บล็อก- blog เปรียบเสมือนสมุดไดอารี่เล่มใหญ่ที่สุดของผม
|
|||
นิยาย " จันทรากินรี " โดย เหมชาติ ทอง -- ( ตอนที่ 3.) . ๓. . . ผจญอุปสรรค . . . ล่วงเพลาใกล้สนธนยา . ขบวนช้างเสด็จจึงข้ามเขา ลงห้วย ทะลุป่าดง เข้าสู่เขตแดน . และถึงยังนครกัลปพฤกษ์โดยสวัสดิ ภาพ . . นครไพรวัลย์ ที่ว่าเป็นนครใหญ่โตแล้ว หากบัดนี้ เมื่อเทียบกับนครกัลปพฤกษ์ ก็ดูจะยัง เป็นรองนครกัลปพฤกษ์หลายช่วงตัว . เพราะที่นี่มีความเจริญมากมาย สิ่งก่อสร้าง และบ้านเรือนต่างๆ ถูกปลูกสร้าง เรียงราย เป็น ชุมชนหนาแน่น และดูสวยงาม เพราะล้วนแต่ ก่อสร้างจากวัสดุที่มีความแข็งแรง เช่น ศิลา อิฐเผา ไม้ซุงท่อน ฯลฯ . อีกทั้ง ถนนหนทางสัญจรก็ดูกว้างขวาง กว่าที่นครไพรวัลย์มากนัก . . เจ้าชายอนันตราชเสด็จตรงไปยังราชวัง หลวง ทรงนำพาจันทรากินรี และนางพี่เลี้ยง ให้ตามเสด็จเข้าไปในราชวังด้วย . . . * * * * * * * * * * . . ที่นั่นมี -องค์มาตารานี-ผู้มารดา และอัปสราดาราราย-ผู้มเหสี ตลอดจน ข้าราชบริพาร กำลังเฝ้ารอรับเสด็จนิวัติ พระนครในท้องพระโรงใหญ่ . . ทรงดำเนินนำหน้าเจ้าหญิงกินรี พร้อม ด้วยนางพี่เลี้ยง พาไปประทับนั่งที่พระแท่น และเหล่าตั่งข้างพระแท่น . . ผู้คนทั้งหลายหมอบกราบ ถวายบังคม ตามราชประเพณี . เมื่อถวายบังคมรับเสด็จแล้ว ต่างก็พากัน เงยหน้าขึ้น จับจ้องมองดูจันทรากินรี กับ นางโพระดกไม่วางตา . ด้วยความสงสัย และคาดเดา . . " เสด็จแม่มาตารานี มเหสีอัปสรา ดาราราย และทุกท่าน ณ ที่นี้ . -- จงฟังข้า " . . ทรงประกาศก้อง ผายพระหัตถ์ไปที่ จันทรากินรี ที่ประทับนั่งอยู่บนตั่งใกล้ๆ . " นี่คือ -- เจ้าหญิงจันทรากินรี ราชนิกูลผู้สูงศักดิ์จากดินแดนหิมพานต์ . ข้าได้ทูลเชิญนางมาที่นี่ เพื่อนางจะมา เป็นมเหสีของข้าอีกองค์หนึ่ง . ซึ่งจะดำรงศักดฺิ์ เท่าเทียมกับมเหสี อัปสราดาราราย . พระสิริยศของมเหสีทั้งสองจะเสมอกัน ไม่มีผู้ใดสูงต่ำกว่ากัน " . . แล้วทรงผายพระหัตถ์ไปทางโพระดก . . " โดยข้าจะให้นางกินรีโพระดก- พระพี่เลี้ยงเดิมของเจ้าหญิงจันทรา ได้สืบ ตำแหน่งนางกำนัล ถวายการดูแล รับใช้ ปรนนิบัติเจ้าหญิงจันทราที่นครกัลปพฤกษ์ นี้ -ต่อไป " . . จันทรากินรี และนางโพระดกก้มลงกราบ รับพระบัญชาขององค์อนันตราช -กษัตริย์หนุ่ม รูปงามแห่งนครกัลปพฤกษ์ . . ทรงก้าวลงจากพระแท่น ดำเนินมาที่กลาง โถงพระโรง . ตรัสกำชับอีกครั้งอย่างทรงไว้ซึ่งอำนาจ . . " นี่คือโองการจากข้า -อนันตราช . จึงขอให้ทุกท่านได้รับรู้ และปฏิบัติงานฝ่าย ราชวังที่รับผิดชอบ ตามความที่ข้าตรัสมานี้ . -โดยทั่วกัน " . . ทุกคนก้มลงบังคม รับโองการของ อนันตราช โดยปราศจากการโต้แย้งใดๆ . . อนันตราชรับสั่งฝ่ายวัง ให้นำเสด็จ องค์หญิงกินรี และพี่เลี้ยง ไปพำนักที่ ตำหนักรับรอง ในเขตพระราชอุทยาน เป็นการชั่วคราว . รอพิธีอภิเษกสมรส ที่จะกำลังเร่ง จัดขึ้นในเร็ววันข้างหน้านี้ . . * * * * * * *- * . . " เจ็บใจจริงๆ-- . ทำไมเสด็จพี่อนันตราชถึงทำกับข้า ได้ลงคอเช่นนี้ ! . ทรงนึกอย่างไร ถึงเอานางกินรี คน ประหลาด มีปีกมีหางอย่างนก มาเป็น พระมเหสี . -- แล้วยังจะให้เทียบศักดิ์เสมอกับข้า ! " . . มเหสีอัปสราดารารายกลับมาถึงที่ตำหนัก ด้วยอาการศีรษะฟัดศีรษะเหวี่ยง กลางดึก . ทรงบอกนางบ่าวกำนัลคู่ใจที่ชื่อนางเหยี่ยน ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว . . " แกรู้ไหม นังเหยี่ยน--ข้าเกลียดมัน !! .เกลียดตั้งแต่แรกเห็นหน้ามันเลยแหละ . แต่จำต้องอดทนหักห้ามใจไว้ ไม่ให้ส่อ อาการชิงชังออกมาต่อหน้าพระพักตร์ หน้า พระที่นั่ง " . . " อู๊ยยย-- " . นางบ่าวขาประจบประแจง รีบทูลสนอง อารมณ์เจ้านายของตนในทันที . . " --เหมือนบ่าวเลยเพคะ . บ่าวเองก็ไม่ชอบหน้า เดอะเฟสไทยแลนด์ ของอีโพระดก -พี่เลี้ยงของมัน . บอกกง ๆ ศรศิลป์ไม่กินกัน บ่าวเหม็นขี้หน้า มัน เหม็นสาบกลิ่นนกป่า ! . -- ยี้ !! " . . นางบ่าวเหยี่ยนทำแสยะปากสยอง ผสมโรงตามพระมเหสี . . " นี่-- นังเหยี่ยน . งั้นแกก็คอยเฝ้าดูพวกมันไว้อย่าให้คลาด สายตา เห็นมันตื่นกันเมื่อไหร่ แกก็รีบมาปลุก ข้า " . . " เพื่อ - - ? " . . นางเหยี่ยนถาม . . " อ๊าว !! --- ข้าก็จะได้ไปทำความรู้จัก ส่วนตัวกับพวกมันไง . หึ- เจอกันแบบไปรเวท ข้าจะได้ชิงสั่งสอน -กดหัวมัน ให้สำนึกเจียมกะลาศีรษะตัวเองไว้ . อย่าได้ริมาทำตน ตีเสมอกับมเหสีเอกอย่าง ข้า ! " . . " อุ๊ยตาย !-- . ท่าทางมันส์มาก เลยเพคะ - " . . นางเหยี่ยนได้ฟัง ร้องอุทานอย่างตื่นเต้น สะใจ เพราะเรื่องระรานพาลเกเร หาเรื่อง คนอื่น มันเป็นของโปรด ของว่างของนาง อยู่แล้ว . . " เพคะพระมเหสี - งั้นเชฺิญพระองค์ เสด็จเข้าบรรทมประทับนิทราได้เลย . คืนนี้ บ่าวจะลงทุนลงแรง อดตาหลับขับ ตานอน จะถ่างตาอยู่ยาม เฝ้าดูพวกมันไม่ให้ ละไปจากสายตา . แต่บ่าวขอประทานอนุญาต ขอต้มมาม่า กินแก้หิวกลางดึก ซักสองห่อนะเพคะ . บ่าวรับรอง -จะรอดูจนเห็นพวกมันตื่น แล้วบ่าวจะรีบเข้าไปปลุกพระองค์เพื่อสรงหน้า แปรงฟัน เสด็จลงสู่สนามรบทันที เพคะ " . . * * * * * * . . จันทรากินรีตื่นบรรทมแต่เช้าตรู่ ชวน นางพี่เลี้ยงลงเดินชมพรรณไม้ในสวนหลวง ด้วยความสุขใจ . อากาศยามเช้าของเมืองมนุษย์ก็สดชื่น พอให้หัวใจของเธอแช่มชื่นได้ แม้จะแค่ชั่ว ขณะหนึ่ง . . " หอมบุปผา มาลี ที่รวยรื่น . พาแช่มชื่น สุขฤทัย ได้อีกหน . เห็นน้ำค้าง พร่างดอกใบ ชวนให้ยล . เร้ากระมล ให้เริงร่า กับมาลี " . .. ต้นไม้ที่นี่ อาจไม่สวยงามเท่าที่แดนหิมพานต์ แต่ก็ชวนพิศ ชวนมองไม่น้อยเลย ด้วยมีดอกสวยๆ และมีผลรสดีให้เก็บกิน . ที่หิมพานต์นั้น ต้นไม้ต่างๆ ล้วนประหลาด พิศดารพันลึก . อย่างเช่น ต้นมักกะลีผล หรือนารีผล ที่ออก ผลหน่วยเป็นหญิงสาว และก็มีบางต้นที่ออกผล เป็นบุรุษเพศ . พอสุกงอม จะมีเหล่าวิทยาธร และเหล่านาง ผีเสื้อยักษ์ พากันเหาะบิน มาแย่งเด็ดไปเชยชม กัน . เบื่อแล้วก็โยนทิ้ง ให้งอมเน่าไปเอง . . หรืออย่าง ต้นชิงช้าชาลี ที่จะออกเถาที่กิ่ง งอกงามเป็นรูปเปลชิงช้า ห้อยไว้เต็มทั่วทั้งลำต้น . ฝูงนางตะเคียนมักจะชอบออกมาจากโพรงไม้ ในยามค่ำๆ ชวนกันจับกลุ่มสางผม นั่งโหนชิงช้า ชาลีเล่น ให้เพื่อนคอยไกว เหวี่ยงลากผมที่ยาว สยายจรดพื้นไปมา พลางหัวร่อต่อกระซิกกัน . เพื่อยั่วยวนเหล่าวิทยาธรที่แอบซุ่มดู ให้เกิด กำหนัด จนแวะมาเกี้ยว แทะโลม . และชวนไปสมสู่ ได้เป็นสามีของพวกนางในที่สุด . . . โพระดกถือพานทองไว้สองมือ คอยตามรับ ดอกไม้ที่จันทรากินรีเด็ดลงมาจากต้น .. " ดอกอะไรน้านี่-- . มีกลิ่นหอมจังเลยนะเพคะ " . . " หญิงก็ไม่รู้จักเหมือนกัน . ดอกสวย กลิ่นก็หอมเย็น " . . ดอกนั้น คือดอกจำปี . . จันทรากินรีเขย่งเท้า หมายจะเด็ดอีกดอก ที่อยู่สูง . . ทันใดนั้น ก็มีเสียงร้องทัก ดังขึ้น . . " อ้าวววว ---- . จันทรากินรี เองดอกรึ ? . ก็นึกว่าใครที่ไหน - มาบังอาจขโมยดอกไม้ ในพระสวนหลวง ของวังกัลปพฤกษ์แต่เช้า " . . จันทรากินรีจำได้ นางคืออัปสราดาราราย มเหสีหมายเลขหนึ่งนั่นเอง . . " บังคมเพคะ องค์อัปสราดาราราย " . . จันทรากินรีรีบก้มย่อองค์ ถอนสายบัวให้ ตามธรรมเนียมราชวงศ์ . . หากอัปสราดารารายกลับเชิดหน้า มองไป เสียอีกทาง นางกำนัลที่ตามเสด็จมาก็จ้อง เขม็งมาที่โพระดก แล้วถลึงตา เบะมุมปากลง แบบดูแคลนฐานะ . . " อาหารเช้าของทางวัง --- . เราก็ได้บัญชาให้บ่าวไพร่เตรียมจัดสำรับใว้ให้ แล้วนี่ --" . . อัปสราดารารายปรายเนตรมองเหยียดๆ ตรัสกล่าวด้วยเสียงอันดัง . . " เหตุใดเล่า เจ้าหญิงแห่งหิมพานต์ ถึงไม่อดทนรอเวลาโต๊ะเสวย--" . . จันทรากินรีอึ้ง . . อัปสราดารารายกล่าวต่อว่า . . " นี่กระไร -- . กลับชวนกันกับนางพี่เลี้ยง รีบลงมาจากตำหนัก ตั้งแต่เหมยน้ำค้างยังไม่เลิกตก " . . น้ำเสียงนั้น เป็นเจตนาเยาะเย้ยถากถาง ชัดเจน . . " อ้อ--- ก็คงพากันเที่ยวเสาะหาหนอน และเหล่าแมลงตามต้นไม้ ใบหญ้า เพื่อจะจิก กินเป็นภักษาหาร . ประสานกไพร วิหคเถื่อน -กระนั้นรึ ? " . . นางกำนัลของมเหสีรีบยกมือปิดปาก หัวเราะขำ คิก- คิก ชอบใจในคำพูดของ เจ้านายตัวเอง . . โพระดกขยับตัว ทำท่าเงื้อมือทันที อย่าง สุดกลั้น แต่จันทรากินรีฉวยข้อมือนางไว้ทัน . . จันทรากินรีกล่าวตอบ ด้วยน้ำเสียง ราบเรียบ . . " อัปสราดาราราย ท่านพูดถูกแล้ว ข้าเป็นกินรี ก็ย่อมมีกำเนิดชาติมาจากนก " . . มเหสีดารารายหัวเราะทันที . . " ฮ่า-ฮ่า-ฮ่า-ฮ่า --- . -- ดี . รู้สำนึกอย่างนี้ก็ดี ! . แล้วเจ้าก็อย่ามาคิดเทียบศักดฺิ์เสมอตัว กับข้า ในภายหน้าล่ะ . เพราะข้า--เป็นถึงธิดาของวงศ์วานแห่ง นครโตนสะเรียม ย่อมมีเกียรติยศที่คู่ควรกับ เสด็จพี่อนันตราช . มากกว่านกป่า นกไพร เถื่อนๆ อย่างเจ้า . - รับรู้ไว้ด้วย !" . . คำกล่าวเหยียดหยามนี้ ทำให้โพระดก โกรธวิบ . หายใจแรง ขอตอบโต้ปากคนพาลแทน เจ้าหญิงสักทีเถอะ . -นางปรี่เข้าหามเหสีทันที . . " หยุดนะ ! นังพี่เลี้ยง ! " . . ดารารายโกรธมาก ทำตาโตถลนใส่ . ยกนิ้วชี้หน้าโพระดก มือสั่นรัว . . " แกมันแค่ไพร่ อย่าได้สะเออะ บังอาจ มาถูกเนื้อต้องตัวมเหสีอย่างข้าเป็นอันขาด . ไม่งั้น- จะโดนอาญาวังเล่นงาน . หัวหลุดจากบ่า เชียวนะแก" . . นางกำนัลเหยี่ยนรีบพลอยพยัก . . " ใช่ ๆ -- . นังนกกะปูดเอ๊ย ระวังตัวให้ดีเถ๊อะ-- .จะโดนข้าสั่งให้แม่ครัวในวัง จับแกถอนขน สับเป็นชิ้นๆ ทำแกงสับนก-ซักวัน " . . . " นี่แน่--- . นางวิหค นกเถื่อน อย่าเลื่อนศักดิ์ . อย่าผยอง ชูพักตร์ จักเท่าข้า . อย่าตะแบง หมายแย่งชู้ ผู้ภัสดา . เจ้าผู้มา ทีหลัง จงยั้งใจ ! " . . . จันทรากินรีตั้งสมาธิ ยืนหลับตานิ่ง ยกมือทั้งสอง เป็นท่าห้ามญาติ เพื่อเข้า ฌาน . อ่านที่มาแห่งเผ่าวงศ์ ของอัปสรา ดาราราย-- . . " ทำบ้าอะไรของเจ้าน่ะ ? " . . มเหสีร้องถามอย่างไม่เข้าใจ . . " ทำบ้าที่ไหนกัน ? . ไม่รู้เหรอ ? ว่าองค์หญิงจันทรากินรี ของข้ากำลังเรียกฌาณวิเศษ เพื่อส่อง นิมิตดูภูมิหลังชาติกำเนิดของมเหสี . -นะสิ " . . โพระดกตอบแทนจันทรา ด้วยสีหน้า มีโมโห ที่ฝ่ายตนถูกเหยียดหยามซึ่งๆ หน้ากันเช่นนี้ . . " รู้ไว้ซะด้วย -- . ถึงองค์หญิงของข้าจะเป็นเผ่าพันธุ์ นกป่า แต่ก็เป็นวงศ์นกยูงทองเชียวนะ จะบอกให้ . ดังนั้น พระนางจึงมีญาณวิเศษจาก สวรรค์ สามารถมองเห็นได้หมดว่าผู้ใด มีกำเนิดชาติมาจากอะไร " . . อัปสราดารารายสะดุ้ง หน้าเสียทันที .ถามโพระดก ด้วยน้ำเสียงเจื่อนๆ . . " ตายละ--- . นี่แกพูดจริงๆ ไม่ใช่ล้อเล่นใช่มั้ย ? นังพี่เลี้ยงกินรี " . . " ทรูๆ - แน่นอน ขี้ข้าอย่างข้า พูดโกหกไม่เป็นหรอก " . . " อุย-- . งั้น---ข้ากลับตำหนักดีกว่า " . . ดารารายเปลี่ยนท่าทีฉับพลัน . . " ไป- นังเหยี่ยน - . รีบกลับตำหนักกันเร็ว-- " . . มเหสีคว้าข้อมือนางกำนัลคู่ใจ เตรียมดึงตัวกลับ . . จันทรากินรีรีบลืมตา และพูดดักไว้ . . " เดี๋ยวสิ -- องค์อัปสราดาราราย อย่าเพิ่งรีบเสด็จกลับวัง . เชิญประทับ อยู่เม้าธ์-mouth กับ หม่อมฉันตรงนี้ก่อน สักประเดี๋ยวเดียว เพคะ " . . " นี่ -- . ข้าไม่มีธุระอะไรกับพวกเจ้าแล้ว - อย่ามาชวนดรามา-drama . - จบนะ แยกย้าย ข้าจะกลับตำหนักของข้าเดี๋ยวนี้ละ " . . ดารารายพูดอย่างหวั่นหวาด . . " อ้อ- มเหสีจะรีบเสด็จกลับ เพราะทรงกลัว-ไม่กล้าอยู่สู้กับความจริง ใช่ไหมเพคะ ? " . . " ความจริงอะไรของเจ้า - ห็า ? " . . ดารารายย้อนเสียงดัง . ทำกริ้ว แบบใจดีสู้เสือ . . " หึ ! -- ก็ความจริง- ที่หม่อมฉันรู้หมดทุกอย่าง . ว่าที่แท้แล้ว วงศ์วานของพระมเหสี ไม่ใช่มนุษย์ . แต่มาจาก ปลาไหล -นะสิ ! " . . " ว้ายยย-- . แก--- . แกรู้เหรอเนี่ย ? . . แกรู้ได้ไง -- นี่มันเรื่องส่วนตัว ของตระกูลของข้า แกสอดรู้สอดเห็น ! " . ดารารายร้องเสียงหลง . ส่วนนางกำนัลเหยี่ยนนั้น พอได้ฟังถึง กับอ้าปาก ขากรรไกรค้าง หุบไม่ลง . ตายแล้ว !! - พวกมันรู้ความจริง ! . . " ใช่-- . หม่อมฉันรู้ หม่อมฉันเห็น ! . ญาณวิเศษทำให้หม่อมฉันเห็นถึงชาติ ตระกูลของพระมเหสี " . . เจ้าหญิงจันทรากินรีสูดลมหายใจเข้า แรงๆ . ประทับยืนกอดอก ตรัสอย่างเป็นต่อ . . " อย่าปฏิเสธนะ--- . ว่าแท้ที่จริงแล้ว พระมเหสีมีเทือกเขา เหล่ากอแห่งบรรพบุรุษ . ตั้งแต่ พ่อ- แม่ ปู่ -ย่า ตา-ยาย ชวด -ทวด เชียด - เทียด . ยัน ลูก - หลาน เหลน - ลื่อ ลืบ -ลืด ล้วนอาศัยเบียดเสียดกัน ในโพรงรู ใต้โคลนตม ณ ก้นบึ้งของหนองน้ำที่โตน สะเรียม . ตามสัญชาติของปลาเหยี่ยน -ปลาไหล ! " . . ดารารายกับนางเหยี่ยน ทั้งนายบ่าว กอดประคองกันตัวสั่นอย่างตื่นตระหนก . . " และเป็นเผ่าพันธุ์ปลาเหยี่ยน - ปลาไหลที่ชอบหากินพวกเศษซาก ของ เปื่อยของเน่า และอาจม . หาใช่เชื้อวงศ์สายของมนุษย์ไม่ ! " . . ดารารายสะอื้น ส่ายพักตร์ไปมา อย่างเข้าตาจน . -- เถียงแถไม่ออก . . จันทรากินรีชี้นิ้ว กราดใส่ทั้งเจ้านาย และนางบ่าวรับใช้ . กล่าวเสียงหนักแน่นว่า . . " --และที่เห็นพระนาง กับนางกำนัล มีรูปกายเป็นมนุษย์เช่นนี้ . ก็เพราะ ใช้แอปพลิเคชั่นแปลงร่าง !! " . . " อ๊ายยยยย... " . . ดารารายหวีดร้องสุดเสียง เจอโดนแฉ ดอกนี้ นางถึงแก่เข่าอ่อน . ทรุดองค์ลง ยกหัตถ์ทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้า . ตกใจสุดขีด ที่จันทรากินรีล่วงรู้ความลับ ทุกอย่าง ที่ตนสู้ปกปิดชาวกัลปพฤกษ์มา โดยตลอด . . " จำไว้ -- . ต่อแต่นี้ มเหสีก็จงอย่าดูถูกข้า ผู้มีสัญชาติ แห่งกินรีอีกต่อไป " . . เจ้าหญิงกินรีพูดเสียงเข้มขึ้น . . " มิเช่นนั้น เรื่องสัญชาติที่ต่ำตมแห่ง กำเนิดจากปลาไหลของท่าน ก็จะต้องถึงหู ทุกคน - ที่นี่ ! " . . ดารารายตาเหลือก . รีบยกมือไหว้จันทรากินรีปะหลกๆ ยอมแพ้โดยดุษฎี . . " ตกลง ๆ -- . ตกลงกันนะคะ จันทรา . ข้า-ดาราราย ขอให้สัญญาแก่เจ้า ว่าต่อไปนี้ ข้าจะไม่ดูถูกวงศ์วานกินรีอีก . และข้าขอร้องเจ้า อย่าทูลเรื่องนี้กับ เสด็จพี่อนันตราช และองค์มาตารานีเลย นะจ๊ะ . ไม่ยังงั้น ข้ากับนังเหยี่ยน ก็จะต้องถูก อัปเปหิ โดนเนรเทศให้ออกจากพระนคร กัลปพฤกษ์ " . . ยังมิทันจะว่ากระไรกันต่อ . พลัน-ก็มีเสียงเป่าแตร และสังข์ ดังประโคมขึ้นที่ประตูราชอุทยาน . และมีเสียงทหารวังตะโกนมา . . " องค์เหนือหัวอนันตราช- และองค์มาตารานี จะเสด็จประพาส ราชอุทยาน บัดนี้ แล้ววววว... " . . . * * * * * * * * . " อุ๊ยตาย -- . เสด็จลงอุทยานทั้งสองพระองค์ เลย " . . ดารารายลนลาน รีบจับแต่งอาภรณ์ เนื้อตัวโดยไว . พลางสั่งนางรับใช้คู่ใจ . . " นังเหยี่ยน.. เร็วเข้า รีบมาเมคอัพ แต่งหน้าให้ข้าใหม่ . - เดี๋ยวนี้ " . . แล้วดารารายก็นึกได้ รีบกระซิบบอก มันว่า . . " เอ้อ --- . แต่แกอย่าแต่งหน้าให้ข้าแบบวันก่อน อีกนะ . ที่แกบอกว่า แต่งแบบสไตล์ เมก โอเว่อร์ -make over อะไรนั่นน่ะ . แกรู้มั้ย - วันนั้น องค์มาตาทรงตำหนิข้า ทรงว่า ข้าแต่งพักตร์เข้มไป " . " วุ๊ย--- . จะไปเอาอะไรกะองค์มาตา -ล่ะเพคะ .ทรงแก่ ทรงเชยเฉิ่ม ทรงไม่มีเทสต์ -taste . สายเนตรไม่ถึงเทรนด์-trend เอง " . . นางเหยี่ยนนินทาองค์มาตารานี แล้ว แอบส่งค้อนลมๆ แล้งๆ ไปทางหน้าประตูราช อุทยาน ด้วยให้เคืองนัก ที่ทราบว่า องค์รานี ทรงเบลมฝีมือเมคอัพ-แต่งหน้าของตน . . เห็นนางบ่าวเหยี่ยนชักงอน อัปสรา ดารารายต้องรีบง้อมัน . เปลี่ยนน้ำเสียงให้นุ่มนวลลง . . " เออน่่ะ-- . วันนี้เอาแบบอ่อนๆ ก็พอ อย่าหนักมืออีก ละกัน -แก . เหอะ -- เชื่อข้าสิ . - เร็วเข้า ! " . . นางกำนัลเหยี่ยนจึงรีบควักกระปุกผงถ่าน ที่ผสมกับยางมะขวิดออกมาจากชายพก . สวมวิญญาณม้า-อรนภา ประจงเขียนคิ้ว ปลิงทับซ้ำให้อัปสราดาราราย . นางลากหางคิ้วซ้าย-ขวา ปร๊าด-- ออกมาได้หางคิ้วแหลมปรี๊ดอย่างชำนาญ . และรีบส่งเยื่อกระดาษสีแดงให้เจ้านาย เอาไปเม้มขบ จนริมฝีปากมีสีแดงสดขึ้น . . ดารารายรีบหมุนตัวรอบๆ ให้นางเหยี่ยน ตรวจดูความเรียบร้อยของมงกุฎทรงกะบังที่แผ่ กว้าง และยกสูงเป็นทรงสามเสายอดแหลม กับจับแต่งมวลดอกลีลาวดี ที่มัดติดกับเส้นผม ห้อยไว้เป็นราวนั้นอีกครั้ง . . . โพระดกเอง ก็ไม่แพ้นางเหยี่ยน เหมือนกัน . นางรีบหยิบตลับฝุ่นแป้งเนื้อละเอียดมา ลูบไล้พักตร์ขององค์หญิงจนนวลผุดผ่อง . แล้วหยิบแท่งถ่านปลายแหลม จุ่มน้ำมัน มะพร้าว เติมคิ้วทรงสวยให้จันทรากินรีอีกรอบ อย่างช่างเมคอัพมือหนึ่ง แห่งหิมพานต์บิวตี้ ซาลอน . - ไม่ยอมแพ้กัน . . พอส่งกลีบผลกระเจี๊ยบให้ขบสี จันทรา กินรีก็บอกว่าพอแล้ว . แต่โพระดกส่ายหน้าไม่ยอม บังคับให้ เจ้าหญิงขบเม้ม จนได้ริมฝีปากสีแดงเรื่อ แลดูสวยขึ้น . . . * * * * * * * . . . ทั้งสองฝั่งมเหสี และว่าที่ ต่างนั่ง คุกเข่าประจัญหน้ากัน . เว้นทางเดินตรงกลางไว้ เพื่อเฝ้ารอรับ เสด็จ . . " จันทรากินรี--- " . . ดารารายป้องปาก กระซิบเรียก . . " อย่าลืมนะ -- . ข้าให้สัญญาแก่เจ้าแล้ว เจ้าก็อย่า ผิดคำแก่ข้าล่ะ " . . . * * * * * * * . . องค์มาตารานี ราชนิกูล ผู้มารดาแห่งเจ้าชายอนันตราช . ทรงพระสรวลลั่น . . " อะไรกันนี--ข้าไม่อยากเชื่อแก่ สายเนตรตัวเองเลย . อัปสราดาราราย กับจันทรากินรี ก็มาชมสวนด้วยกันแต่เช้า . --- เป็นไปได้ไงเนี่ยะ ? " . . ดารารายชิงเพ็ดทูล . . " คือ หม่อมฉันเกรงว่า น้องหญิง จันทราผู้มาใหม่จะเหงาง่อม . หม่อมฉันจึงรีบตื่นบรรทมไปปลุก แล้วเชิญให้เสด็จลงมาเที่ยวราชอุทยาน ด้วยกันเพคะองค์มาตา " . . โพระดกได้ฟัง ก็เผลอร้องว่า- " โอ๊ะ!-ตอแหล " เบาๆ . แต่พอเห็นจันทรากินรีฝืนทำยิ้มรับคำทูล นั้นของอัปสราดาราราย โพระดกก็ได้แต่ กัดฟันกรอดๆ อดทน . . ครั้นเหลือบมองไปทางนางกำนัลเหยี่ยน ก็พบว่าฝ่ายนั้นกำลังส่งยิ้มหยันแบบสะใจ มา ที่ตนตามคาด . . " ดาราราย เนี่ยะ - . ช่างเป็นมเหสีที่งดงามทั้งรูปกาย ทั้งสาย กำเนิดที่สูงส่ง และมีจิตใจที่เปี่ยมเมตตาต่อ ผู้อื่นจริงๆ . แม่พูดเช่นนี้ ถูกต้องไหมอนันตราช ? " . . " พระเจ้าข้า " . . กษัตริย์หนุ่มพระพักตร์เปื้อนยิ้ม . . " เสด็จแม่ตรัสถูกแล้ว ลูกเองก็ดีใจที่ทั้งสององค์เข้าใจกันและกัน แบบนี้ . คงไม่ก่อปัญหาทะเลาะเบาะแว้งให้ลูก ต้องปวดเศียร พระเจ้าข้า " . . เจ้าชายอนันตราชประทับบนพระเก้าอี้ ของอุทยาน ส่วนมาตารานีนั้น ทรงเอน กาย พิงหมอนบนเตียงนอนกลางวันตัวงาม สีทอง . อันเป็นเครื่องราชบรรณการที่ประเทศราช สั่งซื้อจากเมืองวิลาศไกลโพ้นมาถวาย ทูลบอก ว่าชาววิลาศเรียกว่า เดย์ เบด-day bed สไตล์ หลุยส์ . . มาตารานีสุขใจ อารมณ์ชื่นมื่น ทรงเอื้อมหยิบ ดอกไม้ในพานข้างวรกายขึ้นมาทัศนา แล้วดม ดอม สูดหอมกลิ่น . . เหล่านางกำนัลต่างรีบคลานเข่าเข้าไปถวาย กระแสวาโย ให้พอสบายทั้งสององค์ด้วยพัดลม แบบมือถือ ซึ่งก็คือพัดโบก . ทำด้วยขนนกยางขาวบริสุทธิ์ มีขนาดใหญ่ และมีด้ามจับที่ยาวมากๆ . . " อนันตราช - . เพลานี้ แม่อยากดูระบำรำฟ้อน แต่แม่ไม่เอาที่พวกนางกำนัลชุดนั้นเคยแสดง ถวายอีกแล้วนะ . ไม่ไหว-- รำยึกๆ ยักๆ แบบเดิมๆ ซ้ำซาก . -- บ่องตง แม่เบื่อมาก ๆ " . . " เสด็จมาตารานีเพคะ " . . อัปสราดารารายรีบทูลเสนอ . . " เช่นนั้น - . หม่อมฉัน-ดารารายขออนุญาตฟ้อนระบำ ถวายให้ทอดเนตรเอง เพคะ " . . " ว้าว-- อัปสราดาราราย . นี่เจ้าก็ฟ้อนระบำเป็นด้วยรึ " . . มาตารานีรู้สึกทึ่ง . . " เพคะ -- . หม่อมฉันจะฟ้อนระบำโตนสะเรียม ซึ่งเป็นระบำใน --- . เอ่อ-- " . . หันไปสบเนตรกับเจ้าหญิงจันทรากินรี แต่แล้วดารารายก็ตัดสินใจด้านหน้าตะแบง คำทูลต่ออย่างสิ้นความละอาย . . " ง่า-- . - ในราชสำนักของราชวงศ์ของหม่อมฉัน เพคะ " . โพระดกกลั้นขำ หึ- ราชสำนัก รูโพรง ปลาไหลของพวกแก -อะนะ . " วุ้ย-- ดี . แม่ชอบ " . . ราชมาตารานีดีพระทัย . . " แม่ก็อยากทอดเนตรระบำจากราชสำนักอื่น บ้างเหมือนกัน เซ็งของกัลปพฤกษ์อย่างหนัก - ขอบอก . เออ-- แล้วจันทรากินรีล่ะ ?- . เจ้าพอจะฟ้อนรำ เป็นกะเขาบ้างหรือเปล่า " . . จันทรากินรีประนมกร ทูลตอบ . . " หม่อมฉันพอฟ้อนได้บ้างเพคะ " . . " งั้นดีเลย . เอางี้... . เจ้าทั้งสอง จงฟ้อนถวายให้ข้าชมพร้อมๆ กันเลย - ดีไหม๊ ? . ข้าจะได้ให้เจ้าพนักงานฝ่ายดนตรี บรรเลง มโหรีเพลงชมสวนให้เป็นเพลงบังคับ " . . " เพคะ องค์มาตา . หม่อมฉัน จันทรากินรี ผู้เป็นเพียงราชนิกูล เชื้อสายนกป่าจากถิ่นเถื่อนไพร จะขอฟ้อน ระบำนกยูงทองถวายเพคะ " . . " ไอ้ยะ-- ระบำนกยูงทอง !! . แค่ฟังชื่อ ข้าก็รู้สึกกว่า น่าจะไฮโซปรี๊ด . แหม่--ข้ายิ่งอยากเห็นซะจริงๆ . เอ้อ-- แล้วมันก็เป็นระบำนี่นะ รำเดี่ยวๆ ไม่ได้ งั้น-นางพี่เลี้ยงของเจ้าทั้งสองก็ต้อง ออกมา ช่วยฟ้อนพร้อมกับเจ้านายด้วยเลย ละกัน " . . . เหล่าข้าราชบริพารพากันขยับที่ ขยาย วงนั่งใหม่ . แรกๆ ก็ยังได้แค่วงแคบๆ ต้องช่วยกันดู และบุ้ยปากให้คนที่ยังนั่งขวางวงอยู่ ขยับ ก้น ถอยหลังออกไปอีก . จนในที่สุด ก็เกิดเป็นวงลานกว้าง -น่าออก ไปฟ้อนรำเล่นแต๊ ๆ . . อัปสราดาราราย และนางกำนัลเหยี่ยน ยืนรอแสดงอยู่ที่มุมหนึ่ง และอีกมุมหนึ่ง --จันทรากินรี กับนางพี่เลี้ยง โพระดกก็ยืนสแตนด์บาย . รอเตรียมประชัน . . " มิวสิค !- . เอ๊ย -- มโหรี ! " . . ผู้ควบคุมวงตะโกนก้อง แล้วยกไม้คทา อันผอมๆ สั้นๆ ชี้สั่งไปทางเครื่องดนตรีแต่ละ ชิ้น . ชิ้นนั้น- ชิ้นนี้- ชั้นโน้น -ชิ้นนู้น ให้บรรเลง . . เสียงบรรเลงเพลงชมสวนก็ประโคมแข่งกัน อื้ออึง ทั้งปี่แน ปี่อ้อ พิณเปี๊ยะ ฉิ่ง ฉาบ และ กลองตะโพน . . ด้านพนักงานฝ่ายขับร้องก็คอยจ้อง รอให้ ฝ่ายดนตรีบรรเลงหัวเพลงนำไป พอสบจังหวะ ก็พยักหน้ากันให้ เสียบเนื้อเพลง ครวญเสียง ไพเราะผสมเข้าไปทันที . . . " อันดอกไม้ ในสวน ล้วนงามตา คือมาลี ที่ราชา ทรงเลือกสรร ดอกซอมพอ ดอกปด มะลิวัลย์ บัวสวรรค์ กล้วยพัดโบก โยกล้อลม . . นั่นดอกจิก ระริกย้อย เป็นสร้อยสวย งามล้ำด้วย ท่าที ที่งามสม เล็บมือนาง สีชมพู คู่ภิรมย์ กับพวงแสด สีเหลืองส้ม อยู่ใกล้กัน . . การเวก เฉกเช่น เป็นกอซุ้ม เข็มแดงพุ่ม ตรงนี้ เด่นสีสัน สีม่วงคราม งามใดเท่า เจ้าอัญชัน สวนสวรรค์ กัลปพฤกษ์ สุดนึกชม . . -- ฯลฯ --- " . . . . * * * * * * * . . อัปสราดาราราย รีบชิงออกรำก่อน นางยิ้มน้อยๆ กางแขน ช้อนขึ้นเป็นวง กว้าง . . แล้วจีบกรีดนิ้วอย่างช้าๆ นุ่มนวล ดูสวย งามทีเดียว . ที่เด่น คือนางสามารถแอ่นตัวได้อ่อนช้อย มาก ยามร่ายรำ และวาดวงแขนช้าๆ จึงน่าดู . . น่าเวทนาก็แต่นางกำนัลเหยี่ยน ดูท่าทาง นางจะรำฟ้อนอะไรไม่เป็นเอาซะจริงๆ เมื่อจำ ต้องออกมารำ มือที่จีบนั้นเกร็งแข็ง หน้าคน ฟ้อนจึงย่น-ยู่ . ตอนหมุนตัวเปลี่ยนท่า ก็ดูกระโดกกระเดก จะล้มแหล่ มิล้มแหล่ . ยามเผลอตัว - นางเหยี่ยนก็จะชอบฟ้อน แบบบิดตัวหมุนเป็นเกลียวสว่าน ซึ่งดูรวมๆ แล้ว พานให้นึกถึงปลาไหลตอนจะหนีลงรู . มีเสนาหลายคนแอบซุบซิบ หัวเราะกัน เพราะขำท่ารำแย่ๆ ของนางเหยี่ยน . . จันทรากินรีพนมมือนบไหว้ครู แล้ว ก้าวเท้าออกฟ้อน ด้วยจินตลีลางดงาม ของนกยูงรำแพน . นางจีบนิ้วฟ้อนรำได้งดงามยิ่งนัก . . และด้วยวงพักตร์ที่สวยสะดุดตาของ จันทรา อีกท่าวาดวงแขนที่กลมกลืนอ่อนช้อย จึงสะกดให้ทุกสายตาละจากอัปสราดาราราย มาจับจ้องอยู่ที่เธอเพียงผู้เดียว . . ยามที่จันทรากินรีฟ้อนท่าเอียงอาย อนันตราชที่นั่งดูอยู่ ถึงกับจ้องสบตา ส่งยิ้ม หวานซึ้งให้นาง ราวกับจะเข้าประชิดปลอบ ประโลมขวัญให้ ณ ตรงนั้น . . นางพี่เลี้ยงโพระดกก็ฟ้อนแบบโดกเดก ไม่เป็นท่าเหมือนกัน . นางติดจะคอยทำท่าหัวผงกๆ คล้ายนก โพระดกที่กำลังจิกกินลูกไทรอย่างเอร็ดอร่อย . เรียกว่า รำไม่เป็นประสาพอๆ กับระบำ ปลาไหลลงรูของนางเหยี่ยน แต่ก็รอดตัวไป เพราะไม่มีใครสนใจมองนาง . ทุกคนกำลังตกในภวังค์ ชื่นชมการฟ้อน นกยูงทองของจันทรากินรีกันหมด . . . * * * * * * * * * . . เพลงจบ มโหรีหยุด . จังหวะเดียวกับที่ อัปสราดาราราย และจันทรากินรีทรุดตัวลง เบื้องหน้า องค์อนันตราช และมาตารานี . หมอบกราบ จบการฟ้อนถวาย . . เสียงปรบมือดังกึกก้องจากทุกคน แสดงถึงความประทับใจท่วมท้น . . มาตารานีทรงยิ้มแย้ม ตรัสว่า . . " ขอบใจเจ้าทั้งสอง... . ฟ้อนได้สวย ถูกใจข้าเหลือเกิน มิเสียแรงที่เลือกฟ้อนแบบราชสำนัก มาให้เห็นเป็นบุญตา . อัปสราดาราราย-- . เข้ามาใกล้ๆ ข้าซิ " . . ดารารายยิ้มดีใจ ขยับคลานไปหมอบ อยู่แทบเท้าขององค์มาตา . . " ธำมรงค์โป่งข่าม- วงนี้ ข้ายินดีมอบ ให้เจ้า เป็นรางวัลจากน้ำใจข้า " . " ขอบพระทัยเพคะ " . . อัปสราดารารายเอื้อมแขนยื่นรับแหวน แล้วแอบหันมายิ้มกับนางเหยี่ยน . เหยี่ยนจึงหันไปยิ้มเย้ยใส่โพระดกต่อ ทันที . . " จันทรากินรี ... . จงมาหาข้า " . . เสียงองค์อนันตราชตรัสเรียกจันทรา กินรี สุรเสียงนั้น แสนจะนุ่มนวล . . พอได้ยินอนันตราชเรียกหาจันทรากินรี พระนางอัปสราดารารายที่หมอบอยู่ตรงนั้น ถึงกับอึ้ง . หน่วยตานางร้อนผะผ่าว ด้วยแรงพิษริษยา . . จันทรากินรีขยับองค์เข้าไปหาอนันตราช ตามรับสั่ง . อนันตราชตรัสชมนางว่า . . " เจ้าช่างฟ้อนรำได้งดงามยิ่งนัก พระมารดาและข้า ถูกใจระบำนกยูงทอง ของเจ้าเหลือเกิน " . . " ขอบพระทัยเพคะ " . . จันทรากินรีประนมไหว้ . . ดารารายรีบก้มหน้าต่ำลง หลบซ่อนน้ำตา แห่งความน้อยใจที่กำลังเอ่อคลอเบ้า ไม่ให้ ใครสังเกตเห็นมัน . . " ธำมรงค์ วงนี้ -ประดับเพชรล้อมรอบ ทับทิมสยามสีเลือดนกสด " . . ยิ่งได้ฟัง ดารารายก็ยิ่งใจหาย . แอบชำเลืองมองดูแหวนวงนั้นในหัตถ์ของ อนันตราช . ใช่แล้ว-- มันคือธำมรงค์ วงสวยสุด ที่นาง เฝ้าหมายมั่น ว่าสักวันนางจะได้ครอบครอง เป็นเจ้าของ -นั่นเอง .. " ข้าได้มันมาจากอาณาจักรจันทบุรี แห่งทวีปสุวรรณภูมิ เนื้อทับทิมเม็ดนี้สะอาด บริสุทธิ์ หายากมากๆ . หากข้าเห็นว่า มันเหมาะสมกับเจ้าที่สุด จึงขอมอบให้เป็นรางวัล ที่เจ้ามีน้ำใจฟ้อนรำ ถวาย . . ยื่นหัตถ์มาสิ จันทรากินรี -- .ข้าจะสวมมันให้เจ้า -เดี๋ยวนี้ " . . โพระดกปลื้มปิติ เมื่อเห็นเจ้าหญิง ยื่นหัตถ์ให้อนันตราชสวมพระธำมรงค์ ทับทิมแต่โดยดี ไม่บิดพลิ้ว เกี่ยงงอน . . * * * * * * * * น้ำตาร้อนจัดจากใบหน้าที่ยังหมอบกราบ ของอัปสราดารารายร่วงเผาะ ตกลงที่พื้น เปียกเป็นดวงวงตรงนั้น . นางฝืนก้มหน้า กลั้นสะอื้นไห้ต่อหน้า พระพักตร์อย่างสุดความสามารถ . . นางเหยี่ยนผู้บ่าวเห็นแล้ว ให้รู้สึก สงสารเจ้านายของตนจับใจ . . . * * * * * * * * * . . ทันทีทีกลับถึงตำหนัก ดารารายก็รีบถอดแหวนโป่งข่าม ออกจากนิ้ว . เขวี้ยงกระเด็น กลิ้งไปตามพื้น . . " เอาแหวนโป่งข่ามบ้าบอ ขี้-นอก ขี้-นอก ของแก - คืนไป๊ ! . ฮือ ๆๆๆ ..." . . " ว้าย--ตายแล้ว ! " . . นางเหยี่ยนตกใจ- . รีบวิ่งตามไปไล่ตะครุบ คว้าแหวนกลับ มา เดินเข่าเข้ามาหาเจ้านาย . . " ทำไมทำอย่างนี้ล่ะเพคะ ทูนหัว ของบ่าว . นี่ถ้าองค์มาตาทราบเข้า งานใหญ่ เข้าแน่- นะเพคะ " . . ดารารายย้อนมันทันที . . " ก็ถ้าแกไม่สาระแน ไปเล่าคนอื่นต่อ ใครจะมารู้เรื่องนี้ล่ะ ? . เจ็บใจ ใหญ่โต - โอ้โห เวรี่บิ๊ก! . อีนังจันทรามันได้แหวนทับทิมสยาม วงนั้นไปตัดหน้าข้า - . แกรู้มั้ยนังเหยี่ยน--- . แหวนทับทิมวงนั้น ข้าแอบเล็งของ ข้ามาตั้งนานล้าวว " . . " วู้ย--แต่จะว่าไป มันก็ฟ้อนดีจริงๆ นะเพคะ . สกิล-skill แด๊นซิ่ง แบบคลาสสิคอล แด๊นซ์ของมัน บ่าวยอมรับว่าสเต็ปขั้นเทพ . - รำส๊วย-สวย . สวยกว่าทูนหัวของบ่าว ที่รำแบบมั่วๆ - จะ จะ เห็นๆ " . . ดารารายได้ฟัง ก็พระเศียรร้อนฉ่า ใช้พระบาทถีบนางเหยี่ยนเปรี้ยง! -ยันโครม! เข้าให้ . . " นัง-- . --นี่ ! " . . ร่างของนางเหยี่ยนกระเด็น กลิ้งหลุนๆ ม้วนเจ็ดตลบ ไปนู่น . . " กล้าดี-มาพูดตอกย้ำ ว่าข้ารำมั่วซั่ว แกเห็นอุจจาระดีกว่าลำไส้หรือไง- ห๊ะ ? " . . เหยี่ยนลุกได้ ก็คลานกลับมาหาเจ้านาย ใหม่อีกรอบ ไม่ว่ากระไร . . " ทีแกล่ะ - ข้าก็อยากจะต่อว่าแก อยู่ เหมือนกัน . ตอนนั้นแกนึกบ้าอะไร ถึงทำท่ารำแบบ บิดๆ เลื้อยๆ ยังงั้น . แกรู้มั้ย ฉันยังแอบได้ยินไอ้เสนาที่ตัวดำๆ อ้วนๆ มันนินทาแก . มันว่าแกรำเหมือนปลาไหลลงรู ! " . . " อ๋อ-- . ไอ้อ้วน โคตรดำทมิฬตัวนั้น-เหรอเพคะ ? เชอะ-ไอ้นี่ วอนจะไม่ได้ตายดีซะแล้ว . บ่าวก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าไปรำท่าเลื้อยๆ ลงไปขวางรูท่อระบายน้ำ หน้าบ้านของมัน ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? . -- หน็อย-- . ไอ้อ้วนนี่ มันก็คอยปากไม่ดีกับบ่าวเรื่อย แหละ มันคงอยากให้บ่าวสูญพันธุ์-ไม่มี ที่ยืนในสังคม . บ่าวไม่สนคำพูด จากปากสุนัขจรจัด ของมันหรอกเพคะ " . . " อุย --อีเหยี่ยน แกนี่ก็ด่าเก่ง -แรงส์ไม่แพ้ข้าเลยนะนี่ . อะ - งั้นขอถามอีกอย่าง เพราะข้าก็ ยังไม่เข้าใจแก -จนบัดนี้ " . . มเหสีขอจัดเต็มทุกเรื่อง -เลยยาวเลย ทีนี้ . . " ตอนที่เราสองคนเข้าแอปพลิเคชั่น แปลงร่างจากปลาไหลเป็นมนุษย์ . ชื่อมนุษย์ มีให้เลือกเยอะแยะ - น้องกิ๊ฟ เชอรี่ น้องวาย มีตั้งมากมาย ไม่ยอมชื่อกัน . น้องแอน น้องโบว์ น้องอัน หรือชื่อ ปัน-ปัน น้องขวัญ ก็ยังดี . น้องเมย์ ชื่อเท่จะตาย ก็แล้วทำไม แกไม่เลือก -ละนี่ ? . ทำไมแกไปเลือกชื่อเหยี่ยน ? . แกไม่รู้เหรอ ? ว่าเหยี่ยน-น่ะ มันแปลว่า ปลาไหล ! " . . นางเหยี่ยนคอตก ซวยอะไรอย่างนี้ ไปๆ มาๆ อะไรๆ ก็มาลงตรงหน้าบ้านมัน ซะเอง . รีบทูลเจ้านายอย่างสำนึกผิด พยายาม ชี้แจง . . " ทูนหัวของบ่าว -- . อภัยให้บ่าวเถอะเพคะ ที่จริงตอนแรก บ่าวก็ขอใช้ชื่อยูสเซอร์เนมอื่น . แต่โหมดแอปฯ มันปฏิเสธบ่าว มันบอก ว่า มีคนใช้ชื่อนั้นแล้วเพคะ " . . " ชื่ออะไรล่ะ ? - . ที่แกตั้งตอนแรกน่ะ " . . " อั้ม-พัชราภา เพคะ " . . นางเหยี่ยนรีบตอบอย่างภาคภูมิ . . มเหสีอัปสราดารารายค้อนขวับเข้าให้ ทำปากยี้สยองใส่มัน ประมาณว่า เนาะ- ไม่เจียม . . นางเหยี่ยนยังพยายามอธิบายต่อ . . " แล้วโหมดแอปฯ มันก็ถามบ่าวต่อ ว่า ท่านสนใจชื่อ เหยี่ยน-Yhian นี้มั้ย ? . บ่าวก็นึกว่า เป็นภาษาฝรั่งวิลาศ บ่าวก็เลยกด โอเค -- เพคะ " . . ดารารายร้อง " หื๊อม! " . เอานิ้วชี้จิ้ม ยันหน้าผากนางเหยี่ยน อย่างแรงจนมันหน้าหงาย . ตะคอกใส่หน้าแถมให้ ด้วยดีกรีของ ความหมั่นไส้ระดับแม๊กซิมั่ม . . " ทู่- . -- เรศ !!! " . . " ทุเรศ- สิ้นดี ! " . . ดารารารายต่อว่ามัน ซ้ำอีกที . . เหยี่ยนรีบลุกขึ้นมานั่งใหม่ มันได้แต่ ทำตาปริบๆ ดูน่าสงสาร . * * * * * * * * . . แล้วเหยี่ยนก็รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมา ทันที เมื่อเห็นดารารายเม้มพระโอษฐ์ มีสีหน้าที่เคร่งเครียด . มองไปข้างหน้าอย่างโกรธแค้น เค้นเสียงหนักๆ ออกมาจากลำคอ . . " นังจันทรา -อีกินรีหิมพานต์ แกอย่าหวังเลย ว่าจะชนะข้าในรอบไฟนอล -final ได้ ! . ถึงแกจะเป็นต่อ กำลังเป็นคนโปรดของ สวามีข้า แถมยังล่วงรู้ความลับแห่งตัวตน ของข้า แต่ข้าก็จะไม่ยอมแพ้ ขอสู้กับแก แม้จะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง " . . สิ่งที่เหยี่ยนคาดคิดก็เป็นจริง . เพราะทันใดนั้น ดารารายก็หันมาบอก กับบ่าวผู้จงรักภักดีด้วยสีหน้าจริงจัง . . " หนิ-- นังเหยี่ยน... . ข้าจะทำเสน่ห์ ! " . . เหยี่ยนสะดุ้ง รีบยกมือพนมขอร้อง ดารารายเสียงสั่น . . " ทูนหัวของบ่าว . อย่าทำเลยเพคะ--- . ทรงจำได้ไหมเพคะ ว่าบ่าวเคยขอร้อง พระองค์มาก่อนแล้ว เรื่องนี้ . เรื่องอื่นหมื่นแสน บ่าวยินดีรับใช้ทูนหัว เต็มที่ แต่เรื่องทำเสน่ห์ มันอันตรายมากๆ เราพลาดนิดเดียว วิญญาณโสโครกจะ ออกมาฆ่าเราทันที นะเพคะ " . . อัปสราดารารายเม้มปากนิ่ง พระศอ แข็งตรง . ใช่ -นางเหยี่ยนเคยเล่าว่า ป้าของมัน ทำเสน่ห์ให้ชายข้างบ้าน แล้วตัวเองต้อง ตายอย่างทรมาน และทารุณ . . " พระมเหสี คงจำเรื่องของป้าที่บ่าว เคยทูลเล่าได้ นะเพคะ " . . " ก็ป้าของแกมันโง่เอง ! " . . ทรงด่าสวนย้อน . . " โธ่-- ทูนหัวของบ่าว อย่าดื้อดึงเลยเพคะ ที่ป้าของบ่าวต้อง ตายโหง เพียงเพราะลืมให้อาหารสด อาหารคาวแก่วิญญาณร้าย แค่มื้อเดียว เท่านั้น " . . ดารารายเบือนหน้า หนีสายตาของ นางเหยี่ยน ที่คลานเข้ามาคุกเข่าขอ อ้อนวอน . " วิญญาณในเวทมีหลายดวง ครานั้น- ที่มันทะลุมนตร์ยาเสน่ห์ออก มาได้ เป็นดวงวิญาณของผีงูเหลือม . ตอนมันออกมา บ่าวกับทุกคนเห็นเป็น งูตัวใหญ่เท่าลำต้นมะพร้าว . มันรัดตัวป้าของบ่าวจนกระดูกลั่น ป้าของบ่าวร้องให้ทุกคนช่วย แต่ไม่มีใคร กล้าเข้าใกล้เจ้างูปีศาจนั่น . แล้วมันก็ค่อยๆ กลืนกินป้าทีละนิด จากตีสาม จนยันสว่าง มันถึงกลืนป้า ทั้งเป็นได้หมดทั้งตัว- " . . ดารารายยังคงหลบตาเหยี่ยน ไม่ยอม มองตอบมัน . พูดเบาๆ ว่า . . "ข้าจะไม่มีวันลืมให้อาหารพวกมัน แน่นอน นังเหยี่ยน " . . " แม่ทูนหัวของบ่าว - . โธ่เอ๋ย--อย่าดื้อดึงเลย โปรดเชื่อบ่าว เถิดเพคะ " . . นางเหยี่ยนสะอื้น . ตัวสั่นด้วยความหวาดวิตก เพราะรู้ดี ถึงนิสัยรั้น ไม่ยอมใครของดาราราย ************************************ . . จบตอนที่ 3 . .................................................................. ** หมายเหตุ : ครั้งนี้เป็นการนำนิยายมาลงบล็อกใหม่อีกครั้ง เขียนลงบล็อกครั้งแรกเมื่อ 5 ตุลาคม 2559 สถิติบันทึกการเข้าอ่าน 2003 ครั้ง ณ 18 ธันวาคม 2561 ** ................................................................................................... |
Huean Piang Din
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |