นิยาย " จันทรากินรี " โดย เหมชาติ ทอง - ( ตอนที่ 2.)

.                                 2.

                     ตามล่าถึงตัวฆาตกร





. .
.     พอลงมาจากบริเวณผาน้ำตก
จันทรากินรีก็ถามพี่เลี้ยง ด้วยความ
กังวล
.
.      " พี่โพระดก--
.    แล้วนี่เราจะพูดภาษามนุษย์ได้หรือเปล่า 
ก็ไม่รู้  "
.
.          " เห็นว่า-
 พอเราถอดปีกหางออก กลายเป็นมนุษย์
 .   อำนาจแห่งความเป็นกินรีแปลง สามารถ
ทำให้พวกเราเข้าใจ และพูดภาษาของมนุษย์
ได้เลยเพคะ
 .         - พ่อของพี่เคยบอก "
.
.       " จริงหรอ
.       โอย - ตื่นเต้นจังเลย 
.  เวลานี้เราอยูที่ไหนกันละเนี่ย ?
.           เอ๊ะ -ดูโน่นซิ
ข้างหน้าโน้น เหมือนเป็นเมืองมนุษย์นะ   "
.
.    นางพี่เลี้ยงมองตาม ลิบๆ ตรงโน้น
ดูแล้วมีอาคาร สิ่งก่อสร้าง เห็นไกลๆ
.    - ต้องเป็นเมืองๆ หนึ่ง  - ชัวร์
.
.         " ใช่เพคะ  
งั้นเรารีบไปกันเถอะองค์หญิง
.   อยู่ตรงนี้  พี่ดูแล้ว นอกจากเรา ก็ไม่มี
มนุษย์หน้าไหนเลย
.   มีแต่ลิงค่าง เก้งกวาง บ่างชะนี "
.
.     สัตว์ป่าบริเวณนั้นมีแต่พันธุ์ชนิดที่
ไม่ดุร้ายเหมือนที่โพระดกทูลองค์หญิง
.      นางพี่เลี้ยงรีบนำเสด็จออกจากป่า
มุ่งหน้าสู่เมืองอย่างร้อนรน เพราะคาดหวัง
ให้เจ้าหญิงได้พบกับศัตรูผู้นั้นอย่างเร็วไว
.       แข่งกับวันเวลา 15 ทิวา ราตรี
ที่ฟ้าดินกำหนดมาให้
.
        *   *  *  *  *  *  *  *
.
.   สองกินรีตัดสินใจไม่ใส่ปีก ไม่ใส่หางบิน
ด้วยเกรงจะมีใครมาเห็น แล้วล่วงรู้ถึงตัวตน
ที่แท้จริง
.   จึงต้องใช้วิธีเดินเท้าอย่างมนุษย์ ที่ทำให้
ต้องเดินบุกป่าฝ่าดงกันเหนื่อยพอดู
.
.     ในสภาพมนุษย์มนา ทั้งสองกินรีแปลงได้
เรียนรู้ว่า ต้องเพิ่มความระมัดระวังตนให้มากขึ้น
เพราะในป่านอกจากจะมีสัตว์น่ารักๆ ที่ช่วยให้ป่า
ดูรื่นรมย์ขึ้น ก็อาจมีสัตว์ป่าบางชนิดที่ดุร้าย เป็น
อันตรายต่อพวกเธอด้วย
.
.   ด้วยว่า เพียงเดินลุยผ่านป่าทึบทะลุออก
ลานทุ่งกว้างได้ครู่เดียว
.    ทันใดนั้น สองกินรีแปลงก็ถูกสัตว์ป่าตัวหนึ่ง
พุ่งตรงเข้ามา หมายเอาชีวิตเป็นภักษาหาร
.
.     มันคือนางเหยี่ยวรุ้งยักษ์แม่ด้อง-หรือนาง
เหยี่ยวรุ้งยักษ์แม่ลูกอ่อน  ที่ทำรังสูงบนผาหิน
ไกลๆ โน้น 
.  นางเป็นซิงเกิล มัม -สามีเพิ่งถูกงูใหญ่รัดตาย
ไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน จึงต้องอยู่รังกับลูกน้อย
วัยน่ารักสองตัว  
.  เด็กๆ กำลังโต- กำลังซน เอาแต่ร้องขออาหาร 
และหัดขยับปีก คืบคลานไปทั่วรัง   จนพานจะตก
หน้าผา ตายตามผู้พ่อวันละหลายหน
.  นางแม่ต้องคอยเอาจงอยปากงุ้มๆ เขี่ยลากลูกๆ
ให้กลับมานั่งสยบนิ่งอยู่ตรงกลางๆ รัง ทั้งวัน
.
.     ตอนนี้ พอมองลงมาจากรังสูง นางก็
ใจเต้นรัว  
.     ด้วยทัศนียภาพแบบตานกมอง เบิร์ด-ส 
อาย วิว - bird 's eye view  มันก็เห็นร่างของ
มนุษย์สองคน กำลังเดินฝ่าทุ่งหญ้า ที่คล้ายๆ 
กับทุ่งหญ้าบนภูกระดึง  
.
.     นางนกยักษ์ก็ถึงกับกลืนน้ำลายเอื๊อก
.
.    " -ลูกจิ๊บ ๆ ทั้งสอง สุดที่รักของแม่จ๋า 
.   วันนี้ เจ้ากำลังจะได้ลิ้มลองอาหารชั้นเยี่ยม 
เป็นมื้อพิเศษ -นะค้า "
.
.     นางเหยี่ยวรุ้งไจแอ้นท์โผบินขึ้นฟ้าสูง
. แล้วปักหัว ทิ้งดิ่ง 
.     - พุ่งตรงลงมายังเป้าหมาย
.
.      แต่พอกำลังจะถึงตัวของสองนาง 
มันก็รู้ทันทีโดยสัญชาตญาณ ว่านี่คือ
กินรี  วิหคชั้นสูงระดับเทพของนกทุกชนิด  
.          ---  ไม่ใช่คน !
.
.      นางเหยี่ยวตาเหลือก -ตายอ่า-กรู
.   ร้อง ว้าย !!!  สุดเสียง
.
.           รีบเบรกปีก -  ดริ๊ฟท์-drift ห้ามล้อ
สองเท้า--เอี๊ยด !
.    หุบหาง เปลี่ยนทิศแบบกะทันหันในระยะ
เผาขน จนขนของนางร้อนฉ่าแทบลุกไหม้
.  
.      โพระดกกับจันทราได้ยินเสียง หวีด-วิ้ว 
อยู่บนหัว   จึงพากันเงยหน้าขึ้นไปมอง 
.   โพระดกนั้น พอเห็นเป็นนกด้วยกัน ก็ฉุนเฉียว
ยิ่งนัก   ตะโกนใส่นางเหยี่ยวแม่ลูกอ่อนทันที
อย่างมีโมโห
.  
.         "  นี่--นางเหยี่ยวไพร  !!
.   บังอาจเยี่ยงไร ห๊ะ ?  ถึงได้มาบินโฉบศีรษะ
เจ้าหญิงกินรี เจ้านายของข้า -เยี่ยงนี้ ? "
.
.       นางเหยี่ยวบินพุ้ยลมอยู่กับที่ 
.  แล้วลดตัวบินต่ำลง   มาที่ระดับตรงหน้าของ
สองกินรี
.
.        ทูลขออภัย ปากคอสั่น
.
.            "  โอ---  ขออภัยเถิดเพคะ
.  องค์หญิงกินรี--"
.
.  เพราะนกทั้งหลายต่างรู้ดีว่า กินรี และกินรา
สามารถสาปนกด้วยกันให้กลายเป็นสัตว์ชั้นต่ำ- 
เซลเดียวได้
.
.   "  หม่อมฉันพลั้งเผลอ เพราะนึกว่าทั้งสอง
ท่านเป็นมนุษย์--จริงๆ เพคะ  "
.
.           " อัอ -- อย่างนั้นเอง 
.   เออ-  ใช่ๆ  มันก็ทำให้เจ้าคิดเช่นนั้นได้
.            ข้าเข้าใจ ที่เจ้าบอก  "
.  
.      เจ้าหญิงเมตตา ไม่ถือสามันหรอก
กลับเห็นเป็นเรื่องขัน  ก็ทรงเล่นแปลงองค์ 
-เสียเช่นนี้
.
.     "  ไม่เป็นไรหรอกนะ นางเหยี่ยวรุ้ง
อย่าวิตกไปเลย
.    แต่เจ้าอย่าบอกใครก็แล้วกัน  ว่าข้า
ทั้งสองปลอมตัวเป็นมนุษย์ เข้ามาที่นี่ "
.   
.        " เพคะ  ๆ - หม่อมฉันรับรอง 
จะเก็บเรื่องนี้เป็นท็อปซีเคร็ท-top secret  
แบบลับสุดยอด  
.      ไม่ให้ใครล่วงรู้เลย เพคะ " 
.  
.            " ดีละ 
.     โอเค - งั้นเจ้าก็ไปตามทางของเจ้าได้
. เพราะเราเองมีธุระร้อน จะต้องรีบเดินทาง
ไปข้างหน้าต่อ "
.
.      " ขอบพระทัยเพคะ องค์หญิงกินรี
ที่ทรงเมตตานกยักษ์โง่ๆ ซื่อบื้อ ไม่เต็มเต็ง 
อย่างหม่อมฉัน
.   เชิญเสด็จเพคะ - หม่อมฉันรุ้งอ้วนก็ขอ
บังคมลาเลยนะเพคะ "
.
.         นางเหยี่ยวรุ้งยักษ์โล่งอก กระพือปีก
บังคมลา ก่อนจะรีบบินจากทันที  นางใจตุ้มๆ 
ต่อมๆ บอกกับตัวเองว่า เกือบซวยแล้วสิกรู- 
เผลอจะเล่นของสูง 
.   หาเรื่องถูกสาปเป็นอะมีบ้า - Amoeba  !!
.
.
.     *   *  *  *   *   *  *   *  *
.
.    ต้องเดินลุยทุ่งหญ้า ฝ่าดงไม้ใหญ่ต่อ 
นานทีเดียว
.     และแล้ว  ทั้งสองกินรีแปลงก็บรรลุเข้า
สู่เขตตัวเมืองเสียที
.
.     เข้าเขตชุุมชน  บ้านเรือน สิ่งก่อสร้างก็เริ่ม
มีให้เห็นมากขึ้นเป็นลำดับ
.    พอเข้าไปถึงตลาด จึงได้เดินสวนปะปนไป
กับชาวเมืองที่ออกมาสัญจร ติดต่อค้าขาย 
.          -ดูมากมาย คลาคล่ำ
.    ก็ยิ่งรู้สึกว่าเมืองนี้มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น
-สถานที่นี้ต้องเป็นนครใหญ่เมืองหนึ่ง
.      จันทรากินรีรู้สึกตื่นเต้นจนบอกไม่ถูก ที่
ได้ใกล้ชิดกับชาวมนุษย์แบบนี้ 
.     นางสังเกตได้ว่า มนุษย์กับกินรี - กินรา 
แทบจะมีรูปร่าง หน้าตาที่ไม่ต่างกันเลย 
.   เรียกว่ากลมกลืน แยกแยะแทบกันไม่ออก
.
.     มองไปรอบๆ สถานที่ที่ทั้งสองยืนอยู่ขณะ
นี้  เป็นที่โล่งกว้างใหญ่ คือลานมหาสมาคม
กลางนครนั่นเอง
.     มีอนุสาวรีย์ปูนปั้นรูปสัตว์ ขนาดมหึมา
อยู่ตรงกลางลานสองตัว   อันนึงทำเป็นรูป
หงส์ ที่กำลังเชิดหน้าแหงนดูฟ้า
.    กับอีกอัน ทำเป็นอนุสาวรีย์ม้า ที่กำลัง
ผงกหัวก้มหน้าดูดิน
.    ตรงตามตำราอุดมคติแห่งโบราณนิยม
.
.      มีอาคาร ร้านรวง - คิออสก์ - kiosk 
มากมาย เรียงรายอยู่รอบๆ ทั้งสี่ด้านของ
จัตุรัสใหญ่กลางเมือง
.
.      และขณะนี้ คงกำลังจะมีการจัดงานพิธี
ที่ยิ่งใหญ่   เพราะเห็นมีการตกแต่งด้วยริ้วธง
สีต่างๆ ประดับประดาสวยงามละลานตา เต็ม
ทั่วบริเวณไปหมด
.
.    จันทรากินรีล้วงเอาเหรียญทองคำเล็กๆ 
อันเป็นอัฐของเมืองหิมพานต์  ส่งให้โพระดก
หนึ่งถุง
.
.      " พี่เอาอัฐทองคำนี้ถือไว้   จะได้ใช้แลก
ข้าวปลาอาหาร     เพราะเราไม่มีอัฐของเมือง
มนุษย์
.
.          " อุ๊ย- ดีเพคะ
.    งั้นพี่จะเอาอัฐทองคำไปขอแลกกับอาหาร
ที่ร้านน้ันตอนนี้เลย
 .    แหม-- อาหารของชาวมนุษย์ ดูช่างน่ากิน
จัง  ทำไว้สำเร็จ ใส่ถาดใหญ่ วางล่อหน้าล่อตา
ส่งกลิ่นหอมยั่วใจ พี่ชักหิวแล้วซีเพคะ
.     องค์หญิงจะประทับรอพี่ที่นี่ หรือว่าจะทรง
เสด็จไปที่ร้านอาหารด้วยกันเลย ? "
.
.      " ให้หญิงไปกับพี่ด้วยดีกว่า
 เห็นมีหลายคน มาแอบๆ จ้องมองหญิง
นานแระ -- น่ากลัวอ่า
.       อยู่ตรงนี้คนเดียวคงไม่ไหว "
.
.    คนที่แอบมองจันทรากินรี
คือเหล่ามนุษย์เพศชายแถวๆ นั้น
.      ด้วยพากันต่างตกตะลึง
ในความงามที่โดดเด่น สะดุดตา
กว่าสาวใดๆ ของเจ้าหญิงนั่นเอง
.
      *  *  *  *  *  *  *
.
    " พวกเรามาจากแดนไกล
เหรียญทองคำอันนี้  ใช้แลกอาหาร
ของท่าน แทนอัฐได้ไหม "

.
.     โพระดกพูดออกมาจากความรู้สึกที่
อยากถาม กลายเป็นว่า นางกำลังพูดเป็น
ภาษาของท้องถิ่นนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์
    พลางนางก็ยื่นเหรียญทองคำให้หนุ่ม
ใหญ่- เจ้าของร้าน หนึ่งอัน
.
.   เจ้าของร้านรับเหรียญมาพลิกๆ ดู ก็
อุทานว่า
.
.      " โอ- ทองคำนี้ 
. เนื้อทองบริสุทธิ์มากนะเนี่ย
.   คุณภาพสูงราวกับทองคำที่มาจาก
ห้างตั้งโต๊ะกิน แห่งแคว้นเยาวราช
.     ได้สิท่าน ข้ายินดีแลก"
.  
.      " ดีจังเลย  และโปรดช่วยบอกข้า
เป็นวิทยาทานอีกนิด  ว่าในสภาพที่ข้าไม่มี
อัฐเยี่ยงนี้ มีสิ่งอื่นใด นอกจากเหรียญทองคำ 
ที่ข้าพอจะใช้แลกสิ่งต่างๆ ได้ "
.
.     หนุ่มใหญ่ทำท่าคิดอยู่นิดนึง แล้วก็
ตึ๊ง! -คิดออก
.            ตอบว่า
.
.     " เอ่อ -ที่เห็นๆ เนาะ  ก็มี เอาไข่ไก่ 
แลกกับกะละมัง
.   หรือไม่ก็- เอากะละมัง ไปขอแลกกับ
น้องหมา "
.
.           " โด๊ะ --
.   เอากะละมัง ไปแลกกับน้องหมา !"
.
.     โพระดกได้ฟัง ให้หดหู่ เพลียใจ
นางรับไม่ได้จริงๆ -หนึ่งชีวิต กับกะละมัง
นี่นะ ?
.
.       " ใครช่างใจร้าย   ทำได้ลงคอ
ดูถูกชีวิตกันเหลือเกิน "
.
.           " ช่าย--"
.
.    เจ้าของร้านเห็นด้วย เพราะก็เป็นคน
รักน้องหมาเป็นนิสัย  
.    กด like-ถูกใจจัง ให้โพระดกทันที
.
.     " ซึ่งข้าเองนะ  ถ้าเจอพวกเดินเร่ตาม
หมู่บ้าน ประกาศขอแลกหมากับกะละมัง -
ข้าก็จะกดสยองใส่พวกมันทันที เหมือนกัน
.      ตกลงว่า ท่านจะใช้เหรียญทองคำ
ตั้งโต๊ะกินนี้ แลกกับอาหารร้านข้าแน่หรือ ?
.    ถ้าตามนี้  -ท่านก็สามารถทานอาหาร
ร้านข้าได้ไม่อั้น   เพราะเหรียญทองคำมีค่า
สูงกว่าราคาอาหารต่อมื้อที่ข้าขายมากนัก "
.
.      " อ้อ-  เป็นเช่นนั้นหรือท่าน "
.
.      โพระดกรู้สึกคุยถูกคอกับคนที่รักหมา
เหมือนกัน และประทับใจในความซื่อ ไม่คด
โกงของชายเจ้าของร้าน
.
.     " ข้ายืนยัน-- ท่านจงรับเหรียญทอง
ไว้เถิด     ในเมื่อท่านกล่าวสุจริตใจเช่นนี้
เราก็ยินดีมอบทองคำให้ เพื่อแลกกับอาหาร
สักมื้อ
.      ว่าแต่ ที่นี่คือเมืองอะไรรึท่าน "
.
.             ทันใดนั้น--
.    ภรรยาของเจ้าของร้านที่นั่งมอง  และ
เงี่ยหูฟังทั้งสองจากในร้านมาได้ครู่หนึ่งแล้ว
.       ก็เดินตรงออกมาหา
.
.    นางมองจันทรากินรีไม่วางตา ยิ้มให้
อย่างทอดไมตรี
.
.   "  สวัสดีจ๊ะ ท่านทั้งสอง ข้าชื่อนางเอื้อง 
เป็นเมียของอ้ายเชียง เจ้าของร้านจ้า "
.
.        นางกล่าวตอบว่า
.
.   " ถ้าถามว่า ที่นี่คือเมืองอะไร ?
 ก็ขอตอบว่า ที่นี่คือนครไพรวัลย์ หรือไพรวัลย์ 
ซิตี้ -น่ะจ้ะ
.    ท่านทั้งสองคงมากันจากต่างเมืองที่ไกล
มากสินะ  ถึงได้ไม่รู้จักนครนี้ "
.
.     นางเอื้องมองๆ ที่จันทรากินรีอีกครั้ง
แบบชื่นชม  ก่อนจะพูดต่ออย่างเกรงใจ

      " เอิ่ม--ข้าขออภัยที่จะขออนุญาต
ถามหน่อย ว่าท่านสาวน้อยผู้นี้มีนามว่ากระไร
หรือ ? --ไฉนจึงมีรูปงดงามยิ่งนัก "
.
.          " สวัสดีจ๊ะ "
.
.   โพระดกที่ประทับใจความซื่อตรงของ
เจ้าของร้านผู้ผัวมาแล้ว  ตัดสินใจตอบตาม
ความจริงแก่นางเอื้องผู้เมีย
.
.     " พวกเราเป็นกินรี ไม่ใช่ชาวมนุษย์
เหมือนพวกท่าน 
.     เรามาจากเมืองหิมพานต์ ที่เป็นศูนย์กลาง
ของอาณาจักร    เธอผู้นี้ เป็นเจ้านายของข้า 
พระองค์คือ เจ้าหญิงจันทรากินรี พระธิดาของ
องค์กษัตริย์
.   ส่วนข้า ชื่อโพระดก เป็นนางพระพี่เลี้ยง "
.
.   ภรรยาเจ้าของร้านเอามือทาบอก
ร้องอุทาน
.
     " เจ้าประคุณรุนช่อง ทรงเป็นเจ้าหญิง
กินรี !!!
.    มิน่าเล่า ถึงทรงดูสวยงาม และมีสง่า
ราศี ไม่เหมือนสาวมนุษย์ทั่วไปเลย 
.   - หม่อมฉันนางเอื้อง ขอถวายบังคม 
เพคะองค์หญิงจันทรา  "
.
.     นางถวายบังคม แล้วหันไปสบตากับ
สามี  ยิ้มให้กันเหมือนกำลังมีความหวัง
ในบางอย่าง
.
.    แล้วนางก็รีบคว้าเหรียญทองคำจาก
มือสามี
.     ยื่นส่งกลับให้โพระดก  กล่าวอย่าง
ใจอารีว่า
.
.      " เอาทองคำของท่านคืนไปเถิด
ไม่ต้องซื้อขายกันดอก
.   ไหนๆ ก็มากันจากต่างดาว -- อุ๊ย-โทษ 
ต่างแดน ที่ไกล --แสนไกล
.   ขอให้ข้า-นางเอื้อง กับนายเชียง-สามี 
ได้มีโอกาสแสดงน้ำใจแห่งมิตรภาพ เลี้ยง
อาหารต้อนรับพวกท่านสักมื้อจะดีกว่าจ้า  "
.
.  จันทรากินรีตื้นตันพระทัยในน้ำใจของนาง
แม่ค้ายิ่งนัก ตรัสขอร้องนางเอื้องว่า
.
.     " ข้าขอบใจเอื้องกับเชียง ม๊าก-มาก
แต่เจ้าจงรับทองคำนั้นไว้เถอะนะ
.    และถ้าจะกรุณาจริง เราขอรบกวนที่พัก
คืนนี้ด้วย -จะได้ไหม ? "
.
.       " โอ๊ะ- ได๋ ซิเพคะ
.              -- ด้ายยย-เลย  "
.
.          เอื้องร้องตอบ อย่างยินดี
.
.      ว่าแล้วนางเอื้อง ที่ตัดสินใจปรับเปลี่ยน
ร้านค้าของตัวเองเป็นโฮมสเตย์ - homestay 
แบบกะทันหัน   ก็รีบเก็บเหรียญทองคำไว้ใน
ถุงไถ้ตรงชายพก  
.     แล้วกุลีกุจอจัดปัดเช็ดโต๊ะ  ปูผ้าคลุมโต๊ะ
อาหารผืนใหม่รับรอง   และร้องเชิญให้จันทรา
กับโพระดกนั่งพัก  รอการเสิร์ฟอาหารที่จะทำ
การเสิร์ฟแบบเมนคอร์ส-main course  แม้จะ
เป็นแค่มื้อเที่ยง 
.  คือครบทั้งคาว  หวาน และผลไม้ล้างปาก
.
.    เพราะทองคำที่ได้รับมาแทนอัฐนั้น ก็ยัง
มีค่าสูงกว่าอาหารทั้งหมดทั้งร้าน
.
.     ด้านนายเชียง รีบใช้ช้อนใหญ่ตักอาหาร
จากถาดและหม้อ ใส่ถ้วยจานมาหลายอย่าง 
.     ได้แก่ ผัดใบเหลียงป่าใส่ไข่นกไก่ฟ้า
เฟสสันท์-pheasant    แกงเห็ดเผาะหน่วยเม็ด
ขนุน ใส่หน่อไม้อ่อนแบมบู ชู้ท กับปลาสลิดแห้ง
บางบ่อ- (คือไม่ทุกบ่อ )    ปลากระดี่นางฟ้าตัว
ใหญ่ทอดแบบคลุกขมิ้น และพริกไทยกับเกลือ 
.   แล้วยังมีเนื้อหมูป่าหนุ่มที่ถูกดักหลุมพรางได้ 
เอามาหั่นชิ้น ผัดหวานใส่หอมแดงหั่นซอย จนมี
รสเลิศ
.     เสริฟพร้อมกับข้าวกล้องจากไร่บนดอยที่หุง
สุกร้อนๆ หอมกรุ่นจากเตาทุกวัน  
.    อาหารหลักเหล่านี้ ถูกทยอยยกมาวางให้ที่
โต๊ะอย่างไม่รอช้า
.
.    ผลไม้หลังลันช์ เป็นแตงโมสุกแดง รสชาติ
หวานฉ่ำหั่นพอดีคำ แถมโรยหน้าด้วยปลาแห้ง
ป่นผสมน้ำตาลอ้อยร่วน
        เรียกว่า ปลาแห้งแตงโม
.   กับอีกอย่าง เป็นสับปะรดสุกหั่นพอดีคำ ที่มี
การแต่งหน้าด้วยไส้ที่ทำจากเนื้อหมูป่าสับผัดกับ
ถั่วดินบุบแตก มีรสหวานนำ เค็มตาม คล้ายๆ ไส้
ของสาคูไส้หมู 
.   ช่างอร่อยกลมกล่อม ทางนครไพรวัลย์จะเรียก
สับปะรดทรงเครื่องนี้ว่า อาชาห้อ- หรือ ม้าห้อ
.
. ( ขอสะกดตามคำโบราณ น่าจะหมายถึงกินแล้ว
อร่อยมาก จนอยากวิ่ง ห้อตะบึง ควบเหมือนม้า
.   สมัยนี้เขียนกันว่า ม้าฮ่อ  กลายเป็นม้าของ
 คนจีนฮ่อไป )

.  อาหารเมืองมนุษย์มื้อแรกของสองกินรีแปลง
 โอ้โห- หรูเชีย- !       
.
.
.      -- พักหลังๆ มานี้  นางเอื้องยกเรื่อง
ตักอาหารขาย ให้เป็นหน้าที่ของสามีมาตลอด
.     เพราะว่านางรู้ตัว เป็นคนมือหนัก 
เวลาตักขายลูกค้าชอบตักให้เยอะเกิน ทั้งข้าว
ทั้งแกง จนทุนหาย กำไรหด  
.   นางจึงบังคับให้นายเชียงผู้สามียืนที่หน้า
แผงกับข้าว ฝึกตักขายแทน
.   แรกๆ  เชียงก็ตักเงอะงะ  ตักผิดตักถูก 
ไม่เข้าที่เข้าทาง  ลูกค้าสั่งแกงส้ม เชียงกลับตัก
แกงเหลืองให้   คนที่สั่งไข่ทอด กลับได้ไข่เจียว
ไป
.           -ประมาณนี้
.
.   แต่อยู่ๆ ไป  เชียงก็คล่องแคล่ว กลายเป็น
มือวางอันดับหนึ่ง ประเภทตักข้าวราดแกงที่
ตักแพง ให้น้อยจังเลย- ไปเรียบร้อยแล้ว
.
       *  *  *  *  *  *  *

.      พอเห็นว่า จันทราและโพระดก
รับประทานกันอิ่มหนำ
.    นางเอื้องก็ค่อยๆ เขยิบใกล้  เข้ามา
ขอสนทนา

.
.  นางถือม้วนแผ่นกระดาษ ขนาดใหญ่
มาด้วย
.
.      " องค์หญิงจันทรากินรีเพคะ
ข้ากับสามี มีเรื่องที่อยากจะขอความ
ช่วยเหลือจากองค์หญิง เพคะ  "
.
.    จันทรากินรีได้ฟัง  ก็หันไปมองหน้า
พี่เลี้ยงของตน ที่กำลังแอบแคะไม้จิ้มฟัน
อยู่
.     โพระดกจึงรีบหยุดภารกิจ   ถามธุระ
ของนางเอื้องให้
.  
.    " ท่านมีสิ่งใดหรือ จงกล่าวมา
.     ขอให้เราได้ทราบสิ่งที่ท่านประสงค์
นั้นก่อน "
.
.   สามีของนางเอื้องได้จังหวะ ก็เขยิบตัว
เข้ามาร่วมสนทนาด้วยอีกคน 
.
.     "  คืออย่างนี้เพคะ--
.       ขณะนี้ นครไพรวัลย์กำลังจะมีงาน
เฉลิมฉลองประจำปีในวันพรุ่งนี้
.     ที่จัตุรัส สแควร์ ตรงกลางเวียง  "
.
 .       โพระดกบอกนางเอื้อง
.
.   " อ้อ-- เราก็ได้เห็น ที่เขาจัดเตรียม
สถานที่กัน ตรงลานอนุสาวรีย์ "
.
 .       นางเอื้องจึงเล่าต่อ
.
.   "  นั่นแหละท่าน
.       --ทีนี้  การปกครองของนคร 
 ก็ได้กำหนดให้มีการประกวดสาวงาม
.    ชิงตำแหน่ง นารีแก้ว "
.  
.     " นารีแก้ว-
.              คืออะไรรึ ? "
.
.   โพระดกถามทันที ก็นางไม่เข้าใจ
.
.    "  นารีแก้วก็คือผู้หญิงที่สวยที่สุด
กรรมการจะคัดเลือกจากสตรีที่มีความงาม
อย่างมีคุณค่า ครบสามประการ  คือ งามทั้ง 
กาย วาจา  และใจ "
.
.    นางเอื้องตอบอย่างคล่อง เพราะนาง
เป็น fc วงการนางงามตัวกลั่น
.
.    "  ชาวมนุษย์นี่--   ช่างคิดการอะไร
ที่แปลกดี
 .      ฟังดู คงสนุกไม่น้อย "
.
.      โพระดกฟังแล้ว ชอบใจ
.
.   " มีรางวัลเป็นอัฐ และมีมงกุฏเพชร
ให้ผู้ที่ชนะได้ตำแหน่งด้วยนะ "
.
.         นางเอื้องรีบบอกเสริม
.
.     แต่ครั้น  นางเห็นเจ้าหญิงจันทรา
กินรีทำกิริยาเฉยๆ ไม่นำพากับสิ่งที่นาง
ทูลเล่า
.        จึงหันไปบอกสามีว่า
.  
.   " อ้ายเชียงเจ้า ช่วยกางแผ่นใบประกาศ 
ให้องค์หญิง และพระพี่เลี้ยงได้ดูหน้าเพจ
ชัดๆ ทีเถิด "
.
.   สามีของนางก็คลี่ กางแผ่นกระดาษ
ให้ดูกันจะๆ บนโต๊ะ
.
.      คำบรรยายในประกาศนั้น เขียนเป็น
อักษรพิลึกกึกกือ  มองดู-หัวหางพันกันยุ่ง
เหมือนถั่วงอกที่ถูกผัดในน้ำมันร้อนๆ นาน
จนเหี่ยว   เกี่ยวรัดกันเป็นกลุ่มก้อน 
.
.    แม้แต่อิทธิฤทธิ์แห่งอำนาจกินรีแปลง
ที่สามารถอ่านทุกภาษาบนโลกมนุษย์นี้ได้
ทะลุปรุโปร่ง  ก็ยังเอาภาษานี้ไม่อยู่
.  พยายามเข้าช่วย ถอดรหัส แปลให้ --ก็
เจอตีข้อมูลเด้งกลับ - เด้งกลับ 
.      ว่า --อันโนน - unknown
.    ขึ้นแอเร่อ -error  ซ้ำแล้ว -ซ้ำเล่า 
อยู่นั่นแล้ว
.
.     จึงทั้งจันทรากินรี และโพระดก ต่าง
ก็ส่ายหัวยอมแพ้ อ่านไม่ออกซักตัว 
.  มนตรากินรีมีอำนาจเพียงสามารถทำให้
พูดได้ แต่อ่านไม่ออก  
.   เขียนนั้นยังไม่ได้ทดลอง แต่เมื่ออ่านไม่
ออก ก็ย่อมต้องเขียนไม่ได้ -นั่นเอง
.
.    หากรูปบรรยากาศการประกวดที่จัดวาง
เลย์เอ้าท์ สื่อมาในแผ่นกระดาษ    ดูแล้วก็
เข้าใจได้ดี เป็นตามที่นางเอื้องบอกมา
.
.           นายเชียงอธิบายว่า
.
.     " การปกครองนครได้ออกข้อบังคับให้
ร้านค้าทุกร้านจะต้องส่งสาวงามเข้าประกวด
มิเช่นนั้นจะถือว่าไม่ให้ความร่วมมือกับทางการ
และจะใช้บทอาญาลงโทษ สั่งปิดกิจการร้าน
ทันที "
.
.          นางเอื้องเล่าว่า  
.
.  " ปีที่แล้ว  ข้าเจ้าส่งคนงามชนเผ่ามอตุงเล
ที่มาเป็นลูกจ้างที่ร้าน เข้าประกวดเจ้า
.    นางก็ได้เข้ารอบสุดท้ายสิบคนนะ  แต่ดัน
ตกสัมภาษณ์ เขาถามว่าวัวกินอร่อยไหม  นาง
ตอบว่าควายกินอร่อยดี 
.   คณะกรรมการหาว่า ถามวัวตอบควาย เลย
ให้นางตกรอบไปต่อไม่ได้ 
.   ตอนนี้นางก็กลับไปอยู่ที่เผ่าของนาง เห็นว่า 
มีผัวไปเรียบร้อยแล้ว
.     แล้วปีนี้- ร้านของข้าเจ้าก็ยังหาสาวงามที่
จะส่งเข้าประกวดไม่ได้เลย  และจะต้องส่งชื่อ
ให้กับการปกครองนครในเย็นวันนี้ด้วย "
.
.      นายเชียงโอดครวญว่า

.  " ข้าและเมียกลัวถูกอาญาของการปกครอง
นครสั่งปิดร้าน เหมือนบางร้านที่ถูกปิดไปเมื่อปี
ก่อนเหลือเกินเจ้าข้า  "
.
.        นางเอื้องรีบพูดแซงสามี
.
.      " แต่พอเห็นท่านทั้งสอง มาถึงที่นี่ 
ข้าเจ้านี้ -ดีใจ๊ -ดีใจ ว่าเจอแล้ว -คนที่ใช่
.    คนที่สวย และเหมาะสม  ที่ข้าเจ้าจะ
ทาบทามส่งเข้าประกวดมิสนารีแก้ว
.  เหมือนฟ้าทรงบันดาล  เหมือนสวรรค์
ทรงมาโปรด "
.
.     นางเอื้องยกมือท่วมหัว
.        ร้อง  สาธุ-สาธุ-สาธุ
.
.         "  ตายล้าววว -- "
.
.        โพระดกอุทาน --
.
.       นางเขินจัด รู้สึกหน้าแดงปั๊ด
อายจนต้องยกมือทั้งสองแตะแก้มตัวเอง
ส่ายหน้าไปมา ร้องว่า
.
.    "  ท่านก็อย่ามาคาดหวังกันนักสิ 
ข้าก็ไม่แน่ใจนะ ว่าข้าจะเข้าร่วมประกวด
 ชิงมงกุฎนารีแก้ว ให้พวกท่านได้ "
 .
.          "  โห -"
.
.    นางเอื้องร้อง โห -ด้วยความงุนงง
รีบเบรกโพระดกทันที ก่อนที่นางจะเพ้อ
ละเมอไปใหญ่
.
.        " แม่นางโพระดกเจ้า --
.     ตื่น ๆ  ---  สติ ๆ 
.           สติโปรดกลับมาเจ้า
.     ข้าบะได้หมายถึงท่าน-เน่อ "
.
.   ซึ่งก็เล่นเอาดับฝันตุ้ยเล็กๆ ของโพระดก 
ให้ภาพมงกุฎเพชรที่มโนบนหัวของนาง ปลิว 
ละล่อง ลอยลับ หายไปในอวกาศ
.      นางเผลอร้อง  อ่าว-- 
.     เสียงหวิวๆ ออกมา
.
.     " ข้าหมายถึงองค์หญิงจันทรากินรี
ตะหากเล่า "
.
.    นางเอื้องชี้แจงให้นางพี่เลี้ยงได้สติ
.
.    คราวนี้ โพระดกตกใจกว่าเมื่อกี้ซะอีก
ร้องลั่นเลย
.
.          " อะไรนะ ! 
.         บ้าอ๊ะป่าว -นางเอื้อง ?
.    นี่บังอาจ- คิดจะส่งองค์หญิงของข้า
เข้าประกวดนางงามระดับภูธร -อย่างงั้นรึ ?
.  คิดงี้ได้ไงยะ  ขอถามหล่อนหน่อย ? 
.
.     ไม่ได้นะ !- พระองค์ทรงดำรงศักดิ์
เป็นถึงเจ้าหญิง   
. จะให้พระองค์มาเดินประกวดประชันแบบ
ที่เจ้าเล่า   และที่เห็นในแผ่นเพจประกาศ
ได้อย่างไร ?
 .   และอีกอย่าง  มงกุฎเพชรน่ะ ที่วังแห่ง
หิมพานต์ของเรา   ก็มีให้องค์หญิงใส่ถ่าย
เซลฟี่เล่นเป็นเข่ง  - ขอบอก !  "
.
.          " โธ่--
.     โปรดเมตตาข้าทั้งสองด้วยเถิด    
.    ทางการปกครองนครกำลังรอคำตอบ
จากร้านเรา เป็นเจ้าสุดท้ายแล้วเจ้าค่ะ  "
.
.      สองสามีภรรยาวิงวอนด้วยน้ำตา 
แล้วลงทุนก้มลงกราบกับพื้นถึงสามครั้ง
.
.       จันทรากินรีแอบเห็นว่า ท้ังสองกราบ
แบบทำมือบานๆ แผ่ๆ ด้วย ก็ยิ่งรู้สึกสงสาร
จับใจ
.      ทำท่าจะอ้าโอษฐ์ รับปากช่วย
.
.    แต่กลับเจอพี่เลี้ยงโพระดกมองพักตร์
และส่ายหน้าให้--
.     ยกนิ้วชี้ชู ส่ายไปมา ตรงหน้าตัวเอง
เป็นการย้ำแรงๆ ให้จันทรา บี สตรอง !
.        Be strong ! 
.               สเตย์ สตรอง !
.          Stay strong !
.
.     ว่า   " อย่าเพคะ 
.               No -- ไม่นะ ! "
.  
.    " การประกวดทุกปี  ก็จะมีผู้สมัครจาก
แดนไกล  อิมพอร์ตมาร่วมประกวดด้วยนะ
เพคะ"
.
.    นางเอื้องปาดน้ำตา ฝืนเล่าอธิบายต่อ 
เพื่อโน้มน้าวกล่อมองค์หญิงจันทรา ให้นึก
อยากประกวด
.
.  " อย่างปีนี้ --ก็มีสาวงามจากเมืองวิลาศ
มาประกวดด้วยหนึ่งคน "
.
.    " เมืองวิลาศ ? 
.           --  คือเมืองที่ไหนหรือ ? "
.
.    จันทรากินรีฟังชื่อเมืองที่แปลกหู ก็รีบ
ตรัสถามอย่างสงสัย
.
.     " อ๋อ-  เป็นเมืองที่ไกลมากเพคะ
. เขาว่ากันว่า อยู่สุดขอบฟ้า--  ต้องข้ามน้ำ 
ข้ามมหาสมุทรไปปู้น---
.        แทบจะตกโลกใบนี้  
.   ข้าเจ้าก็ยังบะเกยไปเมืองวิลาศเจ้า--
.    แต่ผู้คนที่นั่น ที่ดั้นด้นเดินทางไกลมาถึง
เมืองไพรวัลย์  ต่างมีผิวพรรณที่ประหลาดกว่า
คนอย่างเราๆ ที่นี่มากมาย
.พวกเขาจะมีฮู้ดังแซ้ง (จมูกโด่ง) แหลมเลี่ยม
เหมือนปากอีกา   
.      มีผมสีทอง ราวกับฝักข้าวโพดต้ม
.   และมีหน่วยตาเป็นสีฟ้า อย่างตาของวิฬาร์
บ้าน ที่ตัวสีขาวปลอด "
.
.    " มีมนุษย์แปลกเยี่ยงนั้นด้วยรึ  ข้าอยาก
เห็นจัง "
.
.      จันทรากินรีบอกนาง
.    ทรงลืมไปว่า ที่จริงตนเองก็แปลกไม่แพ้
กัน -ที่เป็นคน แต่กลับมีปีก มีหาง
.
.          " ได้เลยเพคะ
.  เดี๋ยวข้าเจ้ากับสามี จะพาท่านทั้งสองไป
ชมภาพของนางงามแห่งเมืองวิลาศ  ที่จัตุรัส 
สแควร์  ตอนนี้เลย
.     ทางการปกครองได้ให้ช่างฉายา ซึ่งก็
เป็นชาววิลาศเหมือนกัน ฉายภาพของผู้เข้า
ประกวดทุกคน   ติดประดับแสดงไว้ที่ศาลา
ให้ประชาชนได้ทัศนา  ก่อนจะประกวดจริง
ในวันพรุ่งนี้ เพคะ  "
.
.     "   งั้นก็จงรีบพาเราไปเลย ข้าไม่เคย
เห็นดวงตาที่เป็นสีฟ้า
.       -กับผมสีทองฝักข้าวโพดต้ม "
.
.   สามีของนางเอื้องรีบลุกขึ้นไปปิดประตู
ร้านที่เป็นบานเฟี้ยม พับทบไปมาได้
.        พลางอธิบายว่า
.
.     " แต่ในภาพทั้งหมด ที่แสดงไว้
 ก็ไม่ได้เป็นสีเหมือนจริงดอกท่าน
.       มันมีแค่สีขาวกับดำ ตาและผม
ของนางจึงแค่สีจาง ๆ หากแต่ก็ใสเป็น
ดั่งแก้ว ต่างจากตาและผมของพวกเรา "
.
           *  *  *  *  *  *
.
.     สองสามีภรรยาพาเจ้าหญิงจันทรา
และนางพี่เลี้ยงโพระดกเดินดูภาพฉาย 
ของบรรดาผู้เข้าประกวด    ที่ติดตั้งจัด
แสดงไว้ที่พลับพลาใหญ่

.
.   เห็นภาพของแต่ละสาวงาม ที่ต่างส่งยิ้ม
หวานให้คนดู ล้วนแลดูสะสวย พาให้เจริญหู
เจริญตาทั้งสิ้น    
. สมแล้วที่ต่างถูกดึงตัว และดันให้มาเข้าร่วม
ประชันโฉม
.
.        " นี่ไงเพคะ นางฟาร์ร่าห์
.     สาวงามจากเมืองวิลาศ "
.
.      นางเอื้องร้องเรียก เชิญจันทรากินรี
ให้มาดูภาพที่นางไล่หาจนเจอ
.
.   จันทรากินรีจ้องมองภาพนั้นด้วยความ
ตื่นตาตื่นใจ
.
.    เจ้าของภาพเป็นผู้หญิงที่สวยแปลกตา
กว่าผู้สมัครทุกคน 
.    นางมีจมูกที่โด่ง  นัยตาที่สุกใส มีเส้นผม
สีอ่อนที่ทิ้งตัวยาวเคลียไหล่  แล้วข้างๆ แก้ม
ทั้งสองข้างมีกลุ่มเส้นผมที่เด้งตัว  ตวัดงอขึ้น
ไล่ๆ กัน ดูนุ่มพลิ้ว 
.   เป็นทรงผมที่ชื่อว่า ทรงฟาร์ร่าห์ ฟอว์เซ็ตต์
- Farrah Fawcett ที่โด่งดังของยุค-เป๊ะ

.     ต่างกับสาวงามอื่นๆ ที่แลล้วนมีจมูกนิดๆ 
กับมีหน่วยตาหน่อยๆ สีดำคมขลับ 
.   และพร้อมใจ เฮโลกัน  ทำผมทรงยกกะบัง
ที่หน้าผากแหงนสูง   ม้วนยอดบิดกลับ มองดู
เป็นสระโอ 
.    แล้วยีเส้นผมสีเข้ม ตีโป่ง พองเป็นวงรัศมี
แห่งซุ้มเรือนแก้ว   แผ่บานเป็นฉัพพรรณรังสี
ล้อมรอบกรอบหน้าเจ้าของ 
.   เหมือนๆ กัน บล็อกเดียวกัน ซะทุกนาง
.
.     แล้วนางฟาร่าห์ก็ยังวางท่าฉายภาพ ที่ดู
แปลกประหลาดจากใครเขา
.  เพราะนางโพส-poseท่า แบบยืนถ่างขา อ้า
ออกเป็นตัววีคว่ำ 
.   ขณะที่ทุกสาวงามอื่นๆ พากันยืนหนีบ หีบ
ขาเอี้ยมเฟี้ยม บิดลำตัว  โพสท่าแบบคล้ายๆ 
ตัวเอส 
.    แลดูซ้ำๆ ตามๆ กันไปหมดเช่นกัน 
.
.        " นางชื่อฟาร์ร่าห์หรือ ?  
.   ชื่อแปลกหู  ---
.              -- แต่เก๋  "
.
.        " เพคะ  นางชื่อฟาร์ร่าห์ "
.
.       นางเอื้องตอบเจ้าหญิง
.
.   " ประชาชนผู้ชายที่นครไพรวัลย์ชื่นชอบ
ภาพนางฟาร์ร่าห์กันมากเพคะ  เห็นพูดกันว่า
นางทำท่ายั่วยวนกว่าสตรีทั้งหมด
.   แต่พวกผู้หญิงเรากลับหมั่นไส้  พวกเราว่า 
นางฟาร์ร่าห์เนี่ย--แฮ่นจัง
.           แลดู -อ้อล้อ  "
.
.    " แต่ข้าว่า นางดูมั่น ดีออก "
.
.     จันทราจ้องมองภาพนั้นอย่างถูกใจ
.
.    " ข้าคาดว่า ปีนี้ นางฟาร์ร่าห์ อาจได้
ครองตำแหน่งนารีแก้ว "
.
.     โพระดกฟังอยู่ใกล้ๆ ให้นึกขวางองค์หญิง
ของตัวเอง ที่เชียร์นางงามจากเมืองวิลาศจน
ออกหน้าออกตา
.
.     " อุ๊ย--   นี่ถ้าองค์จันทราของพี่ ไม่ติด
ตรงที่ว่าเป็นเจ้าหญิง- อะนะ
.พี่ก็จะขอดันองค์ ให้เข้าประกวดด้วยอีกคน
.          เพราะไร รู้มั้ย ?
.  ก็เพราะเท่าที่พี่ดูมาทุกภาพ ยังไม่เห็นมี
คนไหน จะ-ปัง-เท่าองค์หญิงของพี่
.          - ซักคน !  "
.
.       " ใช่เพคะ  ข้าเจ้าก็หันตวย
 คุณพี่เลี้ยงโพระดกอู้มา ถูกต้องแล้วเพคะ "
.
.    นางเอื้องรีบพนมมือ ไหว้เจ้าหญฺิงจันทรา
ปะหลกๆ
.
 .     " ทรงศิริโฉมเช่นนี้  หาใครที่ไหน 
จะมาเทียมได้
.   แรกเห็นองค์หญิง ความงามของพระองค์
ทำให้ใจข้าเจ้านึกถึงเพลงชมโฉมสาวงาม
ที่ชื่อว่า ร้อยละหนึ่ง หรือ หนึ่งเปอร์เซ็นต์ 
.       ขึ้นมาทันทีเพคะ 
 .            ที่ร้องว่า-- "
.
.    แล้วนางเอื้องก็ร้องลำนำเพลง ที่ขับขาน
ชมโฉมนั้น ให้ฟังกัน
.  
.          " พราว--แพรว 
.      อันดวงแก้วแวววาม
 สด-สีงาม หลายหลากมากนาม-นิยม
.          นิลกาฬ--- มุกดา บุศราคัม-คม  
น่า-ชม   ว่างามเหมาะสมดี      
.     เพชร--( หื๊อ ) ----  น้ำ-หนึ่ง  
งามซึ้ง-จึงเป็น ยอดมณี   
.        ผ่อง---แผ้ว สดสี 
.เพชรดี- มีหนึ่ง ในร้อย--- ดวง "
.
.     น้ำเสียงนางเอื้องใช้ได้เลยทีเดียว 
คล้ายเสียงร้องต้นฉบับมาก
.  ราวกับนางเอื้องกำลังคัฟเว่อร์-cover เพลง

.     น่าจะจับนางเอื้องมาใส่มาสก์-mask 
.ให้ออกมาร้องเพลง  
.  จะได้ไว้ทายกันเล่นๆ  และกระชากหน้ากาก
ออก ว่าคือใครกันหนอ ? ที่ออกมาร้อง
.
.     จันทรา และโพระดกเมื่อฟังจบ ก็ปรบมือ
ให้นางเอื้องอย่างประทับใจ
.
.    แต่นายเชียงกลับส่ายหน้า  ติงเมียตัวเอง
ทันทีว่า 
.
.        "  ข้าบอกแกกี่ที-ก็ไม่จำ  
ว่าเพลงนี้ ชื่อเพลง หนึ่งในร้อย - หนึ่งในร้อย !
. แกก็ชอบเรียกเป็นร้อยละ1 - หนึ่งเปอร์เซ็นต์ 
- 1 %   อยู่เรื่อย 
.    ฟังดู- ยังกะดอกเบี้ยถูกๆ  ประเภทเงินฝาก
ออมทรัพย์ของธนาคารสมัยนี้  "
.
.     นางเอื้องส่งค้อนขวับให้สามีทันทีเหมือนกัน
หมั่นไส้ผัวนัก ที่มาหักหน้าเมียตัวเองกันแบบนี้
.
.    แล้วก็หันไปออดอ้อน วิงวอนขอความเห็นใจ
จากจันทรากินรีอีกครั้ง
.
.   "  เข้าประกวดนารีแก้ว เถอะเพคะองค์หญิง
นึกว่าสงสารข้าเจ้ากับผัว
.     โปรดอินดู ข้าเจ้า -อีเอื้อง กับอ้ายเชียง 
ซักครั้ง -- เต๊อะเจ้า   "
.
.    แม้นางเอื้องจะเฝ้าเชียร์อัพ และอ้อนวอน
อีกรอบ  แต่จันทราก็ยืนกราน
.
.     " ข้าเอง ก็สงสารเอื้อง กับเชียงมากนะ
แต่เรื่องจะให้ข้าประกวดนางงาม -อะไรแบบนี้   
ข้าคงช่วยอะไรเจ้าทั้งสองไม่ได้จริงๆ  "
.
.    นายเชียงที่เดินนำหน้า หันมาบอกดังๆ 
ว่า

.
.    " ส่วนตรงนี้  เป็นหมู่ภาพฉาย ของคณะ
กรรมการตัดสิน ซึ่งก็เชิญมาจากหลายที่ หลาย
เมืองเจ้าข้า "
.
.    " เอ้อ--มีกรรมการท่านนึงนะเจ้าคะ "  
.
.     นางเอื้องร้องอุทาน ทำท่าเหมือนนึกอะไร
ขึ้นมาได้
.
.   "  หล๊อ-หล่อมาก 
.         -- หล่อจริงๆ  หล่อเหลือเกิน
แล้วยังทรงเป็นเจ้าชายด้วยนะเพคะ "
.
.   ดูนางกะปรี้กะเปร่าขึ้น ตาวาว กะพริบใสๆ 
ปริ๊บ-ปริ๊บ ตอนเล่า
.
.      " ชื่อเจ้าชายอนันตราช - 
.  แหม - ทรงหล่อ ตู้ม ! ตู้ม !  
.         โดนใจสาวๆ ทุกคน
.       เนี่ยะ-  ทรงปกครองนครกัลปพฤกษ์
ที่อยู่ติดกับนครไพรวัลย์  ข้ามภูเขาสองลูก 
ไปทางเนียะ  "
.
.    นางเอื้องเล่า และชี้ทิศทางเมืองให้ดู
.
.   โพระดกฟังแบบผ่านหู  ไม่สนใจ
.   ชี้ให้จันทรากินรีดูภาพของผู้สมัคร
รายหนึ่ง
.         ทูลบอกขำๆ ว่า
.
.       " ดูสาวงามคนนี้ซิเพคะ    
.  ทรงว่า หน้าเหมือนนังสร้อย- กินรีที่มีรัง
อยู่ตรงต้นจิกนาใหญ่ ใกล้สระบัวที่หิมพานต์
.        --ไหมเพคะ ? "
.
.          " ไหน ? "
.
.   เจ้าหญิงจันทราทรงหันไปดู พอคิดตาม 
ก็ทรงขำกิ๊ก
.
.         " ตายละ -- 
.   หน้าเหมือนสร้อยจริงๆ ด้วย     
.              คิก-คิก
.        พี่นี่ก็  -ช่างนึกเนาะ "
.
.     ขณะที่ขำกันใหญ่   ก็ยังพอได้ยินที่
นายเชียงพูดว่า
.
.     " เจ้าชายอนันตราชชอบยิงธนู แล้วธนู
ของท่านก็ประหลาดมากเจ้าข้า
.     ลูกศรไม่เหมือนของใครเขา "
.
.       "  ใช่แล้ว ... "
.
.    นางเอื้องพูดยืนยัน บอกว่า
.
.     " ธนูของเปิ้น มีสองหัวเพคะ
. หัวนึงสีขาวเงิน - แฮ๋มหัว สีทอง "
.
.   จันทรากินรีกับโพระดกหยุดขำทันที
.      หันมามองหน้ากัน  ทั้งคู่อ้าปากค้าง
เป็นรูปตัวโอ-O
.

     *  *  *  *  *  *  *  

       จันทราพยายามข่มตัวเอง ให้หัวใจ
หายเต้นรัวแรง  ขณะทรงเดินไปที่เชียง
.   แล้วถาม ด้วยน้ำเสียงที่ฝืนให้ดูเป็นปกติ
.
.   " คนไหนเหรอ  กรรมการที่เจ้าพูดถึง "
.
.     แต่โพระดก ที่รีบตามเสด็จไปติดๆ นั้น
กลับยังควบคุมตัวเองให้นิ่งไม่ได้
.    นางมือไม้สั่น จนต้องคว้ามือองค์หญิง
มากุมไว้แน่น
.
.         " คนนี้ พะยะค่ะ "
.
 .       เชียงชี้ไปที่ภาพนั้น
.
.     จันทรากินรีแทบจะหยุดหายใจ
 ทรงบีบมือพี่เลี้ยงตอบกลับ
.          - ซะแน่น
.
.             ใช่แล้ว--- 
.   เจ้าชายอนันตราช  กรรมการที่จะ
ตัดสินการประกวดนารีแก้วของนคร
ไพรวัลย์
.       ก็คือชายรูปงาม  เจ้าของธนูเงิน
 ธนูทอง ที่จันทราเห็นในกระจกมนตรา
วันนั้น
.       --ร้อยเปอร์เซ็นต์  !!
.
.     *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *
.
.    ( บทรำพึงในใจ)
.
.      " นี่ข้าจัก ทำเยี่ยงใด ได้พบเจ้า
. อนันตราช ศัตรูเก่า ผู้นี้หนอ
.      พุทโธ่-เอ๋ย กาลเวลา ไม่ท่ารอ
. แล้วข้าก็ ตอบปัดไป ไม่น่าเลย-- "
.

.
.   เห็นเจ้าหญิงทรงเหม่อ เหมือนคน
กำลังสับสน เสียดายโอกาสทอง ที่จะ
เข้าถึงตัวของศัตรู 
.      คิดไม่ตก ---ทำอะไรไม่ถูก
.
.       โพระดกจึงรีบทูลว่า
.
.       " องค์หญิงเพคะ-
.   อย่าว่าไรพี่นะ ถ้าพี่จะทูลว่า องด์หญิงจะ
เข้าร่วมประกวดนารีแก้ว-  ก็ได้นะเพคะ
.       พี่ว่า- ประกวดเล่นๆ ขำๆ ก็สนุกดี
เหมือนกัน ถือซะว่า เป็นการหาประสบการณ์
เก็บเข้าโปรไฟล์ "
.
.       ที่โพระดกพูดนำทางให้เช่นนี้ 
.  เพราะนางรู้ดีว่า จันทรากินรีกำลังว้าวุ่น 
ไม่รู้จะหาทางพูดตอบรับเข้าประกวดกับ
นางเอื้อง และนายเชียงอย่างไรดี      
.     ด้วยว่าเมื่อครู่นั้น ได้บอกปฏิเสธแก่
คนทั้งสองไปแล้วโดยสิ้นเชิง
.
.     " ประกวดนะเพคะ -องค์หญิง "
.
.     นางเอื้องได้ที เมื่อเห็นโพระดก
เปลี่ยนมาอยู่ฝั่งนางแล้ว ตอนนี้
.
.    "  เอื้องกับเชียง จะเป็นผู้สนับสนุน 
ออกค่าใช้จ่ายให้เองเพคะ
.     แลัวเขาจะมีสายสะพาย เป็นชื่อร้าน
ของเอื้องให้ทรงคาดตอนเดินด้วยเพคะ  "
.
.         จันทรากินรีลังเล
.
.       " จะดีหรือ ?
.          --  ข้ายังสองจิตสองใจ "
.
.       โพระดกรีบตัดบทให้แทน
.
.   " ดีแน่นอนเพคะ  เชื่อพี่โพระดกได้เลย
 .  อะ- เอื้อง  ท่านก็อย่ามัวรีรอ รีบนำเสด็จ
องค์หญิงจันทราของข้าไปสมัครเดี๋ยวนี้เลย
สิ
.   นี่ก็บ่ายใกล้เย็นค่ำ  เดี๋ยวจะไม่ทันเวลา
ทางการนะ "
.
.  สองสามีภรรยายิ้มแป้น หน้าระรื่น
.    รีบนำพากันไปที่สำนักงานหนึ่ง
ตั้งอยู่ด้านหลังของพลับพลา
.
.    นางจูงมือเจ้าหญิงจันทรากินรี ตรงดิ่ง
ไปหาเจ้าพนักงานธุรการ แล้วรีบแจ้งเจตนา
.   เจ้าพนักงานสตรีผู้นั้นก็รีบดำเนินการให้ 
อย่างไม่รอช้า

.   แล้วยิ้มให้นางเอื้อง หลังรับลงทะเบียน
การสมัครเสร็จสรรพ
.
.     " รอดตัวไปจนได้นะ ร้านของท่านน่ะ     
นี่ถ้าช้าอีกนิดเดียว เราก็กำลังจะออกคำสั่ง
ปิดกิจการร้านของท่านแล้ว
.  เพราะการปกครองเฝ้ารอคำตอบจากท่าน
มาตั้งแต่วันแรกที่มีประกาศ  ขาดตอบรับ ก็
เพียงร้านท่านร้านเดียว
.   จึงโดนเพ่งเล็งว่า   อาจเพราะไม่ประสงค์
ให้ความร่วมมือกับทางการ "
.
.        นางเอื้องจึงตอบว่า
.
.  " คือข้าเจ้าเส๊าะหาคนที่จะส่งเข้าประกวด
บะได้เจ้า--
.        -- เส๊าะคนงาม บะป๊ะซักคน
.  โชคดี-ที่องค์หญิงจันทรากินรีเสด็จมาจาก
นครหิมพานต์
.      จึงได้มาโจ้ยข้าเจ้ากับผัวไว้ตัน "
.
.   เจ้าพนักงานหันมาทางองค์หญิง แล้วก้ม
ศีรษะคารวะ
.
.    " ขอต้อนรับองค์หญิงจันทรากินรีแห่ง
นครหิมพานต์สู่เวทีประกวดนารีแก้วของนคร
ไพรวัลย์ ประจำปีนี้เพคะ
.   และขอให้ทรงโชดดี ได้ครองมงกุฎเพชร
นะเพคะ "
.
.        " ขอบใจท่านมาก "
.
.      จันทราก้มเศียร น้อมรับคำอวยพร
  ทรงแฮปปี้ที่ผู้คนที่นี่ล้วนมีน้ำใจ
.
           *  *  *  *  *  *  *
.
.   นางเอื้องรับสายสะพายจากเค้าท์เตอร์
รีจิสเตรชั่น    เอามาคาดไหล่แบบสะพาย
เฉียงให้องค์หญิงจันทรา
.
.       พอดีกับที่ -ทันใด ก็มีเสียงพูดแปลกหู
ดังขึ้น
.
.      " This way please ,
                princess . "
.
.          คือช่างฉายฉายาชาววิลาศนั่นเอง
มือถือกล้องถ่ายรูปขาวดำรุ่นคลาสสิก
.     ที่แอปเปิลเรียกปู่  ซัมซุงเรียกทวด
.
.    แกเข้ามารับใบสมัครของผู้เข้าประกวด
รายล่าสุดจากเจ้าหน้าที่   เอาไปอ่าน ดูราย
ละเอียด
.      แล้วทูลเชิญ
.
.     เจ้าหน้าที่คนเดิมก็รีบออกมานำเจ้าหญิง
ไปที่มุมฉายภาพ
.
.  ที่ตรงนั้น เป็นราวระเบียงไม้ฉลุสวยงาม
มองทะลุเห็นจตุรัส สแควร์  ที่อยู่ด้านหลัง
ชัดเจน
.       ช่างฉายได้เลือกเป็นมุมฉายภาพของ
ผู้เข้าประกวดทุกนาง
.     และไม่อนุญาตให้พี่เลี้ยง หรือใครใด ๆ 
เข้าไปรบกวนการทำงานของช่างฉาย โดย
เด็ดขาด
.
.       โพระดกรู้สึกเป็นห่วง กลัวว่าจันทราจะ
ทำอะไรไม่ถูก อาจพลาด แพ้สาวงามคนอื่นๆ 
ได้
.       จึงแอบทำท่าทางอยู่ด้านหลังช่างภาพ 
ส่งซิกแนล-signal ให้องค์หญิง
 .      โดยทำท่ายืนเข่าชิด บิดตัว วางมือขวา
ทับมือซ้าย  โพสท่าแบบนางงามยุคคลาสสิก
นิยม ให้จันทรากินรีดูเป็นตัวอย่าง
.
.         แต่องค์หญิงจันทราไม่สนใจ
ทรงคิดท่าโพสเอง
.         ทรงเหวี่ยง-- หมุนองค์
แล้วโพสท่าชะงักนิ่ง  ตาจ้อง มองสู้กล้อง
.       วางสีหน้าเก๋ อย่างเท่
.
.     ช่างฉายถึงกับอุทาน
.
.   "  Wow !  Wonderful ..! "
.
.       พลางนุึกในใจว่า  มิสฟาร์ร่าห์ จาก
แดนวิลายาต (wilayat ) บ้านเดียวกับตน
ได้เจอคู่ท้าชิงมงกุฎตัวจริง เข้าให้แล้ว
.
.      ก็ให้จันทราโพส-pose ท่าเปรี้ยวๆ
ฉายฉายากันหลายมุม หลายช็อต 
.     จนพอใจ ช่างฉายจึงยอมเลิกงาน
.
.    ช่างชาววิลาศตรงเข้ามาจับหัตถ์จันทรา
 ทูลเป็นภาษาอินเตอร์ ว่า
.
.  " Princess ,
.     I ' m sure - you will be crowned . "

.       ประหลาดนัก  ที่อำนาจความเป็นกินรี 
เมื่อถอดปีก ถอดหาง แปลงร่างเป็นคน ทำให้
จันทรากินรีสามารถเข้าใจภาษาวิลาศได้อย่าง
อัตโนมัติ ทั้งที่เกิดมา ไม่เคยรู้จักบ้านเมืองนี้
แม้แต่น้อย
.
.        และพอจันทราจะตอบว่า
.         " ขอบใจท่านมาก "
.
.            ดุ๊ --
.  กลายเป็นว่า  ได้พูดตอบช่างฉายว่า
.
.      " Thank you very much . "
.
.      มีการสะกดจิต ให้จันทราออกเสียง  th-    
แบบเอาปลายลิ้น-tongue tip  แทรกระหว่าง
ฟันบน -upper teeth และฟันล่าง-lower teeth 
.   อีกทั้งยังดลใจให้เจ้าหญิงออกเสียง much-
 แบบ มัด-ฉึ ---  อย่างถูกต้องด้วย  
.
.           โอ้โห-
.     เวทมนตร์แห่งกินรีแปลง อานุภาพใช่ย่อย
-ไม่ใช่เล่นๆ แล้วนะเนี่ย
.     ทรานสเลทให้เบ็ดเสร็จ  ราวกับกูเกิล
แปลเอกสาร    และกูเกิล โพรนันซิเอชั่น-
pronunciation
.
      *  *  *  *  *  *
.
.         " พรุ่งนี้ ตอนเช้า
.   ผู้ประกวดทุกคน จะต้องเดินสำแดงตน
ที่ลานจัตุรัสต่อสายตาประชาชน
.  ในชุดอาภรณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ประจำถิ่น
ของตน
.   แล้วกรรมการจะประกาศผู้เข้ารอบ 3 คน
เพื่อตัดสินกัน ในตอนค่ำ "
 .
.     เจ้าพนักงานกำชับบอกให้นางเอื้อง 
นายเชียง รวมทั้งโพระดก และจันทรากินรี 
ได้รับทราบ และเข้าใจ
.
   *  *  *  *  *  *  *  *
.
.           เช้าตรู่--
.    ประชาชนชาวนครไพรวัลย์
แห่กันมามืดฟ้ามัวดิน  เบียดเสียด 
แย่งจับจองหาที่นั่งกับพื้น 

.      รอยลโฉมสาวงาม ที่ลานจตุรัส 
สแควร์  จนแน่นขนัด
.
.  เขาจัดเว้นที่ทางด้านหน้าเป็นเวทีกับพื้น 
และให้ผู้ประกวดเดินสำแดงตนตามรันเวย์
ยาวรูปตัวที- T  และที่หัวตัวทีก็มีแท่นโต๊ะ
ยาวของคณะกรรมการ ตั้งขวางดักรออยู่ 
.   เพื่อจะได้ยลโฉม ดูแต่ละสาวงามแบบ
ใกล้ชิดชัดๆ  แล้วให้คะแนน
.
.      มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด
ถึงสาวงามที่เข้าร่วมประกวดเป็นคน
ล่าสุด เมื่อบ่ายวันวาน
.
  ที่ช่างฉายก็รีบเสกภาพของนาง นำมา
ติดแสดงเพิ่มต่อจากภาพของคนอื่นๆ ได้
อย่างทันใจ รวดเร็วดีจัง
.
.    ต่างสนทนาอื้ออึงกัน ที่นางดูสวยเด่น
กว่าทุกคน
.  ซ้ำยังทรงเป็นถึงเจ้าหญิงกินรี แห่งเมือง
หิมพานต์ อันแสนลึกลับ
.   เมืองแห่งนกมีหู หนูมีปีก  -เอ๊ย -ไม่ใช่
สินะ    -เมืองแห่งคนมีปีกมีหางอย่างนก 
ต่างหาก
.   ที่เคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่ร่ำลือกันมาแต่
ครั้งโบราณกาลว่ามีจริง  แต่ก็ยังไม่เคยมีใคร
สักคนที่ได้ไปถึงที่นั่น
.
.     มีบางคน บอกเพื่อนๆ ว่า
.       เมื่อเที่ยงวันวาน ตนเองเห็นเจ้าหญิง 
เสด็จมากับพี่เลี้ยง อุดหนุนร้านอาหารของ
อีเอื้องกับอ้ายเชียง  -ตนก็ยังแอบดู
.     แต่ก็ไม่นึกว่า จะทรงมาร่วมประกวด
นารีแก้วครั้งนี้ กับใครๆ เขาด้วย
.
.     *  *  *  *  *  *  *  *  *
.
.        และแล้ว
.  การประกวดรอบเช้า ในชุด
ประจำถิ่น  ถิ่นใครถิ่นมัน
.      ก็เริ่มขึ้น

.
.         เสียงฮือฮา ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ
เล่าละเอียดไป ก็ไม่หมดแน่
.
.     บอกได้แต่เพียงว่า สวยเพริศ และ 
เลิศพริ้งทุกโฉมงาม  
.    แต่ละนาง ช่างอร่ามแท้ แลตะลึง 
จนหนุ่มนครไพรวัลย์หลายคน นึกอยาก
ขอหย่าเมียตัวเองอย่างสดด่วน- ณ ลาน
ตรงนั้นเลย 
.
.     เสียงปรบมือ โห่ต้อนรับ เสียงตะโกน
เรียกชื่อนางงามที่แอบเชียร์
.     แข่งกันดังลั่น จนหูแทบแตก
.
.    ยิ่งกรรมการแจ้งว่า จะคัดไว้เพียง
สามคน ไว้ตัดสินในรอบค่ำคืนนี้
.    เสียงโห่เชียร์ ก็ยิ่งเข้มข้น ตะโกน
เรียกชื่อนางงาม  เสียงดังสนั่นไปทั้ง
ลาน
.
.         *  *  *  *  *  *  *  *
.
.       พอแสงอาทิตย์ยามเช้า
กลายจากแสงอ่อน เป็นแสงอุ่นของยาม
สาย และเริ่มจะกลายเป็นแสงกล้าของ
เที่ยงวัน
.
.     อากาศเริ่มร้อน จนผู้เข้าประกวดที่เดินโชว์
ตัวกลางแดดหลายคนมีเหงื่อไหลซึม  
.     บางคน-ที่มีศักดิ์เป็นถึงเจ้าหญิง-เฉกเช่น 
จันทรากินรี ถึงกับทรงพระกรรแสง  (=หยิบผ้า
เช็ดหน้ามาใช้-ซับเหงื่อ)
.    และหรือเจ้าหญิงแห่งแคว้นคีเนีย-นั้น ทรง
ถึงแก่กันแสง ( =รำไห้ ) เพราะมาสคาร่าที่ทรง
ใช้ โดนแดดแล้วละลาย ไหลเข้าตาทั้งสองข้าง
ของนาง
.
.     ทางกองประกวดให้เวทนา  จึงประกาศ
ให้เหล่านางงามได้พัก
.
.   แล้วสักครู่ใหญ่ ก็มีคณะกรรมการบาง
ท่านนำผลการตัดสินไปติดประกาศไว้ที่
ผนังของพลับพลา
        พร้อมกับภาพฉายของนางงามที่เข้า
รอบไฟนอลสามคนสุดท้าย ทั้งสามนาง 
.
.        ประชาชนพากันแห่มามุงดูผลการ
คัดเลือกด้วยความตื่นเต้น
.    เสียงส่วนใหญ่ชื่นชมการตัดสินของคณะ
กรรมการ  ว่าตรงกับที่ตนคาดคิดไว้ทั้งหมด
.       คนแรก คือ ทิพย์เกสร  สาวงามจาก
แคว้น สิงหปุระ
.     เธอใส่อาภรณ์อย่างนางพญาราชสีห์
ตามชื่อแว่นแคว้น
.     นางเป็นตัวเก็ง ที่โดนใจหลายๆ คน
แต่มีบางคนจิกนางว่า โคตรยโส  ยิ้มเชียร์
ให้  กลับเชิดหน้าใส่ ไม่ยิ้มตอบ 
.    แม่ง-หยิ่งจิ๊บ-อ๋าย 
  .
.      คนต่อมา คือ ฟาร์ร่าห์   สาวมั่นจาก
เมืองวิลาศ-วิลายาต (wilayat ) นั่นเอง
.  นางช่างน่ารัก ร่าเริง  ขี้เล่น ฟรุ้งฟริ้งแบบ
เฟลิต ๆ - flirt ๆ  เป็นธรรมชาติสุดๆ 
.     ยิ้มหัวกับทุกๆ คน ได้ใจมากๆ
.   แต่บางคนจะติงว่า นางเดินเหิน  นั่งยืน
ไม่ค่อยจะระวัง  ออกแนวอ้าซ่า ไม่สู้จะเป็น
กุลสตรี

.          คนสุดท้าย ก็ตามคาดหมาย
คือ เจ้าหญิงจันทรากินรี
.
.      วันนี้ จันทรากินรีตัดสินใจยอมจัดเต็ม
ไม่มีกั๊ก
.       คือ นางใส่ทั้งปีกทั้งหาง ครบไม่พอ
นางเอื้องกับโพระดกยังช่วยกันโปะ กระหน่ำ
แอคเซสซอรี่ แบบคอสตูม จิวเวลรี่- costume
jewelry ชิ้นบึ้มๆ ลงบนตัวให้จนเว่อร์วัง 
.      -สุดอลังการ

           โพระดกจริงจังมาก  
.  นางแต่งตัวให้จันทรา พลางก็แอบกระซิบ
บอกย้ำเจ้าหญิงเป็นภาษากินรี    
.  เพราะกลัวนางเอื้องที่ยืนคอยช่วยแต่งเครื่อง
ประดับอยู่ด้วยกัน จะล่วงรู้แผนการที่แท้จริง
.
 " กนรัืสพด่้อก-ปผำยสา้เะว  ส้ยทเอห
ดัอสายื้ีสบ ขจิแอดรั   แราอ่้เปตคึ่อเด้่าส
ดกำก้ร "


 ( องค์หญิงเพคะ- งานนี้ ต้องทำองค์ให้เด่น
ที่สุด ให้เจ้าชายอนันตราชสนใจ   และหลงรัก
องค์หญิง ให้ได้นะเพคะ )
.
.      จันทราพยักหน้า ตอบนางด้วยน้ำเสียง
หนักแน่น
.
.     " 0 k - รวทืเดกีาิอ้่มส  
.   ยีเดกแปผไำะ้า ทว ดสาืิแภัอแืส 
ยร่ะดดอ่า่ิ  
.   บกาืาิรนวส าพ้เ้เนรทิายรกพมด
กีทรท "

.
.   ( โอเค-  หญิงสัญญา 
.   หญิงจะพยายามทำทุกอย่างให้สำเร็จ 
ให้ได้
.  จะไม่ยอมให้เราต้องพลาดโอกาสสำคัญ
นี้ไป โดยเด็ดขาด )
.
     *  *  *  *  *  *  *  * 

      การประกวดนารีแก้วรอบสุดท้าย 
ในยามค่ำ กำลังจะเริ่มขึ้น ณ ตอนนี้

.     มีการแนะนำรายชื่อคณะกรรมการ
ตัดสินในรอบไฟนอลอย่างสมเกียรติ
.
.    " ท่านผู้มีเกียรติ ทุกท่าน
.   อันดับต่อไป-- เป็นสองเซเลบฯ หนุ่ม 
ผู้โด่งดังแห่งดินแดนแสงตะวัน 
.   ที่ได้ให้เกียรติอย่างสูงแก่นครไพรวัลย์
เดินทางมาร่วมเป็นคณะกรรมการในวันนี้
ด้วย
.        โปรดปรบมือต้อนรับ  --
.  เซเลบฯ  - โตมิโต โชดะ ! 
.        และ เซเลบฯ -  เซ มา เตะ !  "
.
.     เหล่ามหาสมาคมทั้งปรบมือให้ และทั้ง
เป่าปาก ฟิ้ว-ฟิ้ว ดังลั่นทั้งลานประกวด
.
.    สองเซเลบริตี้ (celebrity)ให้ปลื้มปริ่ม 
ยิ้มกว้าง หุบไม่ลง  จนรูปหน้าที่โบท็อกซ์-
botox มาให้ดูเรียวนั้น เผลอขยายบานกว้าง
ออกอย่างเดิม
.
.          ดูแล้ว --
.     เอาจริงเอาจัง ยังกะเป็นการประกวด
นางงามระดับโปรฯ และอินเตอร์เลยทีเดียว
  เพราะมีการกำหนดให้เป็นคณะกรรมการ
คนละชุด กับรอบคัดเลือกเมื่อเช้า
.
.     โดยเฉพาะ เจ้าชายอนันตราช ผู้ทรงเสด็จ
ดำเนินด้วยขบวนคชสารพระที่นั่งมาจากนคร
กัลปพฤกษ์ และเช็คอินถึงนครไพรวัลย์ล่วงหน้า
เมื่อามวันก่อน เหมือนว่าจะทรงได้รับการยกย่อง
เชิดชู มากเป็นพิเศษ

.
..      " ก่อนที่จะทำการประกวด  เฟ้นหา
นารีแก้ว  จากผู้เข้าประกวดที่ผ่านเข้ารอบ
สุดท้ายทั้งสามคน
       เราจะมีการแสดงพิเศษ  ยิงธนูแฝด
- ธนูเงิน ธนูทอง จาก เจ้าชายอนันตราช 
แห่งนครกัลปพฤกษ์  มหามิตรของเรา
.    ผู้เป็นเจ้าแห่งวงการยิงธนู ไม่มีผู้ใดในไตร
โลก มาริหาญท้าสู้ฝีมือยิงศรของพระองค์ได้ "
.
.        เจ้าชายรูปงามยืนโค้งคำนับ
รับเสียงปรบมือก้องสนั่นจากมหาสมาคม
.
.    จันทรากินรีแอบมองดูเจ้าชายอนันตราช 
จากหลังหลืบม่าน
.
.         " หล่ออะไรอย่างนี้  "
.
 .     ทิพย์เกสร สาวงามจากสิงหปุระ ผู้ผ่าน
เข้ารอบด้วยกัน ที่ก็มาแอบดูอนันตราชข้างๆ
จันทรากินรี  กล่าวรำพึงเสียงดัง
.
.          " เสียดาย-
.      ที่ทรงมีมเหสีซะละ "
.
.            จันทรากินรีได้ยินเช่นนั้น
ก็พลัน รู้สึกใจหายวูบ --
.            เจ็บจี๊ด ที่ดวงใจ
.    ยืนแทบไม่ติด รู้สึกเหมือนโลกจะ
ถล่มทลาย

.
.   พอได้สติ นางก็ตกใจ และละอายใจ     
ที่ทำไมตัวเองต้องรู้สึกเช่นนั้นด้วย
.
.      เจ้าชายอนันตราชเดินออกมา
 ที่ลานกว้าง  ทรงชูธนูศรขึ้น
.       ตรัสเสียงดังว่า
.
.     "  ที่จริง --เมื่อสองวันที่ผ่านมา
ข้าออกประพาสป่านอกเมืองตามลำพัง
. ได้ลองยิงธนูเงิน ธนูทอง ในกลยุทธศร 
ชื่อ ดับสุริยัน
.     แต่พอข้ายิงขึ้นไป หมายจะดับแสง
อาทิตย์ให้มืดมิด
.     กลับถูกรถพระอาทิตย์ขับชนธนูของ
ข้ากระเด็น  ธนูเปลี่ยนทิศทาง พุ่งเข้าไป
ทางป่าแห่งหนึ่ง
     พอข้าจะเรียกธนูกลับมา พบว่าป่านั้นปิดทึบ 
จนข้าไม่สามารถเรียกธนูกลับคืนได้
.     ครั้งนี้  ข้าจะแสดง ยิงธนูเงิน ธนูทอง 
เป็นกลยุทธศร ชื่อ พิชิตจันทรา
..     เมื่อข้ายิงธนูขึ้นไปบนท้องฟ้า
  จะปรากฏ แสงแห่งดาวเดือน ร่วงกระจาย 
หล่นลงมาราวห่าแสง
  .   แต่พวกท่านไม่ต้องกลัว เป็นเพียงแสง 
หาใช่วัตถุไม่  "
.

.   ก็มีเสียงโห่ร้องจากประชาชนที่ประสงค์ 
อยากชมการแสดงยิงธนูโดยเร็ว
.
.      ยกเว้น เจ้าหญิงจันทรากินรี
 ผู้ที่แอบมองอยู่หลังหลืบ
.   ทรงถึงกับน้ำตาคลอด้วยไฟแค้น
ที่ร้อนระอุขึ้นมาทันที
.

.      "  ธนูเงิน ธนูทองของเจ้า
  มันแล่นมาปักอกของพี่ชายข้า
 .    และที่เจ้าเรียกธนูกลับคืนไม่ได้
 ก็เพราะข้าได้ร่ายเวทปิดประตูป่าไว้
  .        อนันตราช--
ข้าจะต้องล้างแค้นครั้งนี้กับเจ้า ให้
จงได้ !"
.
       *  *  *  *  *  *  *  *
.
.      อนันตราชประทับยืน
.  แล้วแผลงศรธนูแฝดขึ้นสู่ฟ้า
.
  .   เสียงแหวกอากาศของธนูแฝด
 คุ้นหูจันทรากินรี เพราะนางไม่มีวัน
ลืมเหตุการณ์ร้ายของวันก่อนนี้
.
.             พลัน-
.  แสงเดือน และแสงดาว ก็ปรากฏ
ให้เห็นประจักษ์กับสายตาของทุกคน
.    แล้วร่วงพรู  หล่นต่อๆ กันลงมาจาก
ฟากฟ้าเป็นสร้อยแสง
.          -เต็มทั่วท้องฟ้า
    สวยงาม ตระการตา ด้วยสีสัน
ต่างๆ
.
.    ประชาชนปรบมือกันกึกก้อง
ส่งเสียงโห่ร้อง แซ่ซ้อง สรรเสริญ
.   มีคนตะโกนนำกล่าวเยล - yell
แสดงความชื่นชอบการแสดง
.     แบบที่ลูกเสือเล่นรอบกองไฟกัน
ก็ไม่ปาน
.
.    " พี่น้องนครไพรวัลย์ 
. โปรดกล่าวตามข้าพเจ้าสามครั้ง 
ว่า 
.     องค์อนันตราช นี้-
.             เก่งจริงๆ !!
.
 .        เก่งจริงๆ !! 
( ฝูงชนตะโกนรับ และชูกำปั้น)
 .        เก่งจริงๆ !!  
 (  ฝูงชนตะโกนรับ และชูกำปั้น) "
..        เก่งจริงๆ !!  
 (  ฝูงชนตะโกนรับ และชูกำปั้น) "
.
.      อนันตราชโค้งวรกาย เพื่อขอบใจ
 ในคำชื่นชม
.      แล้วประทับยืนนิ่ง  ร่ายเวทเพื่อเรียก
ธนูเงิน -ธนูทอง กลับมา
.
.    และแล้ว   ก็มีเสียงธนูแฝดแหวกฟ้า 
แผดดังหวีดหวิว 
.     ราวกับเสียงไซเรนรถดับเพลิง
    ลูกธนูพุ่งกลับลงมา  แลนดิ้งแบบ 
สมูธ  แอส ซิ้ลค์ -smooth as silk  -เท่ๆ
.     จอดนิ่ง ลงบนฝ่ามือของอนันตราช 
อย่างซอฟท์ ๆ
.
.      เจ้าชายโค้งรับเสียงปรบมือ ที่ดังลั่น
ขึ้นอีกครั้ง
.        แล้วเสด็จกลับมาประจำที่นั่งของ
บรรดากรรมการตัดสิน
 .
.           บัดนี้-
.   การประกวดนารีแก้ว ยามค่ำคืน
รอบตัดสิน กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว จริงๆ
.

.        *  *  *  *  *  *  *
.
.         กลองรัว---
.  แตรเป่ายาว เสียงกังวานโหยหวน

.      และแล้ว ก็มีนักแสดงนครไพรวัลย์กลุ่มใหญ่
เป็นเด็กหนุ่ม และเด็กสาวออกมาร่ายรำเปิดเวที
.   สร้างความเร้าใจให้คนดูฮือฮา  กับสถานที่
ประกวดยามราตรี
.   เพราะพอจุดไฟ ปล่อยแสงสีให้ฉายสาดส่อง
เต็มเหนี่ยว
 .   กับมีระบำสนุกๆ มาส่ายท่าสวยงามประกอบ
ทำให้บริเวณลานจัตุรัสดูคึกคัก  มีชีวิตชีวากว่า
ตอนกลางวันมากมาย
.
.       ระบำจบ  นักแสดงเกือบทั้งหมดถอยหลัง
เข้าฉาก 
.     เหลือสิบกว่าคนยืนสแตนด์บาย  โพสท่านิ่ง  
รอเป็นแบ๊คกราวน์ด์ให้นางงาม
.
.        
.       " เชิญผู้มีเกียรติทุกท่าน
พบกับสาวงามทั้งสาม
.         ได้ ณ บัดนี้  "
.
.        " สาวงามท่านแรก
นางทิพย์เกสร   จากนครสิงหปุระ
.  สถาบันเสริมความงาม ไพรวัลย์บิวตี้ฟูล
ฟอร์เอเว่อร์ ร่วมกับแป้งน้ำพันธุ์งาม 
.        ส่งเข้าประกวด "
.
.     ทิพย์เกสรเดินออกมา ในชุดนางสิงห์สาว
อกเสื้อเป็นกรวยแหลมเปี๊ยบ    จากอิทธิพล
การดีไซน์ของ ฌอง ปอล โกลติเยร์
 - Jean Paul Gaultier ชาววิลาศอีกคน
.      นางเดินเชิดหน้า คอตั้ง เม้มปากตาม
สไตล์
.  เพราะพื้นเพเป็นคนเก่งจึงติดนิสัยชอบยืด
-ไม่ชอบยิ้ม
.
.   " การศึกษาสูงสุด    จบชั้นอนุบาลสอง 
จากโรงเรียนอนุบาลห่านน้อย "
.
.         คนดูร้องอู้ฮูว์ --
พากันปรบมือกราวใหญ่ให้นาง
.   โอ้- จบตั้งอนุบาลสอง -แน่ะ
. เพราะนานๆ จะมีนางงามที่มีการศึกษา
สูงๆ แบบนี้ หลุดเข้ามาประกวด
.   ด้วยที่ผ่านมา เหล่านางงามล้วนไม่ค่อย
เคยได้ร่ำเรียนอะไรมาเลย
.
.     นางทิพย์เกสรจับได้คำถามกรรมการ
ของศาสตราจารย์หวัง ฟันเจ้า ผู้เชี่ยวชาญ
ด้านการคณิตศาสตร์ขั้นสูง
.
.      ศาสตราจารย์ลุกขึ้น ตะโกนถามนาง 
ด้วยเสียงอันดังว่า

.    "     11 ยกกำลังอินฟินิตี้ 
.           หาร 4 
.     ลบ 5  
.           บวก 17 
.   คูณ 0 
.         ได้เท่าไหร่ ?
.                      --พูด ! "
.
.
.    คนทั้งลานส่งเสียงโห่ ไม่พอใจคำถาม
จากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิท่านนี้   
.    ที่วันๆ หัวยุ่ง หมกมุ่นแต่กับการคิดเลข
และคำนวณ
.   ถามคำถาม-แม่ง-ยาก  ราวกับจะมาแข่ง
คณิตศาสตร์โอลิมปิก ไม่ใช่ประกวดนางงาม
.
.     นางทิพย์เกสรคันหัวจี๊ดขึ้นมาทันที 
เอาเล็บนิ้วชี้เกาโคนผม ที่โผล่จากชฎาข้างหู 
ยิกๆ
.         ถามยาก-อะไรแบบนี้ ฟะ ?
 นางร้องขอกระดานไวท์ บอร์ด จากเจ้าหน้าที่
.     ได้กระดานมา ลองขีดๆ เขียนๆ ลบๆ ถูๆ
พักนึง  --ก็อึ้ง คิดต่อไม่ไหว
.      นางทิพย์เกสรจึงตอบเสียงสะบัด 
 แบบส่งเดช --มั่วๆ ไป
.
.       "  ได้ 0 --- มั้ง !  "
.
.        " อะ- ถูกต้อง- 
.               นะค้าบบบ  !! "
.
.   ศาสตราจารย์หวัง ฟันเจ้า ชูสองมือ
ยกนิ้วหัวแม่มือให้นางทันที
.
.        คนดูส่งเสียงโห่ฮิ้ว --
และปรบมือให้นางทิพย์เกสรดังสนั่น
.    เจ้าตัวตาเบิ่งค้าง อ้าปากหวอ--
คือ งงจ้า
.    นี่คือ ฟลุก- fluke - ใช่มะ ?
.
.    กรรมการยิ้มพอใจ  นึกชมนางทิพย์เกสร
ว่ารู้ได้ไง ว่าเลขจำนวนใดๆ ถึงจะไปทำอะไร 
ยังไงกับเลขจำนวนอื่นๆ มา แต่เมื่อต้องมาจบ
ด้วยการคูณกับศูนย์ 
.      -  ผลลัพธ์ ก็ต้องได้เป็นศูนย์ 
.    ก็พากันรุมเทคะแนนให้นาง จนสกอร์
พุ่งพรวด 
.
.    กรรมการคนนึงมีหน้าที่รวมคะแนน รีบ
หยิบลูกคิดรางแก้ว ขึ้นมาดีด
.      เสียงดัง   ปั๊วะ- ป๊ะ
.            ปั๊วะ -ป๊ะ
.
.    อนึ่ง- เวทีนี้  ไม่เล่นไฮ-โล  high - low 
แบบคิดคะแนนรวมของ ยิมฯ หรือกระโดดน้ำ
    นั่นคือ ไม่ตัดคะแนนที่ได้สูงสุดออก และ
ไม่ตัดคะแนนที่ได้ต่ำสุดออก 
.     แต่จะคิดคะแนนรวมจากทุกคะแนนของ
กรรมการ
.
.   กรรมการประกาศค่าคะแนนเฉลี่ย ของนาง
ทิพย์เกสร  ดังๆ
 .
         "  9.705 "
.
.            มีคนดูมึนนิดๆ ---
.   ว่าทำไมนางทิพย์เกสรถึงไม่ได้ 10.000
.
.      กรรมการหญิงคนนึง แอบยิ้มสะใจ
.  ที่จริง ตอบถูกแบบนี้ น่าจะได้เต็ม 10
.      แต่เชอะ--เจือกหยิ่งดีนัก  ทำเป็น
เดินเชิด คอแข็ง
.     ข้าเป็นกรรมการ อุตส่าห์ยิ้มให้  ก็ไม่
ยิ้มตอบ
.        เลยงอคะแนนไว้ -
.       ---  แล้วหักซะ
.
.           .. สม !
.  
         *  *  *  *  *  *  *
.
.        "  สาวงามท่านที่สอง
นางฟาร์ร่าห์   จากเมืองวิลาศ
.  โรงฆ่าสัตว์นครไพรวัลย์  ร่วมกับ
โรงรับจำนำ ตึ๊ง แอนด์ เปย์ - Tueng 
&  Pay  
.      ส่งเข้าประกวด  "
.
.   นางฟาร์ร่าห์ส่งยิ้มกว้างมาแต่ไกล
นางเดินกระดิกนิ้วมือ โบกทักทายผู้คน
ที่เชียร์นางอย่างปล่อยๆ
.        สบาย ๆ เบิร์ด ๆ
.
.    พอเดินมาเจอกลุ่มหนุ่มนครไพรวัลย์
ที่ก็โบกมือ เรียกชื่อเธอดังลั่น
.   แล้วปรบมือ ร้องเพลงเชียร์นางเฮ้วๆ 
เป็นจังหวะ
.
.     นางสุดจะปลื้ม ลืมตัว เลยตรงเข้าไป
แด๊นซ์กับพวกเขา
.    เอาสะโพกฝรั่งมังฆ้อง ขนาด 38 นิ้ว 
บั๊มพ์กระแทกใส่หนุ่มนครไพรวัลย์คนนึง
แบบก๋ากั่น
.     เรียกเสียงฮือ-จากผู้คนตรงนั้นได้ทันที
พากันปรบมือกราวใหญ่ 
.    ถูกใจ กดไลก์ -ชอบใจอัธยาศัยนาง
. ว่านางฟาร์ร่าห์ -แม่ง ฮาๆ ดีว่ะ
.
.    แต่กรรมการมนุษย์ป้าท่านนึง ที่ลงทุน
ถอดแว่น หยีตามองดูนางฟาร์ร่าห์ มาตั้งแต่
ตอนนางเริ่มออกเดินโชว์ตัว
.      พอเห็นดั่งนั้น  ก็ถึงกับขนหัวลุก-ซู่ 
เกิดอาการรับไม่ได้-
.      รีบใส่แว่นกลับตามเดิม   แล้วรีบล้วงมือ 
ควานหาขวดน้ำมันเหลืองจากหีบหมาก
.  เอามาจ่อดม และแตะ -ทา -ถู ที่ขมับทั้ง
ซ้าย-ขวา  เพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะ 
.  วิงเวียน หน้ามืด คล้ายจะเป็นลม
.
.              ที่สุด--
.   ถึงแม้นางฟาร์ร่าห์จะตอบคำถามผ่าน
ล่ามช่างฉายชาววิลาศ
.   ว่านางรักเด็ก รักผู้ใหญ่ และรักทุกคนที่นคร
ไพรวัลย์   รวมถึงนางชอบอาหารของที่นี่มาก 
โดยเฉพาะต้มส้มไก่บ้านใส่ใบชะมวง  
.     และอุตส่าห์แสดงทักษะความสามารถ
ด้วยการสาธิตเรียกสิ่งของรอบๆ ตัว เป็นภาษา
วิลาศ
.
.        " That is a chair. "
.
.       "  This is a book . "
.
.       จนทุกคนทึ่งในความสามารถ
แต่นางก็โดนกรรมการมนุษย์ป้า ผู้ไม่ปลื้ม 
กับกิริยาโดกเดก เปิ๊บป๊าบพรรค์นั้น  ลอบ
สะกัดดาวรุ่ง  กดหักคะแนนนาง 
.  จนหมดหวัง ที่จะได้สวมมงกุฎคืนนี้
.          - แบบเห็นๆ
.
         " 6.055 "
.    
.
.     ทันทีที่พิธีกรประกาศเรียก
จันทรากินรี  ทั้งโพระดก และนาง
เอื้องโผเข้ากอดกัน

.
.    แล้วหันไปโบกไม้โบกมือ ส่งเสียงเชียร์
ดังลั่น

.          " นางงามท่านสุดท้าย
.   เจ้าหญิงจันทรากินรี จากแดนหิมพานต์
ร้านข้าวแกงนางเอื้อง ลาบเมียง และนายเชียง 
จิ๊นส้ม 
.          ส่งเข้าประกวด "
.
.    ผู้คนทั้งลานร้องฮูว์--ส่งเสียงปรบมือ
ให้กำลังใจเจ้าหญิงกินรีแสนสวย
.  ผู้ก้าวออกมา พร้อมส่งยิ้มหวานไปรอบๆ
หยุดยืนนิ่ง  แล้วค่อยๆ เบี่ยงขาขวาไปด้าน
หลัง และย่อตัวลง อย่างช้าๆ นุ่มนวล
. พนมมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อม
.     ตามการเทรน-train อย่างเข้มของ
นางพี่เลี้ยง และนางเอื้อง

.     เสียงปรบมือดังกราวสนั่น กึกก้องทั่วทั้ง
ลานจัตุรัส
. เพราะความนอบน้อมนี้ ได้ใจมหาชนเกินร้อย 
ชนิดที่ไม่ต้องประกวดต่อแระ   เอามงมาครอบ
ลงหัวให้ไปเลยก็ได้
.
.      ยามจันทรากินรีเยื้องย่าง นางเดินอย่าง
นุ่มนวลราวกับกำลังเดินบนก้อนเมฆ  
.       จึงดูสวยงาม สะกดให้ทุกสายตาพากัน
จับจ้อง
.
.     โตมิโต โชดะ และ เซ มา เตะ สอง
กรรมการจากดินแดนแห่งแสงตะวัน ร้องอุทาน
เสียงดัง พร้อมกันว่า 
.
.           " ฟูเอสะ ! - fueza ! "
.
.      ชาวนครไพรวัลย์ที่ได้ยิน พากันหันไปมอง 
. แล้วซุบซิบ ขำกัน คิก-คิก
.   ว่ากรรมการจากแดนอาทิตย์อุทัยอุทานว่า  
.
.              " แชมพูสระผม แฟซ่า " 
           -ขายบนแผง ซองละ 1 อัฐ
.
.     ส่วนช่างฉายภาพชาววิลาศเล่า ก็ถึงกับร้อง
อุทานอีกคน ว่า
.
.           " เฟ้เธอะ- feather ! "
.        
.     ด้วยทุกคนต่างตะลึงกับลีลาการเดินของ
กินรี  ที่ย่างเท้านุ่มเบาราวกับขนนก -นั่นเอง
.
.     กรรมการมนุษย์ป้าไฮโซท่านนั้น พอเจอ
กิริยาผู้ดี มีสัมมาคารวะ นุ่มนิ่มเป็นเยลลี่-jelly
-ปีโป้ ของจันทราเข้า 
.        ถึงกับมีอาการซึ้งจุกอก ตื้นตันจนน้ำตา
นางเล็ด เอ่อเบ้า
.        นั่งมอง อมยิ้มถูกใจจังทั้งน้ำตา
.
.   แล้วประจงหยิบผ้าเช็ดหน้า ที่ถักโครเชต์
ลายลูกไม้หยักๆ รอบขอบ  และปักที่มุมข้างนึง
เป็นรูปศรเสียบปักทะลุหัวใจ ออกมาคลี่โชว์
.   ค่อยๆ ใช้มันแตะ ซับน้ำตาตัวเองอย่างช้าๆ 
ด้วยท่วงท่าประณีต ประจงเต็มบรรทัด
.
.          *  *  *  *  *  *  *  *  *
.
.   ฝ่ายเจ้าชายอนันตราชถึงกับตะลึงงัน
ในความงามของเจ้าหญิงจันทรากินรี 
.    ที่ส่งประกายออร่า วิบวับ
.
 .   รักแรกพบ -love at first sight
 บังเกิดขึ้นฉับพลัน   ในพระหฤทัยของ
 เจ้าชาย

.
.         *  *  *  *  *  *  *  *
.
.       จันทรากินรียิ้มหวานให้โพระดก
และนางเอื้อง กับนายเชียง
.  ที่วิ่งนำช่อดอกไม้ช่อเบ้อเริ่มมามอบให้
ถือ ยิ่งทำให้จันทราดูเด่น กว่าใครๆ
.
.      พอเดินตามรันเวย์ไปถึงหัวตัวที
จันทราถึงกับใจเต้น ตึ๊ก-ตั๊ก
.   เพราะเจอสายตาเจ้าชู้หวานซึ้งของ
อนันตราช  ที่จ้องมองมา จับใบหน้าของ
เธอนิ่ง  ไม่ยอมละสายตาไปไหน
.
.       จันทราล้วงโหลแก้ว จับสลากชื่อ
กรรมการที่พับไว้เป็นรูปดาว  ส่งให้พิธีกร
.
.           พระเจ้า !!
.    พรหมลิขิต หรือ เดสตินี่- destiny
 กันแน่ ?
.    เพราะพอแกะดาวออกมา เธอจับได้ชื่อ 
เจ้าชายอนันตราช !

.
.
.          *  *  *  *  *  *  *  *  *
.    " สวัสดี--
.           เจ้าหญิงจันทรากินรี "
.
.   อนันตราชทรงยืนขึ้น ตรัสทักทาย
.
.       จันทราย่อตัว ถอนสายบัว
.
 .       " บังคมเพคะ "
.
.  " คำถามของข้า ก็คือ
.            ถ้าองค์หญิงมีศัตรูคนนึง "
.
.        อนันตราชแอบขยำคำถามเดิม
ที่เตรียมมาว่า คำขวัญของนครไพรวัลย์
คืออะไรทิ้งเสีย
.   นึกคำถามใหม่ ที่คิดขึ้นมาสดๆ นั้นต่อ
.
.  " แล้วศัตรูคนนั้น
.          รักองค์หญิงสุดหัวใจ
.  และองค์หญิงเอง ก็แอบรักเขา
.
.         ถ้ามีโอกาสเหมาะ
. ที่องค์หญิงสามารถฆ่าศัตรูผู้นี้ได้ 
.     องค์หญิงจะฆ่าเขาลงคอไหม ? "
.
.     โพระดกร้อง " ห็า ? "
ทำไมมันช่างบังเอิญ อะไรเช่นนี้
.   หรือว่า อนันตราชรู้ตัวแล้ว ?
.
.    จันทรากินรีสบตากับอนันตราช
.
.      ทั้งสองมองตากัน นิ่ง และนาน
. เสมือนโลกนี้ มีเพียงสองเรา
.
.
.   " จันทร์รูปเคียว เกี่ยวกิ่งฟ้า มาโอบรัด
. ใจกระหวัด เกี่ยวพัน อย่างมั่นหมาย
.  สองดวงใจ  สนิทซ้อน มิผ่อนคลาย
.  ดั่งคู่หมาย แต่ปางหลัง ครั้งเดิมมา "

.
.  
.    ผู้คนที่อิน-in  พากันมองตามเจ้าหญิง 
และเจ้าชาย  ต่างก็มีความรู้สึกฟินมากๆ
.    บรรยากาศตรงหน้าโรแมนติกสุดๆ
จนแทบจะร้องกรี๊ด
.    เหมือนกำลังได้ดูหนังรักอมตะ เรื่อง
" โรเมโอ กับ จูเลียต "
.         
.        แล้วจันทราก็ตอบคำถาม ของ
เจ้าชาย
.
.      " พระองค์ทรงถามหม่อมฉัน  
เหมือนจะทรงเก็งคำตอบล่วงหน้า   
.    ว่าหม่อมฉัน จะต้องตอบว่า ฆ่าเขา
ไม่ลง
.        แต่สำหรับหม่อมฉัน --
.  ถ้าเขามากลายเป็นศัตรู  เพราะเขา
ได้ฆ่าคนที่หม่อมฉันรักคนนึงมาก่อน
.      หม่อมฉันก็ฆ่าเขาได้เพคะ "
.
.           จันทราสะอื้นเล็กน้อย
.  สบตา -มองพักตร์สุดแสนหล่อเหลาของ
เจ้าชายอนันตราชที่กำลังจ้องนิ่งมาที่ตน 
. ในพระหทัยของเจ้าหญิงกินรีน้อยให้รู้สึก
หวิวหวาม ปั่นป่วน รัญจวนไปหมด
.    -อย่างที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน
.
.          " ฆ่าได้--
  แม้ว่าหม่อมฉัน   จะรักศัตรูผู้นั้น
.          - หมดหัวใจ "
.
.   จบสิ้นคำตอบของจันทรา ทุกคนทั้งลานที่
รอฟังพากันเงียบ-- อึ้ง
.
.       ดูเถิด- เป็นคำตอบที่ช่างเจ็บปวดนัก 
.  ใครเล่าหนอ จะสามารถฆ่าคนที่ตนรักได้ลงคอ
เช่นนั้น
.   คงต้องปวดลึก ร้าวรานในดวงใจ จนแทบตาย
ตามคนรักนั้นไปอีกคน

.
.       อนันตราชที่ยืนถาม  มองสบตาเธอ
อย่างโหยละห้อย-
.   น้อยใจในคำตอบที่ได้รับ  ราวกับว่า
พระองค์เองคือศัตรูผู้นั้น
.
.      ยิ่งได้ฟังวาจาที่นางตอบอย่างมีเหตุมีผล  
อนันตราชก็ยิ่งหลงรักจันทรากินรีเป็นเท่าทวี
.         ทรงปรบมือให้
 แล้วทุกคนก็ปรบมือให้เจ้าหญิงจันทรา
กินรีตามพระองค์ 
.     เสียงดังกราว ลั่นยาว
.
.     กรรมการที่ดีดลูกคิดรวมคะแนน
แกมีนิสัยแบบ-  จะยังไง้  -กรูก็ขอดีด
ซักหน่อย -ละวะ
.
.   รับใบคะแนนมา เหล่มองด้วยตาเปล่า   
ก็เห็นแล้ว  ว่าทุกคนให้คะแนน 10 เต็ม 
แกก็ไม่วายเอาคะแนนทั้งหมดมาดีด 
.    แป๋ง- แป๋ง
.       รวม -  แล้วหาค่าเฉลี่ย
.
.        " 10. 000 "
.
        *  *  *  *  *  *  *
.
.     โพระดกน้ำตาไหล
.   เมื่อกำลังจะได้เห็นเจ้าหญิงจันทรา
กินรีได้สวมมงกุฎ ตำแหน่งนารีแก้ว
.
.      เพราะรองอันดับสอง คือนางฟาร์ร่าห์
และรองอันดับหนึ่ง คือนางทิพย์เกสร ต่างก็
ได้รับขันน้ำและพานรองจากหัตถ์ผู้ครองนคร
ไพรวัลย์ไปเรียบร้อยแล้ว
.    เป็นขันน้ำพานรองเนื้อเงินอย่างดี ที่กอง
ประกวดได้สั่งทำโดยตรงจากร้านเจ้าประจำ
ย่านวัวลาย ซึ่งเป็นหมู่บ้านช่างเงินฝีมือเยี่ยม
ของอาณาจักรล้านนา
.
.
.       พอเห็นองค์อนันตราชยิ้มกริ่ม
ลุกจากโต๊ะประทับ เดินออกมาหาจันทรา
.     มีมิสนารีแก้วของปีก่อนถือพานใส่
มงกุฎเพชร และสายสะพาย ตามติดมา
.
.     โพระดกรีบยกมือขึันพนม  ภาวนาขอให้
สิ่งที่คิดไว้จงบังเกิด
.   ตอนเจ้าชายอนันตราชสวมมงกุฎนารีแก้ว
ให้เจ้าหญิงจันทรา

.     " เพี้ยง --
.            จงรัก
        เพี้ยง --
.               จงหลง "

.
       *  *  *  *  *  *
 
.   .   มิส "นารีแก้ว" บอกกับพี่เลี้ยง 
ในเย็นของวันรุ่งขึ้น

.
 .       "  เจ้าชายอนันตราช
   ทรงขอให้หญิงไปเป็นมเหสีของพระองค์
ที่นครกัลปพฤกษ์ "
.    
.   " ทรงมีมเหสีอยู่แล้ว แต่ยังทรงมาทูลขอ
องค์หญิงแบบนี้   แสดงว่า ทรงรักชอบองค์หญิง
ของพี่จริงเพคะ
.    พระองค์ทรงติดตามองค์หญิง ไปยังสถานที่
ต่างๆ ทุกที่  จนชาวเมืองไพรวัลย์พากันกอสซิป
-เล่าขวัญ -ร่ำลือเป็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์  
ณ ตอนนี้
.      ว่าเจ้าหญิงของพี่  คือ ว่าที่มเหสีองค์ใหม่ 
ของนครกัลปพฤกษ์ "
.
.               ใช่แล้ว-
.      นอกจากตอนสวมมงกุฎให้จันทรา
อนันตราชจะทรงกระซิบว่า
.
.     " เจ้าหญิงของข้า
.           โปรดรับรักข้าได้ไหม ? "
.
.          พอวันรุ่งขึ้น---
.   มิสนารีแก้วต้องออกสื่อ ออกงาน
ไปขอบคุณ  และปรากฏตัว  พบกับ
ประชาชนตามสถานที่ต่างๆ ในนคร
ไพรวัลย์ ตามประเพณี
.        เจ้าชายอนันตราชก็ยังเสด็จ
ไปคอยยืนคู่   ฉายฉายาเคียงข้าง
จันทราแทบจะทุกซีน
.
.    คอยประกบใกล้ชิดนางในทุกๆ ที่
ทรงไม่ปิดบังว่า พระองค์กำลังสนพระทัย 
และลุ่มหลงในตัวมิสนารีแก้วคนใหม่
 .
.     " ที่ทรงทูลขอองค์หญิงรวดเร็วเช่นนี้
ก็เพราะพรุ่งนี้ เป็นกำหนดที่จะเสด็จกลับ
นครกัลปพฤกษ์ สินะเพคะ "
.
.          โพระดกทูลถาม
.
.          " ใช่--
.   ทรงเร่งรัด รบเร้า  -แต่ก็ยังอนุญาต
ให้หญิงมาปรึกษาพี่โพระดกก่อนได้
.    เพราะหญิงได้ทูลให้ทรงทราบแล้วว่า 
พี่เป็นพระพี่เลี้ยงของหญิง    ที่เสด็จพ่อ
มอบหมายให้มาติดตามดูแลหญิง ต่างสาย
พระเนตร พระกรรณ "
.
.            " เพคะ
. ที่องค์หญิงทรงขอให้พี่โพระดกทูลตอบ
องค์อนันตราชเรื่องนี้ แทนตัวองค์หญิงเอง 
ก็ดีเหมือนกัน
.    งั้น--เพื่อภารกิจจากหิมพานต์ที่เราต้อง
 ทำให้องค์สุริยันกินราฟื้นคืนพระชนม์ชีพ
 ให้สำเร็จ พี่ก็ต้องทูลตอบรับคำขอนี้ ของ
เจ้าชายอนันตราช  
.      --ใช่ไหมเพคะ ? "
.      
.    พระพักตร์จันทรากินรีแดงซ่านทันที
ทรงเสหันมองไปทางอื่น
.
.     " ก็สุดแท้แต่พี่โพระดก
.               -  จะตัดสินใจ "
.
      *  *  *  *  *  *  *  *
.
.    หลังจากโพระดกได้ไป
เข้าเฝ้าองค์อนันตราช
.     และตอบรับ ยินยอมให้เจ้าหญิง
 จันทรากินรีเป็นมเหสีอีกองค์ของเจ้าชาย
.
.         เช้าตรู่ ของอีกวัน
.  ทริปขบวนช้างเสด็จของเจ้าชายอนันตราช
ก็ออกเดินทางจากนครไพรวัลย์
.  ฝ่าป่าเขาลำเนาไพร มุ่งสู่นครกัลปพฤกษ์
ที่อยู่ห่างไกล ข้ามภูเขาสูงที่อยู่ไกลลิบๆ โน้น   
ออกไปถึงสองลูก
.   โดยมี อดีตมิสนารีแก้ว และนางพี่เลี้ยง
โพระดกตามเสด็จไปด้วย
.
.
.             ใช่แล้ว--
.    เมื่อจันทรากินรี ไม่สามารถอยู่ปฏิบัติ
หน้าที่ในตำแหน่งมิสนารีแก้วจนครบเทอม
ได้ เจ้าหญิงจึงขอสละตำแหน่งนารีแก้วอัน
ทรงเกียรติ
.
.    โดยคืนมงกุฎเพชรล้ำค่า  ที่สั่งตรงมาจาก
ห้างคาร์ทิญา แว่นแคว้นวอเตอร์ เกท -Water 
Gate  แห่งทวีปสุวรรณภูมิอันแสนไกล
.   และคืนสายสะพายเกียรติยศ ที่ปักอักษรนูน
โรยกากเพชรวูบวาบ    ให้แก่การปกครองนคร
ไพรวัลย์
.
.         *  *  *  *  *  *  *  *  * 
.
.   แล้วรองอันดับหนึ่ง คือนางทิพย์เกสร
ก็ถูกเชิญตัวให้มารับการสวมมงฯ แทน
ในฐานะมิสนารีแก้วตัวจริง 
.    ตามเงื่อนไขของการประกวดมืสทั้งหลาย
ในระดับอินเตอร์ -สากล  ที่ทางนครไพรวัลย์
ได้ยึดถือปฏิบัติสืบมาอย่างเคร่งครัด

.    นางทิพย์เกสรนั้นดีใจมากๆ  ถึงกับร่ำไห้ 
ไม่หยุดที่อยู่ๆ ก็มงลง
.   เพราะนางไม่คาดคิดมาก่อนเลย   ว่ามงกุฎ
นารีแก้วทรงลิเกหรู ยอดสูงลิบสิบชั้น จะหวนย้อน
มาลงหัว  กลายเป็นมงของนางอย่างไม่คาดฝัน
ณ วันนี้
.  
.      *  *  *  *  *  *  *  *


.                         จบตอนที่ 2 .
..................................................................

** หมายเหตุ : ครั้งนี้เป็นการนำนิยายมาลงบล็อกใหม่อีกครั้ง

        เขียนลงบล็อกครั้งแรกเมื่อ   9 ตุลาคม 2559                      
      สถิติบันทึกการเข้าอ่าน 2701 ครั้ง   ณ 2 ธันวาคม 2561       **
........................................................................................................   



Create Date : 08 ตุลาคม 2563
Last Update : 9 ตุลาคม 2563 9:07:14 น.
Counter : 384 Pageviews.

0 comments

Huean Piang Din
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



ตุลาคม 2563

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog