บล็อก- blog เปรียบเสมือนสมุดไดอารี่เล่มใหญ่ที่สุดของผม
|
|||
นิยาย " จันทรากินรี " โดย เหมชาติ ทอง - ( ตอนที่ 2.) . 2. ตามล่าถึงตัวฆาตกร . . . พอลงมาจากบริเวณผาน้ำตก จันทรากินรีก็ถามพี่เลี้ยง ด้วยความ กังวล . . " พี่โพระดก-- . แล้วนี่เราจะพูดภาษามนุษย์ได้หรือเปล่า ก็ไม่รู้ " . . " เห็นว่า- พอเราถอดปีกหางออก กลายเป็นมนุษย์ . อำนาจแห่งความเป็นกินรีแปลง สามารถ ทำให้พวกเราเข้าใจ และพูดภาษาของมนุษย์ ได้เลยเพคะ . - พ่อของพี่เคยบอก " . . " จริงหรอ . โอย - ตื่นเต้นจังเลย . เวลานี้เราอยูที่ไหนกันละเนี่ย ? . เอ๊ะ -ดูโน่นซิ ข้างหน้าโน้น เหมือนเป็นเมืองมนุษย์นะ " . . นางพี่เลี้ยงมองตาม ลิบๆ ตรงโน้น ดูแล้วมีอาคาร สิ่งก่อสร้าง เห็นไกลๆ . - ต้องเป็นเมืองๆ หนึ่ง - ชัวร์ . . " ใช่เพคะ งั้นเรารีบไปกันเถอะองค์หญิง . อยู่ตรงนี้ พี่ดูแล้ว นอกจากเรา ก็ไม่มี มนุษย์หน้าไหนเลย . มีแต่ลิงค่าง เก้งกวาง บ่างชะนี " . . สัตว์ป่าบริเวณนั้นมีแต่พันธุ์ชนิดที่ ไม่ดุร้ายเหมือนที่โพระดกทูลองค์หญิง . นางพี่เลี้ยงรีบนำเสด็จออกจากป่า มุ่งหน้าสู่เมืองอย่างร้อนรน เพราะคาดหวัง ให้เจ้าหญิงได้พบกับศัตรูผู้นั้นอย่างเร็วไว . แข่งกับวันเวลา 15 ทิวา ราตรี ที่ฟ้าดินกำหนดมาให้ . * * * * * * * * . . สองกินรีตัดสินใจไม่ใส่ปีก ไม่ใส่หางบิน ด้วยเกรงจะมีใครมาเห็น แล้วล่วงรู้ถึงตัวตน ที่แท้จริง . จึงต้องใช้วิธีเดินเท้าอย่างมนุษย์ ที่ทำให้ ต้องเดินบุกป่าฝ่าดงกันเหนื่อยพอดู . . ในสภาพมนุษย์มนา ทั้งสองกินรีแปลงได้ เรียนรู้ว่า ต้องเพิ่มความระมัดระวังตนให้มากขึ้น เพราะในป่านอกจากจะมีสัตว์น่ารักๆ ที่ช่วยให้ป่า ดูรื่นรมย์ขึ้น ก็อาจมีสัตว์ป่าบางชนิดที่ดุร้าย เป็น อันตรายต่อพวกเธอด้วย . . ด้วยว่า เพียงเดินลุยผ่านป่าทึบทะลุออก ลานทุ่งกว้างได้ครู่เดียว . ทันใดนั้น สองกินรีแปลงก็ถูกสัตว์ป่าตัวหนึ่ง พุ่งตรงเข้ามา หมายเอาชีวิตเป็นภักษาหาร . . มันคือนางเหยี่ยวรุ้งยักษ์แม่ด้อง-หรือนาง เหยี่ยวรุ้งยักษ์แม่ลูกอ่อน ที่ทำรังสูงบนผาหิน ไกลๆ โน้น . นางเป็นซิงเกิล มัม -สามีเพิ่งถูกงูใหญ่รัดตาย ไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน จึงต้องอยู่รังกับลูกน้อย วัยน่ารักสองตัว . เด็กๆ กำลังโต- กำลังซน เอาแต่ร้องขออาหาร และหัดขยับปีก คืบคลานไปทั่วรัง จนพานจะตก หน้าผา ตายตามผู้พ่อวันละหลายหน . นางแม่ต้องคอยเอาจงอยปากงุ้มๆ เขี่ยลากลูกๆ ให้กลับมานั่งสยบนิ่งอยู่ตรงกลางๆ รัง ทั้งวัน . . ตอนนี้ พอมองลงมาจากรังสูง นางก็ ใจเต้นรัว . ด้วยทัศนียภาพแบบตานกมอง เบิร์ด-ส อาย วิว - bird 's eye view มันก็เห็นร่างของ มนุษย์สองคน กำลังเดินฝ่าทุ่งหญ้า ที่คล้ายๆ กับทุ่งหญ้าบนภูกระดึง . . นางนกยักษ์ก็ถึงกับกลืนน้ำลายเอื๊อก . . " -ลูกจิ๊บ ๆ ทั้งสอง สุดที่รักของแม่จ๋า . วันนี้ เจ้ากำลังจะได้ลิ้มลองอาหารชั้นเยี่ยม เป็นมื้อพิเศษ -นะค้า " . . นางเหยี่ยวรุ้งไจแอ้นท์โผบินขึ้นฟ้าสูง . แล้วปักหัว ทิ้งดิ่ง . - พุ่งตรงลงมายังเป้าหมาย . . แต่พอกำลังจะถึงตัวของสองนาง มันก็รู้ทันทีโดยสัญชาตญาณ ว่านี่คือ กินรี วิหคชั้นสูงระดับเทพของนกทุกชนิด . --- ไม่ใช่คน ! . . นางเหยี่ยวตาเหลือก -ตายอ่า-กรู . ร้อง ว้าย !!! สุดเสียง . . รีบเบรกปีก - ดริ๊ฟท์-drift ห้ามล้อ สองเท้า--เอี๊ยด ! . หุบหาง เปลี่ยนทิศแบบกะทันหันในระยะ เผาขน จนขนของนางร้อนฉ่าแทบลุกไหม้ . . โพระดกกับจันทราได้ยินเสียง หวีด-วิ้ว อยู่บนหัว จึงพากันเงยหน้าขึ้นไปมอง . โพระดกนั้น พอเห็นเป็นนกด้วยกัน ก็ฉุนเฉียว ยิ่งนัก ตะโกนใส่นางเหยี่ยวแม่ลูกอ่อนทันที อย่างมีโมโห . . " นี่--นางเหยี่ยวไพร !! . บังอาจเยี่ยงไร ห๊ะ ? ถึงได้มาบินโฉบศีรษะ เจ้าหญิงกินรี เจ้านายของข้า -เยี่ยงนี้ ? " . . นางเหยี่ยวบินพุ้ยลมอยู่กับที่ . แล้วลดตัวบินต่ำลง มาที่ระดับตรงหน้าของ สองกินรี . . ทูลขออภัย ปากคอสั่น . . " โอ--- ขออภัยเถิดเพคะ . องค์หญิงกินรี--" . . เพราะนกทั้งหลายต่างรู้ดีว่า กินรี และกินรา สามารถสาปนกด้วยกันให้กลายเป็นสัตว์ชั้นต่ำ- เซลเดียวได้ . . " หม่อมฉันพลั้งเผลอ เพราะนึกว่าทั้งสอง ท่านเป็นมนุษย์--จริงๆ เพคะ " . . " อัอ -- อย่างนั้นเอง . เออ- ใช่ๆ มันก็ทำให้เจ้าคิดเช่นนั้นได้ . ข้าเข้าใจ ที่เจ้าบอก " . . เจ้าหญิงเมตตา ไม่ถือสามันหรอก กลับเห็นเป็นเรื่องขัน ก็ทรงเล่นแปลงองค์ -เสียเช่นนี้ . . " ไม่เป็นไรหรอกนะ นางเหยี่ยวรุ้ง อย่าวิตกไปเลย . แต่เจ้าอย่าบอกใครก็แล้วกัน ว่าข้า ทั้งสองปลอมตัวเป็นมนุษย์ เข้ามาที่นี่ " . . " เพคะ ๆ - หม่อมฉันรับรอง จะเก็บเรื่องนี้เป็นท็อปซีเคร็ท-top secret แบบลับสุดยอด . ไม่ให้ใครล่วงรู้เลย เพคะ " . . " ดีละ . โอเค - งั้นเจ้าก็ไปตามทางของเจ้าได้ . เพราะเราเองมีธุระร้อน จะต้องรีบเดินทาง ไปข้างหน้าต่อ " . . " ขอบพระทัยเพคะ องค์หญิงกินรี ที่ทรงเมตตานกยักษ์โง่ๆ ซื่อบื้อ ไม่เต็มเต็ง อย่างหม่อมฉัน . เชิญเสด็จเพคะ - หม่อมฉันรุ้งอ้วนก็ขอ บังคมลาเลยนะเพคะ " . . นางเหยี่ยวรุ้งยักษ์โล่งอก กระพือปีก บังคมลา ก่อนจะรีบบินจากทันที นางใจตุ้มๆ ต่อมๆ บอกกับตัวเองว่า เกือบซวยแล้วสิกรู- เผลอจะเล่นของสูง . หาเรื่องถูกสาปเป็นอะมีบ้า - Amoeba !! . . . * * * * * * * * * . . ต้องเดินลุยทุ่งหญ้า ฝ่าดงไม้ใหญ่ต่อ นานทีเดียว . และแล้ว ทั้งสองกินรีแปลงก็บรรลุเข้า สู่เขตตัวเมืองเสียที . . เข้าเขตชุุมชน บ้านเรือน สิ่งก่อสร้างก็เริ่ม มีให้เห็นมากขึ้นเป็นลำดับ . พอเข้าไปถึงตลาด จึงได้เดินสวนปะปนไป กับชาวเมืองที่ออกมาสัญจร ติดต่อค้าขาย . -ดูมากมาย คลาคล่ำ . ก็ยิ่งรู้สึกว่าเมืองนี้มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น -สถานที่นี้ต้องเป็นนครใหญ่เมืองหนึ่ง . จันทรากินรีรู้สึกตื่นเต้นจนบอกไม่ถูก ที่ ได้ใกล้ชิดกับชาวมนุษย์แบบนี้ . นางสังเกตได้ว่า มนุษย์กับกินรี - กินรา แทบจะมีรูปร่าง หน้าตาที่ไม่ต่างกันเลย . เรียกว่ากลมกลืน แยกแยะแทบกันไม่ออก . . มองไปรอบๆ สถานที่ที่ทั้งสองยืนอยู่ขณะ นี้ เป็นที่โล่งกว้างใหญ่ คือลานมหาสมาคม กลางนครนั่นเอง . มีอนุสาวรีย์ปูนปั้นรูปสัตว์ ขนาดมหึมา อยู่ตรงกลางลานสองตัว อันนึงทำเป็นรูป หงส์ ที่กำลังเชิดหน้าแหงนดูฟ้า . กับอีกอัน ทำเป็นอนุสาวรีย์ม้า ที่กำลัง ผงกหัวก้มหน้าดูดิน . ตรงตามตำราอุดมคติแห่งโบราณนิยม . . มีอาคาร ร้านรวง - คิออสก์ - kiosk มากมาย เรียงรายอยู่รอบๆ ทั้งสี่ด้านของ จัตุรัสใหญ่กลางเมือง . . และขณะนี้ คงกำลังจะมีการจัดงานพิธี ที่ยิ่งใหญ่ เพราะเห็นมีการตกแต่งด้วยริ้วธง สีต่างๆ ประดับประดาสวยงามละลานตา เต็ม ทั่วบริเวณไปหมด . . จันทรากินรีล้วงเอาเหรียญทองคำเล็กๆ อันเป็นอัฐของเมืองหิมพานต์ ส่งให้โพระดก หนึ่งถุง . . " พี่เอาอัฐทองคำนี้ถือไว้ จะได้ใช้แลก ข้าวปลาอาหาร เพราะเราไม่มีอัฐของเมือง มนุษย์ . . " อุ๊ย- ดีเพคะ . งั้นพี่จะเอาอัฐทองคำไปขอแลกกับอาหาร ที่ร้านน้ันตอนนี้เลย . แหม-- อาหารของชาวมนุษย์ ดูช่างน่ากิน จัง ทำไว้สำเร็จ ใส่ถาดใหญ่ วางล่อหน้าล่อตา ส่งกลิ่นหอมยั่วใจ พี่ชักหิวแล้วซีเพคะ . องค์หญิงจะประทับรอพี่ที่นี่ หรือว่าจะทรง เสด็จไปที่ร้านอาหารด้วยกันเลย ? " . . " ให้หญิงไปกับพี่ด้วยดีกว่า เห็นมีหลายคน มาแอบๆ จ้องมองหญิง นานแระ -- น่ากลัวอ่า . อยู่ตรงนี้คนเดียวคงไม่ไหว " . . คนที่แอบมองจันทรากินรี คือเหล่ามนุษย์เพศชายแถวๆ นั้น . ด้วยพากันต่างตกตะลึง ในความงามที่โดดเด่น สะดุดตา กว่าสาวใดๆ ของเจ้าหญิงนั่นเอง . * * * * * * * . . " พวกเรามาจากแดนไกล เหรียญทองคำอันนี้ ใช้แลกอาหาร ของท่าน แทนอัฐได้ไหม " . . โพระดกพูดออกมาจากความรู้สึกที่ อยากถาม กลายเป็นว่า นางกำลังพูดเป็น ภาษาของท้องถิ่นนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ พลางนางก็ยื่นเหรียญทองคำให้หนุ่ม ใหญ่- เจ้าของร้าน หนึ่งอัน . . เจ้าของร้านรับเหรียญมาพลิกๆ ดู ก็ อุทานว่า . . " โอ- ทองคำนี้ . เนื้อทองบริสุทธิ์มากนะเนี่ย . คุณภาพสูงราวกับทองคำที่มาจาก ห้างตั้งโต๊ะกิน แห่งแคว้นเยาวราช . ได้สิท่าน ข้ายินดีแลก" . . " ดีจังเลย และโปรดช่วยบอกข้า เป็นวิทยาทานอีกนิด ว่าในสภาพที่ข้าไม่มี อัฐเยี่ยงนี้ มีสิ่งอื่นใด นอกจากเหรียญทองคำ ที่ข้าพอจะใช้แลกสิ่งต่างๆ ได้ " . . หนุ่มใหญ่ทำท่าคิดอยู่นิดนึง แล้วก็ ตึ๊ง! -คิดออก . ตอบว่า . . " เอ่อ -ที่เห็นๆ เนาะ ก็มี เอาไข่ไก่ แลกกับกะละมัง . หรือไม่ก็- เอากะละมัง ไปขอแลกกับ น้องหมา " . . " โด๊ะ -- . เอากะละมัง ไปแลกกับน้องหมา !" . . โพระดกได้ฟัง ให้หดหู่ เพลียใจ นางรับไม่ได้จริงๆ -หนึ่งชีวิต กับกะละมัง นี่นะ ? . . " ใครช่างใจร้าย ทำได้ลงคอ ดูถูกชีวิตกันเหลือเกิน " . . " ช่าย--" . . เจ้าของร้านเห็นด้วย เพราะก็เป็นคน รักน้องหมาเป็นนิสัย . กด like-ถูกใจจัง ให้โพระดกทันที . . " ซึ่งข้าเองนะ ถ้าเจอพวกเดินเร่ตาม หมู่บ้าน ประกาศขอแลกหมากับกะละมัง - ข้าก็จะกดสยองใส่พวกมันทันที เหมือนกัน . ตกลงว่า ท่านจะใช้เหรียญทองคำ ตั้งโต๊ะกินนี้ แลกกับอาหารร้านข้าแน่หรือ ? . ถ้าตามนี้ -ท่านก็สามารถทานอาหาร ร้านข้าได้ไม่อั้น เพราะเหรียญทองคำมีค่า สูงกว่าราคาอาหารต่อมื้อที่ข้าขายมากนัก " . . " อ้อ- เป็นเช่นนั้นหรือท่าน " . . โพระดกรู้สึกคุยถูกคอกับคนที่รักหมา เหมือนกัน และประทับใจในความซื่อ ไม่คด โกงของชายเจ้าของร้าน . . " ข้ายืนยัน-- ท่านจงรับเหรียญทอง ไว้เถิด ในเมื่อท่านกล่าวสุจริตใจเช่นนี้ เราก็ยินดีมอบทองคำให้ เพื่อแลกกับอาหาร สักมื้อ . ว่าแต่ ที่นี่คือเมืองอะไรรึท่าน " . . ทันใดนั้น-- . ภรรยาของเจ้าของร้านที่นั่งมอง และ เงี่ยหูฟังทั้งสองจากในร้านมาได้ครู่หนึ่งแล้ว . ก็เดินตรงออกมาหา . . นางมองจันทรากินรีไม่วางตา ยิ้มให้ อย่างทอดไมตรี . . " สวัสดีจ๊ะ ท่านทั้งสอง ข้าชื่อนางเอื้อง เป็นเมียของอ้ายเชียง เจ้าของร้านจ้า " . . นางกล่าวตอบว่า . . " ถ้าถามว่า ที่นี่คือเมืองอะไร ? ก็ขอตอบว่า ที่นี่คือนครไพรวัลย์ หรือไพรวัลย์ ซิตี้ -น่ะจ้ะ . ท่านทั้งสองคงมากันจากต่างเมืองที่ไกล มากสินะ ถึงได้ไม่รู้จักนครนี้ " . . นางเอื้องมองๆ ที่จันทรากินรีอีกครั้ง แบบชื่นชม ก่อนจะพูดต่ออย่างเกรงใจ . " เอิ่ม--ข้าขออภัยที่จะขออนุญาต ถามหน่อย ว่าท่านสาวน้อยผู้นี้มีนามว่ากระไร หรือ ? --ไฉนจึงมีรูปงดงามยิ่งนัก " . . " สวัสดีจ๊ะ " . . โพระดกที่ประทับใจความซื่อตรงของ เจ้าของร้านผู้ผัวมาแล้ว ตัดสินใจตอบตาม ความจริงแก่นางเอื้องผู้เมีย . . " พวกเราเป็นกินรี ไม่ใช่ชาวมนุษย์ เหมือนพวกท่าน . เรามาจากเมืองหิมพานต์ ที่เป็นศูนย์กลาง ของอาณาจักร เธอผู้นี้ เป็นเจ้านายของข้า พระองค์คือ เจ้าหญิงจันทรากินรี พระธิดาของ องค์กษัตริย์ . ส่วนข้า ชื่อโพระดก เป็นนางพระพี่เลี้ยง " . . ภรรยาเจ้าของร้านเอามือทาบอก ร้องอุทาน . " เจ้าประคุณรุนช่อง ทรงเป็นเจ้าหญิง กินรี !!! . มิน่าเล่า ถึงทรงดูสวยงาม และมีสง่า ราศี ไม่เหมือนสาวมนุษย์ทั่วไปเลย . - หม่อมฉันนางเอื้อง ขอถวายบังคม เพคะองค์หญิงจันทรา " . . นางถวายบังคม แล้วหันไปสบตากับ สามี ยิ้มให้กันเหมือนกำลังมีความหวัง ในบางอย่าง . . แล้วนางก็รีบคว้าเหรียญทองคำจาก มือสามี . ยื่นส่งกลับให้โพระดก กล่าวอย่าง ใจอารีว่า . . " เอาทองคำของท่านคืนไปเถิด ไม่ต้องซื้อขายกันดอก . ไหนๆ ก็มากันจากต่างดาว -- อุ๊ย-โทษ ต่างแดน ที่ไกล --แสนไกล . ขอให้ข้า-นางเอื้อง กับนายเชียง-สามี ได้มีโอกาสแสดงน้ำใจแห่งมิตรภาพ เลี้ยง อาหารต้อนรับพวกท่านสักมื้อจะดีกว่าจ้า " . . จันทรากินรีตื้นตันพระทัยในน้ำใจของนาง แม่ค้ายิ่งนัก ตรัสขอร้องนางเอื้องว่า . . " ข้าขอบใจเอื้องกับเชียง ม๊าก-มาก แต่เจ้าจงรับทองคำนั้นไว้เถอะนะ . และถ้าจะกรุณาจริง เราขอรบกวนที่พัก คืนนี้ด้วย -จะได้ไหม ? " . . " โอ๊ะ- ได๋ ซิเพคะ . -- ด้ายยย-เลย " . . เอื้องร้องตอบ อย่างยินดี . . ว่าแล้วนางเอื้อง ที่ตัดสินใจปรับเปลี่ยน ร้านค้าของตัวเองเป็นโฮมสเตย์ - homestay แบบกะทันหัน ก็รีบเก็บเหรียญทองคำไว้ใน ถุงไถ้ตรงชายพก . แล้วกุลีกุจอจัดปัดเช็ดโต๊ะ ปูผ้าคลุมโต๊ะ อาหารผืนใหม่รับรอง และร้องเชิญให้จันทรา กับโพระดกนั่งพัก รอการเสิร์ฟอาหารที่จะทำ การเสิร์ฟแบบเมนคอร์ส-main course แม้จะ เป็นแค่มื้อเที่ยง . คือครบทั้งคาว หวาน และผลไม้ล้างปาก . . เพราะทองคำที่ได้รับมาแทนอัฐนั้น ก็ยัง มีค่าสูงกว่าอาหารทั้งหมดทั้งร้าน . . ด้านนายเชียง รีบใช้ช้อนใหญ่ตักอาหาร จากถาดและหม้อ ใส่ถ้วยจานมาหลายอย่าง . ได้แก่ ผัดใบเหลียงป่าใส่ไข่นกไก่ฟ้า เฟสสันท์-pheasant แกงเห็ดเผาะหน่วยเม็ด ขนุน ใส่หน่อไม้อ่อนแบมบู ชู้ท กับปลาสลิดแห้ง บางบ่อ- (คือไม่ทุกบ่อ ) ปลากระดี่นางฟ้าตัว ใหญ่ทอดแบบคลุกขมิ้น และพริกไทยกับเกลือ . แล้วยังมีเนื้อหมูป่าหนุ่มที่ถูกดักหลุมพรางได้ เอามาหั่นชิ้น ผัดหวานใส่หอมแดงหั่นซอย จนมี รสเลิศ . เสริฟพร้อมกับข้าวกล้องจากไร่บนดอยที่หุง สุกร้อนๆ หอมกรุ่นจากเตาทุกวัน . อาหารหลักเหล่านี้ ถูกทยอยยกมาวางให้ที่ โต๊ะอย่างไม่รอช้า . . ผลไม้หลังลันช์ เป็นแตงโมสุกแดง รสชาติ หวานฉ่ำหั่นพอดีคำ แถมโรยหน้าด้วยปลาแห้ง ป่นผสมน้ำตาลอ้อยร่วน เรียกว่า ปลาแห้งแตงโม . กับอีกอย่าง เป็นสับปะรดสุกหั่นพอดีคำ ที่มี การแต่งหน้าด้วยไส้ที่ทำจากเนื้อหมูป่าสับผัดกับ ถั่วดินบุบแตก มีรสหวานนำ เค็มตาม คล้ายๆ ไส้ ของสาคูไส้หมู . ช่างอร่อยกลมกล่อม ทางนครไพรวัลย์จะเรียก สับปะรดทรงเครื่องนี้ว่า อาชาห้อ- หรือ ม้าห้อ . . ( ขอสะกดตามคำโบราณ น่าจะหมายถึงกินแล้ว อร่อยมาก จนอยากวิ่ง ห้อตะบึง ควบเหมือนม้า . สมัยนี้เขียนกันว่า ม้าฮ่อ กลายเป็นม้าของ คนจีนฮ่อไป ) . อาหารเมืองมนุษย์มื้อแรกของสองกินรีแปลง โอ้โห- หรูเชีย- ! . . . -- พักหลังๆ มานี้ นางเอื้องยกเรื่อง ตักอาหารขาย ให้เป็นหน้าที่ของสามีมาตลอด . เพราะว่านางรู้ตัว เป็นคนมือหนัก เวลาตักขายลูกค้าชอบตักให้เยอะเกิน ทั้งข้าว ทั้งแกง จนทุนหาย กำไรหด . นางจึงบังคับให้นายเชียงผู้สามียืนที่หน้า แผงกับข้าว ฝึกตักขายแทน . แรกๆ เชียงก็ตักเงอะงะ ตักผิดตักถูก ไม่เข้าที่เข้าทาง ลูกค้าสั่งแกงส้ม เชียงกลับตัก แกงเหลืองให้ คนที่สั่งไข่ทอด กลับได้ไข่เจียว ไป . -ประมาณนี้ . . แต่อยู่ๆ ไป เชียงก็คล่องแคล่ว กลายเป็น มือวางอันดับหนึ่ง ประเภทตักข้าวราดแกงที่ ตักแพง ให้น้อยจังเลย- ไปเรียบร้อยแล้ว . * * * * * * * . พอเห็นว่า จันทราและโพระดก รับประทานกันอิ่มหนำ . นางเอื้องก็ค่อยๆ เขยิบใกล้ เข้ามา ขอสนทนา . . นางถือม้วนแผ่นกระดาษ ขนาดใหญ่ มาด้วย . . " องค์หญิงจันทรากินรีเพคะ ข้ากับสามี มีเรื่องที่อยากจะขอความ ช่วยเหลือจากองค์หญิง เพคะ " . . จันทรากินรีได้ฟัง ก็หันไปมองหน้า พี่เลี้ยงของตน ที่กำลังแอบแคะไม้จิ้มฟัน อยู่ . โพระดกจึงรีบหยุดภารกิจ ถามธุระ ของนางเอื้องให้ . . " ท่านมีสิ่งใดหรือ จงกล่าวมา . ขอให้เราได้ทราบสิ่งที่ท่านประสงค์ นั้นก่อน " . . สามีของนางเอื้องได้จังหวะ ก็เขยิบตัว เข้ามาร่วมสนทนาด้วยอีกคน . . " คืออย่างนี้เพคะ-- . ขณะนี้ นครไพรวัลย์กำลังจะมีงาน เฉลิมฉลองประจำปีในวันพรุ่งนี้ . ที่จัตุรัส สแควร์ ตรงกลางเวียง " . . โพระดกบอกนางเอื้อง . . " อ้อ-- เราก็ได้เห็น ที่เขาจัดเตรียม สถานที่กัน ตรงลานอนุสาวรีย์ " . . นางเอื้องจึงเล่าต่อ . . " นั่นแหละท่าน . --ทีนี้ การปกครองของนคร ก็ได้กำหนดให้มีการประกวดสาวงาม . ชิงตำแหน่ง นารีแก้ว " . . " นารีแก้ว- . คืออะไรรึ ? " . . โพระดกถามทันที ก็นางไม่เข้าใจ . . " นารีแก้วก็คือผู้หญิงที่สวยที่สุด กรรมการจะคัดเลือกจากสตรีที่มีความงาม อย่างมีคุณค่า ครบสามประการ คือ งามทั้ง กาย วาจา และใจ " . . นางเอื้องตอบอย่างคล่อง เพราะนาง เป็น fc วงการนางงามตัวกลั่น . . " ชาวมนุษย์นี่-- ช่างคิดการอะไร ที่แปลกดี . ฟังดู คงสนุกไม่น้อย " . . โพระดกฟังแล้ว ชอบใจ . . " มีรางวัลเป็นอัฐ และมีมงกุฏเพชร ให้ผู้ที่ชนะได้ตำแหน่งด้วยนะ " . . นางเอื้องรีบบอกเสริม . . แต่ครั้น นางเห็นเจ้าหญิงจันทรา กินรีทำกิริยาเฉยๆ ไม่นำพากับสิ่งที่นาง ทูลเล่า . จึงหันไปบอกสามีว่า . . " อ้ายเชียงเจ้า ช่วยกางแผ่นใบประกาศ ให้องค์หญิง และพระพี่เลี้ยงได้ดูหน้าเพจ ชัดๆ ทีเถิด " . . สามีของนางก็คลี่ กางแผ่นกระดาษ ให้ดูกันจะๆ บนโต๊ะ . . คำบรรยายในประกาศนั้น เขียนเป็น อักษรพิลึกกึกกือ มองดู-หัวหางพันกันยุ่ง เหมือนถั่วงอกที่ถูกผัดในน้ำมันร้อนๆ นาน จนเหี่ยว เกี่ยวรัดกันเป็นกลุ่มก้อน . . แม้แต่อิทธิฤทธิ์แห่งอำนาจกินรีแปลง ที่สามารถอ่านทุกภาษาบนโลกมนุษย์นี้ได้ ทะลุปรุโปร่ง ก็ยังเอาภาษานี้ไม่อยู่ . พยายามเข้าช่วย ถอดรหัส แปลให้ --ก็ เจอตีข้อมูลเด้งกลับ - เด้งกลับ . ว่า --อันโนน - unknown . ขึ้นแอเร่อ -error ซ้ำแล้ว -ซ้ำเล่า อยู่นั่นแล้ว . . จึงทั้งจันทรากินรี และโพระดก ต่าง ก็ส่ายหัวยอมแพ้ อ่านไม่ออกซักตัว . มนตรากินรีมีอำนาจเพียงสามารถทำให้ พูดได้ แต่อ่านไม่ออก . เขียนนั้นยังไม่ได้ทดลอง แต่เมื่ออ่านไม่ ออก ก็ย่อมต้องเขียนไม่ได้ -นั่นเอง . . หากรูปบรรยากาศการประกวดที่จัดวาง เลย์เอ้าท์ สื่อมาในแผ่นกระดาษ ดูแล้วก็ เข้าใจได้ดี เป็นตามที่นางเอื้องบอกมา . . นายเชียงอธิบายว่า . . " การปกครองนครได้ออกข้อบังคับให้ ร้านค้าทุกร้านจะต้องส่งสาวงามเข้าประกวด มิเช่นนั้นจะถือว่าไม่ให้ความร่วมมือกับทางการ และจะใช้บทอาญาลงโทษ สั่งปิดกิจการร้าน ทันที " . . นางเอื้องเล่าว่า . . " ปีที่แล้ว ข้าเจ้าส่งคนงามชนเผ่ามอตุงเล ที่มาเป็นลูกจ้างที่ร้าน เข้าประกวดเจ้า . นางก็ได้เข้ารอบสุดท้ายสิบคนนะ แต่ดัน ตกสัมภาษณ์ เขาถามว่าวัวกินอร่อยไหม นาง ตอบว่าควายกินอร่อยดี . คณะกรรมการหาว่า ถามวัวตอบควาย เลย ให้นางตกรอบไปต่อไม่ได้ . ตอนนี้นางก็กลับไปอยู่ที่เผ่าของนาง เห็นว่า มีผัวไปเรียบร้อยแล้ว . แล้วปีนี้- ร้านของข้าเจ้าก็ยังหาสาวงามที่ จะส่งเข้าประกวดไม่ได้เลย และจะต้องส่งชื่อ ให้กับการปกครองนครในเย็นวันนี้ด้วย " . . นายเชียงโอดครวญว่า . " ข้าและเมียกลัวถูกอาญาของการปกครอง นครสั่งปิดร้าน เหมือนบางร้านที่ถูกปิดไปเมื่อปี ก่อนเหลือเกินเจ้าข้า " . . นางเอื้องรีบพูดแซงสามี . . " แต่พอเห็นท่านทั้งสอง มาถึงที่นี่ ข้าเจ้านี้ -ดีใจ๊ -ดีใจ ว่าเจอแล้ว -คนที่ใช่ . คนที่สวย และเหมาะสม ที่ข้าเจ้าจะ ทาบทามส่งเข้าประกวดมิสนารีแก้ว . เหมือนฟ้าทรงบันดาล เหมือนสวรรค์ ทรงมาโปรด " . . นางเอื้องยกมือท่วมหัว . ร้อง สาธุ-สาธุ-สาธุ . . " ตายล้าววว -- " . . โพระดกอุทาน -- . . นางเขินจัด รู้สึกหน้าแดงปั๊ด อายจนต้องยกมือทั้งสองแตะแก้มตัวเอง ส่ายหน้าไปมา ร้องว่า . . " ท่านก็อย่ามาคาดหวังกันนักสิ ข้าก็ไม่แน่ใจนะ ว่าข้าจะเข้าร่วมประกวด ชิงมงกุฎนารีแก้ว ให้พวกท่านได้ " . . " โห -" . . นางเอื้องร้อง โห -ด้วยความงุนงง รีบเบรกโพระดกทันที ก่อนที่นางจะเพ้อ ละเมอไปใหญ่ . . " แม่นางโพระดกเจ้า -- . ตื่น ๆ --- สติ ๆ . สติโปรดกลับมาเจ้า . ข้าบะได้หมายถึงท่าน-เน่อ " . . ซึ่งก็เล่นเอาดับฝันตุ้ยเล็กๆ ของโพระดก ให้ภาพมงกุฎเพชรที่มโนบนหัวของนาง ปลิว ละล่อง ลอยลับ หายไปในอวกาศ . นางเผลอร้อง อ่าว-- . เสียงหวิวๆ ออกมา . . " ข้าหมายถึงองค์หญิงจันทรากินรี ตะหากเล่า " . . นางเอื้องชี้แจงให้นางพี่เลี้ยงได้สติ . . คราวนี้ โพระดกตกใจกว่าเมื่อกี้ซะอีก ร้องลั่นเลย . . " อะไรนะ ! . บ้าอ๊ะป่าว -นางเอื้อง ? . นี่บังอาจ- คิดจะส่งองค์หญิงของข้า เข้าประกวดนางงามระดับภูธร -อย่างงั้นรึ ? . คิดงี้ได้ไงยะ ขอถามหล่อนหน่อย ? . . ไม่ได้นะ !- พระองค์ทรงดำรงศักดิ์ เป็นถึงเจ้าหญิง . จะให้พระองค์มาเดินประกวดประชันแบบ ที่เจ้าเล่า และที่เห็นในแผ่นเพจประกาศ ได้อย่างไร ? . และอีกอย่าง มงกุฎเพชรน่ะ ที่วังแห่ง หิมพานต์ของเรา ก็มีให้องค์หญิงใส่ถ่าย เซลฟี่เล่นเป็นเข่ง - ขอบอก ! " . . " โธ่-- . โปรดเมตตาข้าทั้งสองด้วยเถิด . ทางการปกครองนครกำลังรอคำตอบ จากร้านเรา เป็นเจ้าสุดท้ายแล้วเจ้าค่ะ " . . สองสามีภรรยาวิงวอนด้วยน้ำตา แล้วลงทุนก้มลงกราบกับพื้นถึงสามครั้ง . . จันทรากินรีแอบเห็นว่า ท้ังสองกราบ แบบทำมือบานๆ แผ่ๆ ด้วย ก็ยิ่งรู้สึกสงสาร จับใจ . ทำท่าจะอ้าโอษฐ์ รับปากช่วย . . แต่กลับเจอพี่เลี้ยงโพระดกมองพักตร์ และส่ายหน้าให้-- . ยกนิ้วชี้ชู ส่ายไปมา ตรงหน้าตัวเอง เป็นการย้ำแรงๆ ให้จันทรา บี สตรอง ! . Be strong ! . สเตย์ สตรอง ! . Stay strong ! . . ว่า " อย่าเพคะ . No -- ไม่นะ ! " . . " การประกวดทุกปี ก็จะมีผู้สมัครจาก แดนไกล อิมพอร์ตมาร่วมประกวดด้วยนะ เพคะ" . . นางเอื้องปาดน้ำตา ฝืนเล่าอธิบายต่อ เพื่อโน้มน้าวกล่อมองค์หญิงจันทรา ให้นึก อยากประกวด . . " อย่างปีนี้ --ก็มีสาวงามจากเมืองวิลาศ มาประกวดด้วยหนึ่งคน " . . " เมืองวิลาศ ? . -- คือเมืองที่ไหนหรือ ? " . . จันทรากินรีฟังชื่อเมืองที่แปลกหู ก็รีบ ตรัสถามอย่างสงสัย . . " อ๋อ- เป็นเมืองที่ไกลมากเพคะ . เขาว่ากันว่า อยู่สุดขอบฟ้า-- ต้องข้ามน้ำ ข้ามมหาสมุทรไปปู้น--- . แทบจะตกโลกใบนี้ . ข้าเจ้าก็ยังบะเกยไปเมืองวิลาศเจ้า-- . แต่ผู้คนที่นั่น ที่ดั้นด้นเดินทางไกลมาถึง เมืองไพรวัลย์ ต่างมีผิวพรรณที่ประหลาดกว่า คนอย่างเราๆ ที่นี่มากมาย .พวกเขาจะมีฮู้ดังแซ้ง (จมูกโด่ง) แหลมเลี่ยม เหมือนปากอีกา . มีผมสีทอง ราวกับฝักข้าวโพดต้ม . และมีหน่วยตาเป็นสีฟ้า อย่างตาของวิฬาร์ บ้าน ที่ตัวสีขาวปลอด " . . " มีมนุษย์แปลกเยี่ยงนั้นด้วยรึ ข้าอยาก เห็นจัง " . . จันทรากินรีบอกนาง . ทรงลืมไปว่า ที่จริงตนเองก็แปลกไม่แพ้ กัน -ที่เป็นคน แต่กลับมีปีก มีหาง . . " ได้เลยเพคะ . เดี๋ยวข้าเจ้ากับสามี จะพาท่านทั้งสองไป ชมภาพของนางงามแห่งเมืองวิลาศ ที่จัตุรัส สแควร์ ตอนนี้เลย . ทางการปกครองได้ให้ช่างฉายา ซึ่งก็ เป็นชาววิลาศเหมือนกัน ฉายภาพของผู้เข้า ประกวดทุกคน ติดประดับแสดงไว้ที่ศาลา ให้ประชาชนได้ทัศนา ก่อนจะประกวดจริง ในวันพรุ่งนี้ เพคะ " . . " งั้นก็จงรีบพาเราไปเลย ข้าไม่เคย เห็นดวงตาที่เป็นสีฟ้า . -กับผมสีทองฝักข้าวโพดต้ม " . . สามีของนางเอื้องรีบลุกขึ้นไปปิดประตู ร้านที่เป็นบานเฟี้ยม พับทบไปมาได้ . พลางอธิบายว่า . . " แต่ในภาพทั้งหมด ที่แสดงไว้ ก็ไม่ได้เป็นสีเหมือนจริงดอกท่าน . มันมีแค่สีขาวกับดำ ตาและผม ของนางจึงแค่สีจาง ๆ หากแต่ก็ใสเป็น ดั่งแก้ว ต่างจากตาและผมของพวกเรา " . * * * * * * . . สองสามีภรรยาพาเจ้าหญิงจันทรา และนางพี่เลี้ยงโพระดกเดินดูภาพฉาย ของบรรดาผู้เข้าประกวด ที่ติดตั้งจัด แสดงไว้ที่พลับพลาใหญ่ . . เห็นภาพของแต่ละสาวงาม ที่ต่างส่งยิ้ม หวานให้คนดู ล้วนแลดูสะสวย พาให้เจริญหู เจริญตาทั้งสิ้น . สมแล้วที่ต่างถูกดึงตัว และดันให้มาเข้าร่วม ประชันโฉม . . " นี่ไงเพคะ นางฟาร์ร่าห์ . สาวงามจากเมืองวิลาศ " . . นางเอื้องร้องเรียก เชิญจันทรากินรี ให้มาดูภาพที่นางไล่หาจนเจอ . . จันทรากินรีจ้องมองภาพนั้นด้วยความ ตื่นตาตื่นใจ . . เจ้าของภาพเป็นผู้หญิงที่สวยแปลกตา กว่าผู้สมัครทุกคน . นางมีจมูกที่โด่ง นัยตาที่สุกใส มีเส้นผม สีอ่อนที่ทิ้งตัวยาวเคลียไหล่ แล้วข้างๆ แก้ม ทั้งสองข้างมีกลุ่มเส้นผมที่เด้งตัว ตวัดงอขึ้น ไล่ๆ กัน ดูนุ่มพลิ้ว . เป็นทรงผมที่ชื่อว่า ทรงฟาร์ร่าห์ ฟอว์เซ็ตต์ - Farrah Fawcett ที่โด่งดังของยุค-เป๊ะ . ต่างกับสาวงามอื่นๆ ที่แลล้วนมีจมูกนิดๆ กับมีหน่วยตาหน่อยๆ สีดำคมขลับ . และพร้อมใจ เฮโลกัน ทำผมทรงยกกะบัง ที่หน้าผากแหงนสูง ม้วนยอดบิดกลับ มองดู เป็นสระโอ . แล้วยีเส้นผมสีเข้ม ตีโป่ง พองเป็นวงรัศมี แห่งซุ้มเรือนแก้ว แผ่บานเป็นฉัพพรรณรังสี ล้อมรอบกรอบหน้าเจ้าของ . เหมือนๆ กัน บล็อกเดียวกัน ซะทุกนาง . . แล้วนางฟาร่าห์ก็ยังวางท่าฉายภาพ ที่ดู แปลกประหลาดจากใครเขา . เพราะนางโพส-poseท่า แบบยืนถ่างขา อ้า ออกเป็นตัววีคว่ำ . ขณะที่ทุกสาวงามอื่นๆ พากันยืนหนีบ หีบ ขาเอี้ยมเฟี้ยม บิดลำตัว โพสท่าแบบคล้ายๆ ตัวเอส . แลดูซ้ำๆ ตามๆ กันไปหมดเช่นกัน . . " นางชื่อฟาร์ร่าห์หรือ ? . ชื่อแปลกหู --- . -- แต่เก๋ " . . " เพคะ นางชื่อฟาร์ร่าห์ " . . นางเอื้องตอบเจ้าหญิง . . " ประชาชนผู้ชายที่นครไพรวัลย์ชื่นชอบ ภาพนางฟาร์ร่าห์กันมากเพคะ เห็นพูดกันว่า นางทำท่ายั่วยวนกว่าสตรีทั้งหมด . แต่พวกผู้หญิงเรากลับหมั่นไส้ พวกเราว่า นางฟาร์ร่าห์เนี่ย--แฮ่นจัง . แลดู -อ้อล้อ " . . " แต่ข้าว่า นางดูมั่น ดีออก " . . จันทราจ้องมองภาพนั้นอย่างถูกใจ . . " ข้าคาดว่า ปีนี้ นางฟาร์ร่าห์ อาจได้ ครองตำแหน่งนารีแก้ว " . . โพระดกฟังอยู่ใกล้ๆ ให้นึกขวางองค์หญิง ของตัวเอง ที่เชียร์นางงามจากเมืองวิลาศจน ออกหน้าออกตา . . " อุ๊ย-- นี่ถ้าองค์จันทราของพี่ ไม่ติด ตรงที่ว่าเป็นเจ้าหญิง- อะนะ .พี่ก็จะขอดันองค์ ให้เข้าประกวดด้วยอีกคน . เพราะไร รู้มั้ย ? . ก็เพราะเท่าที่พี่ดูมาทุกภาพ ยังไม่เห็นมี คนไหน จะ-ปัง-เท่าองค์หญิงของพี่ . - ซักคน ! " . . " ใช่เพคะ ข้าเจ้าก็หันตวย คุณพี่เลี้ยงโพระดกอู้มา ถูกต้องแล้วเพคะ " . . นางเอื้องรีบพนมมือ ไหว้เจ้าหญฺิงจันทรา ปะหลกๆ . . " ทรงศิริโฉมเช่นนี้ หาใครที่ไหน จะมาเทียมได้ . แรกเห็นองค์หญิง ความงามของพระองค์ ทำให้ใจข้าเจ้านึกถึงเพลงชมโฉมสาวงาม ที่ชื่อว่า ร้อยละหนึ่ง หรือ หนึ่งเปอร์เซ็นต์ . ขึ้นมาทันทีเพคะ . ที่ร้องว่า-- " . . แล้วนางเอื้องก็ร้องลำนำเพลง ที่ขับขาน ชมโฉมนั้น ให้ฟังกัน . . " พราว--แพรว . อันดวงแก้วแวววาม สด-สีงาม หลายหลากมากนาม-นิยม . นิลกาฬ--- มุกดา บุศราคัม-คม น่า-ชม ว่างามเหมาะสมดี . เพชร--( หื๊อ ) ---- น้ำ-หนึ่ง งามซึ้ง-จึงเป็น ยอดมณี . ผ่อง---แผ้ว สดสี .เพชรดี- มีหนึ่ง ในร้อย--- ดวง " . . น้ำเสียงนางเอื้องใช้ได้เลยทีเดียว คล้ายเสียงร้องต้นฉบับมาก . ราวกับนางเอื้องกำลังคัฟเว่อร์-cover เพลง . น่าจะจับนางเอื้องมาใส่มาสก์-mask .ให้ออกมาร้องเพลง . จะได้ไว้ทายกันเล่นๆ และกระชากหน้ากาก ออก ว่าคือใครกันหนอ ? ที่ออกมาร้อง . . จันทรา และโพระดกเมื่อฟังจบ ก็ปรบมือ ให้นางเอื้องอย่างประทับใจ . . แต่นายเชียงกลับส่ายหน้า ติงเมียตัวเอง ทันทีว่า . . " ข้าบอกแกกี่ที-ก็ไม่จำ ว่าเพลงนี้ ชื่อเพลง หนึ่งในร้อย - หนึ่งในร้อย ! . แกก็ชอบเรียกเป็นร้อยละ1 - หนึ่งเปอร์เซ็นต์ - 1 % อยู่เรื่อย . ฟังดู- ยังกะดอกเบี้ยถูกๆ ประเภทเงินฝาก ออมทรัพย์ของธนาคารสมัยนี้ " . . นางเอื้องส่งค้อนขวับให้สามีทันทีเหมือนกัน หมั่นไส้ผัวนัก ที่มาหักหน้าเมียตัวเองกันแบบนี้ . . แล้วก็หันไปออดอ้อน วิงวอนขอความเห็นใจ จากจันทรากินรีอีกครั้ง . . " เข้าประกวดนารีแก้ว เถอะเพคะองค์หญิง นึกว่าสงสารข้าเจ้ากับผัว . โปรดอินดู ข้าเจ้า -อีเอื้อง กับอ้ายเชียง ซักครั้ง -- เต๊อะเจ้า " . . แม้นางเอื้องจะเฝ้าเชียร์อัพ และอ้อนวอน อีกรอบ แต่จันทราก็ยืนกราน . . " ข้าเอง ก็สงสารเอื้อง กับเชียงมากนะ แต่เรื่องจะให้ข้าประกวดนางงาม -อะไรแบบนี้ ข้าคงช่วยอะไรเจ้าทั้งสองไม่ได้จริงๆ " . . นายเชียงที่เดินนำหน้า หันมาบอกดังๆ ว่า . . " ส่วนตรงนี้ เป็นหมู่ภาพฉาย ของคณะ กรรมการตัดสิน ซึ่งก็เชิญมาจากหลายที่ หลาย เมืองเจ้าข้า " . . " เอ้อ--มีกรรมการท่านนึงนะเจ้าคะ " . . นางเอื้องร้องอุทาน ทำท่าเหมือนนึกอะไร ขึ้นมาได้ . . " หล๊อ-หล่อมาก . -- หล่อจริงๆ หล่อเหลือเกิน แล้วยังทรงเป็นเจ้าชายด้วยนะเพคะ " . . ดูนางกะปรี้กะเปร่าขึ้น ตาวาว กะพริบใสๆ ปริ๊บ-ปริ๊บ ตอนเล่า . . " ชื่อเจ้าชายอนันตราช - . แหม - ทรงหล่อ ตู้ม ! ตู้ม ! . โดนใจสาวๆ ทุกคน . เนี่ยะ- ทรงปกครองนครกัลปพฤกษ์ ที่อยู่ติดกับนครไพรวัลย์ ข้ามภูเขาสองลูก ไปทางเนียะ " . . นางเอื้องเล่า และชี้ทิศทางเมืองให้ดู . . โพระดกฟังแบบผ่านหู ไม่สนใจ . ชี้ให้จันทรากินรีดูภาพของผู้สมัคร รายหนึ่ง . ทูลบอกขำๆ ว่า . . " ดูสาวงามคนนี้ซิเพคะ . ทรงว่า หน้าเหมือนนังสร้อย- กินรีที่มีรัง อยู่ตรงต้นจิกนาใหญ่ ใกล้สระบัวที่หิมพานต์ . --ไหมเพคะ ? " . . " ไหน ? " . . เจ้าหญิงจันทราทรงหันไปดู พอคิดตาม ก็ทรงขำกิ๊ก . . " ตายละ -- . หน้าเหมือนสร้อยจริงๆ ด้วย . คิก-คิก . พี่นี่ก็ -ช่างนึกเนาะ " . . ขณะที่ขำกันใหญ่ ก็ยังพอได้ยินที่ นายเชียงพูดว่า . . " เจ้าชายอนันตราชชอบยิงธนู แล้วธนู ของท่านก็ประหลาดมากเจ้าข้า . ลูกศรไม่เหมือนของใครเขา " . . " ใช่แล้ว ... " . . นางเอื้องพูดยืนยัน บอกว่า . . " ธนูของเปิ้น มีสองหัวเพคะ . หัวนึงสีขาวเงิน - แฮ๋มหัว สีทอง " . . จันทรากินรีกับโพระดกหยุดขำทันที . หันมามองหน้ากัน ทั้งคู่อ้าปากค้าง เป็นรูปตัวโอ-O . * * * * * * * จันทราพยายามข่มตัวเอง ให้หัวใจ หายเต้นรัวแรง ขณะทรงเดินไปที่เชียง . แล้วถาม ด้วยน้ำเสียงที่ฝืนให้ดูเป็นปกติ . . " คนไหนเหรอ กรรมการที่เจ้าพูดถึง " . . แต่โพระดก ที่รีบตามเสด็จไปติดๆ นั้น กลับยังควบคุมตัวเองให้นิ่งไม่ได้ . นางมือไม้สั่น จนต้องคว้ามือองค์หญิง มากุมไว้แน่น . . " คนนี้ พะยะค่ะ " . . เชียงชี้ไปที่ภาพนั้น . . จันทรากินรีแทบจะหยุดหายใจ ทรงบีบมือพี่เลี้ยงตอบกลับ . - ซะแน่น . . ใช่แล้ว--- . เจ้าชายอนันตราช กรรมการที่จะ ตัดสินการประกวดนารีแก้วของนคร ไพรวัลย์ . ก็คือชายรูปงาม เจ้าของธนูเงิน ธนูทอง ที่จันทราเห็นในกระจกมนตรา วันนั้น . --ร้อยเปอร์เซ็นต์ !! . . * * * * * * * * * * * . . ( บทรำพึงในใจ) . . " นี่ข้าจัก ทำเยี่ยงใด ได้พบเจ้า . อนันตราช ศัตรูเก่า ผู้นี้หนอ . พุทโธ่-เอ๋ย กาลเวลา ไม่ท่ารอ . แล้วข้าก็ ตอบปัดไป ไม่น่าเลย-- " . . . เห็นเจ้าหญิงทรงเหม่อ เหมือนคน กำลังสับสน เสียดายโอกาสทอง ที่จะ เข้าถึงตัวของศัตรู . คิดไม่ตก ---ทำอะไรไม่ถูก . . โพระดกจึงรีบทูลว่า . . " องค์หญิงเพคะ- . อย่าว่าไรพี่นะ ถ้าพี่จะทูลว่า องด์หญิงจะ เข้าร่วมประกวดนารีแก้ว- ก็ได้นะเพคะ . พี่ว่า- ประกวดเล่นๆ ขำๆ ก็สนุกดี เหมือนกัน ถือซะว่า เป็นการหาประสบการณ์ เก็บเข้าโปรไฟล์ " . . ที่โพระดกพูดนำทางให้เช่นนี้ . เพราะนางรู้ดีว่า จันทรากินรีกำลังว้าวุ่น ไม่รู้จะหาทางพูดตอบรับเข้าประกวดกับ นางเอื้อง และนายเชียงอย่างไรดี . ด้วยว่าเมื่อครู่นั้น ได้บอกปฏิเสธแก่ คนทั้งสองไปแล้วโดยสิ้นเชิง . . " ประกวดนะเพคะ -องค์หญิง " . . นางเอื้องได้ที เมื่อเห็นโพระดก เปลี่ยนมาอยู่ฝั่งนางแล้ว ตอนนี้ . . " เอื้องกับเชียง จะเป็นผู้สนับสนุน ออกค่าใช้จ่ายให้เองเพคะ . แลัวเขาจะมีสายสะพาย เป็นชื่อร้าน ของเอื้องให้ทรงคาดตอนเดินด้วยเพคะ " . . จันทรากินรีลังเล . . " จะดีหรือ ? . -- ข้ายังสองจิตสองใจ " . . โพระดกรีบตัดบทให้แทน . . " ดีแน่นอนเพคะ เชื่อพี่โพระดกได้เลย . อะ- เอื้อง ท่านก็อย่ามัวรีรอ รีบนำเสด็จ องค์หญิงจันทราของข้าไปสมัครเดี๋ยวนี้เลย สิ . นี่ก็บ่ายใกล้เย็นค่ำ เดี๋ยวจะไม่ทันเวลา ทางการนะ " . . สองสามีภรรยายิ้มแป้น หน้าระรื่น . รีบนำพากันไปที่สำนักงานหนึ่ง ตั้งอยู่ด้านหลังของพลับพลา . . นางจูงมือเจ้าหญิงจันทรากินรี ตรงดิ่ง ไปหาเจ้าพนักงานธุรการ แล้วรีบแจ้งเจตนา . เจ้าพนักงานสตรีผู้นั้นก็รีบดำเนินการให้ อย่างไม่รอช้า . แล้วยิ้มให้นางเอื้อง หลังรับลงทะเบียน การสมัครเสร็จสรรพ . . " รอดตัวไปจนได้นะ ร้านของท่านน่ะ นี่ถ้าช้าอีกนิดเดียว เราก็กำลังจะออกคำสั่ง ปิดกิจการร้านของท่านแล้ว . เพราะการปกครองเฝ้ารอคำตอบจากท่าน มาตั้งแต่วันแรกที่มีประกาศ ขาดตอบรับ ก็ เพียงร้านท่านร้านเดียว . จึงโดนเพ่งเล็งว่า อาจเพราะไม่ประสงค์ ให้ความร่วมมือกับทางการ " . . นางเอื้องจึงตอบว่า . . " คือข้าเจ้าเส๊าะหาคนที่จะส่งเข้าประกวด บะได้เจ้า-- . -- เส๊าะคนงาม บะป๊ะซักคน . โชคดี-ที่องค์หญิงจันทรากินรีเสด็จมาจาก นครหิมพานต์ . จึงได้มาโจ้ยข้าเจ้ากับผัวไว้ตัน " . . เจ้าพนักงานหันมาทางองค์หญิง แล้วก้ม ศีรษะคารวะ . . " ขอต้อนรับองค์หญิงจันทรากินรีแห่ง นครหิมพานต์สู่เวทีประกวดนารีแก้วของนคร ไพรวัลย์ ประจำปีนี้เพคะ . และขอให้ทรงโชดดี ได้ครองมงกุฎเพชร นะเพคะ " . . " ขอบใจท่านมาก " . . จันทราก้มเศียร น้อมรับคำอวยพร ทรงแฮปปี้ที่ผู้คนที่นี่ล้วนมีน้ำใจ . * * * * * * * . . นางเอื้องรับสายสะพายจากเค้าท์เตอร์ รีจิสเตรชั่น เอามาคาดไหล่แบบสะพาย เฉียงให้องค์หญิงจันทรา . . พอดีกับที่ -ทันใด ก็มีเสียงพูดแปลกหู ดังขึ้น . . " This way please , princess . " . . คือช่างฉายฉายาชาววิลาศนั่นเอง มือถือกล้องถ่ายรูปขาวดำรุ่นคลาสสิก . ที่แอปเปิลเรียกปู่ ซัมซุงเรียกทวด . . แกเข้ามารับใบสมัครของผู้เข้าประกวด รายล่าสุดจากเจ้าหน้าที่ เอาไปอ่าน ดูราย ละเอียด . แล้วทูลเชิญ . . เจ้าหน้าที่คนเดิมก็รีบออกมานำเจ้าหญิง ไปที่มุมฉายภาพ . . ที่ตรงนั้น เป็นราวระเบียงไม้ฉลุสวยงาม มองทะลุเห็นจตุรัส สแควร์ ที่อยู่ด้านหลัง ชัดเจน . ช่างฉายได้เลือกเป็นมุมฉายภาพของ ผู้เข้าประกวดทุกนาง . และไม่อนุญาตให้พี่เลี้ยง หรือใครใด ๆ เข้าไปรบกวนการทำงานของช่างฉาย โดย เด็ดขาด . . โพระดกรู้สึกเป็นห่วง กลัวว่าจันทราจะ ทำอะไรไม่ถูก อาจพลาด แพ้สาวงามคนอื่นๆ ได้ . จึงแอบทำท่าทางอยู่ด้านหลังช่างภาพ ส่งซิกแนล-signal ให้องค์หญิง . โดยทำท่ายืนเข่าชิด บิดตัว วางมือขวา ทับมือซ้าย โพสท่าแบบนางงามยุคคลาสสิก นิยม ให้จันทรากินรีดูเป็นตัวอย่าง . . แต่องค์หญิงจันทราไม่สนใจ ทรงคิดท่าโพสเอง . ทรงเหวี่ยง-- หมุนองค์ แล้วโพสท่าชะงักนิ่ง ตาจ้อง มองสู้กล้อง . วางสีหน้าเก๋ อย่างเท่ . . ช่างฉายถึงกับอุทาน . . " Wow ! Wonderful ..! " . . พลางนุึกในใจว่า มิสฟาร์ร่าห์ จาก แดนวิลายาต (wilayat ) บ้านเดียวกับตน ได้เจอคู่ท้าชิงมงกุฎตัวจริง เข้าให้แล้ว . . ก็ให้จันทราโพส-pose ท่าเปรี้ยวๆ ฉายฉายากันหลายมุม หลายช็อต . จนพอใจ ช่างฉายจึงยอมเลิกงาน . . ช่างชาววิลาศตรงเข้ามาจับหัตถ์จันทรา ทูลเป็นภาษาอินเตอร์ ว่า . . " Princess , . I ' m sure - you will be crowned . " . . ประหลาดนัก ที่อำนาจความเป็นกินรี เมื่อถอดปีก ถอดหาง แปลงร่างเป็นคน ทำให้ จันทรากินรีสามารถเข้าใจภาษาวิลาศได้อย่าง อัตโนมัติ ทั้งที่เกิดมา ไม่เคยรู้จักบ้านเมืองนี้ แม้แต่น้อย . . และพอจันทราจะตอบว่า . " ขอบใจท่านมาก " . . ดุ๊ -- . กลายเป็นว่า ได้พูดตอบช่างฉายว่า . . " Thank you very much . " . . มีการสะกดจิต ให้จันทราออกเสียง th- แบบเอาปลายลิ้น-tongue tip แทรกระหว่าง ฟันบน -upper teeth และฟันล่าง-lower teeth . อีกทั้งยังดลใจให้เจ้าหญิงออกเสียง much- แบบ มัด-ฉึ --- อย่างถูกต้องด้วย . . โอ้โห- . เวทมนตร์แห่งกินรีแปลง อานุภาพใช่ย่อย -ไม่ใช่เล่นๆ แล้วนะเนี่ย . ทรานสเลทให้เบ็ดเสร็จ ราวกับกูเกิล แปลเอกสาร และกูเกิล โพรนันซิเอชั่น- pronunciation . * * * * * * . . " พรุ่งนี้ ตอนเช้า . ผู้ประกวดทุกคน จะต้องเดินสำแดงตน ที่ลานจัตุรัสต่อสายตาประชาชน . ในชุดอาภรณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ประจำถิ่น ของตน . แล้วกรรมการจะประกาศผู้เข้ารอบ 3 คน เพื่อตัดสินกัน ในตอนค่ำ " . . เจ้าพนักงานกำชับบอกให้นางเอื้อง นายเชียง รวมทั้งโพระดก และจันทรากินรี ได้รับทราบ และเข้าใจ . * * * * * * * * . . เช้าตรู่-- . ประชาชนชาวนครไพรวัลย์ แห่กันมามืดฟ้ามัวดิน เบียดเสียด แย่งจับจองหาที่นั่งกับพื้น . รอยลโฉมสาวงาม ที่ลานจตุรัส สแควร์ จนแน่นขนัด . . เขาจัดเว้นที่ทางด้านหน้าเป็นเวทีกับพื้น และให้ผู้ประกวดเดินสำแดงตนตามรันเวย์ ยาวรูปตัวที- T และที่หัวตัวทีก็มีแท่นโต๊ะ ยาวของคณะกรรมการ ตั้งขวางดักรออยู่ . เพื่อจะได้ยลโฉม ดูแต่ละสาวงามแบบ ใกล้ชิดชัดๆ แล้วให้คะแนน . . มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด ถึงสาวงามที่เข้าร่วมประกวดเป็นคน ล่าสุด เมื่อบ่ายวันวาน . ที่ช่างฉายก็รีบเสกภาพของนาง นำมา ติดแสดงเพิ่มต่อจากภาพของคนอื่นๆ ได้ อย่างทันใจ รวดเร็วดีจัง . . ต่างสนทนาอื้ออึงกัน ที่นางดูสวยเด่น กว่าทุกคน . ซ้ำยังทรงเป็นถึงเจ้าหญิงกินรี แห่งเมือง หิมพานต์ อันแสนลึกลับ . เมืองแห่งนกมีหู หนูมีปีก -เอ๊ย -ไม่ใช่ สินะ -เมืองแห่งคนมีปีกมีหางอย่างนก ต่างหาก . ที่เคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่ร่ำลือกันมาแต่ ครั้งโบราณกาลว่ามีจริง แต่ก็ยังไม่เคยมีใคร สักคนที่ได้ไปถึงที่นั่น . . มีบางคน บอกเพื่อนๆ ว่า . เมื่อเที่ยงวันวาน ตนเองเห็นเจ้าหญิง เสด็จมากับพี่เลี้ยง อุดหนุนร้านอาหารของ อีเอื้องกับอ้ายเชียง -ตนก็ยังแอบดู . แต่ก็ไม่นึกว่า จะทรงมาร่วมประกวด นารีแก้วครั้งนี้ กับใครๆ เขาด้วย . . * * * * * * * * * . . และแล้ว . การประกวดรอบเช้า ในชุด ประจำถิ่น ถิ่นใครถิ่นมัน . ก็เริ่มขึ้น . . เสียงฮือฮา ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ เล่าละเอียดไป ก็ไม่หมดแน่ . . บอกได้แต่เพียงว่า สวยเพริศ และ เลิศพริ้งทุกโฉมงาม . แต่ละนาง ช่างอร่ามแท้ แลตะลึง จนหนุ่มนครไพรวัลย์หลายคน นึกอยาก ขอหย่าเมียตัวเองอย่างสดด่วน- ณ ลาน ตรงนั้นเลย . . เสียงปรบมือ โห่ต้อนรับ เสียงตะโกน เรียกชื่อนางงามที่แอบเชียร์ . แข่งกันดังลั่น จนหูแทบแตก . . ยิ่งกรรมการแจ้งว่า จะคัดไว้เพียง สามคน ไว้ตัดสินในรอบค่ำคืนนี้ . เสียงโห่เชียร์ ก็ยิ่งเข้มข้น ตะโกน เรียกชื่อนางงาม เสียงดังสนั่นไปทั้ง ลาน . . * * * * * * * * . . พอแสงอาทิตย์ยามเช้า กลายจากแสงอ่อน เป็นแสงอุ่นของยาม สาย และเริ่มจะกลายเป็นแสงกล้าของ เที่ยงวัน . . อากาศเริ่มร้อน จนผู้เข้าประกวดที่เดินโชว์ ตัวกลางแดดหลายคนมีเหงื่อไหลซึม . บางคน-ที่มีศักดิ์เป็นถึงเจ้าหญิง-เฉกเช่น จันทรากินรี ถึงกับทรงพระกรรแสง (=หยิบผ้า เช็ดหน้ามาใช้-ซับเหงื่อ) . และหรือเจ้าหญิงแห่งแคว้นคีเนีย-นั้น ทรง ถึงแก่กันแสง ( =รำไห้ ) เพราะมาสคาร่าที่ทรง ใช้ โดนแดดแล้วละลาย ไหลเข้าตาทั้งสองข้าง ของนาง . . ทางกองประกวดให้เวทนา จึงประกาศ ให้เหล่านางงามได้พัก . . แล้วสักครู่ใหญ่ ก็มีคณะกรรมการบาง ท่านนำผลการตัดสินไปติดประกาศไว้ที่ ผนังของพลับพลา พร้อมกับภาพฉายของนางงามที่เข้า รอบไฟนอลสามคนสุดท้าย ทั้งสามนาง . . ประชาชนพากันแห่มามุงดูผลการ คัดเลือกด้วยความตื่นเต้น . เสียงส่วนใหญ่ชื่นชมการตัดสินของคณะ กรรมการ ว่าตรงกับที่ตนคาดคิดไว้ทั้งหมด . คนแรก คือ ทิพย์เกสร สาวงามจาก แคว้น สิงหปุระ . เธอใส่อาภรณ์อย่างนางพญาราชสีห์ ตามชื่อแว่นแคว้น . นางเป็นตัวเก็ง ที่โดนใจหลายๆ คน แต่มีบางคนจิกนางว่า โคตรยโส ยิ้มเชียร์ ให้ กลับเชิดหน้าใส่ ไม่ยิ้มตอบ . แม่ง-หยิ่งจิ๊บ-อ๋าย . . คนต่อมา คือ ฟาร์ร่าห์ สาวมั่นจาก เมืองวิลาศ-วิลายาต (wilayat ) นั่นเอง . นางช่างน่ารัก ร่าเริง ขี้เล่น ฟรุ้งฟริ้งแบบ เฟลิต ๆ - flirt ๆ เป็นธรรมชาติสุดๆ . ยิ้มหัวกับทุกๆ คน ได้ใจมากๆ . แต่บางคนจะติงว่า นางเดินเหิน นั่งยืน ไม่ค่อยจะระวัง ออกแนวอ้าซ่า ไม่สู้จะเป็น กุลสตรี . คนสุดท้าย ก็ตามคาดหมาย คือ เจ้าหญิงจันทรากินรี . . วันนี้ จันทรากินรีตัดสินใจยอมจัดเต็ม ไม่มีกั๊ก . คือ นางใส่ทั้งปีกทั้งหาง ครบไม่พอ นางเอื้องกับโพระดกยังช่วยกันโปะ กระหน่ำ แอคเซสซอรี่ แบบคอสตูม จิวเวลรี่- costume jewelry ชิ้นบึ้มๆ ลงบนตัวให้จนเว่อร์วัง . -สุดอลังการ โพระดกจริงจังมาก . นางแต่งตัวให้จันทรา พลางก็แอบกระซิบ บอกย้ำเจ้าหญิงเป็นภาษากินรี . เพราะกลัวนางเอื้องที่ยืนคอยช่วยแต่งเครื่อง ประดับอยู่ด้วยกัน จะล่วงรู้แผนการที่แท้จริง . . " กนรัืสพด่้อก-ปผำยสา้เะว ส้ยทเอห ดัอสายื้ีสบ ขจิแอดรั แราอ่้เปตคึ่อเด้่าส ดกำก้ร " ( องค์หญิงเพคะ- งานนี้ ต้องทำองค์ให้เด่น ที่สุด ให้เจ้าชายอนันตราชสนใจ และหลงรัก องค์หญิง ให้ได้นะเพคะ ) . . จันทราพยักหน้า ตอบนางด้วยน้ำเสียง หนักแน่น . . " 0 k - รวทืเดกีาิอ้่มส . ยีเดกแปผไำะ้า ทว ดสาืิแภัอแืส ยร่ะดดอ่า่ิ . บกาืาิรนวส าพ้เ้เนรทิายรกพมด กีทรท " . . ( โอเค- หญิงสัญญา . หญิงจะพยายามทำทุกอย่างให้สำเร็จ ให้ได้ . จะไม่ยอมให้เราต้องพลาดโอกาสสำคัญ นี้ไป โดยเด็ดขาด ) . * * * * * * * * การประกวดนารีแก้วรอบสุดท้าย ในยามค่ำ กำลังจะเริ่มขึ้น ณ ตอนนี้ . มีการแนะนำรายชื่อคณะกรรมการ ตัดสินในรอบไฟนอลอย่างสมเกียรติ . . " ท่านผู้มีเกียรติ ทุกท่าน . อันดับต่อไป-- เป็นสองเซเลบฯ หนุ่ม ผู้โด่งดังแห่งดินแดนแสงตะวัน . ที่ได้ให้เกียรติอย่างสูงแก่นครไพรวัลย์ เดินทางมาร่วมเป็นคณะกรรมการในวันนี้ ด้วย . โปรดปรบมือต้อนรับ -- . เซเลบฯ - โตมิโต โชดะ ! . และ เซเลบฯ - เซ มา เตะ ! " . . เหล่ามหาสมาคมทั้งปรบมือให้ และทั้ง เป่าปาก ฟิ้ว-ฟิ้ว ดังลั่นทั้งลานประกวด . . สองเซเลบริตี้ (celebrity)ให้ปลื้มปริ่ม ยิ้มกว้าง หุบไม่ลง จนรูปหน้าที่โบท็อกซ์- botox มาให้ดูเรียวนั้น เผลอขยายบานกว้าง ออกอย่างเดิม . . ดูแล้ว -- . เอาจริงเอาจัง ยังกะเป็นการประกวด นางงามระดับโปรฯ และอินเตอร์เลยทีเดียว เพราะมีการกำหนดให้เป็นคณะกรรมการ คนละชุด กับรอบคัดเลือกเมื่อเช้า . . โดยเฉพาะ เจ้าชายอนันตราช ผู้ทรงเสด็จ ดำเนินด้วยขบวนคชสารพระที่นั่งมาจากนคร กัลปพฤกษ์ และเช็คอินถึงนครไพรวัลย์ล่วงหน้า เมื่อามวันก่อน เหมือนว่าจะทรงได้รับการยกย่อง เชิดชู มากเป็นพิเศษ . .. " ก่อนที่จะทำการประกวด เฟ้นหา นารีแก้ว จากผู้เข้าประกวดที่ผ่านเข้ารอบ สุดท้ายทั้งสามคน เราจะมีการแสดงพิเศษ ยิงธนูแฝด - ธนูเงิน ธนูทอง จาก เจ้าชายอนันตราช แห่งนครกัลปพฤกษ์ มหามิตรของเรา . ผู้เป็นเจ้าแห่งวงการยิงธนู ไม่มีผู้ใดในไตร โลก มาริหาญท้าสู้ฝีมือยิงศรของพระองค์ได้ " . . เจ้าชายรูปงามยืนโค้งคำนับ รับเสียงปรบมือก้องสนั่นจากมหาสมาคม . . จันทรากินรีแอบมองดูเจ้าชายอนันตราช จากหลังหลืบม่าน . . " หล่ออะไรอย่างนี้ " . . ทิพย์เกสร สาวงามจากสิงหปุระ ผู้ผ่าน เข้ารอบด้วยกัน ที่ก็มาแอบดูอนันตราชข้างๆ จันทรากินรี กล่าวรำพึงเสียงดัง . . " เสียดาย- . ที่ทรงมีมเหสีซะละ " . . จันทรากินรีได้ยินเช่นนั้น ก็พลัน รู้สึกใจหายวูบ -- . เจ็บจี๊ด ที่ดวงใจ . ยืนแทบไม่ติด รู้สึกเหมือนโลกจะ ถล่มทลาย . . พอได้สติ นางก็ตกใจ และละอายใจ ที่ทำไมตัวเองต้องรู้สึกเช่นนั้นด้วย . . เจ้าชายอนันตราชเดินออกมา ที่ลานกว้าง ทรงชูธนูศรขึ้น . ตรัสเสียงดังว่า . . " ที่จริง --เมื่อสองวันที่ผ่านมา ข้าออกประพาสป่านอกเมืองตามลำพัง . ได้ลองยิงธนูเงิน ธนูทอง ในกลยุทธศร ชื่อ ดับสุริยัน . แต่พอข้ายิงขึ้นไป หมายจะดับแสง อาทิตย์ให้มืดมิด . กลับถูกรถพระอาทิตย์ขับชนธนูของ ข้ากระเด็น ธนูเปลี่ยนทิศทาง พุ่งเข้าไป ทางป่าแห่งหนึ่ง พอข้าจะเรียกธนูกลับมา พบว่าป่านั้นปิดทึบ จนข้าไม่สามารถเรียกธนูกลับคืนได้ . ครั้งนี้ ข้าจะแสดง ยิงธนูเงิน ธนูทอง เป็นกลยุทธศร ชื่อ พิชิตจันทรา .. เมื่อข้ายิงธนูขึ้นไปบนท้องฟ้า จะปรากฏ แสงแห่งดาวเดือน ร่วงกระจาย หล่นลงมาราวห่าแสง . แต่พวกท่านไม่ต้องกลัว เป็นเพียงแสง หาใช่วัตถุไม่ " . . ก็มีเสียงโห่ร้องจากประชาชนที่ประสงค์ อยากชมการแสดงยิงธนูโดยเร็ว . . ยกเว้น เจ้าหญิงจันทรากินรี ผู้ที่แอบมองอยู่หลังหลืบ . ทรงถึงกับน้ำตาคลอด้วยไฟแค้น ที่ร้อนระอุขึ้นมาทันที . . " ธนูเงิน ธนูทองของเจ้า มันแล่นมาปักอกของพี่ชายข้า . และที่เจ้าเรียกธนูกลับคืนไม่ได้ ก็เพราะข้าได้ร่ายเวทปิดประตูป่าไว้ . อนันตราช-- ข้าจะต้องล้างแค้นครั้งนี้กับเจ้า ให้ จงได้ !" . * * * * * * * * . . อนันตราชประทับยืน . แล้วแผลงศรธนูแฝดขึ้นสู่ฟ้า . . เสียงแหวกอากาศของธนูแฝด คุ้นหูจันทรากินรี เพราะนางไม่มีวัน ลืมเหตุการณ์ร้ายของวันก่อนนี้ . . พลัน- . แสงเดือน และแสงดาว ก็ปรากฏ ให้เห็นประจักษ์กับสายตาของทุกคน . แล้วร่วงพรู หล่นต่อๆ กันลงมาจาก ฟากฟ้าเป็นสร้อยแสง . -เต็มทั่วท้องฟ้า สวยงาม ตระการตา ด้วยสีสัน ต่างๆ . . ประชาชนปรบมือกันกึกก้อง ส่งเสียงโห่ร้อง แซ่ซ้อง สรรเสริญ . มีคนตะโกนนำกล่าวเยล - yell แสดงความชื่นชอบการแสดง . แบบที่ลูกเสือเล่นรอบกองไฟกัน ก็ไม่ปาน . . " พี่น้องนครไพรวัลย์ . โปรดกล่าวตามข้าพเจ้าสามครั้ง ว่า . องค์อนันตราช นี้- . เก่งจริงๆ !! . . เก่งจริงๆ !! ( ฝูงชนตะโกนรับ และชูกำปั้น) . เก่งจริงๆ !! ( ฝูงชนตะโกนรับ และชูกำปั้น) " .. เก่งจริงๆ !! ( ฝูงชนตะโกนรับ และชูกำปั้น) " . . อนันตราชโค้งวรกาย เพื่อขอบใจ ในคำชื่นชม . แล้วประทับยืนนิ่ง ร่ายเวทเพื่อเรียก ธนูเงิน -ธนูทอง กลับมา . . และแล้ว ก็มีเสียงธนูแฝดแหวกฟ้า แผดดังหวีดหวิว . ราวกับเสียงไซเรนรถดับเพลิง ลูกธนูพุ่งกลับลงมา แลนดิ้งแบบ สมูธ แอส ซิ้ลค์ -smooth as silk -เท่ๆ . จอดนิ่ง ลงบนฝ่ามือของอนันตราช อย่างซอฟท์ ๆ . . เจ้าชายโค้งรับเสียงปรบมือ ที่ดังลั่น ขึ้นอีกครั้ง . แล้วเสด็จกลับมาประจำที่นั่งของ บรรดากรรมการตัดสิน . . บัดนี้- . การประกวดนารีแก้ว ยามค่ำคืน รอบตัดสิน กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว จริงๆ . . * * * * * * * . . กลองรัว--- . แตรเป่ายาว เสียงกังวานโหยหวน . และแล้ว ก็มีนักแสดงนครไพรวัลย์กลุ่มใหญ่ เป็นเด็กหนุ่ม และเด็กสาวออกมาร่ายรำเปิดเวที . สร้างความเร้าใจให้คนดูฮือฮา กับสถานที่ ประกวดยามราตรี . เพราะพอจุดไฟ ปล่อยแสงสีให้ฉายสาดส่อง เต็มเหนี่ยว . กับมีระบำสนุกๆ มาส่ายท่าสวยงามประกอบ ทำให้บริเวณลานจัตุรัสดูคึกคัก มีชีวิตชีวากว่า ตอนกลางวันมากมาย . . ระบำจบ นักแสดงเกือบทั้งหมดถอยหลัง เข้าฉาก . เหลือสิบกว่าคนยืนสแตนด์บาย โพสท่านิ่ง รอเป็นแบ๊คกราวน์ด์ให้นางงาม . . . " เชิญผู้มีเกียรติทุกท่าน พบกับสาวงามทั้งสาม . ได้ ณ บัดนี้ " . . " สาวงามท่านแรก นางทิพย์เกสร จากนครสิงหปุระ . สถาบันเสริมความงาม ไพรวัลย์บิวตี้ฟูล ฟอร์เอเว่อร์ ร่วมกับแป้งน้ำพันธุ์งาม . ส่งเข้าประกวด " . . ทิพย์เกสรเดินออกมา ในชุดนางสิงห์สาว อกเสื้อเป็นกรวยแหลมเปี๊ยบ จากอิทธิพล การดีไซน์ของ ฌอง ปอล โกลติเยร์ - Jean Paul Gaultier ชาววิลาศอีกคน . นางเดินเชิดหน้า คอตั้ง เม้มปากตาม สไตล์ . เพราะพื้นเพเป็นคนเก่งจึงติดนิสัยชอบยืด -ไม่ชอบยิ้ม . . " การศึกษาสูงสุด จบชั้นอนุบาลสอง จากโรงเรียนอนุบาลห่านน้อย " . . คนดูร้องอู้ฮูว์ -- พากันปรบมือกราวใหญ่ให้นาง . โอ้- จบตั้งอนุบาลสอง -แน่ะ . เพราะนานๆ จะมีนางงามที่มีการศึกษา สูงๆ แบบนี้ หลุดเข้ามาประกวด . ด้วยที่ผ่านมา เหล่านางงามล้วนไม่ค่อย เคยได้ร่ำเรียนอะไรมาเลย . . นางทิพย์เกสรจับได้คำถามกรรมการ ของศาสตราจารย์หวัง ฟันเจ้า ผู้เชี่ยวชาญ ด้านการคณิตศาสตร์ขั้นสูง . . ศาสตราจารย์ลุกขึ้น ตะโกนถามนาง ด้วยเสียงอันดังว่า . " 11 ยกกำลังอินฟินิตี้ . หาร 4 . ลบ 5 . บวก 17 . คูณ 0 . ได้เท่าไหร่ ? . --พูด ! " . . . คนทั้งลานส่งเสียงโห่ ไม่พอใจคำถาม จากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิท่านนี้ . ที่วันๆ หัวยุ่ง หมกมุ่นแต่กับการคิดเลข และคำนวณ . ถามคำถาม-แม่ง-ยาก ราวกับจะมาแข่ง คณิตศาสตร์โอลิมปิก ไม่ใช่ประกวดนางงาม . . นางทิพย์เกสรคันหัวจี๊ดขึ้นมาทันที เอาเล็บนิ้วชี้เกาโคนผม ที่โผล่จากชฎาข้างหู ยิกๆ . ถามยาก-อะไรแบบนี้ ฟะ ? นางร้องขอกระดานไวท์ บอร์ด จากเจ้าหน้าที่ . ได้กระดานมา ลองขีดๆ เขียนๆ ลบๆ ถูๆ พักนึง --ก็อึ้ง คิดต่อไม่ไหว . นางทิพย์เกสรจึงตอบเสียงสะบัด แบบส่งเดช --มั่วๆ ไป . . " ได้ 0 --- มั้ง ! " . . " อะ- ถูกต้อง- . นะค้าบบบ !! " . . ศาสตราจารย์หวัง ฟันเจ้า ชูสองมือ ยกนิ้วหัวแม่มือให้นางทันที . . คนดูส่งเสียงโห่ฮิ้ว -- และปรบมือให้นางทิพย์เกสรดังสนั่น . เจ้าตัวตาเบิ่งค้าง อ้าปากหวอ-- คือ งงจ้า . นี่คือ ฟลุก- fluke - ใช่มะ ? . . กรรมการยิ้มพอใจ นึกชมนางทิพย์เกสร ว่ารู้ได้ไง ว่าเลขจำนวนใดๆ ถึงจะไปทำอะไร ยังไงกับเลขจำนวนอื่นๆ มา แต่เมื่อต้องมาจบ ด้วยการคูณกับศูนย์ . - ผลลัพธ์ ก็ต้องได้เป็นศูนย์ . ก็พากันรุมเทคะแนนให้นาง จนสกอร์ พุ่งพรวด . . กรรมการคนนึงมีหน้าที่รวมคะแนน รีบ หยิบลูกคิดรางแก้ว ขึ้นมาดีด . เสียงดัง ปั๊วะ- ป๊ะ . ปั๊วะ -ป๊ะ . . อนึ่ง- เวทีนี้ ไม่เล่นไฮ-โล high - low แบบคิดคะแนนรวมของ ยิมฯ หรือกระโดดน้ำ นั่นคือ ไม่ตัดคะแนนที่ได้สูงสุดออก และ ไม่ตัดคะแนนที่ได้ต่ำสุดออก . แต่จะคิดคะแนนรวมจากทุกคะแนนของ กรรมการ . . กรรมการประกาศค่าคะแนนเฉลี่ย ของนาง ทิพย์เกสร ดังๆ . " 9.705 " . . มีคนดูมึนนิดๆ --- . ว่าทำไมนางทิพย์เกสรถึงไม่ได้ 10.000 . . กรรมการหญิงคนนึง แอบยิ้มสะใจ . ที่จริง ตอบถูกแบบนี้ น่าจะได้เต็ม 10 . แต่เชอะ--เจือกหยิ่งดีนัก ทำเป็น เดินเชิด คอแข็ง . ข้าเป็นกรรมการ อุตส่าห์ยิ้มให้ ก็ไม่ ยิ้มตอบ . เลยงอคะแนนไว้ - . --- แล้วหักซะ . . .. สม ! . * * * * * * * . . " สาวงามท่านที่สอง นางฟาร์ร่าห์ จากเมืองวิลาศ . โรงฆ่าสัตว์นครไพรวัลย์ ร่วมกับ โรงรับจำนำ ตึ๊ง แอนด์ เปย์ - Tueng & Pay . ส่งเข้าประกวด " . . นางฟาร์ร่าห์ส่งยิ้มกว้างมาแต่ไกล นางเดินกระดิกนิ้วมือ โบกทักทายผู้คน ที่เชียร์นางอย่างปล่อยๆ . สบาย ๆ เบิร์ด ๆ . . พอเดินมาเจอกลุ่มหนุ่มนครไพรวัลย์ ที่ก็โบกมือ เรียกชื่อเธอดังลั่น . แล้วปรบมือ ร้องเพลงเชียร์นางเฮ้วๆ เป็นจังหวะ . . นางสุดจะปลื้ม ลืมตัว เลยตรงเข้าไป แด๊นซ์กับพวกเขา . เอาสะโพกฝรั่งมังฆ้อง ขนาด 38 นิ้ว บั๊มพ์กระแทกใส่หนุ่มนครไพรวัลย์คนนึง แบบก๋ากั่น . เรียกเสียงฮือ-จากผู้คนตรงนั้นได้ทันที พากันปรบมือกราวใหญ่ . ถูกใจ กดไลก์ -ชอบใจอัธยาศัยนาง . ว่านางฟาร์ร่าห์ -แม่ง ฮาๆ ดีว่ะ . . แต่กรรมการมนุษย์ป้าท่านนึง ที่ลงทุน ถอดแว่น หยีตามองดูนางฟาร์ร่าห์ มาตั้งแต่ ตอนนางเริ่มออกเดินโชว์ตัว . พอเห็นดั่งนั้น ก็ถึงกับขนหัวลุก-ซู่ เกิดอาการรับไม่ได้- . รีบใส่แว่นกลับตามเดิม แล้วรีบล้วงมือ ควานหาขวดน้ำมันเหลืองจากหีบหมาก . เอามาจ่อดม และแตะ -ทา -ถู ที่ขมับทั้ง ซ้าย-ขวา เพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะ . วิงเวียน หน้ามืด คล้ายจะเป็นลม . . ที่สุด-- . ถึงแม้นางฟาร์ร่าห์จะตอบคำถามผ่าน ล่ามช่างฉายชาววิลาศ . ว่านางรักเด็ก รักผู้ใหญ่ และรักทุกคนที่นคร ไพรวัลย์ รวมถึงนางชอบอาหารของที่นี่มาก โดยเฉพาะต้มส้มไก่บ้านใส่ใบชะมวง . และอุตส่าห์แสดงทักษะความสามารถ ด้วยการสาธิตเรียกสิ่งของรอบๆ ตัว เป็นภาษา วิลาศ . . " That is a chair. " . . " This is a book . " . . จนทุกคนทึ่งในความสามารถ แต่นางก็โดนกรรมการมนุษย์ป้า ผู้ไม่ปลื้ม กับกิริยาโดกเดก เปิ๊บป๊าบพรรค์นั้น ลอบ สะกัดดาวรุ่ง กดหักคะแนนนาง . จนหมดหวัง ที่จะได้สวมมงกุฎคืนนี้ . - แบบเห็นๆ . " 6.055 " . . . ทันทีที่พิธีกรประกาศเรียก จันทรากินรี ทั้งโพระดก และนาง เอื้องโผเข้ากอดกัน . . แล้วหันไปโบกไม้โบกมือ ส่งเสียงเชียร์ ดังลั่น . . " นางงามท่านสุดท้าย . เจ้าหญิงจันทรากินรี จากแดนหิมพานต์ ร้านข้าวแกงนางเอื้อง ลาบเมียง และนายเชียง จิ๊นส้ม . ส่งเข้าประกวด " . . ผู้คนทั้งลานร้องฮูว์--ส่งเสียงปรบมือ ให้กำลังใจเจ้าหญิงกินรีแสนสวย . ผู้ก้าวออกมา พร้อมส่งยิ้มหวานไปรอบๆ หยุดยืนนิ่ง แล้วค่อยๆ เบี่ยงขาขวาไปด้าน หลัง และย่อตัวลง อย่างช้าๆ นุ่มนวล . พนมมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อม . ตามการเทรน-train อย่างเข้มของ นางพี่เลี้ยง และนางเอื้อง . . เสียงปรบมือดังกราวสนั่น กึกก้องทั่วทั้ง ลานจัตุรัส . เพราะความนอบน้อมนี้ ได้ใจมหาชนเกินร้อย ชนิดที่ไม่ต้องประกวดต่อแระ เอามงมาครอบ ลงหัวให้ไปเลยก็ได้ . . ยามจันทรากินรีเยื้องย่าง นางเดินอย่าง นุ่มนวลราวกับกำลังเดินบนก้อนเมฆ . จึงดูสวยงาม สะกดให้ทุกสายตาพากัน จับจ้อง . . โตมิโต โชดะ และ เซ มา เตะ สอง กรรมการจากดินแดนแห่งแสงตะวัน ร้องอุทาน เสียงดัง พร้อมกันว่า . . " ฟูเอสะ ! - fueza ! " . . ชาวนครไพรวัลย์ที่ได้ยิน พากันหันไปมอง . แล้วซุบซิบ ขำกัน คิก-คิก . ว่ากรรมการจากแดนอาทิตย์อุทัยอุทานว่า . . " แชมพูสระผม แฟซ่า " -ขายบนแผง ซองละ 1 อัฐ . . ส่วนช่างฉายภาพชาววิลาศเล่า ก็ถึงกับร้อง อุทานอีกคน ว่า . . " เฟ้เธอะ- feather ! " . . ด้วยทุกคนต่างตะลึงกับลีลาการเดินของ กินรี ที่ย่างเท้านุ่มเบาราวกับขนนก -นั่นเอง . . กรรมการมนุษย์ป้าไฮโซท่านนั้น พอเจอ กิริยาผู้ดี มีสัมมาคารวะ นุ่มนิ่มเป็นเยลลี่-jelly -ปีโป้ ของจันทราเข้า . ถึงกับมีอาการซึ้งจุกอก ตื้นตันจนน้ำตา นางเล็ด เอ่อเบ้า . นั่งมอง อมยิ้มถูกใจจังทั้งน้ำตา . . แล้วประจงหยิบผ้าเช็ดหน้า ที่ถักโครเชต์ ลายลูกไม้หยักๆ รอบขอบ และปักที่มุมข้างนึง เป็นรูปศรเสียบปักทะลุหัวใจ ออกมาคลี่โชว์ . ค่อยๆ ใช้มันแตะ ซับน้ำตาตัวเองอย่างช้าๆ ด้วยท่วงท่าประณีต ประจงเต็มบรรทัด . . * * * * * * * * * . . ฝ่ายเจ้าชายอนันตราชถึงกับตะลึงงัน ในความงามของเจ้าหญิงจันทรากินรี . ที่ส่งประกายออร่า วิบวับ . . รักแรกพบ -love at first sight บังเกิดขึ้นฉับพลัน ในพระหฤทัยของ เจ้าชาย . . * * * * * * * * . . จันทรากินรียิ้มหวานให้โพระดก และนางเอื้อง กับนายเชียง . ที่วิ่งนำช่อดอกไม้ช่อเบ้อเริ่มมามอบให้ ถือ ยิ่งทำให้จันทราดูเด่น กว่าใครๆ . . พอเดินตามรันเวย์ไปถึงหัวตัวที จันทราถึงกับใจเต้น ตึ๊ก-ตั๊ก . เพราะเจอสายตาเจ้าชู้หวานซึ้งของ อนันตราช ที่จ้องมองมา จับใบหน้าของ เธอนิ่ง ไม่ยอมละสายตาไปไหน . . จันทราล้วงโหลแก้ว จับสลากชื่อ กรรมการที่พับไว้เป็นรูปดาว ส่งให้พิธีกร . . พระเจ้า !! . พรหมลิขิต หรือ เดสตินี่- destiny กันแน่ ? . เพราะพอแกะดาวออกมา เธอจับได้ชื่อ เจ้าชายอนันตราช ! . . . * * * * * * * * * . " สวัสดี-- . เจ้าหญิงจันทรากินรี " . . อนันตราชทรงยืนขึ้น ตรัสทักทาย . . จันทราย่อตัว ถอนสายบัว . . " บังคมเพคะ " . . " คำถามของข้า ก็คือ . ถ้าองค์หญิงมีศัตรูคนนึง " . . อนันตราชแอบขยำคำถามเดิม ที่เตรียมมาว่า คำขวัญของนครไพรวัลย์ คืออะไรทิ้งเสีย . นึกคำถามใหม่ ที่คิดขึ้นมาสดๆ นั้นต่อ . . " แล้วศัตรูคนนั้น . รักองค์หญิงสุดหัวใจ . และองค์หญิงเอง ก็แอบรักเขา . . ถ้ามีโอกาสเหมาะ . ที่องค์หญิงสามารถฆ่าศัตรูผู้นี้ได้ . องค์หญิงจะฆ่าเขาลงคอไหม ? " . . โพระดกร้อง " ห็า ? " ทำไมมันช่างบังเอิญ อะไรเช่นนี้ . หรือว่า อนันตราชรู้ตัวแล้ว ? . . จันทรากินรีสบตากับอนันตราช . . ทั้งสองมองตากัน นิ่ง และนาน . เสมือนโลกนี้ มีเพียงสองเรา . . . " จันทร์รูปเคียว เกี่ยวกิ่งฟ้า มาโอบรัด . ใจกระหวัด เกี่ยวพัน อย่างมั่นหมาย . สองดวงใจ สนิทซ้อน มิผ่อนคลาย . ดั่งคู่หมาย แต่ปางหลัง ครั้งเดิมมา " . . . ผู้คนที่อิน-in พากันมองตามเจ้าหญิง และเจ้าชาย ต่างก็มีความรู้สึกฟินมากๆ . บรรยากาศตรงหน้าโรแมนติกสุดๆ จนแทบจะร้องกรี๊ด . เหมือนกำลังได้ดูหนังรักอมตะ เรื่อง " โรเมโอ กับ จูเลียต " . . แล้วจันทราก็ตอบคำถาม ของ เจ้าชาย . . " พระองค์ทรงถามหม่อมฉัน เหมือนจะทรงเก็งคำตอบล่วงหน้า . ว่าหม่อมฉัน จะต้องตอบว่า ฆ่าเขา ไม่ลง . แต่สำหรับหม่อมฉัน -- . ถ้าเขามากลายเป็นศัตรู เพราะเขา ได้ฆ่าคนที่หม่อมฉันรักคนนึงมาก่อน . หม่อมฉันก็ฆ่าเขาได้เพคะ " . . จันทราสะอื้นเล็กน้อย . สบตา -มองพักตร์สุดแสนหล่อเหลาของ เจ้าชายอนันตราชที่กำลังจ้องนิ่งมาที่ตน . ในพระหทัยของเจ้าหญิงกินรีน้อยให้รู้สึก หวิวหวาม ปั่นป่วน รัญจวนไปหมด . -อย่างที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน . . " ฆ่าได้-- แม้ว่าหม่อมฉัน จะรักศัตรูผู้นั้น . - หมดหัวใจ " . . จบสิ้นคำตอบของจันทรา ทุกคนทั้งลานที่ รอฟังพากันเงียบ-- อึ้ง . . ดูเถิด- เป็นคำตอบที่ช่างเจ็บปวดนัก . ใครเล่าหนอ จะสามารถฆ่าคนที่ตนรักได้ลงคอ เช่นนั้น . คงต้องปวดลึก ร้าวรานในดวงใจ จนแทบตาย ตามคนรักนั้นไปอีกคน . . อนันตราชที่ยืนถาม มองสบตาเธอ อย่างโหยละห้อย- . น้อยใจในคำตอบที่ได้รับ ราวกับว่า พระองค์เองคือศัตรูผู้นั้น . . ยิ่งได้ฟังวาจาที่นางตอบอย่างมีเหตุมีผล อนันตราชก็ยิ่งหลงรักจันทรากินรีเป็นเท่าทวี . ทรงปรบมือให้ แล้วทุกคนก็ปรบมือให้เจ้าหญิงจันทรา กินรีตามพระองค์ . เสียงดังกราว ลั่นยาว . . กรรมการที่ดีดลูกคิดรวมคะแนน แกมีนิสัยแบบ- จะยังไง้ -กรูก็ขอดีด ซักหน่อย -ละวะ . . รับใบคะแนนมา เหล่มองด้วยตาเปล่า ก็เห็นแล้ว ว่าทุกคนให้คะแนน 10 เต็ม แกก็ไม่วายเอาคะแนนทั้งหมดมาดีด . แป๋ง- แป๋ง . รวม - แล้วหาค่าเฉลี่ย . . " 10. 000 " . * * * * * * * . . โพระดกน้ำตาไหล . เมื่อกำลังจะได้เห็นเจ้าหญิงจันทรา กินรีได้สวมมงกุฎ ตำแหน่งนารีแก้ว . . เพราะรองอันดับสอง คือนางฟาร์ร่าห์ และรองอันดับหนึ่ง คือนางทิพย์เกสร ต่างก็ ได้รับขันน้ำและพานรองจากหัตถ์ผู้ครองนคร ไพรวัลย์ไปเรียบร้อยแล้ว . เป็นขันน้ำพานรองเนื้อเงินอย่างดี ที่กอง ประกวดได้สั่งทำโดยตรงจากร้านเจ้าประจำ ย่านวัวลาย ซึ่งเป็นหมู่บ้านช่างเงินฝีมือเยี่ยม ของอาณาจักรล้านนา . . . พอเห็นองค์อนันตราชยิ้มกริ่ม ลุกจากโต๊ะประทับ เดินออกมาหาจันทรา . มีมิสนารีแก้วของปีก่อนถือพานใส่ มงกุฎเพชร และสายสะพาย ตามติดมา . . โพระดกรีบยกมือขึันพนม ภาวนาขอให้ สิ่งที่คิดไว้จงบังเกิด . ตอนเจ้าชายอนันตราชสวมมงกุฎนารีแก้ว ให้เจ้าหญิงจันทรา . " เพี้ยง -- . จงรัก เพี้ยง -- . จงหลง " . * * * * * * . . มิส "นารีแก้ว" บอกกับพี่เลี้ยง ในเย็นของวันรุ่งขึ้น . . " เจ้าชายอนันตราช ทรงขอให้หญิงไปเป็นมเหสีของพระองค์ ที่นครกัลปพฤกษ์ " . . " ทรงมีมเหสีอยู่แล้ว แต่ยังทรงมาทูลขอ องค์หญิงแบบนี้ แสดงว่า ทรงรักชอบองค์หญิง ของพี่จริงเพคะ . พระองค์ทรงติดตามองค์หญิง ไปยังสถานที่ ต่างๆ ทุกที่ จนชาวเมืองไพรวัลย์พากันกอสซิป -เล่าขวัญ -ร่ำลือเป็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ณ ตอนนี้ . ว่าเจ้าหญิงของพี่ คือ ว่าที่มเหสีองค์ใหม่ ของนครกัลปพฤกษ์ " . . ใช่แล้ว- . นอกจากตอนสวมมงกุฎให้จันทรา อนันตราชจะทรงกระซิบว่า . . " เจ้าหญิงของข้า . โปรดรับรักข้าได้ไหม ? " . . พอวันรุ่งขึ้น--- . มิสนารีแก้วต้องออกสื่อ ออกงาน ไปขอบคุณ และปรากฏตัว พบกับ ประชาชนตามสถานที่ต่างๆ ในนคร ไพรวัลย์ ตามประเพณี . เจ้าชายอนันตราชก็ยังเสด็จ ไปคอยยืนคู่ ฉายฉายาเคียงข้าง จันทราแทบจะทุกซีน . . คอยประกบใกล้ชิดนางในทุกๆ ที่ ทรงไม่ปิดบังว่า พระองค์กำลังสนพระทัย และลุ่มหลงในตัวมิสนารีแก้วคนใหม่ . . " ที่ทรงทูลขอองค์หญิงรวดเร็วเช่นนี้ ก็เพราะพรุ่งนี้ เป็นกำหนดที่จะเสด็จกลับ นครกัลปพฤกษ์ สินะเพคะ " . . โพระดกทูลถาม . . " ใช่-- . ทรงเร่งรัด รบเร้า -แต่ก็ยังอนุญาต ให้หญิงมาปรึกษาพี่โพระดกก่อนได้ . เพราะหญิงได้ทูลให้ทรงทราบแล้วว่า พี่เป็นพระพี่เลี้ยงของหญิง ที่เสด็จพ่อ มอบหมายให้มาติดตามดูแลหญิง ต่างสาย พระเนตร พระกรรณ " . . " เพคะ . ที่องค์หญิงทรงขอให้พี่โพระดกทูลตอบ องค์อนันตราชเรื่องนี้ แทนตัวองค์หญิงเอง ก็ดีเหมือนกัน . งั้น--เพื่อภารกิจจากหิมพานต์ที่เราต้อง ทำให้องค์สุริยันกินราฟื้นคืนพระชนม์ชีพ ให้สำเร็จ พี่ก็ต้องทูลตอบรับคำขอนี้ ของ เจ้าชายอนันตราช . --ใช่ไหมเพคะ ? " . . พระพักตร์จันทรากินรีแดงซ่านทันที ทรงเสหันมองไปทางอื่น . . " ก็สุดแท้แต่พี่โพระดก . - จะตัดสินใจ " . * * * * * * * * . . หลังจากโพระดกได้ไป เข้าเฝ้าองค์อนันตราช . และตอบรับ ยินยอมให้เจ้าหญิง จันทรากินรีเป็นมเหสีอีกองค์ของเจ้าชาย . . เช้าตรู่ ของอีกวัน . ทริปขบวนช้างเสด็จของเจ้าชายอนันตราช ก็ออกเดินทางจากนครไพรวัลย์ . ฝ่าป่าเขาลำเนาไพร มุ่งสู่นครกัลปพฤกษ์ ที่อยู่ห่างไกล ข้ามภูเขาสูงที่อยู่ไกลลิบๆ โน้น ออกไปถึงสองลูก . โดยมี อดีตมิสนารีแก้ว และนางพี่เลี้ยง โพระดกตามเสด็จไปด้วย . . . ใช่แล้ว-- . เมื่อจันทรากินรี ไม่สามารถอยู่ปฏิบัติ หน้าที่ในตำแหน่งมิสนารีแก้วจนครบเทอม ได้ เจ้าหญิงจึงขอสละตำแหน่งนารีแก้วอัน ทรงเกียรติ . . โดยคืนมงกุฎเพชรล้ำค่า ที่สั่งตรงมาจาก ห้างคาร์ทิญา แว่นแคว้นวอเตอร์ เกท -Water Gate แห่งทวีปสุวรรณภูมิอันแสนไกล . และคืนสายสะพายเกียรติยศ ที่ปักอักษรนูน โรยกากเพชรวูบวาบ ให้แก่การปกครองนคร ไพรวัลย์ . . * * * * * * * * * . . แล้วรองอันดับหนึ่ง คือนางทิพย์เกสร ก็ถูกเชิญตัวให้มารับการสวมมงฯ แทน ในฐานะมิสนารีแก้วตัวจริง . ตามเงื่อนไขของการประกวดมืสทั้งหลาย ในระดับอินเตอร์ -สากล ที่ทางนครไพรวัลย์ ได้ยึดถือปฏิบัติสืบมาอย่างเคร่งครัด . นางทิพย์เกสรนั้นดีใจมากๆ ถึงกับร่ำไห้ ไม่หยุดที่อยู่ๆ ก็มงลง . เพราะนางไม่คาดคิดมาก่อนเลย ว่ามงกุฎ นารีแก้วทรงลิเกหรู ยอดสูงลิบสิบชั้น จะหวนย้อน มาลงหัว กลายเป็นมงของนางอย่างไม่คาดฝัน ณ วันนี้ . . * * * * * * * * . จบตอนที่ 2 . .................................................................. ** หมายเหตุ : ครั้งนี้เป็นการนำนิยายมาลงบล็อกใหม่อีกครั้ง เขียนลงบล็อกครั้งแรกเมื่อ 9 ตุลาคม 2559 สถิติบันทึกการเข้าอ่าน 2701 ครั้ง ณ 2 ธันวาคม 2561 ** ........................................................................................................ |
Huean Piang Din
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |