุกอากัปกิริยา อย่างหลงใหล ไม่ว่าเธอจะทำกิริยาอย่างไร มันจับใจเขาไปทุกอย่าง . . บุษบันวางช่อดอกกาสะลอง กลับไว้ บนเป้บนโต๊ะ . . พลัน -- . ลมอะไรนะ-- พัดวูบมาอย่างแรง . จนช่อกาสะลองเลื่อนตัวจากกระเป๋าเป้ หล่นลงกับพื้นโต๊ะหินขัด . และลมยังพัดแรงให้มันกลิ้งต่อ ทำท่า จะตกจากขอบโต๊ะ . . เอียดรีบเอื้อมมือไปตะครุบมันไว้ทัน . แล้วจึงมีมือของโยธา ที่ตามมาช่วยจับ ด้วยอีกคน คร่อมทับมือของเธอ . . * * * * * * * * * * . . บุษบันตกใจ -กำลังจะรีบดึงมือกลับ แต่โยธาไม่ยอม กลับกดน้ำหนักอุ้งมือ ตัวเองตรึงมือเอียด ไว้อย่างนั้น . . เอียดจึงมองหน้าโยธา . . ทันใด- เธอก็รู้สึกชาวาบไปทั้งตัว . เมื่อต้องสบตากับดวงตาออดอ้อนของเพื่อนหนุ่ม ที่ขณะนี้ - จ้องมองเธออย่างอยู่ในภวังค์ . . เหมือนโลกใบนี้ จะหยุดหมุน . แล้วเหมือนมีโลกใบใหม่ ที่มีเพียงเธอกับเขาอยู่กัน เพียงลำพังสองคน เข้ามาแทนที่ . ทั้งสองสบตากัน จ้องมองกันและกัน . นิ่ง - และนาน . . ชั่วอึดใจนี้--- . ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่ง เงียบงัน . . จนบุษบันรู้สึกตัวก่อน รีบขยับมือ พูด เบาๆ ว่า . . " ดอกไม้เกือบตกเลย-- " . . โยธาจึงรีบปล่อยมือเธอ และดึงมือตัวเอง กลับ กลืนน้ำลายลงคอหนืดๆ ก่อนพูดเบาๆ บ้างว่า . . " นั่นซี -- . ลมแรงจัง " . . ต่างคนต่างนิ่ง ไม่พูดอะไรต่อ . หันไปมองกันคนละทาง . . หัวใจของโยธาเต้นรัว ตึ๊ก-ตั๊ก หายใจ ขัดๆ ไม่ทั่วท้อง . บุษบันเองก็มีความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน . . * * * * * * * * * * * . . ความรู้สึกแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นนี้ ช่างมีอานุภาพหนักหน่วงทีเดียว . เพราะมันทำให้เด็กหนุ่ม และเด็กสาว ต่างตกอยู่ในสภาวะที่ไม่รู้จะพูดคุยอะไร กันต่อดี . . จนเมื่อโยธาแอบหันมามองบุษบัน อีกครั้ง เห็นเธอรีบหลบตาเขา สีหน้าเจื่อนๆ . จึงถามว่า . . " เอียดจะเอาดอกกาสะลองอีกมั้ย ? . เดี๋ยวโยจะเก็บจากตรงนั้นมาให้อีก " . . " ไม่ต้องแล้วโย . พอแล้ว -- แค่นี้ก็พอ " . . " โยว่า ดอกมันสวยดีเนาะเอียด . ก้านดอกก็ย๊าว-ยาว แปลกดี " . . รู้ว่าเอียดเริ่มหายอึดอัดแล้ว โยธา . เห็นได้เรื่องที่จะชวนเธอคุยต่อ . . " ใช่- สวยมากๆ . จริงๆ นะโย น่าจะมีใครเอารูปทรง ดอกกาสะลองไปออกแบบ ทำเป็นต่างหู . ทำเป็นแบบเกี่ยว ห้อยแตรดอกลงมา หรือเสียบให้โผล่ก้านดอกยาวๆ ด้านหลัง แล้วมีแป้นดักไว้ . เราว่า คงเป็นตุ้มหูที่สวยมากๆ " . . บุษบันเริ่มผ่อนคลาย หยิบดอกปีบ ดอกนึงมาพิศดู ยิ้มถูกใจกับมัน แล้วพูด ออกมาอย่างนี้ . โยธาจึงว่า . . " จริงด้วย-- . เอียดอยากได้ ใช่มั้ย . ไว้ให้โยทำงาน - มีเงินเดือน มีกะตังค์ โยจะไปให้ร้านทอง ทำต่างหูเป็นรูปดอกปีบ . -- เอามาให้เอียดใส่ " . . บุษบันหัวเราะขบขัน . . " นี่โยพูดจริ๊ง ! -- . ไม่ได้พูดเล่นน้า... " . . โยธายืนยัน และพูดต่อว่า . . " เอียดน่าจะไปเรียนต่อด้านศิลปะ -- โยว่าเอียดมีหัวศิลป์ . เนี่ย--ที่ มช ก็มีคณะวิจิตรศิลป์นะ " . . บุษบันนิ่งทันที . นึกถึงพี่เก่ง-ประลองพล ลูกชายของ ป้าเกดที่กำลังเรียนที่นั่น . และที่เล่าว่า มีเพื่อนทำโมเดลลิ่ง . . จะบอกโยธาตอนนี้เลย-ดีไหม ? เรื่องที่จะมีคนมาหา มาติดต่อให้ ลองถ่ายโฆษณา . * * * * * * * * * * . . ตรงฟากมุมโน้น- ใกล้ๆ หอประชุม แอ้ม- เกวลิน แอบนั่งมองสองคนที่ม้านั่ง หินใต้ต้นกาสะลอง อย่างใจหาย . . เสียใจหรือ ?-- คงไม่หรอกนะ แต่น้อยใจล่ะ ? - ก็คงใช่ . . แอ้มตาแดงเอ่อ ..ฝืนกลืนน้ำลายลงคอหนักๆ บอกตัวเอง ว่าให้เข้มแข็ง ให้ stronger . . เตือนตัวเอง ว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะโกรธ ใครได้ ไม่ว่าจะ โย หรือเอียด . ทุกอย่าง มันเป็นเรื่องของหัวใจ ที่ใครก็ไม่อาจจะบังคับใจใครได้ . * * * * * * * . . หนึ่ง-สงคราม นั่งเหม่อข้างมอเตอร์ ไซคล์ของตัวเอง . ที่เพิ่งจูงออกมาจากโรงเก็บจักรยานยนต์ และจอดไว้ ริมถนนใกล้หอธรรมฯ อันเป็น อาคารเรียนจริยธรรมของโรงเรียน . . เปลี้ยใจ- จนไม่มีแก่จิตแก่ใจ จะขี่ รถมอไซคล์กลับบ้าน ตอนนี้ . เมื่อเห็นภาพโยธานั่งคุยกระจุ๋ง กระจิ๋ง กับบุษบัน ตรงนั้น . . ส่วนเกินใช่ไหม - เราเนี่ย ? หนึ่งคิด . -- ถามตัวเองอย่างเศร้าๆ . * * * * * * * * * . . แล้วเอียดก็ตัดสินใจบอกโยธา เรื่องโมเดลลิ่ง ที่อาจจะมาติดต่อ . และบอกด้วย ที่พี่เก่งเตือนว่า ให้ปรึกษาผู้ปกครองก่อนจะตัดสินใจ . และทั้งสองก็เห็นด้วยกับคำเตือน . . โยธาก็ตื่นเต้น เปิดมือถือตัวเอง ค้นหารูปที่เอียดบอกว่า พี่โมเดลลิ่งเห็น แล้วถูกใจ . . " รูปนี้เหรอ ? " . . ยื่นส่งให้บุษบันดู . . เป็นรูปที่ใครคนหนึ่งโหลดมาจากหน้าเพจ เฟสบุคของโรงเรียน แล้วส่งไลน์มาให้เขา . . " ใช่ ๆ--- รูปนี้แหละ--- . โยเอามาจากหน้าเฟสฯ เหรอ " . . โยธาพยักหน้า . โกหกเอียดบ้าง คงไม่เป็นไรหรอก คงดีกว่าบอกไปตามตรง ว่าแอ้มชิงส่งรูปนี้ ทางไลน์มาให้เขา ก่อนเจี๊ยบ ก่อนเดย์ ก่อนพงษ์ . * * * * * * * * * . . เห็นรูปนั้น--กับตัวตนจริงๆ ที่กำลัง นั่งอยู่ใกล้ๆ ของโยธา . บุษบันยอมรับว่า โยธาหน้าตาดีมากๆ ถ่ายรูปขึ้นกล้องด้วย . . เป็นคนหล่อคลีน ยิ้มเห็นฟันเรียงเต็มปาก ขาวสะอาด ริมฝีปากนั้นแดงเรื่อเสมอ อย่างคน สุขภาพดี . เครื่องหน้า คิ้วจมูก ปากคาง ก็รับกัน อย่างลงตัว . มีหลายมุมทีเดียว ที่มองผาดๆ คล้ายโอ้- มาริโอ้ พระเอกซูเปอร์สตาร์คนดัง . แต่โยธาคงสูงกว่าโอ้ และตัวบางกว่า . . เวลาโยธายิ้มใสๆ ร่าเริง คนที่พบเห็น ก็จะพลอยสดชื่นกับภาพคนหน้าตาดีตรงหน้า . . แต่ที่มักทำให้หัวใจเอียดวูบวาบ หวั่นไหว คือยามที่โยธาหน้าเศร้า มองสบตาเธอ นิ่ง- . อย่างวิงวอน น้อยใจ . . เป็นหลายครั้ง ที่กระชากใจบุษบัน หนักหน่วงจนใจหาย ให้รู้สึกสงสาร และอาทร ห่วงใย อยากเข้าไปปลอบโยน ให้โยธาหาย จากอาการเศร้า . . แต่ที่ทำได้ ประสาเด็กนักเรียน สาวสไตล์บุษบัน คือเมื่อเธอต้องสบตา ก็จะหลบสายตานั้น . แลัวเส มองเมินไปอีกทาง . . หากเธอไม่รู้ตัว ว่านี่แหละ-- คือเสน่ห์ของเธอ ที่กุมหัวใจของโยธา ไว้แน่นหนา . ให้วาดหวัง -- รอวัน ที่จะชนะใจ ทรนงของบุษบัน . * * * * * * * * * * . . พอดีรถเดือนของบุษบันขับเข้ามา ในบริเวณโรงเรียนแล้ว . -เห็นแต่ไกลเลย . . บุษบันฉวยกระเป๋าเป้นักเรียน ลุกขึ้น . . " รถเดือนเรามาแระ -- . ไปนะ " . . โยธาพยักหน้า . . " ครับ-- . --คิดถึงกัน นะครับเอียด " . . เอียดไม่ตอบอีกแล้ว แต่โยธา ก็ชอบใจ . เพราะเอียดเป็นอย่างนี้เอง เขาจึง ชอบเธอ . . * * * * * * * . . โยธาสะพายเป้นักเรียน เดินออก จากตรงนั้น ไปยังโรงจอดจักรยานยนต์ ของโรงเรียน . โรงเรียนทำไว้เป็นโรงเรือนถาวร มีตาข่าย แบบรั้วเหล็กโปร่งกั้นรอบทุกด้าน และมีหลังคา กันฝนให้อย่างดี . . เด็กหนุ่มส่งป้ายเบอร์จอดให้ลุงนักการดู ที่หน้าประตู เพื่อแสดงตนว่าได้เอารถมอไซคล์ มาจอดไว้จริง . เดินเข้าไปจูงรถเครื่องออกมา ส่งป้ายเบอร์ ให้คนเฝ้า . ใส่หมวกกันน็อค แล้วสตาร์ทเครื่อง แตะ เกียร์หนึ่ง จะออกตัว . . พลัน - . รถเครื่องคันหนึ่ง ก็ขับโฉบวูบมาใกล้ ผ่านหน้าไปอย่างเฉียดฉิว เกือบจะเฉี่ยว ชน . . เพราะคนนั้น ใส่หมวกกันน็อคแบบครึ่ง- ไม่เต็มใบ โยธาจึงเห็นชัด ว่าคืออ้ายหนึ่ง . สงคราม-นั่นเอง . . โยธาขับจี้ตามทันที เร่งความเร็วจน ทัน ขนานกัน . . " หยัง-อ้าย ? " . . ตะโกนถามไปเลย ว่า มีไรเหรอพี่ ? . . หนึ่งไม่ตอบ หน้านิ่งเฉย--- . . โยธาฉุนกึก-- ไม่กลัวหรอก-- รุ่นพี่ก็เหอะ . . แต่ทันใด ก็นึกถึงคำที่พ่อ และแม่ สั่งสอน และตนก็รับปากไว้ . . " อย่ามีเรื่องที่โรงเรียนกับใครนะลูก.. อย่าเอาพิมเสน-ที่ราคาแพง . ไปแลกกับเกลือราคาถูกๆ . --มีเรื่องกัน มันไม่คุ้มหรอก .อภัยให้คนที่มาพาลกับเรา . อย่าเอาตัวเราไปแลก-- . จำที่พ่อ และแม่ขอไว้ -นะโย " . . โยธาจึงผ่อนความเร็วลง ปล่อยให้ มอไซคล์ของสงครามแล่นผ่านเลยไป . เปลี่ยนเป็นขี่ช้าๆ . ผ่านรถเดือนของเอียด ที่ยังคงจอดอยู่ ที่ข้างทางถนน . ต่อแถวรถเดือนคันอื่นๆ เพื่อรอเด็กๆ ลูกค้าบางคนที่ยังมาไม่ครบจำนวน . . มองไปเล่นๆ... เห็นเอียดนั่งอยู่ ตรงท้ายๆ ของตัวรถ . . ถึงเอียดจะกำลังคุยกับเพื่อน ไม่เห็น เขา แต่โยธาก็ดีใจ ที่เห็นในมือเอียดยังถือ ช่อกาสะลองนั้นไว้ ไม่ได้โยนทิ้งไป . . แล้วเมื่อนึกถึงตอนที่ได้สัมผัสมือกัน โยธาก็บอกตัวเองว่า ตอนนี้ เขามีเอียด เท่านั้น ที่กุมใจเขาไว้ . เป็นคนพิเศษคนเดียวของเขา * * * * * * * *** จบตอนที่ 7. *** ......................................................................................... . หมายเหตุ : นำนิยายมาลงในบล็อกใหม่อีกครั้ง . เขียนครั้งแรก 20 พฤศจิกายน 2559 .บันทึกสถิติการเข้าอ่าน 1519 ครั้ง ณ 27 พฤศจิกายน 2561 .......................................................................................... |
Huean Piang Din
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] Group Blog
All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |