นิยาย " จันทรากินรี " โดย เหมชาติ ทอง -- ( ตอนที่ 4.)


.                   4.

      มนตร์ดำ เดรัจฉานวิชา
.

.
  " เสด็จพี่อนันตราชจะอภิเษกนาง
จันทราในอีกเจ็ดวัน

.       แกจะไปเอายามาให้ข้าทันก่อน
จะมีวันงานไหมนังเหยี่ยน ? "
.
.         เหยี่ยนร่ำไห้ ไม่ตอบ
.
.        " จะร้องห่มร้องไห้ทำไม -ห็า ?
 รำคาญจริงๆ  ร้องกระซิกๆ อยู่ได้  
.    แกก็รู้สันดานของข้าดีไม่ใช่เหรอ ?
ลงข้าได้ตัดสินใจแล้ว  เป็นตายก็เป็นกัน 
ข้าจะไม่ยอมให้มีวันอภิเษกเกิดขึ้น ! "
.
.   นางเดินไปเลือกข้าวของมีค่าบางชิ้น
ใส่ห่อผ้า  นำมายื่นส่งให้นางบ่าว
.
.   "  อะ- นี่เป็นค่าจ้างหมอยาเสน่ห์ 
ให้มันเรียกร้องอามิสสินจ้างเองก่อน
.    เผื่อเหลือ ก็จะได้เป็นของแก
.  แต่ถ้ามันเรียกเกินมา แกต่อรองมัน
เองก็แล้วกัน "
.
.     เหยี่ยนจำใจเอื้อมมือรับห่อสมบัติ
เครื่องประดับทองคำมาเปิดดู
.
.        " แกว่าพอมั้ย ? "
.
.      นางเหยี่ยนดูแล้ว ทูลว่า
.
.     " ปกติ หมอผีกรั๊วะจะคิดค่าดำเนินการ
เป็นอัฐ 30 ล้านหอยเบี้ย   
.   ซึ่งราคานี้ ก็เท่ากับรางวัลใหญ่ที่ได้จาก
การใช้อัฐเสี่ยงโชคซื้อก๋วยสลากชุด 5 ก๋วย 
ของการปกครองนคร  แล้วดวงดี เกิด เฮง-
เฮง-เฮง
.     แต่เมื่อทรงใช้สิ่งของที่เป็นทองคำ 
เป็นค่าจ้าง แทนอัฐหอยเบี้ยเยี่ยงนี้ บ่าวว่า
มูลค่าของทรัพย์ทองคำสูงกว่าหอย หลาย
เท่ายิ่งนัก  
.   ฟีล-feel ของบ่าว  ก็ประมาณว่า น่าจะ
เกินพอ แระเพคะ "
.
.          "  ดีละ--"
.
.      ทรงออกคำสั่งมันทันที
.
.    " เช่นนั้น- แกก็รีบลอบแฝงกาย แอบ
กลับไปโตนสะเรียมซะวันนี้เลย
. ข้าวปลาก็คดห่อไปกินในป่าระหว่างทาง 
จะได้ไม่เสียเวลา "
.
.  " งั้นบ่าวขออนุญาตล่องแพเฟอร์รี่-ferry 
ที่ปากแม่น้ำ เพื่อข้ามฝั่งไปนะเพคะ 
.    มันเร็วกว่าที่สาวน้อยอย่างบ่าว-จะต้อง
เดินป่า เทรกกิ้ง -trekking "
.
.          " ย่ะ !! --"
.

.     มเหสีกระแทกเสียงใส่มัน
.
.        " ก็ตาม -
                   -ใจเธอ ! "

.
.  เพราะหมั่นไส้มันนัก ที่ตั้งแต่ได้อัพเกรด
เลื่อนขั้นตำแหน่งเป็นนางกำนัลสนองพระ
โอษฐ์ระดับที่สูงขึ้น เมื่อสองสามเดือนก่อน 
.    --หมู่นี้ มันติดชอบจะทำเก๋ ริจะพูดภาษา
กัลปพฤกษ์คำ ผสมปนกับภาษาวิลาสคำ 
-อยู่เรื่อย   
.
.          ทรงกำชับมันว่า
.
.   "  ไปกลับ--- แกอย่าให้เกิน 4 วัน
. เพราะเมื่อวาน-- ข้าได้ยินเจ้าพี่อนันตราช
ทรงรับสั่งให้ขุนวังเรียกช่างฉาย จากนคร
ไพรวัลย์มาเข้าเฝ้าเป็นการด่วน  
.   ก็ไอ้เจ้าคนที่มันผมหงอกเป็นสีทอง และ
มีหน่วยตาซีดๆ เป็นกระจกฝ้าสีน้ำข้าว ที่เขา
ว่าเป็นช่างฉายชาววิลาศ - อะนะ "
.
.          " เอ๊าะ - อ๋อย "

.     นางเหยี่ยนร้อง พุทโธ่-ถัง ออกมาเป็น
คำคล้ายๆ ภาษาล้านนา
.
.   "  บ่าวก็เคยเห็นมันไปๆ มาๆ  ไพรวัลย์-
กัลปพฤกษ์  กัลปพฤกษ์-ไพรวัลย์ อยู่เพคะ
.    หึ - นี่คงทรงนัดเข้าเฝ้า เพื่อให้มันมาฉาย
พระรูปคู่ จันทรา-อนันตราช   เจ แอนด์ เอ  -
J & A 

.  ทำพรี เวดดิ้ง - pre wedding  นะซีเพคะ ! "
.

.     นังเหยี่ยนกล่าวอย่างหมั่นไส้แทน
.
.        อัปสราดารารายรู้สึกแน่นลำคอ
น้ำตารื้นด้วยความโกรธ และน้อยใจขึ้นมา
ในฉับพลัน
.
.            " ก็ใช่-นาสิ !
.  ทรงหลงคนใหม่ จนมองไม่เห็นหัวคนเก่า
อย่างข้า
.            นี่ไงล่ะ นังเหยี่ยน  --
.     ข้าถึงต้องได้ขอให้แกรีบช่วยข้า "
.
.     ฟังคำเจ้านายพูดมาอย่างคับแค้นใจ 
แบบเสียงสั่นเครือ เจือสะอื้น เหยี่ยนก็ให้
เจ็บแค้นเคืองโกรธ โทษจันทราขึ้นมาใน
ทันที
.     รีบทูลปลอบใจดาราราย 
.
.     "  โห-- นังกินรี-นี่มันร้าย
.      เพคะ -ทรงวางพระทัยโลด บ่าว
จะรีบไปรีบมา
.      บ่าวขอรับรองว่า จะรีบทำเรื่องนี้
ให้สำเร็จ เสร็จทันการแน่นอนเพคะ  "
.
.      *  *  *  *  *  *

.
. "   รัก  - ไม่รัก

      รัก-  ไม่รัก

.         รัก - ไม่รัก
.
.                ฮื่ยยย --- ! "

.
.
.         โพระดกร้องอย่างขัดใจ 
.  ปาก้านดอกกุหลาบในมือทิ้ง เมื่อลอง
เด็ดกลีบกุหลาบ มาเสี่ยงทายแทนคุ้กกี้ 
เล่นๆขำๆ  ว่าจันทรากินรีจะมีใจรักศัตรู
รูปหล่อแล้วหรือยัง
.   แล้วพบว่ากลีบสุดท้ายนั้นจบที่คำว่า 
-ไม่รัก
.
.         " องค์หญิง- "
.
.   หันมาทูลถามจันทรากินรี  ที่นั่งมองนาง
เล่นเกมนี้ตั้งแต่ต้น 
.
.   " องค์หญิงทรงรู้สึกรักเจ้าชายอนันตราช
บ้างหรือยัง เพคะ ? "
.
.       จันทรากินรีถอนหายใจ
.
.     " กุหลาบดอกนี้  ทายแม่นยิ่งกว่าคุ้กกี้
จ๊ะพี่โพระดก    หัวใจของน้องไม่เคยนึกรัก  
ยังเฝ้าแต่จะเกลียดชังอนันตราช อย่างไม่มี
วันหาย  "   
.
.     " แล้วนี่เรา จะช่วยฟื้นพระชนม์ชีพของ
องค์สุริยันกินราได้สำเร็จไหมนี่ ?
.       -- พี่ชักไม่แน่ใจแล้วซี "
.
.      โพระดกเปรยขึ้น ด้วยรู้สึกวิตก
.
.      " ตอนแรก--บอกตามตรง พี่ยังคิดว่า
องค์หญิงจะทรงแอบหลงรักเจ้าชายอนันตราช 
ตั้งแต่แรกเห็นองค์ จากกระจกมนตราเสียอีก  "
.
.     พระพักตร์ขององค์หญิงแดงซ่านทันที  
รีบบอกนางพี่เลี้ยงว่า
.
.     " ตอนนั้น -- หญิงอาจแค่เพียงหวั่นไหว
กับรูปโฉมที่งามสง่าขององค์อนันตราช "
.   แต่พี่โพระดกจ๋า -  ตอนที่หญิงดึงลูกศร
ออกจากอุระของเจ้าพี่สุริยัน--"

.     พลัน- พระองค์ก็เริ่มน้ำเนตรเอ่อ   
.
.    "  หญิงแทบจะขาดใจตาย ด้วยความ
โกรธแค้น "
.
.   แล้วทรงกันแสง  ด้วยภาพที่เชษฐาถูกยิง
ด้วยศรธนู ปรากฏชัดเจนในมโนภาพอีกครั้ง
.
.   "  หัวใจของหญิงตอนนี้  มันสิ้นไร้ซึ่ง
ความรักความชอบ     มีแต่จะอัดแน่นด้วย
ความเกลียดชัง อาฆาตพยาบาท จองเวร
จองกรรมต่ออนันตราชเท่านั้น 
.   โธ่เอ๋ย- แล้วนี่เราจะทำไงกันดี พี่จ๋า "
.
.    โพระดกโอบกอดองค์หญิง ที่เธอได้เป็น
นางพระพี่เลี้ยงถวายงานรับใช้มาตั้งแต่วัยเยาว์
.  ปลอบประโลมกันแสงนั้นด้วยความเอ็นดู
.
.             " โถ--
.   ไม่เป็นไรเพคะ  เรายังมีเวลาพอ  เรื่องของ
ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ  ที่คงต้องปล่อยให้
มันก่อเกิดขึ้นมาเอง
.   แต่--ถ้าองค์หญิงจะทำพระทัยรักเจ้าชายให้
ได้เร็วที่สุด พี่ว่าก็จะยิ่งดีนะ เราจะได้หาโอกาส
เหมาะ หลอกล่อพาเจ้าชายไปยังหิมพานต์ได้ทัน
เวลาแห่งลิขิตสวรรค์ "
.
.     " เขารักหญิงจริงหรือเปล่า ? 
.              - ก็ไม่รู้ "
.
.        " พี่ว่าทรงรักจริง--  ก็ดูซิ อีกสองวัน
ก็จะทำการอภิเษกกันแล้ว 
.        จะไม่จริงได้อย่างไร ?
.  และพอพี่ได้ดูฉายาของงาน ที่เป็น พรี เวดดิ้ง- 
 pre wedding  พี่ก็ยิ่งแน่ใจว่า เจ้าชายอนันตราช
ทรงรักน้องจันทราของพี่มากเหลือเกิน
.    โดยเฉพาะจากภาพที่ฉายกันบนหัวเรือใหญ่ 
ที่อ่าวนอกเมืองของนครกัลปพฤกษ์ "
.
.   " อ๋อ - รูปที่ยืนกันบนหัวเรือนะเหรอ ? "
.
.     จันทรากินรีมีพักตร์แดงซ่านอีกครั้ง
.
.   " ภาพนั้นน่ะ-- พอดีท้องฟ้าเปิด มีแสงแห่ง
สุริยาส่องลงมา   ช่างฉายชาววิลาศเขาเลยจัด
ท่าทางให้  บอกว่าจะให้เป็นธีม-theme  " มาย 
ฮาร์ท วิล โก ออน "-  my heart will go on
.    มันเป็นภาษาวิลาศน่ะจะ-- พี่โพระดก
หญิงเอง ก็ไม่เข้าใจความหมายอะไรนักหรอก
.
.    ช่างฉายทูลให้หญิงยืนที่หัวเรือ แล้วให้
กางปีก- อุ๊ย กางแขนสินะ ออกทั้งสองข้าง
.   แล้วทูลเชิญองค์ชายให้เข้ามายืนตระกอง
หญิงอยู่เบื้องหลัง
.           -- ตลกดี อะ --  "
.
.    ทรงพระสรวลอายๆ พักตร์แดงเปลี่ยนมา
เป็นเรื่อชมพู - วิ้ง ๆ
.
.  " แล้วองค์หญิงรู้สึกเช่นไรบ้าง- ล่ะเพคะ ?
ตอนที่เจ้าชายมาตระกองกอดองค์อยู่ด้านหลัง
.               --- รู้สึก 
.      ซู่ๆ ซ่าๆ  ปาทังก้า ปาทังกี้
.              - บ้างไหมเพคะ ? "
.
.          "    นี่-- "
.
.       ค้อนให้พี่เลี้ยงอย่างรู้ทัน 
.   ทรงปิดบังโพระดกเกี่ยวกับความรู้สึกอบอุ่น 
รัญจวน ที่แผ่ซ่านทั่ววรกายทุกครั้งเมื่อทรงได้
ประทับเคียงข้าง ใกล้ชิดกับองค์อนันตราช
.     องค์หญิงทำเฉไฉ ตอบพี่เลี้ยงว่า
.
.  " อย่ามาหลอกถาม ให้หญิงเผลอหลงตอบ 
ว่าใช่-- เลยนะ  
.     ที่หญิงยอมอดทน ทำตามที่เขาสั่ง ก็เพื่อ
จะให้งานมันเสร็จๆ  แล้วเรื่องไปเท่านั้นหรอก
.         -  ขอบอก  "
.
.    โพระดกถอนหายใจเฮ้อ...อออ
.           -ยาวยืด
.   
.         " เพคะ   ตามนั้น 
.                 -- จบ ! "
.
.       จันทรางอน กับคำทูลตอบแบบประชด
ประชันของพระพี่เลี้ยง
.
.    " แล้วนี่พี่จะเคี่ยวเข็ญไรกับหญิงนักหนา
. --หญิงหรา ?  ที่จะเปลี่ยนใจ 
.           -ไปรักศัตรู  "
.
.         " เพคะ -
.               รับทราบ เพคะ !"

.
.     โพระดกทูลตอบแบบประชดอีกครั้ง 
. ให้นึกขวางเจ้านายองค์น้อยของตนยิ่งนัก 
ที่ทรงปากแข็งเหลือเกิน กับเรื่องนี้ 
.     และถวายค้อน คืนกลับให้องค์หญิงบ้าง 
แล้วคลานเข่าหนีไป ด้วยอาการงอนตุ๊บป่อง
.
.    หากลึกๆ นางก็ดีใจที่ได้เห็นชัดว่าหัวใจ
ของเจ้าชายอนันตราช และเจ้าหญิงจันทรา
กินรีมีจิตปฏิพัทธ์ต่อกันแล้ว
.     แผนการต่อไป   คือการหาวิธีพาองค์
อนันตราชไปหิมพานต์ให้สำเร็จในเร็ววัน
.
.      *  *  *  *  *  *  *  *

.    เหยี่ยนกลับมาจากโตนสะเรียม
ตอนเกือบเช้าตรู่ ของวันที่ห้า

.   มันรีบตรงไปเข้าเฝ้าดารารายถึงตำหนัก
ทั้งที่นางยังบรรทม
.
.          " ทูนหัวของบ่าว
.   - บ่าวกลับมาแล้ว เพคะ "
.
.       มันต้องกล่าวถึงสองครั้ง มเหสีถึงจะ
รู้สึกตัว 
.    นางขยับองค์ มองฝ่าม่านมุ้ง
.
.         " ว้ายยย --
.     นังเหยี่ยน  !!
.             -- ตกใจหมด !
.     แกมายืนตะคุ่มๆ หน้าวิสูตรแบบนี้  
ข้าก็นึกว่าผี !  "
.
.      " บ่าวเองเพคะ ไม่ใช่ผีที่ไหน "
.
.    อัปสราดารารายผลักผ้าห่มผวยออก
จากกาย  
.
.   " ข้ารอแกกลับมา จนหลับ สลบพับไป
สองสามรอบ
.        - สำเร็จมั้ย ?
.            -- แล้วไหนล่ะยา ?  "
.
.        "  สำเร็จ เพคะ  
.  แต่ยังไม่เพอร์เฟคท์ลี่ -perfectly  "
.
       "  อ่าวววว ---
.              เยอะนะ -- แกนี่ "
.
.     ทรงรีบลงจากแท่นบรรทม แหวกม่าน
วิสูตรออกมา    เพราะนางเหยี่ยนทำนิ้วมือ
 จุ๊-จุ๊  แบบให้ทรงเงียบๆ ไว้
.    มันหันไปมองรอบๆ เลิ่กลั่ก  ระแวดระวัง
เหมือนกำลังจะบอกเรื่องลับสำคัญอะไรสัก
อย่าง
.
      *  *  *  *  *  *  *  *
.
.       ฟ้าสาง--
.   ที่ตลาดเก่าของท่าเรือ ริมป่าต้นจาก  
ที่ขึ้นริมแม่น้ำแน่นเป็นทิวแถว  นอกเขต
ชายแดนนครกัลปพฤกษ์ออกไปไม่ไกล
เท่าไรนัก

.
.    ปรากฏร่างของสองหญิง  คลุมผ้าเก่าๆ 
ที่ศีรษะ เดินลัดเลาะมุ่งผ่านตลาดเข้าไป
.
.   คนนำหน้าดูจะเป็นบ่าว คนที่เดินตามหลัง
แบบกระฟัดกระเฟียดคงเป็นนาย
.
.      " แกบ้าไปหรือเปล่า ? --
.  ถึงได้ยอมให้มันนัดส่งมอบยาที่ตลาด
ขอทานเชลยสงครามสกปรกๆ แบบนี้อะ "
.
.  " ไอ้หมอผีมันเป็นคนกำหนดเองเพคะ
มันบอกว่า มันจะเดินทางจากโตนสะเรียม 
มาพักโฮมสเตย์  ที่โรงเรือนขอทานเชลย
สงครามนอกเมือง เพื่อรอพบเราที่นี่
.  บ่าวจำใจต้องยอมมันทุกอย่าง กลัวมัน
เล่นตัว ไม่ทำยาให้ "
.
.    " แล้วยังบังคับให้ข้าต้องมารับของ
ด้วยตัวเองอีก  
.   - ยุ่งชะมัด  ทองหยองก็ให้ไปแล้ว "
.
.    เหยี่ยนไม่เถียง รีบพาอัปสราดาราราย
เดินฝ่าตลาดเช้ามืด ที่มีเหล่าแม่ค้าพ่อขาย 
เริ่มนำเกวียนสินค้ามาวางของขายกันบ้าง
แล้ว
.
.     อัปสราดารารายจึงกระชับผ้าคลุมให้
ปกปิดใบหน้ามากขึ้นอีก
.
.      " ตายละ  คนเริ่มมาตลาดกันเยอะ
. ข้ากลัวคนจะจำใบหน้าที่สวยเด่นของข้า
ได้จัง  "
.
.        เหยี่ยนหันมามอง
.
.          " คงไม่หรอกเพคะ 
.   ลงใช้ผ้าซิ่นเก่าๆ ของบ่าวคลุมหัวเป็นเมาะ
ไอ้โม่งแบบนี้  ดูไง- ก็เหมือนชาวบ้านชาวดง 
 - แสนจะบ้านน๊อก-บ้านนอก !
.     ไม่มีใครดูออก หรือจำได้ว่าทรงเป็นพระ
มเหสีแน่นอน - เนียนสนิทแระเพคะ "
.
.      ฟังที่นังบ่าวบอกอย่างไม่สบอารมณ์นัก   
ดารารายหายใจฟึด-ฟาด เอามืออุดจมูกตัวเอง  
บ่นว่า
.
.       " นี่--นังเหยี่ยน  ถามจริง  แกเคยซัก
ผ้าซิ่นของแกบ้างอ๊ะป่าว -เนี่ย ? "
.
.
.         *  *  *  *  *  *  *  *
.
.        และแล้ว--
.  นางเหยี่ยนก็หันมาทูลด้วย
เสียงกระซิบ
.

.  " เรากำลังจะเข้าสู่ตลาดขอทานเชลย
สงครามกันแล้วเพคะ
.  ยังมืดๆ อยู่ - ต้องระวังองค์เองหน่อย 
อาจถูกพวกขอทานเชลยกระชากลากถู 
ขอเศษอัฐ "
.
.      เดินเลยตลาดเช้า มาหน่อยหนึ่ง 
ก็ถึงโรงเรือนแบบกั้นคอก  หลังคามุง
ด้วยใบไม้แห้งใบใหญ่คล้ายใบตองตึง
.   สภาพเก่าๆ ที่เห็น ดูทรุดโทรม และ
น่ากลัวมาก
.
     แสงสว่างอ่อนๆ ยามอรุณจะรุ่งส่องให้
เห็นว่าภายในโรงเรีอนมีคนเดินกันแบบก้มๆ 
ขวักไขว่ไปมา 
.   เห็นเป็นเงาเคลื่อนไหววูบวาบ
.
.      " ข้าไม่เข้าไปนะ
.          ---  แกเข้าไปคนเดียวก็พอ
.    ข้าจะรอข้างนอกนี้แหละ "
.
.    ดารารายบอก เพราะนางรู้สึกเสียวสยอง 
จนน้ำเสียงสั่น
.
.         " ไม่ได้เพคะ-
.  พระมเหสีต้องเสด็จเข้าไปพบกับไอ้หมอผี
โตนสะเรียมด้วยพระองค์เอง
.     เพราะมันยังจะต้องมีพิธีกรรม ให้ต้องทำ
อีกอย่างนึงเพคะ "
.
.      "   โอ๊ยยย-- 
.     - จะอะไรกันอีกล่า !
  "
.
.    ดารารายร้องออกมาทันที กระทืบบาท
รัวๆ อย่างขัดเคือง
. พิธีกรรมบ้าบออะไรเนี่ย ? ทำไมต้องเยอะ
อย่างนี้ด้วย       
.
.   เหยี่ยนก็เงียบอีก ไม่ตอบคำถามอย่าง
ฉุนเฉียวของอัปสรา    
.   ทั้งที่จริง มันรู้ดีว่าพิธีกรรมต่อไปนั้นต้อง
ทำอะไร -แบบไหน  เพราะมันก็เคยได้เห็น
มาก่อน ตอนที่ป้าของมันทำเสน่ห์กับหมอผี
คนนี้
.
.      ทันใดนั้น   มีขอทานสี่ห้าคน 
กรูกันออกมาจากโรงเรือน  เดินดุ่มๆ 
ตรงมาหาสองหญิง
.    ยื่นกะลาในมือมา ส่งเสียงขอทาน
.
.    " เมตตา...
.            กรุณา...
.            ค้ำจุนโลก... "
.
.      " เมตตา...
.              กรุณา...
.             ค้ำจุนโลก...
.
.   เป็นเสียงพูดซ้ำๆ อย่างวิงวอน
.
.      " นังเหยี่ยน-
.           -- ข้ากลัว  "
.
.       ดารารายร้องอี๋ย์ย์ - เบ้หน้า 
. พยายามบีบตัว หดหนีจากกะลาสี่ห้า
ใบ ที่ยื่นมาขอทานแบบประชิดตัวนาง
.
.     "  พ่อหมอกรั๊วะ-
พ่อหมอกรั๊วะ อยู่หนายยยย -- ?  "

 .
 .   นังบ่าวของมเหสีอัปสรารีบตะโกน
เรียกหาหมอผีจากโตนสะเรียม
.
.        " พ่อหมอกรั๊วะ-
.   ข้าพามเหสีดารารายมาหาท่าน
แล้ว "
.
.      เสียงตะโกนของนางเหยี่ยน
 กลับยิ่งเรียกให้ขอทานอีกกลุ่มขยับตัว
.   แล้วเดินกันออกมาสมทบ
.
.         เหยี่ยนตาเหลือก
รีบแหกปากตะเบ็งเรียกหมอผีอีกครั้ง 
.   คราวนี้ นางตะโกนเรียกสุดเสียง 
สุดลำคอ  จนเกิดเป็นเสียงแบบออเพอร่า 
-opera ระดับโซปราโน่ -soprano
.      แล้วกลายเป็นเสียงเอโค่ -echo
ดังก้องสะท้านโรงเรือนค่ายเชลยสงคราม
.
    " พ่อ-หมอ-กรั๊วะ -
.  ( กรั๊วะ -กรั๊วะ-กรั๊วะ--
กรั๊วะ- กรั๊วะ -กรั๊วะ-กรั๊วะ- กรั๊วะ- 
.   กรั๊วะ-  กรั๊วะ   ะ ะ ะ ะ ะ ...  )  "

.
.
.
.         ได้ผล-
.  มีเสียงแหบพร่า แบบคนแก่เฒ่ามากๆ
ดังออกมาจากด้านในโรงเรือน
.
.  " เปิดทาง -ให้พวกมันเข้ามาหากรู !"
.
.    เหล่าขอทานได้ยิน ก็รีบหันหลัง
เดินก้มหน้างุดๆ กลับเข้าไปโดยดี
.
.    " อีสองตัวนั่น-
.         --  เข้ามาหาข้าได้แล้ว "
.
.       อัปสราดารารายถึงกับสะดุ้งเฮือก
สุดตัว   เสียงแหบแห้งนั้น ฟังแล้วน่ากลัว
บอกไม่ถูก
.  นางกลัวจนขอถอดใจ- ไม่เอาแล้วงานนี้ 
ไม่ไปต่อ  ขอกลับวังดีกว่า
.
.    แต่แล้วก็ถูกนังเหยี่ยนรีบรุนร่าง ผลักให้
เจ้านายเดินนำเข้าไปในโรงเรือนเชลยจาก
สงครามที่เก่า แสนจะทรุดโทรมด้วยกัน
.
   ฟ้าเริ่มสาง แสงอาทิตย์ส่องเข้ามา
ให้เห็นผู้คนในโรงเรือนชัดขึ้น

.
.   อย่าว่าแต่ดาราราย  ที่กลัว และนึกสยด
สยองจนแทบหายใจไม่ออก เหมือนกำลัง
จะเป็นลม ขาดใจตายในตอนนี้
.   เพราะแม้นางเหยี่ยนเอง ที่ชีวิตมันเผชิญ
หน้ากับสิ่งร้ายๆ มามากมาย ก็ยังใจเต้นตึ๊กๆ 
หวาดหวั่นกับสิ่งรอบๆ ตัว และที่อยู่ตรงหน้า
ขณะนี้อย่างที่สุด  จนร่างกายและมือไม้ของ
มันสั่นไหวระริก
.
.    มีเสียงทักทายของหมอผีกรั๊วะ ดังมา
จากมุมสลัวๆ
.
.          " อ้อ--
.     นี่นะรึ ? - มเหสีผู้จะทำเสน่ห์
อุบาทว์ๆ ใส่กษัตริย์ผู้ผัว
.   แกไม่รู้หรือว่า ทำแบบนี้มันเป็น
บาปหนักกรรมหนา
.     ตายไป-แกก็จะตกนรก ขุมที่
ลึกเกินจะหยั่งถึง   กี่ปี กี่ชาติ ก็จะ
ไม่ได้ผุด ไม่ได้เกิด ! "
.
.       " แกไม่ต้องมาอวดดี 
 ทำเป็นสู่รู้  - พูดมาก ! "
.
.       ดารารายเผลอตวาดแว๊ด
. นางถูกคอมเม้นต์แรงจากหมอผีจน
โมโห ลืมกลัว ด่าสวนกลับไป
.
.   " รีบส่งยามาให้ข้าเดี๋ยวนี้ 
.        ข้าจะได้กลับวัง "
.
.  "  ก็ปากคอหยาบช้า ร้ายกาจเยี่ยงนี้
นี่เอง -- เจ้าถึงไร้ซึ่งเสน่ห์ให้ผัวรัก
.     ต้องมาจ้างวานคนชั้นต่ำอย่างข้า 
ให้ใช้เดรัจฉานวิชามาร เข้าช่วย "
.
.           และแล้ว-
. เฒ่าหมอผีก็เดินกระย่องกระแย่ง
ออกมา 
.    ตรงมาหาทั้งสองนาง -ใกล้ๆ
.
.      กลิ่นสาบคลุ้งนำหน้ามาก่อน 
ก่อนที่โฉมร่างหมอผีแบบอันซีน จะ
ปรากฏให้เห็นเป็นบุญตา
.
.     อัปสราดารารายรีบเอามืออุดจมูก 
และปิดปากตัวเอง   กล้ำกลืนเสียงอุทาน
ที่กำลังจะหลุดร้องออกมา
.      ด้วยนางตกใจ กับภาพตรงหน้า
สุดประมาณ
.
.             โอ-- 
.   สารรูปหมอผีแห่งโตนสะเรียม ช่าง
น่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้ !!!
.   ยิ่งกว่าหน้ากากนักร้อง ที่แกงเหลือง-
เอ๊ย-แกงส้ม ใส่ในลุคหน้ากากร็อตไวเล่อร์ 
ของค่ายเวิร์คพอยต์-- ร้อยเท่า !!

.
.     เป็นชายเฒ่าชราที่ดูแก่งั่ก อายุคง
เก้าสิบปีขึ้นเห็นจะได้
.    เคี้ยวหมากไม่หยุด เสียงดังจั๊บๆ ไร้
ซึ่งมรรยาทผู้ดี   -ทั้งที่ฟันของแกเหมือน
จะหักเกือบหมดทั้งปาก 
.
.     ผมหงอกขาวที่มีเพียงหร็อมแหร็ม 
ถูกปล่อยให้ยาวเฟื้อย  หย่าขาดจากหวี
.   มองไป- เห็นเนื้อตัวเหี่ยวย่นชัดเจน 
เพราะท็อปเลส -คือท่อนบนไม่สวมเสื้อ
นุ่งแต่ผ้าถุงเน่าๆ ที่เปื่อยขาดกะรุ่งกะริ่ง 
คล้ายชุดคอสตูมของหน้ากากกระต่ายป่า
ที่โบ สุนิตาใส่บนเวทีวันก่อน
.   หลังของแกโก่งงอ แต่ก็ไม่ถือไม้เท้า
เวลาเดินจึงดูโคลงเคลง งุ่มง่าม เหมือน
ลิงป่าแก่ๆ ที่ตัวใหญ่ ๆ
.
.     น่ากลัว ราวกับปีศาจชรา ที่โผล่
มาจากหลุมศพ ของสุสานร้าง- ก็ไม่
ปาน
.
.      และแล้ว หมอผีก็กวักมือ เรียก
 นางเหยี่ยน
.
.            " อีไพร่--
.    เชิญเอ็งรับห่อยา ช่อง 3  "
.
.  นางเหยี่ยนมองตามมือเหี่ยวๆ ของหมอ
ผีกรั๊วะ ที่ชี้บอกทิศทางให้
.  ที่ซอกช่องหลืบของโรงเรือน ซอกที่สาม
มั้ง ?  นับจากซ้ายไปขวา  เห็นมีขอทานชู
ห่อผ้าอยู่ไหวๆ

.   แล้วก็มีเสียงประกาศเรียก ดังออกมา
เหมือนเสียงประกาศทางไมโครโฟนของ
บางสถานที่ ที่ฟังเข้าใจยากมาก ต้องเงี่ยหู
ฟังให้ดี  ถึงจะพอเดาได้ว่า กำลังเรียกใคร 
.   เพราะจะพูดเสียงเบาเหมือนบ่นๆ แบบ
ไม่เปิดปากพูด หากก็รัวเร็ว และจะประกาศ
เรียกแค่รอบเดียว-ผ่าน

.     " คุณเหยี่ยนส์รับยาช่อง 3 - "
.
.    นังเหยี่ยนที่ตะแคงหูฟัง ร้อง -ห๊ะ ?
เรียกกรู อ๊ะป่าวเนี่ย ?
.    นางหันไปมองรอบๆ ก็ไม่เห็นมีใคร
อื่นอีก  นอกจากตัวเอง   
.   งั้นก็เรียกกรู-นี่แหละว้า นังบ่าวจึงรีบ
เดินเข้าไปหา
.
.       พอถึงที่ เอื้อมมือจะไปรับ
แต่ขอทานคนนั้นกลับโยนห่อยาข้ามหัว
นาง ไปตกลงบนลานดินพื้นโรงเรือน ที่
เป็นดินเฉอะแฉะ ปนขี้ปลักขี้เลน แสนจะ
โสโครก
.      -- ให้มันต้องก้มลงหยิบเอง
.
.         " แม่ง-งงง "
.
.             เหยี่ยนฉุนกึ๊ก  -
.  ระเบิดคำด่าในลำคอออกมาทันที  
ขณะก้มลงคว้าห่อผ้าเก่าๆ นั้นขึ้นมา
.
.     พลัน  นางก็ถูกขอทานห้า-หกคน 
ตรงเข้ามารุมจับตัว 
.      ยึดแขน ยึดขา รัดตัวนางไว้แน่น 
.
.   ดารารายตกใจ นางไม่พอใจในทันที
.         ร้องตวาดเสียงดัง
.
.           "  หยุดนะ !   
 .       พวกแกมาจับบ่าวของข้าทำไม
--ห๊า ?
.           ปล่อยนังเหยี่ยนของข้า
 -เดี๋ยวนี้ ! "
.         
.   หมอผีกรั๊วะพูดเสียงสั่นเครือ ด้วยความ
หง่อมชรา
.
.   " ข้าต้องให้จับนังไพร่ของเอ็งไว้ก่อน-- 
.  เพราะข้ากำลังจะให้มเหสีกินหมากจาก
ปากของข้า
.   ที่กำลังเคี้ยวจนนุ่ม หอมหวานได้ที่
.  ไม่งั้น--พิธีกรรม มันจะไม่เสร็จสมบูรณ์ "
.
.         " ว้ายยยย..."
.
.     ดารารายฟังแล้วอยากจะบ้าตาย  
นางร้องลั่น
.         คลื่นไส้ อยากจะอ้วก !
.
.         "  ไม่เอานะ  -
.   ข้าไม่กินหมากจากปากแก
.          - ไอ้หมอผีสกปรก ! "
.
.        " อีมเหสีโง่ !!-- ฟังข้าก่อน
.   หมากอาคมเดนตีน--ที่ข้ากำลังเคี้ยว 
หยับ-หยับ รอป้อนใส่ปากของเอ็งอยู่เนี่ย -
.     ข้าอุตส่าห์ตั้งใจทำจากวิญญาณ
ตายโหงที่ร้ายที่สุด เท่าที่ข้าเคยทำมา
ทั้งหมด เจียวนาโว้ย--
.     เป็นวิญญาณสุดพยาบาทของผีวัวป่า
ที่มันเป็นบ้า -- มีน้ำลายไหลยืดเต็มปาก
ตลอดเวลา    เที่ยวคึกคะนองวิ่งไล่ขวิด
สัตว์อื่นๆ ทั่วทั้งป่าลึก  
.    ต่อมา- มันถูกเสือสมิงขบกัดเป็นแผล
ฉกรรจ์ สาหัสมาก   มันเลยใช้เขาแหลม
ยาวโง้งขวิดตอบเสือสมิงไป  แล้วกระหน่ำ
แทงซ้ำ จนเสือสมิงตายคาเขาของมัน
. แต่มันเองก็ต้องตายพร้อมๆ กับเสือสมิง
.
.     ข้ารับรองว่า เมื่อเอ็งกลืนกินหมาก
คำนี้แล้ว  ผัวเอ็งจะหลงรักเอ็ง ติดหนึบ 
ชนิดที่ไม่ยอมห่างไปจากตัวของเอ็ง
.       แม้สักวินาทีแน่นอน "
.
.
.            " ข้าไม่อาวววว--
.    ข้าไม่กินนนน  ! 
.            ไอ้หมอผีบ้าาาาาาา !!! "
.
.       อัปสราดารารายไม่ยอม
.
.      " อีมเหสีปากร้าย
.             -ฟังข้านะ 
.   ทำการกันมาถึงขั้นนี้แล้ว--ถ้าเจ้าไม่ยอม
กลืนหมากของข้าลงในท้อง  วิญญาณผีวัว
ป่ามันก็จะออกมาจากปากของแก   ไล่ขวิด
แกจนพุงแตก ไส้ไหลทะลัก 
.        -จะบอกให้ !  ! "
.
.             ดารารายผงะ-
.     อะไรกันนี่ ?--
.   ทำไมพิธีกรรมทำเสน่ห์ถึงสุดสกปรก 
และอุบาทว์ชาติชั่ว- เช่นนี้  ?

.
.        " ทูนหัวของบ่าว  ทำตามที่พ่อหมอผี
 โกสต์ ด๊อกเต้อร์ -เชแมน-shaman บอก
.        - เถิดเพคะ "
.
.   นางเหยี่ยนกลัวเจ้านายจะต้องตาย
ด้วยคมเขาของผีวัวป่า รีบขอร้องอัปสรา
ดารารายให้ยอมทำตามที่หมอผีกรั๊วะบอก
มาแต่โดยดี
.
.  เห็นดารารายทำท่าเหลียวหาทางกลับ
ออกไป  หมอผีกรั๊วะจึงร้องตะโกนสั่ง
.
.     "  จับตัวมเหสีไว้ ! "
.
.    ขอทานเชลยกลุ่มหนึ่งปรี่เข้าจับตัว
ดารารายที่ทำท่าจะหนีไว้ทันที
.     มีคนหนึ่งใช้มืออุดปากนางไว้
.
 .   ดารารายดิ้นรนขัดขืน นางต่อสู้สุดฤทธิ์
ใช้เท้าสลับถีบ ยันไปรอบๆ ทิศ
.   จนมีขอทานบางคนโดนเท้านางถีบเข้า
ให้-เต็มแรง  ถึงกับกระเด็นล้มคว่ำ  ขอทาน
อีกสองสามคนจึงตรงเข้ามาร่วมช่วยกัน
.
.             ที่สุด...
.   พระมเหสีอัปสราดารารายก็ถูกจับ
กดร่างให้นอนหงายบนพื้นดินที่สกปรก
เปียกแฉะ  แขน และขาของนาง ถูกเข่า
ของขอทานเชลยศึกหลายคนยันทับ
ไว้แน่น
.
.       มิหนำซ้ำ ปากก็ถูกปิด
   จนนางตาเหลือก ร้องไม่ออก
.
.      เหยี่ยนที่ยังถูกกุมตัว ตกตะลึง -
สงสารดารารายยิ่งนัก ทำไมพวกมันต้อง
ทำกับพระมเหสีถึงขนาดนั้น
.  นางจึงสะบัดดิ้นไปมา ต่อสู้สุดกำลัง
หวังจะให้หลุดจากการจับกุม ไปช่วย
เจ้านายตัวเอง
.
.   ขอทานคนหนึ่งถูกนางเหยี่ยนใช้
ปากกัดที่มือจนเลือดอาบ
.       เจ้านั่นเจ็บ- ร้อง โอ๊ย !
.   มันโมโหสุดขีด--เมิงกัดกรูหรอ ?
.จึงเอากำปั้นเด็ด ตุ้ยที่ท้องนางเหยี่ยน
แบบหมัดฮุค-อัพเพอร์ คัท 
.         --  สุดแรงเกิด !
.
.         นางเหยี่ยนร้อง -- อุ๊บ !
เจ็บปวด จุกเสียดไปหมด  ตัวงอฟุบลง
ทันที 
.   นางล้มลงนอนกับพื้นดิน ครวญคราง
เสียงดัง อะ-- อะ- อะ 
.       -- ไปไหนต่อไม่รอด
.
.
.    หมอผีก้าวขา นั่งคร่อมอกของ
ดารารายไว้
.     แล้วสวดมนตร์เสียงรัวเร็ว 
.  ไม่สนใจใบหน้าที่ส่ายดิ้นไปมาของ
มเหสีอัปสรา
.
.    และแล้ว  ปากของนางก็ถูกจับบีบ 
บังคับให้อ้าออก
.
.   ชานหมากเละๆ แหยะๆ ที่เฒ่าหมอผี
ล้วงออกมาจากปากของมัน  ถูกยัดลงไป
ในปากของดาราราย
.     หมอกรั๊วะเอานิ้วเหี่ยวๆ ของตัวเอง
จิ้มดันให้หมากเข้าไปในปากนางลึกๆ
.
.   อัปสราดารารายให้ขย้อน จะอาเจียน
ทำท่าจะพ่นคายชานหมากออกมา
.   แต่แล้ว นางก็ถูกปิดปากแน่นอีกครั้ง 
จนหายใจไม่ออก  ส่ายหน้าไปมา หายใจ
เข้าออกก็ขลุกขลัก ลำบาก 
.
.           ในที่สุด...
.   ดารารายก็ต้องจำใจกลืนชานหมาก
นั้นลงไปในลำคอ   เพียงเพื่อที่-นางพอจะ
หายใจได้สักอึก

.
.      *  *  *  *  *  *  *  *

..      " ถุ๊ย ! -  

.                ก็แค่เนียะ ..."

.
.     หมอผีถ่มน้ำลายลงข้างๆ ตัวเอง 
พูดใส่หน้ามเหสีอย่างเย้ยหยัน 
.      แล้วขยับตัว ค่อยๆ ลุกขึ้น
.
.    " ทำเป็นขยะแขยงชานหมาก
ของข้า---
.         เอ็งมันใจสกปรก ก็ต้องกิน
ของสกปรกแบบนี้แหละวะ  "
.
.    จากนั้น หมอผี และเหล่าขอทาน
ทั้งหมดก็ผละจากไป กลับไปอยู่ที่พัก
เดิมของแต่ละคน 
.    -- ไม่สนใจใยดีกับสองนาง
.
.   ทิ้งให้ดารารายนอนสะอื้นกระซิกๆ
เกลือกกลิ้งร่างไปมาอยู่กลางลานดิน
.   สักครู่  นางก็ระเบิดเสียงหัวเราะออก
มา ราวกับสะใจตัวเอง
.   แล้วทันใด  ก็ปล่อยร้องไห้โฮเสียงดัง
ประหนึ่งสมเพทตัวเองแทน
.
.    ใช่แล้ว--นางกำลังสติแตก  เหมือน
คนวิกลจริต !!
.
.   นางเหยี่ยนที่นอนแน่นิ่งจากการ
ถูกหมัดฮุค หนักน้องๆ บัวขาว ต่อย
ตุ้ยเข้าที่ท้อง มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้
ทุกอย่าง 
.    ให้สะท้อนใจด้วยความขมขื่น และ 
เวทนาเจ้านาย กับตัวมันเอง
.
.   นางฝืนความเจ็บปวด คว้าหาห่อยาที่ตก
อยู่ใกล้ๆ มากำไว้  
.     ค่อยๆ พยายามคืบตัว คลานไปตามพื้น
ลานดินที่สกปรกเฉอะแฉะทีละน้อย- ทีละ
น้อย     พาตัวเองไปถึงตัวเจ้านายของมัน
จนได้
.     เข้าประคอง ฝืนให้อัปสราดารารายนั่ง  
พลางปลอบประโลมให้ลุกขึ้น
.
.     "  ทูนหัวของบ่าว--
.            เรากลับกันเถิดเพคะ  "
.
.     ดารารายเอาแต่ร่ำไห้สะอึกสะอื้น 
 ตาลอย   มองเหม่อไปข้างหน้าอย่างไร้
จุดหมาย  
. แต่นางเหยี่ยนก็พยายามฝืนกายเจ้านาย
อีกครั้ง ให้ลุกขึ้นยืนจนได้ 
.
.      เนื้อตัวอัปสราดารารายมอมแมม 
สกปรกเลอะเทอะ มีแต่เศษดินเศษโคลน 
.   หากเหมือนนางจะหมดอาลัยตายอยาก
ในชีวิตเสียแล้ว   จึงไม่ใส่ใจไยดีที่จะปัด
เช็ดออก   
.
.  รับผ้าซิ่นผืนเก่าจากนางบ่าว มาคลุม
ที่ศีรษะอย่างเลื่อนลอย   และยอมให้มัน
ประคองเดิน พากันออกมาจากโรงเรือน
เชลยสงครามทั้งนาย และบ่าว อย่างสุด
แสนอเนจอนาถใจ
.
.      นางเหยี่ยนเองก็ไม่พูดอะไรสักคำ
รีบพาดารารายออกห่างจากบริเวณนั้น
  โดยไม่หันหลังกลับไปมองโรงเรือน
เชลยสงครามอีก แม้แต่น้อย
.
.
.      *  *  *  *  *  *  *  *
.
.
.   " เมื่อหันเห สู่เดรัจฉาน มารวิชา
.     ทั้งกายา แลอารมณ์  บ่มความชั่ว
.     แลกชีวิต กับมัน ยอมพันพัว
.     และวันหนึ่ง ที่เกลือกกลั้ว พาตัวตาย "
.

.
.           ค่ำนั้น--
.  นางบ่าวผู้ภักดีจับเจ้านายทูนหัว
ของตนลงสรงให้เอง

.    ปิดประตูหน้าตำหนัก  ขัดลั่นดาน
จากด้านในอย่างแน่นหนา
.
.   เหยี่ยนบรรจงใช้ขมิ้น และมะขามเปียก
ทั้งฝัก  ขัดวรกายอัปสราดารารายครั้งแล้ว
ครั้งเล่า จนผิวพรรณของมเหสีดูเปล่งปลั่ง 
มีน้ำมีนวลขึ้นอย่างถนัดตา
.
.   ดารารายที่ยังเหม่อลอย เหมือนจะเริ่ม
ผ่อนคลาย กลับคืนสติ
.  แอบชำเลืองมองดูนังเหยี่ยน ที่ก้มหน้า
ก้มตาประโคมเครื่องสำอางบำรุงผิวพรรณ 
และความงามให้ตน  ก็ให้นึกเอ็นดูมัน อย่าง
สำนึกในการกระทำนั้น 
.
.     อัปสราค่อยๆ เอื้อมมือตนจับมือของ
นางเหยี่ยน เอามาแนบที่แก้มตัวเองอย่าง
นุ่มนวล
.           รำพันว่า
.
.         " เหยี่ยนเอ๊ย --
.    ข้าต้องขอบใจเอ็งเหลือเกิน "
.
.            ทรงสะอื้นเบาๆ
.
.            " เอ็งช่างดีต่อข้านัก
.    ไม่มีใครรักข้า--
.                เท่าเอ็งอีกแล้ว "
.
.     นางกำนัลเหยี่ยนตื้นตันจนน้ำตาคลอ
กล่าวกับเจ้านายด้วยความรัก และบูชา
.
.        " ทูนหัวของบ่าว--
.   ชีวิตนี้ บ่าวก็ตายแทนพระองค์ได้เพคะ "
.
.    ดารารายกอดนางบ่าวสาวใช้ ซบหน้า
กับอกของมัน ราวลูกน้อยซบอกอุ่นของมารดา
.      พลางกันแสงสะอื้นอย่างซาบซึ้ง

.            *  *  *  *  *  *
.
.
.      ทรงภูษาเสร็จ-
.
.    ที่หน้าคันฉ่อง  ดารารายเรียกหา
น้ำปรุงหอม
.
.     " ช่วยหยิบขวดชาแนล นัมเบอร์ไฟว์
จากเมืองวิลาศให้ข้าที "
.
.        " ไม่-เพคะ "
.
.            เหยี่ยนส่ายหน้า
.
.    " คืนนี้ พระมเหสีของบ่าวจะต้องเข้าเฝ้า 
ถวายงานรับใช้องค์อนันตราช
.    พระองค์จะต้องทำให้เจ้าชายอนันตราช
ยกเลิกงานอภิเษกของวันพรุ่ง-มะรืนนี้ให้จง
ได้ 
.   บ่าวจึงขอให้ทูนหัวใช้เซรั่ม- นัำปรุงหอม
ที่ท่านหมอกรั๊วะทำมาให้  
.      -- แทนน้ำปรุงเดิมเพคะ "
.
.       " ไหน --
.              ขอข้าดูก่อน  "
.
.     เหยี่ยนส่งน้ำมันหอมในขวดขนาดกลางๆ
ให้มเหสีอัปสราดาราราย
.
.        " อุ๊ย-- 
.              นี่เหรอ เซรั่ม-ที่แกว่า ? "
.
.     เห็นสภาพขวดที่ไม่ผ่าน อย. -ฉลากโชว์
แบรนด์เนมก็ไม่มี  ดารารายถึงกับอุทาน
.       - นางรับไม่ได้ !
.
.       "  ขวดที่ใส่มา ---
.      ดูหน้าตา ยังกะเป็นขวดน้ำปลาขวดเล็ก
ที่คนเขาใช้หมด แล้วโยนทิ้งเลย- อ่า
.  นี่มันคงไปเก็บมาจากกองขยะแถวๆ โรงเรือน
เชลยสงครามนั้นแน่ๆ
.       ล้างบ้างป่าว -ก็ไม่รู้
.                 ยี้ !! --ไม่เอาหรอก  
.  แกเอาน้ำหอมจากเมืองวิลาศมาให้ข้าดีกว่า "
.
.        "  พระมเหสีเพคะ
.   ทรงอย่าลืมซิว่า -- เรายอมทำทุกอย่างกันมา
สารพัด  และพ่อหมอกรั๊วะ แกก็ทุ่มกับงานนี้ให้เรา
จนสุดตัว "
.
.      ว่าแล้ว นางเหยี่ยนก็รีบยกขวดยาเสน่ห์มาถือ
ไว้ที่อกข้างซ้าย  พลางเอียงคอ ทำท่าพรรณา 
อธิบายสรรพคุณ และเชิญชวนให้ดารารายฟัง 
.   ดูเก๋ไก๋--ไม่แพ้บรรดาเนตไอดอล ที่ต่างดาหน้า
แห่กันมาโฆษณาสินค้าทางโลกโซเชี่ยล
.
.      " ยาเสน่ห์นี้--
.           ขอรับประกันว่าเป็นของแท้เพคะ
.    ตัวยามีส่วนผสมที่ทำมาจากน้ำลายของ
วิญญาณวัวป่าบ้า 75 %  นำมาหมักกับน้ำหมาก
จากปากพ่อหมอกรั๊วะ อีก 25 %  นานหนึ่งราตรี  
.    จนออกมาในรูปของผลิตภัณฑ์เซรั่ม-serum
เป็นสินค้าเกรด A ที่ทางผู้ผลิตมีความภาคภูมิใจ 
และมั่นใจ ให้คำรับรองสรรพคุณ 
.           แต่เดี๋ยวก่อน---
.     หากสั่งซื้อ และใช้แล้วไม่พอใจ ก็สามารถ
ติดต่อส่งคืนกลับได้  ภายในสามวัน   
.  ทางผู้ผลิตยินดีคืนทรัพย์กลับคืนให้ เต็มตาม
ราคาที่ซื้อไป - เพคะ  "

.          ดารารายทำเฉย 
.   ไม่ใส่ใจการรีวิวเซรั่ม -น้ำหอมเสน่ห์ แบรนด์
หมอกรั๊วะของนางบ่าว 
.
.   เหยี่ยนให้อ่อนใจกับพระทัยสุดรั้นของเจ้านาย
ตน  แต่นางก็พยายามทูลวิงวอน ขอร้องไม่เลิก

.     " ทรงทำต่ออีกนิด  ตามที่บ่าวขอ
.           -- เถิดเพคะ พระมเหสี  "
.  
.   หากอัปสราดารายก็ยังไม่ไยดีต่อนาง ทรง
เอาแต่มององค์เองในคันฉ่อง  
.        แตะโน่น -แต่งนี่  เรื่อยเปื่อย
.
.           " ตายแระเพคะ "
.
.           จู่ๆ นางเหยี่ยนสะดุ้ง
.      ยกมือทาบอก  ร้องขึ้นมา 
.
.        "  บ่าวเกือบลืม--
.   เราต้องเซ่นไหว้ ให้อาหารวิญญาณ
ก่อนเพคะ  "
.
.     นางเดินอย่างเร่งรีบ ลงไปที่ครัวของ
ตำหนัก ที่อยู่ห้องติดกัน
.
.           แป๊บเดียว--
.  ได้ยินเสียงแม่ไก่ตัวหนึ่ง ร้อง ก๊อกกกก--
ดังลั่น 
.     ตามด้วยเสียงตีปีก -- พั่บๆ ๆ ๆ
.         แล้วเงียบไป
.
.           *  *  *  *  *  *  *
.
.     เหยี่ยนถืออ่างใหญ่กลับเข้ามา เห็นรอย
เปื้อนของเลือดไก่ กระเซ็น กระจายเป็นจุดๆ 
ตามใบหน้าของมัน 
.
.      นางบ่าวเทเลือดไก่ และเครื่องในสดๆ
อันได้แก่ ตับ ไต ไส้ พุง ทั้งหลาย    ใส่ใน
ชามดินเผาใบโต แถวๆ นั้น
.
.      อัปสราดารารายยืนกอดอก    พิงโต๊ะ
คันฉ่อง มองดูมันเงียบๆ
.
.     เห็นนางเหยี่ยนจุดธูปกำใหญ่  ควันคลุ้ง 
ส่งกลิ่นหอมเอียนๆ ไปทั้งห้อง
.
.       แล้วพนมมือ  พูดอะไรไม่รู้ งึมๆ งำๆ
 และปักธูปทั้งกำลงในหม้อทองเหลืองใบใหญ่
ที่ใส่ดินทรายไว้เต็ม
.   
.         ทันใดนั้น..
.  ของที่เซ่นผีในชามดินเผา ซึ่งคือเลือด 
และเครื่องในไก่สด
.      ก็เริ่มกระดุกกระดิก  ขยับได้ เหมือน
กำลังถูกอะไรมากิน
.
.     แพร่บเดียว --ทุกอย่างหายเกลี้ยง !
  ทั้งเลือด ทั้งเครื่องใน
.         เหลือแต่ชามเปล่าๆ
.
.  
.      เหยี่ยนถอนหายใจ  เก็บชามผลักซุก
ไว้ใต้โต๊ะคันฉ่อง
.
.        "  เรียบร้อยเพคะ  --
.  คราวนี้ เราก็มาทาน้ำหอมของหมอผีกรั๊วะ
กัน "
.
.       " อะ--  เอาให้เหมาะเลยแก
.  อยากทำไรให้ข้า   
.              --- ก็เชิญ ! "
.
.       ดารารายประชด  ยอมแพ้มันแระ
 เพราะรำคาญ

.
.    พอเหยี่ยนเปิดขวด แตะน้ำมันหอมที่ขวด   
แล้วมาป้าย แตะที่องค์ของอัปสราดาราราย
.
.       ดารารายก็สะดุ้งเฮือก ..
.
.    นางรู้สึกเย็นวาบ ราวถูกราดด้วยน้ำเย็นจัด
แล้วบังเกิดความซ่านเสียว จนขนลุกเกรียว
.    รู้สึกได้ถึงกระแสโลหิต  และเลือดลมปราณ 
ที่กำลังฉีดแผ่ซ่าน แล่นกระจาย ไปทั่วทั้งวรกาย
.
.        ทันใดนั้น นางเหยี่ยนก็ผงะตกใจ 
.    รีบปิดฝา   กำขวดน้ำมันหอมไว้แน่น
เซถอยหลังหนี จนล้มหงาย
.
.       เพราะนางเห็นมีเงาดำทะมึน
.  ค่อยๆ ก่อตัว โผล่ขึ้นคร่อมเหนือศีรษะ
ของมเหสีอัปสราดาราราย
.
.       กลุ่มเงานั้น เริ่มรวมตัวกัน
.
.   และแล้ว  มันก็ทำให้เห็นเป็นรูปร่าง
ของผีวัวป่า ตัวบิ๊กจัมโบ้ สุดมหึมา

.
.   มันผงกหัว  ส่งเสียงคำรามในลำคอ
.
.        " มออออออออออ ... "
.

.   ดวงตาของมันเป็นสีแดง ลุกโพลงราวกับ
ลูกบอลไฟ  
.   ส่ายเขาแหลมยาวโค้งไปมาอย่างบ้าคลั่ง
แล้วมันก็ยกขาหน้าทั้งคู่ขึ้นโขก คร่อมตัวของ
มเหสี ประหนึ่งวัวเพศผู้กำลังเสพสังวาสตัวเมีย
-นั่นเอง
     - มันกระทำใส่นาง สอง-สามครั้ง
.
      และแล้ว    เงาดำนั้น ก็ค่อยๆ เลือน -
เลือนหายไป...
.
.
.
.       " เหยี่ยนนนน.... "
.

.     เสียงดารารายเรียก  น้ำเสียงสดใส
อย่างคนกำลังอารมณ์ดีที่สุด
.
.       " เป็นอาลาย --หื้อม์ ?
.    มองหน้าข้าแค่นี้ 
.        --ถึงกับตกตะลึง เชียวหรา ?
.
.    อัปสราดารารายตรัสหยอกล้อบ่าว
. ยิ้มให้มัน  แล้วสรวลขำอย่างชื่นมื่น
.      
.       ภาพของมเหสีในคันฉ่อง
และตัวจริงของมเหสี ที่ยืนยิ้มหวานให้
.  บัดนี้ ได้เปล่งรังสีเสน่ห์ เป็นออร่า-aura 
ออกมาอย่างน่ามหัศจรรย์
.
.   ดวงตาส่งประกายกลอกกลิ้งแพรวพราย 
ชวนน่าหลงใหล  อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
. กลิ่นหอมรัญจวน โชยเรื่อออกมาจากวรกาย
ของนาง ชวนให้อยากสูดดม
. วาจาที่เคยกระด้างแดกดัน พลันกลับเปลี่ยน
เป็นน้ำเสียงออดอ้อน ออเซาะ
.
.      "   เหยี่ยน  --
.              เหยี่ยนจ๋า---
.         ช่วยดูให้หน่อยสิจ๊ะ
.   ข้าสวยพอจะเข้าถวายงาน รับใข้เสด็จ
พี่อนันตราชหรือยัง  ?  "

.
.     แล้วมีเสียงหัวเราะกระซิก เบาๆ ตามมา 
.
.       เหยี่ยนขนหัวลุกชันทันที--   
.  เพราะเสียงนี้   มันเหมือนเสียงหัวเราะของ
เด็กสาววัยแรกรุ่น  
.  ไม่ใช่เสียงเดิมๆ ของมเหสีอัปสราดาราราย
.         มันไม่ใช่- อ่า 
.
.   นางเหยี่ยนยอมรับแล้ว ในอิทธิฤทธิ์ของ
เวทมนตร์ดำจากอำนาจวิญญาณเดรัจฉาน
.  เพราะมันเกิดขึ้น ต่อหน้าตัวนางเองตอนนี้
ให้ได้ตระหนักรับรู้
.
.
.      *  *  *  *  *  *  *  *  *


.       ขณะที่นายและบ่าว กำลังเตรียมตัว
กัน จะออกไปเข้าเฝ้าองค์อนันตราช
.     เสียงเคาะประตูตำหนักก็ดังขึ้น

.
.         " อุ๊ย-- ใครมา ? "
.
.        ทั้งสองสะดุ้งตกใจ
.
.  " ทรงหลบเข้าหลังวิสูตรก่อนเพคะ
เดี๋ยวบ่าวจะออกไปดูเอง "
.
.     ทูลแล้ว  เหยี่ยนก็เดินไปถึงประตู 
แอบมองทางช่องแอบดูเล็กๆ
.
.    พอเห็นว่าเป็นใคร นางก็รีบเปิดให้
และทรุดตัวลงนั่งอย่างรู้งาน
.
.    " บังคมเพคะ -
.           องค์อนันตราช "
.
  " ดารารายของข้าอยู่ไหน "
.
.  เจ้าชายอนันตราชตรัสถามอย่่างร้อนรน
.   ทรงก้าวเดิน ผลักทหารส่องประทีปสองคน 
ที่ยืนหน้าตนให้พ้นทาง
.   แล้วเข้ามาประทับยืนในตำหนัก  สอดส่าย
สายเนตรมองหา
.
.    " ดาราราราย ....
.           ข้ามาหาเจ้าแล้ว  "
.
.    อัปสราดารารายที่หลบอยู่หลังม่านแอบยิ้ม
อย่างสมใจ 
.    สุดพึงใจที่เห็นพระอากัปกริยาของสวามี
สำแดงอาการคลั่งไคล้ โหยหาตน   ต่อหน้า
เช่นนี้
.
.     " เสด็จพี่...
.             หม่อมฉันอยู่นี่เพคะ "
.
.    นางแหวกวิสูตร ออกมายืนรับแสงวับวาม
จากประทีปของตำหนักที่ส่องมากระทบองค์
.   พลางโพสท่ายั่วยวน แบบนางงามที่ถูก
ประกาศเรียกเข้ารอบสามคนสุดท้าย
.
.    " โอ้- ดาราราย
.         เจ้าช่างงาม กระไรเยี่ยงนี้  "
.
.     อนันตราชอุทานอย่างตกตะลึง
ในรูปโฉมของนาง ณ ตรงหน้า
.
.     " ไยเสด็จพี่ ถึงต้องมาตามหม่อมฉัน
ถึงตำหนักเอง 
.     หม่อมฉันก็กำลังจะไปเข้าเฝ้า  ถวาย
การรับใช้อยู่พอดี เพคะ "
.
.   อนันตราชแทบสำลักอารมณ์เสน่หา
ที่อัดอั้น 
.    ทรงตรงเข้ากอดรัดนาง
.
.  " ข้าทนคิดถึงเจ้าไม่ไหว ดาราราย
.       ข้าถึงต้องให้ทหารวัง ต่างประทีป  
พาข้ามาหาเจ้าที่นี่- "
.
.      ทรงผลักรุนนางไปที่แท่นบรรทม
ทันที
.  ดารารายจึงแสร้งออดอ้อน ออเซาะ
.
.     " แล้วราตรีนี้ พระองค์จะทรง
ประทับบรรทมที่ไหน -ละเพคะ ? "
.
.    " ข้าขออยู่กับเจ้าที่นี่  ข้าจะไม่ห่าง
เจ้าไปไหน   "
.
.            " เพคะ  "
.
.
 .   เหยี่ยนอมยิ้ม เมื่อเห็นสององค์สำแดง
ความรักกันโดยไม่สนใจใครรอบข้าง
.
.   นางหันไปบอกกับทหารวังที่ยืนถือผาง
ประทีปคินเผาขนาดใหญ่
.
.    " พวกเจ้าทั้งสองกลับไปได้แล้ว
ข้าจะลั่นดานพระตำหนัก
.    สองพระองค์จะประทับนิทรา  "
.
.      *  *  *  *  *  *  *  *  *
.
.     ปิดประตูเสร็จ   นางบ่าวเหยี่ยนก็รีบ
ออกมาจากตำหนัก ด้วยความลิงโลดใจ
อย่างสุดๆ
.    องค์อนัตราชทรงต้องมนตร์ขลังแห่ง
เซรั่มมหาเสน่ห์อย่างแน่นอน ถึงขั้นไม่ทรง
รอให้อัปสราดารารายไปถวายการปรนนิบัติ
รับใช้ถึงตำหนักหลวง อย่างเคย
.
.      กลับทรงเสด็จมาหาเอง 
. และขอประทับนิทราสวาท  ณ ตำหนัก
ของอัปสราดารารายเยี่ยงนี้ 


.   *****************************

                               จบตอนที่ 4 .
..................................................................

** หมายเหตุ : ครั้งนี้เป็นการนำนิยายมาลงบล็อกใหม่อีกครั้ง

        เขียนลงบล็อกครั้งแรกเมื่อ   7 ตุลาคม 2559                      
      สถิติบันทึกการเข้าอ่าน 1994 ครั้ง   ณ  18 ธันวาคม 2561       **
...................................................................................................   



Create Date : 08 ตุลาคม 2563
Last Update : 22 ตุลาคม 2563 10:55:27 น.
Counter : 513 Pageviews.

0 comments

Huean Piang Din
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



ตุลาคม 2563

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog