นิยาย " จันทรากินรี " - โดย เหมชาติ ทอง -- ( ตอนที่ 7.- อวสาน )


                               7.

                           รักแท้ 
.
.
  เพียงบินลับเมฆไปได้อึดใจหนึ่ง
โพระดกก็ร้องขึ้นว่า

.
.       " คุณพระช่วย--
.     ดูเถอะ เราลืมพาตัวเจ้าชายอนันตราช
ไปหิมพานต์กับเรา "
.
.      " พาไป ก็ไม่มีประโยชน์อะไร 
. เขาไม่ได้รักหญิง "
.
.       จันทราบอกแก่นางพี่เลี้ยง
.
. " เจ้าชายอนันตราชทรงรักองค์หญิงแน่นอน  
พี่รับประกัน
.          มาเถอะเพคะ -
.     เรารีบบินกลับไปพาพระองค์ไปหิมพานต์
กับเราเดี๋ยวนี้ "
.
.          โพระดกหกหัว หมุนบินกลับทันที
อย่างรวดเร็ว 
.      ทำให้จันทรากินรีต้องรีบทำตาม ทรง
บินตามหลังนางพี่เลี้ยงไปอย่างกระชั้นชิด
.
.      *   *  *  *   *  *  *  *  *
.
       . อัปสราดารารายที่ยืนซวนเซ
อยู่กลางลานประหาร เอาสองมือกุม
ลำคอตนเองไว้แน่น

.    ต่อสู้อย่างสุดกำลัง กับสิ่งที่แฝงอยู่ในตัว
นาง ที่กำลังขยับเคลื่อน จะดันตัวของมันออก
มา
.          
.
.            พลัน --
.    อัปสราดารารายก็ต้องบิดลำตัวไปมา ด้วย
ความเจ็บปวดสุดประมาณ
.
.     นางรู้ดี ว่ามันคือตัวอะไรที่กำลังจะดันตัว
ออกมาจากปาก เพราะหมอผีกรั๊วะได้เคยบอก
ไว้
.
.    " วิญญาณผีวัวป่า 
 มันก็จะออกมาจากปากของแก
      ... ไล่ขวิดแกจนพุงแตก
ไส้ไหลทะลัก  ! "
.
.            ทันใดนั้น....
.       นางก็สุดที่จะต้านทานไหว
.   ดารารายแหงนหน้าขึ้นฟ้า   อ้าปาก
กว้าง--
.     เปล่งเสียงร้องออกมา  ดังประหลาด
ราวกับเสียงของสัตว์ป่าจากพงไพรลึก
.    -- ฟังดูน่ากลัว จนขนหัวลุก
.
. " อ้ากส์ส์ส์ส์ส์ ..... "
.
.     ประชาชนได้ยิน และเห็นเช่นนั้น  
ต่างส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว แตกตื่น   
วิ่งหนีกันอลหม่าน 
.   แล้วค่อยๆ ไปล้อมวงกัน คอยจับตาเฝ้าดู
องค์มเหสีอยู่ห่างๆ   
.
.
.    เห็นนางปากคอบิดเบี้ยว ส่ายหน้าไปมา
เดี๋ยวเดียวก็ล้มตัวลงนอนกลิ้งกับพื้นลานดิน
.   กุมลำคอ ถีบเท้าไปรอบๆ ดิ้นเร่าๆ
.
.          " เจ้าพี่....
.     เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ ? "
.
.        องค์เขมรรัฐตกพระทัย 
. ถลาแล่นจากที่ประทับ เข้าประคองร่างของ
พี่สาวตนไว้
.
.    อนันตราชก็รีบวิ่งมาหานางเช่นกัน
.    แต่แล้ว  ก็ต้องหยุดชะงักกลางคัน
.
.     เพราะทันใดนั้น  มีกลุ่มควันสีดำเข้ม 
พวยพุ่งออกมาจากปากของดารารายอย่าง
ทะลักทลาย  ต่อเนื่องไม่ขาดสาย
.     แล้วกลุ่มควันก็ก่อตัวเป็นเงาดำทะมึน
พอรวมตัวกันชัดเจนขึ้น  ก็เห็นเป็นร่างของ
ปีศาจวัวป่า
.
.              และฉับพลัน -
.    มันก็กลายเป็นวัวป่าตัวเป็นๆ ที่มีชีวิต
.  ตัวใหญ่มากจริงๆ-- ใหญ่จนน่าจะต้องเป็น
วัวป่าตัวจ่าฝูง
.     โหนกของมันสูงและหนา เขาของมันทั้งคู่ 
ยาวโค้ง  ปลายเขานั้นแหลมเปี๊ยบ ยิ่งกว่าปากของ
ปลากระทิง-หัวเสียบ -หัวเสียบ !
.   อะไรก็ไม่น่ากลัวเท่าดวงตา ที่ลุกโพลงมีสีแดง
จ้าราวกับถ่านที่กำลังติดไฟ
.    มิหนำซ้ำ ปากของมันก็มีน้ำลายไหลยืดเป็นใย
เหนียวติดปากเป็นฟองฟอด
.           โอ--
.     มันคือ ผีวัวป่าที่ติดเชื้อบ้ามานั่นเอง !!!
.
.   ชาวบ้านหลายคนที่ขวัญนิ่มอ่อน หวีดร้องกับ
ภาพที่เห็น   รีบอุ้มลูก ลากหลาน พากันวิ่งหนี
ให้จ้าละหวั่น
.
.            และแล้ว--
.  มันก็พุ่งตรงเข้าหาดาราราย กับเขมรัฐ 
ที่นั่งประคองกันอยู่
.     พอถึงร่างของมเหสี   มันก็ก้มหัวลงต่ำ 
ใช้เขาขวิดดันตัวนางขึ้นมาอย่างแรง ร่างของ
ดารารายดีดตัวลอยสูงลิ่ว กลางอากาศ
.   นางกรีดร้องสุดเสียง ด้วยความเจ็บปวด
รวดร้าว แสนสาหัส
.
.        " โอ๊ยยยยยย -- ! "
.
.       พอร่างนางตกลงมาถึงพื้น
.  ก็ถูกมันตรงเข้าไล่ขวิดซ้ำ ตะบันปลายเขา
เข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง
.     ร่างของอัปสราดารารายที่เต็มไปด้วย
บาดแผลเหวอะหวะ อาบชุ่มไปด้วยเลือด 
ถูกผีวัวป่าเหวี่ยงสะบัด กลิ้งไปมาหลายตลบ
.   และแล้ว ท้องของนางก็ฉีกขาด เปิดออก
เป็นแผลกว้าง   ทำให้ลำไส้พุ่งทะลักออกมา 
กระเด็นกระจุยกระจายไปทั่วบริเวณ
.
.     ทุกคน ณ ที่นั้น ได้แต่ยืนตกตะลึง 
อ้าปากค้าง   
. มองดูสิ่งตรงหน้าที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
จนนึกอะไร ทำอะไรไม่ถูก
.
.   แล้วทันใดนั้น  อย่างไม่มีใครทันคาดคิด
ผีวัวป่าก็พุ่งเข้าชาร์จ-charge   ใส่เขมรัฐอีก
องค์ทันที
.
.       เจ้าชายร้อง โอ้ยยยยย--
.  เพราะถูกมันใช้ขาคู่หน้าทั้งสองรัวโขกใส่
องค์อย่างนับไม่ทัน
.
.        เขมรัฐโผกาย ลุกขึ้นได้ 
 ฝืนข่มความเจ็บ พยายามจะวิ่งหนี
.   ก็ถูกปีศาจวัวตามไล่ ตะบันเขาแหลมๆ 
ใส่ร่างอย่างเมามัน
.
.     เจ้าชายหนุ่มร้องโอ๊ย --ได้อีกครั้ง
ก็แน่นิ่ง  วิญญาณแว้นๆ หลุดลอยไปจาก
ร่าง
.
.
 คราวนี้ เจ้าปีศาจก็หันไปจ้องที่อนันตราช
อย่างประสงค์ร้าย ส่งเสียงคำรามผ่านฟอง
น้ำลาย ดังฟืดฟาด

.
.     แล้วมันก็ถอยหลัง เอาเท้าหลังตะกุยพื้นดิน 
จนหญ้าแพรกแถวนั้นหลุดคากีบตีนของมัน 
กระเด็นออกเป็นกระจุกๆ กระจายฟุ้ง
.    ตั้งท่าวอร์มอัพ เตรียมชาร์จใส่อีกองค์ ราวกับ
นักฟุตบอลที่ถอยไปตั้งหลักเตรียมจะยิงลูกโทษ
.
.      "  อนันตราช !!"
.

.  มีเสียงเรียกเจ้าชาย จากบนท้องฟ้า
.
.     "  ไปหิมพานต์กับพวกเรา "
.

.      ทรงมองขึ้นไป ก็เห็นจันทรากินรี และ
โพระดกกำลังกระพือปีก ลอยตัวบินในระดับ
ที่ไม่สูงนัก  
.  อนันตราชทรงยิ้มออก ดีใจที่เห็นจันทรากินรี
บินย้อนกลับมาหาตน 
.
.             " จันทรา---
.         เจ้ากลับมารับข้าหรือ ? "
.
.           ไม่มีคำตอบ
.
.     แต่พลัน- ก็ถูกสองกินรีบินโฉบวูบลงมา 
ช่วยกันช้อนวรกายของเจ้าชายอนันตราช พุ่ง
ทยานขึ้นสู่ฟ้า
.     เฉียดฉิวก้บวินาที  ที่เจ้าผีวัวพุ่งเข้าใส่
ตำแหน่งที่อนันตราชยืนอยู่อย่างสุดแรง

.
 .    ร่างของมันที่พบกับอากาศว่างเปล่า
ก็เลยวืด  เสียหลัก กลิ้งคะโร่  ตีลังกาหมุน
กลิ้ง กุก กุก กุก - กุก กุก  เจ็ด-แปดตลบ
.
.     ม้วนติ้ว ๆ ๆ -- เบิ้ลรอบถี่ ยิ่งกว่าที่เห็น
กันในการแข่งขัน  โอลิมปิก ยิมนาสติก
 ประเภทฟลอร์เอ๊กเซอร์ไซส์
.
.     ประชาชนรีบวิ่งหลบวัวเสียหลักกันอุตลุด
พากันร้องลั่นในตอนแรก แล้วเปลี่ยนมาเป็นโห่
-หัวเราะขำ  ที่เห็นมันกลิ้งไม่เป็นท่า คว่ำหงาย
-คว่ำหงาย  ให้ดูซะอย่างนั้น
.
.         ปีศาจวัวเขินหรือเปล่า ไม่รู้นะ
 แต่เห็นมันลุกขึ้น แล้วหยุดนิ่ง คำรามเสียงดัง
ก้อง   กลบอาการหน้าแตก ที่คุณหมอคลินิก 
โรงพยาบาลไหนก็ไม่รับเย็บ
.
.            แล้ว ทันใด---
.   ร่างของมันก็สลายตัว กลายเป็นกลุ่มควัน
สีดำกลุ่มใหญ่
.         แล้วค่อยๆ จางหายไป

.             ไล่เลี่ยกันนั้น ----
.     ที่ซากศพของอัปสราดาราราย และ
เขมรัฐก็มีควันสีขาวหม่นลอยขึ้นมาจางๆ   
.
.     อนิจจา แอปพลิเคชั่นแปลงร่างหมดสิ้น
พาวเว่อร์  
.  ศพสดๆ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนสภาพจากร่างกาย
มนุษย์ กลายเป็นปลาไหลตัวใหญ่ยาวแห่งปลัก
โคลนก้นบึงของนครโตนสะเรียม จำนวนสองตัว 
นอนตาย ณ กลางลานตรงนั้นแทน  
.  ตามชาติกำเนิดที่แท้จริงของสองพี่น้อง
.

.       ปลาไหลตัวแรก ท้องแตกตาย ลำไส้
ไหลทะลักออกมากอง  เหมือนกับลักษณะ
การสิ้นชีพของมเหสี
.   ส่วนปลาไหลอีกตัวนั้น นอนตายเพราะมี
แผลฉกรรจ์ จากการถูกของแหลมแทงทะลุ
ที่หน้าอก ถึงสองจุดตำแหน่ง
.
.   ประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ พากันขนลุกเกรียว
-เย็นวาบ --ซู่ซ่าไปทั้งร่างยันหนังศีรษะ
.     อ้าปากค้าง ก่อนจะร้องครางฮือกันออกมา 
ด้วยความสุดสยดสยองพองเกล้า
.
.
.     *  *  *  *  *  *  *  *  *  * 
.
.         " องค์มาตาเพคะ...
หม่อมฉันขอทูลลากลับหิมพานต์
.    จะขอพาเสด็จพี่อนันตราช
ไปด้วยเพคะ "

.
        จันทรากินรีทูลลงมาจากบนฟ้า
.
.   อนันตราชที่กำลังทรงถูกหิ้วองค์พาบิน
 กลางอากาศก็รีบทูลลาพระมารดาเช่นกัน
.
.          " เสด็จแม่--
.    ลูกขอทูลลา ข้ามน่านฟ้าไปหิมพานต์
กับจันทรา นะพระเจ้าข้า  "
.
.        องค์มาตารานีแหงนมองตาม   
.ทรงกันแสงด้วยความตื้นตันพระทัย
.  ตอนนี้ ทรงเข้าพระทัยในทุกอย่างที่
เกิดขึ้นทั้งหมด มันเป็นความจริงตามที่
จันทรากินรีทูลชี้แจง 
.   นางถูกรุมใส่ร้าย และคนที่กระทำผิด
ก็ได้รับผลกรรมตามสนองแล้ว
.
.   ทรงรีบโบกพระหัตถ์ บ๊าย-บาย ให้กับ
ลูกชาย และสองกินรี ที่กำลังบินลอย สูง
ขึ้น - สูงขึ้น
.
.            " ไปเถิด-
.   ขอให้บุญรักษา เทวดาค้ำชูพวกเจ้า
ทุกคน น้า ---
.           --ฮือ ๆ  "
.
.    
.       *  *  *  *  *  *  *  *  *
.
.         พากันบินจากนครกัลปพฤกษ์
กว่าจะพ้นเขตแคว้น และบินผ่านนคร
ไพรวัลย์อีกเมืองเพื่อเข้าสู่เขตป่าดงดิบ  
ก็เริ่มเป็นเวลาเย็น ที่จวนจะใกล้ค่ำ
.

.     เพราะทั้งสองกินรีต้องพ่วงพาอนันตราช
มาด้วย  จึงบินได้ค่อนข้างช้ามากๆ
.
.        มีหลายช่วงครั้ง ที่ความเหนื่อยหนัก 
และกับการที่ต้องเร่งกระพือปีกให้ถี่ขึ้น เพื่อ
จะได้กลับถึงหิมพานต์ให้เร็วที่สุด 
.   ทำให้จันทรากินรี-องค์หญิงสาวรุ่นผู้เคย
อยู่แต่ในรั้วในวัง  มีผู้คนคอยรับใช้ทำทุกอย่าง
ให้ตลอดเวลา ไม่เคยต้องลำบากตรากตรำทำ
ในสิ่งที่ต้องใช้แรงกายแบบนี้มาก่อน  ถึงแก่
มีอาการเสโทไหล  
.       หายใจสะท้อนแรงด้วยเหนื่อยหอบ 
.  น่าเวทนาสงสารเจ้าหญิงกินรี วงศ์วิหค-
นกน้อยๆ เป็นยิ่งนัก
.
.      พาให้นึกถึงบทกวี อาขยาน ภาษา
เมืองนอกบทหนึ่ง ที่รำพันว่า
.
.     "   Once I saw a little bird ,
.       Going hop-hop-hop  -- "
.

.       " วั้นซ์  ไอ ซอ  อะ ลิตเติ้ล เบิร์ด
.             โกอิ้ง หอบ - แฮ่ก- แฮ่ก "

.
.
.   "  เจ้าทั้งสอง ปล่อยให้ข้าลงเดินดิน
ก็ได้
.   ข้าเป็นชาย ตัวย่อมหนัก  เจ้าทั้งสอง
เป็นหญิง แรงย่อมน้อย
.     ต้องมาบิน และต้องแบกประคองพา
ข้าไปด้วยเยี่ยงนี้  คงเหน็ดเหนื่อยแสน
สาหัส 
.           -- ข้าเกรงใจจริงๆ  "
.
.      อนันตราชที่กางแขนกอดไหล่จันทรา
และไหล่โพระดกลอยตัวอยู่  ตัดสินใจบอก
กับสองนางกินรี
.
.      " ข้าเข้าใจเจตนาที่ท่านพูดมานี้
. หากแต่พวกเราก็ไม่มีเวลาเหลือพอที่จะ
เปลี่ยนเป็นเดินทางด้วยวิธีอื่น
.   เราต้องรีบบินกลับหิมพานต์ให้ทันเวลา
และต้องให้เร็วที่สุด
.   - เหนื่อยอย่างไร ก็ต้องอดทน "
.
.            จันทราตอบ
.      พลางชำเลืองดูแหวนของเจ้าย่าที่ตน
สวมติดนิ้วไว้ ที่บัดนี้เป็นสีแดงสด เฉกเช่นสี
ของเลือดนก
.
.       " เป็นธุระร้อนสำคัญมากหรือ ?
. เจ้าทั้งสองจึงมุ่งมั่นจะไปถึงหิมพานต์ให้เร็ว
ที่สุด เยี่ยงนั้น "
.
.            " ใช่ ---
.   เพราะธุระของข้า เกี่ยวข้องกับความเป็น
-ความตายของคนที่ข้ารักที่สุด
.  ทุกคนที่หิมพานต์กำลังรอข้าด้วยความหวัง
-ว่าข้าจะทำมันได้สำเร็จ และทันเวลาหรือไม่ "
.
.     " ข้าฟังไม่เข้าใจที่เจ้าพูด- จันทรา
.   แต่อยากรู้เหลือเกิน  ว่านี่เจ้ามีคนรักอยู่ที่
นครหิมพานต์แล้วหรือไร  ? "
.
.    " ไว้ทรงทราบเองที่โน่นดีกว่าเพคะ "
.
.    พอจันทราตอบอย่างนี้ อนันตราชก็พักตร์
จ๋อย ทำเนตรปริบๆ  
.
.       จนโพระดก ที่บินไป แอบอมยิ้มไป
ให้นึกสงสารเจ้าชาย แต่ต้องกลั้นความหมั่นไส้
ไว้
.    
.  สองกินรีขยับปีกขึ้นลง บินดั้นเมฆไปข้างหน้า
อย่างแน่แน่ว ทำให้องค์อนันตราชไม่กล้ารับสั่ง
ถามอะไรอื่นอีก
.
.        *  *  *  *  *  *  *  *
.
.     จนเมื่อบินกันมาถึงป่าใหญ่ ที่เห็นอยู่
เบื้องหน้า  ในเวลาที่ใกล้ย่ำสนธยาเต็มที
แล้ว
.

.    " จวนถึงหิมพานต์หรือยัง "
.
.  อนันตราชถาม  เพราะรู้สึกว่าสองสาวบินแบบ
นันสต๊อปกันมานาน  ไม่ได้หยุดพักตามจุดชมวิว
-เช็คพ้อยท์กันเลย
.
.           " ใกล้แล้วท่าน --
. เห็นป่ารกทึบตรงข้างหน้าโน้นไหม "
.
.           โพระดกตอบ
.
.     อนันตราชมองตามไป ก็ร้องว่า
.
.          " เอ๊ะ--
.    ป่าแถวนี้ไยจึงคุ้นตาข้านัก  
  หรือว่า --คือป่าที่ข้าได้เคยมาเมื่อไม่
นานมานี้ "
.
.       กินรีทั้งสองกระพือปีกช้าลง
.   พอเห็นผาน้ำตกข้างหน้า ก็เตรียมร่อน
ลงสู่พื้นลานหินเบื้องล่าง
.
.        " โอ-- ข้านึกได้แล้ว ..."
.
.      อนันตราชร้องอุทานทันที
.  
.         " ใช่  - ป่าแห่งนี้แหละ  
.   ที่ธนูของข้ากระเด็นจากท้องฟ้า แล้วพุ่ง
หายเข้าไป "
.
.      โพระดกฟังที่อนันตราชบอก รีบหัน
ไปมองพักตร์ของจันทรากินรี 
.   เห็นทรงวางพักตร์นิ่งเฉย จึงถอนหายใจ
โล่งอก ที่เจ้าหญิงทรงสะกดกลั้นอารมณ์ได้
ดีขึ้นมาก
.
.     ครั้นร่อน--แลนดิ้ง ลงมาถึงพื้นแล้ว  
จันทรากินรีก็ยืนหันหลังให้ผาน้ำตก

.  หันหน้าเข้าหาป่าทึบที่รกชัฏ  แล้วเริ่ม
ร่ายเวทเปิดประตูป่าทันที  
.
.    "  อิสรา อัมโปรนี 
อันโตร เม ดรา....
.     อิสรา อัมโปรนี 
อันโตร เม ดรา....
.     อิสรา อัมโปรนี.. 
 อันโตร --เม ดรา "

.
.  ก็บังเกิดเสียงสรรพสัตว์ พากันส่งเสียง
ร้องอึงคะนึงโหยหวน  ตามด้วยกระแสลม
กรรโชกแรง พัดโยกกิ่งไม้ใบไม้ทั้งป่ารวน
ระเนนระนาด 
.    เมฆดำทะมึนก่อตัวขึ้นในฉับพลัน  จน
ทำให้ท้องฟ้ายามใกล้ค่ำยิ่งมืดมิดลงไปอีก  
บรรยากาศช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก
.   หากจันทรากินรีก็ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งที่เกิด
ขึ้นตรงหน้า นางยังคงเร่งบริกรรมคาถาวิเศษ
ไม่หยุดยั้ง

.
. "  อิสรา อัมโปรนี อันโตร เม ดรา....
. อิสรา อัมโปรนี อันโตร เม ดรา....
.    อิสรา อัมโปรนี
.         .. อันโตร --เม ดรา "

.
.
.            บัดนั้น--
ภาพป่าเบื้องหน้า ก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยน
.  ความมืดมิดเมื่อครู่ ค่อยๆ กระจ่างขึ้นมา   
บ้าง 
.     เหล่าต้นไม้สูงที่บดบังป่าเป็นแนวทึบ
ค่อยๆ เลือนหาย 
.   --หายไป อย่างน่าประหลาด
.
.    แล้วเบื้องหน้า  ก็มีภูเขาใหญ่ปรากฏ
เป็นเทือกตระหง่านอยู่ไกลๆ 
.     แม้จะค่ำแล้ว หากเพราะความมหึมา
ของเทือกภูผาจึงทำให้มองเห็นได้เด่นชัด
.
.      " ประตูป่าหิมพานต์เปิดแล้ว
.  ท่านจะไปหิมพานต์กับพวกเรา
.            -- แน่หรือ ? "
.
.      จันทราหันมาถามอนันตราช ที่กำลัง
ทอดเนตรภาพเบื้องหน้าด้วยความอัศจรรย์
ใจ
.    อนันตราชรีบหันมาตอบนางทันที
.
.           " ที่ใดมีเจ้า--
.     ข้าก็จะขอไปที่นั่น จันทรา "

.
    " องค์หญิงเพคะ ดูโน่น - 
  องค์เทพปักษา กำลังนำทหารกินรา
 .  เสด็จตรงมาหาเรา เพคะ "
.

.     โพระดกมองเห็น รีบทูลเจ้าหญิง
. พลางชี้ไปที่ท้องฟ้ายามสนธยาตรงหน้า  
ที่สาดแสงสีส้ม เหลือง และสีต่างๆ ตาม
แนวเมฆ 
.       แลเห็นมีเหล่ากินราเจ็ดแปดตน 
กำลังบิน ขยับปีกขึ้นลงตรงมาหา
.
   เห็นได้ชัดว่า มีตนหนึ่งสวมมงกุฎทอง
ยอดสูง  ซึ่งจำได้ทันทีว่านั่นคือท้าวเทพ
ปักษา ผู้ครอบครองนครหิมพานต์
.
.       พอทั้งหมดร่อนลงสู่พื้น 
. จันทรารีบเข้าไปบังคมเสด็จพ่อ แล้ว
โผกอด 
.     ร่ำไห้ด้วยความดีพระทัย
.
.        " ท่านพ่อ---
.  ทรงทราบได้อย่างไรเพคะ ว่าลูกกำลัง
กลับมา   "
.
.        " พ่อเอง ไม่ทราบหรอก 
. แต่เจ้าย่าท่านบอกว่า วันนี้จะครบกำหนด
 15  ทิวาราตรี  อย่างไรเสีย ลูกกับโพระดก
ก็จะต้องพากันกลับมาที่นี่ 
.   แล้วพอพ่อมาถึงประตูป่าด้านใน ก็ได้ยิน
เสียงการเปิดประตูป่าด้านนอกของเจ้า  ดัง
สนั่นอยู่อื้ออึง
.      พ่อก็ยิ่งแน่ใจ ว่าต้องเป็นจันทรากินรี
ของพ่อ ที่เป็นผู้ร่ายคาถาเบิกประตูหิมพานต์  "
.
.        ทรงหันมามองอนันตราช 
ที่ถวายบังคมให้พระองค์ พร้อมกับจันทรา
เมื่อกี้

.         ถามจันทรากินรี
.
.     " แล้วนี่ใครหรือ ? 
.          ดูเหมือน จะเป็นมนุษย์ "
.
.        " เพคะ-
.   ท่านผู้นี้ คือเจ้าชายอนันตราช แห่งนคร
กัลปพฤกษ์
.       ลูกพาเขามา เพื่อ--
.                -- เอ่อ -- "
.
.   ท้าวเทพปักษาเริ่มวรกายสั่น ทรงเดาถึง
ความนัยนั้นได้ทันที
.
.  " -- เพื่อภารกิจของพวกเราใช่ไหม ?
.         หือม์--- ใช่ไหมจันทรา ? "
.
.     เจ้าหญิงน้อยทรงก้มหลบพักตร์ ร่ำไห้
. สะอึกสะอื้น 
.        ไม่ทรงตอบรับคำตรัสถามนั้น
.
.     ท้าวเทพปักษาจึงหันไปทางนางพี่เลี้ยง
โพระดกแทน
.
.           "  โพระดก -- 
.        เจ้าจงบอกข้ามาตามตรง 
.ว่าเจ้าชายผู้นี้  คือผู้ที่พวกเราติดตาม ล่าตัว
มา  
.       -- ใช่หรือไม่ ? "
.
.       โพระดกพนมมือไหว้ ตัวสั่น 
.  นางเกรงกลัวท่านเทพปักษา ผู้เคร่งขรึมและ
เฉียบขาดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
.    จึงก้มหน้าทูลตอบด้วยเสียงสั่นๆ
.
.        " เพคะ - องค์เหนือหัว "
.
.
.     อนันตราชได้เห็น ได้ฟัง ก็ทรงงุนงง
ว่าตนคือผู้ที่ถูกตามล่า
.  ด้วยไม่เคยมีใครบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องราว
เหตุการณ์ความตายที่เกิดขึ้นกับองค์สุริยัน
กินราให้ทรงทราบมาก่อนเลย
.
.       ทำไมหรือ ?.... จันทราจึงต้องตามล่า
ตนด้วย
.
.        " ผั๊วะ ! ! "
.
.     อนันตราชหน้าหงาย แบบไม่ทันรู้องค์
 เมื่อโดนท้าวเทพปักษาใช้หัตถ์ตบ  บ้องพระ
พักตร์ 
.       ฉาดใหญ่เข้าให้ อย่างเต็มเหนี่ยว
.
.        " แกฆ่าลูกชายของข้า ! "
.
.   ท่านเทพปักษาตรัสคำรามจากลำคอ
.     
.    อนันตราชลูบหน้าให้หายชา เริ่มรู้สึกปวด
แสบร้าวแก้มซีกซ้ายทั้งแถบ 

.    ย้อนถามกลับถึงตบช่วยชาติยกกำลังสาม
ที่ตนได้รับมา อย่างไม่เข้าใจสาเหตุ
.
.      " อะไรกันนี่ ?  ท่านเทพปักษา 
.      --  ท่านตบหน้าข้าทำไม ?  
.   ข้าไปฆ่าลูกชายของท่านเมื่อไหร่กัน ? "
.
.          จันทรากินรีทรงตกพระทัย 
.   ทำท่าจะอธิบายให้อนันตราชฟัง แต่ท้าว
เทพปักษาทรงรีบโบกหัตถ์ ห้ามนางไว้
.
.            " ทหารพลแบก --
.  พวกเจ้ารีบพาตัวอนันตราชไปที่ถ้ำพญา
ค้างคาวดำ เดี๋ยวนี้ "
.
.     แล้วทรงชี้ไปที่เสนากินราสูงวัยตนหนึ่ง
.
.          " ส่วนเจ้า --ทหารลุง 
.        จงรีบไปใช้เวท ปิดประตูป่า "
.
.     ทรงหันกลับมาทางจันทรากินรี
.
.     "  จันทรา. เจ้ารีบบินไปกับพ่อ เราไม่มี
เวลามากแล้ว---
.      เจ้าแม่ย่า และทุกคน กำลังรอเจ้าอยู่ที่
ถ้ำ "
.
.       กล่าวจบ ท้าวเทพปักษาก็กระพือปีกอัน
ใหญ่โตขึ้นลง
.        ถีบเท้าออกตัว พาองค์ทยานบินขึ้นสู่
ท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง ไปในทันที
.      ทำให้จันทรา และโพระดกต้องรีบบิน
ตามเสด็จไปติดๆ
.
.
.    ทหารกินราเฒ่าตนนั้น วิ่งออกไปร่าย
เวท ปิดป่าตามพระบัญชา
.
.     ส่วนทหารกินราหนุ่มอีกสี่นาย ตรงเข้า
มาประกบอนันตราช จับกุมตัวไว้แน่นหนา
.  แล้วกระพือปีก โผบินขึ้นพร้อมกัน 
.
.    แบกพาร่างของเจ้าชายผ่านอากาศ
ยามใกล้ค่ำ ไปยังถ้ำพญาค้างคาวดำอย่าง
ไม่รอช้า
.
.   *  *  *  *  *  *  *  *  *

  สักพักใหญ่ อนันตราชก็ถูกหิ้วพาตัว
ลัดฟ้ามาถึงคูหาหินขนาดใหญ่ กลางป่าลึก
.   เห็นปากทางเข้าเป็นช่องว่างที่สูง และ
กว้างมาก น่าจะสามารถให้คนจำนวนนับ
ร้อยเดินกลุ่มเข้าไปได้อย่างสบายๆ
.
.    นี่คือ ถ้ำอันยิ่งใหญ่ของพญาค้างคาวดำ
นั่นเอง
.
.        ทหารกินราพากันร่อนลงหน้าถ้ำ
ปล่อยร่างของอนันตราช ให้ลงประทับยืน
กับพื้น
.     แล้วพากันผละออกห่าง ให้เจ้าชาย
เป็นอิสระ

   อนันตราชทรงสัมผัสถึงไอความหนาว
เย็นของอากาศในถ้ำเป็นสิ่งแรก 

.    พอเหลียวมองไปรอบๆ แม้จะถ้ำดูมืดสลัว 
แต่ก็มีคบไฟที่ประดับไว้ที่หลืบหินรอบๆ ถ้ำ
นับสิบๆ ตำแหน่ง   และเริ่มถูกทหารจุดให้
ความสว่าง
.   พอคบไฟทั้งหมดเปล่งแสงสว่างออกมา
พร้อมกัน ก็ทรงมองเห็นแทบทั่วทุกมุม ทุก
ด้านของถ้ำ  ทรงรู้สึกได้ ถึงความใหญ่โต 
และกว้างขวางของถ้ำแห่งนี้ 
.
.      ครั้น-พอสายพระเนตรปรับให้คุ้นชินกับ
บรรยากาศของถ้ำ  พลัน-ทรงตระหนักทันทีว่า   
ตนกำลังตกเป็นเป้าสายตาของหมู่มหาสมาคม
ชาวนครหิมพานต์ ที่มารวมตัวกันในถ้ำอยู่ก่อน
แล้ว
.
.   เพราะเมื่อมองไปรอบๆ  ก็เห็นมีฝูงกินรา 
กินรี จำนวนมากมาย เบียดเสียด รายล้อมอยู่
ในเวิ้งกลางถ้ำแน่นขนัด 
.
.         บางตนยืน บ้างก็นั่ง -
.  บางกลุ่มนั่งชันเข่า ปีกลู่ เกาะนิ่งตามโขดหิน 
สร้างเงาตะคุ่มๆ วูบวาบตามเปลวไฟ ทำให้มองดู
เหมือนเหล่าเวตาล  หรือเหล่านางไซเรนในเทพ
นิยายแห่งเมืองวิลาศ 
.   บางกินรี กินรา ที่สูงอายุ ขนเริ่มมีสีเทาจางๆ
พอผสมผสานกับใบหน้าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่น ก็ทำ
ให้มองดูเหมือนหมู่นกอรหัน(ออ-ระ-หัน)เฒ่า

.   และยังมีเหล่ากินรา กินรี รุ่นเด็กๆ หลายตน
ที่พ่อแม่พามาด้วย รวมกลุ่มกันเจี๊ยวจ๊าว
.   รุ่นที่ยังเป็นทารกนั้น ถูกผู้เป็นแม่อุ้มประคอง
ไว้แนบอกเพื่อให้นิ่ง ไม่โยเย 
.    ก็นอนดูดนมแม่- จ๊วบๆ  มือก็เล่นนมแม่ ข้าง
ที่ว่างไปมาด้วย
.   ส่วนที่อยู่ในวัยซุกซน มีหลายตัวพากันปีนไต่ 
กระโดดโลดเต้น -หยุบๆ  เล่นไล่จับเงากันตาม
โตรกหินบ้าง ตามผนังถ้ำบ้าง คงพอแก้หนาวไป
ได้ 
.  มีบางตัวที่ซนน่าตี เอาเท้าข้างหนึ่งเกี่ยวไว้กับ
แง่งหิน แล้วทิ้งตัวห้อยหัว แกว่งตัวไปมาเหมือน
นกแล- แก้วหก
.
.        พออนันตราชปรากฏองค์
.   ทุกตนก็เหลียวไปมอง  พุ่งสายตาจับจ้อง
ประหนึ่งกำลังมองดูนักโทษผู้น่าชัง ที่ควรถูก
ประหารให้สูญหายไปจากโลกนี้
.

.     แม้สายตาของจันทรา และโพระดก ก็
มองมาในลักษณะเช่นเดียวกัน  
.
.    ทำให้อนันตราชรู้สึกร้อนวูบ ซ่านไปทั้งองค์  
และยิ่งมึนงง จนสับสนไปหมด --
.        --- มันอะไรกันหรือนี่ ?
.
.     ทรงตัดสินพระทัย ดำเนินตรงไปหาเจ้าหญิง
จันทราที่กำลังประทับยืน อยู่ตรงมุมหนึ่งนั้น
.
.         *  *  *  *  *  *  *
.
.        " จันทรากินรี --
โปรดช่วยบอกข้าให้กระจ่าง ในบัดนี้
.        ว่าข้าได้ทำสิ่งใดผิด ?
.    ข้าได้ฆ่าลูกชายขององค์เทพปักษา
ตามที่ท่านกล่าวหา-  จริงๆ หรือ ? "
.
.    จันทรากินรีค่อยๆ เดินออกมายังที่ลาน
กว้างของถ้ำที่เจ้าชายประทับยืนอยู่
.     -- หยุด ตรงหน้าอนันตราช
.
.           " อนันตราช -ฟังข้า
.   ข้าจะอธิบายทุกอย่าง ให้ท่านทราบ
.
.      ที่นี่-  คือถ้ำพญาค้างคาวดำ 
.  และนั่นคือ ท่านปู่พญาค้างคาวดำ ผู้เป็นที่
เคารพนับถือของพวกเรา 
.        - เหล่ากินรา และกินรี  "

.    อนันตราชรีบทรุดองค์ ถวายบังคมกราบพญา
ค้างคาวดำที่กำลังเกาะเพดานสูงของถ้ำ ห้อยหัว
มองลงมา
.   ท่านมีร่างกายใหญ่โตมาก  เฮฟวี่เวทพอๆกับ
ลูกม้ารุ่นๆ
.
.     " บังคมพระเจ้าข้า--
.             ท่านปู่พญาค้างคาวดำ "
.
.             พญาค้างคาวเฒ่าชอบใจ 
นึกเอ็นดูในความนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ของอนันตราช
เป็นยิ่งนัก      
.
.      " เอ้อ- รู้จักไหว้ผู้ใหญ่อาวุโส
.                  --  น่ารัก น่าอินดูแต๊
.        ปันใหญ่ ปันสูง-เน่อ 
.                -- เจ้าชายอนันตราช-เน่อ "
.
.    ท่านค้างคาวดำอำนวยพรให้ ประมาณว่า
โตไวๆ น้า- เจ้าชายอนันตราช-น้า
.
.        แถมกล่าวชมอีกด้วย ว่า
.
.     " แหม่--  มือตีนอ่อนดีมาก นิ-ท่าน "
.
.
.    จันทรากินรีผายหัตถ์มาทางเสด็จเจ้าแม่ย่า
ผู้ทรงรักษาศีลในชุดอาภรณ์สีกรักหม่น
.   ห้อยประคำดำสายยาวไว้ที่พระศอ
.
.          " ส่วนองค์นี้--
.      คือเสด็จเจ้าแม่ย่ากินรี ของข้า "
.
.    อนันตราชรีบทรุดองค์ลง กราบถวาย
บังคม
.
.          " บังคมพระเจ้าค่ะ "
.
.     กินรีราชนิกูลเฒ่าทรงสะบัดบ๊อบหงอก
เบือนพักตร์หนีไหว้ของอนันตราช 
.         - อย่างสุดชัง
.
.     ยิ่งทำให้อนันตราชพักตร์เหลอ 
. ไม่เข้าใจสาเหตุที่ใครๆ พากันขุ่นเคืองตน
.
.     จันทราเห็นดังนั้น จึงกล่าวต่อทันที
.
.     " ท่านจงตามข้ามาที่โลงแก้วนี้ "
.
.   อนันตราชรีบดำเนินตามนางไปที่โลงแก้ว 
ซึ่งวางตั้งเด่นอยู่บนแท่นศิลา ไม่ไกล

 ทอดเนตรลงไปในโลง เห็นเป็นกินราหนุ่ม
รูปงามตนหนึ่งนอนหงายอยู่  ดูสภาพยังปกติ 
พักตร์ยิ้มน้อยๆ   เหมือนคนที่กำลังนอนหลับ
และฝันดี 

.
.     " กินราหนุ่มรูปงาม ท่าทางสูงศักดิ์
ผู้นี้ เขาเป็นใครหรือ ? "
.
.         ทรงกล่าวถาม
.
.     " เขาคือ --เจ้าชายสุริยันกินรา พี่ชาย
ร่วมสายโลหิตของข้าเอง
.   นี่แหละ- คือผู้ที่ข้าบอกท่านว่า เขาเป็น
สุดที่รักของข้า "
.
  อนันตราชได้ฟัง ก็รู้สึกโล่งพระทัยที่เฝ้า
คิดกังวลมาตลอด ว่าจันทรากินรีคงมีคู่รัก 
คู่หมายครองแล้วที่หิมพานต์
.   ที่แท้ ก็คือ พระเชษฐาสุดที่รักของนาง
นั่นเอง

.
.    " แล้วเหตุใด ถึงต้องนำพี่ชายของเจ้า 
มาไว้ในโลงแก้วนี้เล่า ? "
.
.      จันทรากินรีตบมือดังๆ  ขึ้นสามครั้ง
.
.           แปะ- 
.             แปะ - 
.                 แปะ ...

.
.    ทหารกินราคนหนึ่งที่เฝ้ารออยู่ พอถึงคิวบท
ของตนก็แอบอมยิ้ม  รีบเดินตบเท้าแบบทหาร  
ออกมาอย่างฉับไว 
.    นำพานใส่ห่อผ้า ยื่นถวายให้เจ้าหญิงจันทรา 
ในท่าเก๋ไก๋--ที่ฝึกซ้อมมาหลายรอบ
.             -- กะ แย่งซีน
.
.        จันทรากินรีรับมา แก้ห่อผ้าออก  
.   แล้วหยิบลูกศรแฝด -ธนูเงิน ธนูทองชูขึ้น
ให้เจ้าชายดู  
.      ตรัสถามด้วยอารมณ์กรุ่นแรงพยาบาท  
จนสุรเสียงของนางดังก้อง 
.           -- กังวานไปทั้งถ้ำ
.   คลื่นเสียงชิ่งสะท้อน กระทบไปกระทบมา
กับโตรกผนังหิน
.       กลายเป็นเสียงเอโค่-echo
.
.     " อนันตราช- ... ราช -ราช-ราช-ราช
.  ท่านจำสิ่งนี้ .....-นี้ -นี้-นี้-นี้-
.       ได้หรือไม่ ....-ไม่-ไม่-ไม่-ไม่  ? "
.
.       "  โอ--
.               ธนูเงิน ธนูทอง
.        เป็นธนูของข้าเอง จันทรา   "

.
.          เจ้าชายรับเอาธนูมาเพ่งดู
.                 แล้วตรัสต่อ ว่า
.
.          " นี่ไง---
.    พอดูนัมเบอร์ที่สลักติดไว้ที่ก้านศร
.       ข้าขอยืนยันว่า   เป็นธนูของข้า
ที่หายไป  แล้วเรียกกลับคืนไม่ได้ 
.   เพราะธนูรุ่นนี้ เป็นรุ่นลิมิตเต็ด-limited
ข้าจำของข้าได้ทุกนัมเบอร์  
.
.    ข้าจะเล่าให้ทุกท่าน ณ ที่นี้  ได้ทราบ 
.   เมื่อสักสิบห้าวันมาแล้ว ข้ามาประพาส
ป่า
    แล้วอากาศร้อนอบอ้าวมาก อุณหภูมิ
แตะปรอทที่กว่า 40 
.    แสงแดดตรงหัวส่องแรงจ้า จนกายข้า
แสบร้อน ผิวหนังแทบจะลุกไหม้
.
.    ข้าจึงใช้ธนูนี้  เล็งยิงขึ้นไปที่พระอาทิตย์ 
เพื่อหวังจะดับแสงตะวัน  พอให้คลายร้อน
ได้บ้าง
.
.   ธนูของข้าที่พุ่งขึ้นไปหา ก็เกิดไปกระทบ
กับตัวถังของรถพระทินกรที่ไม่ทรงเบี่ยงหนี
.       ธนูจึงกระเด็นเปลี่ยนทิศทาง 
พุ่งลงจากฟ้า แล้วหายเข้ามาในป่าแถบบริเวณ
ผาน้ำตก-- "
.
.     จันทรากินรีจึงบอกเจ้าชายทันทีว่า
.
.    " ธนูของท่าน มันโหดเหี้ยมยิ่งนัก  !
.      แล่นลิ่ว--พุ่งมาปักอุระของเสด็จพี่สุริยัน
ของข้า จนพระองค์ถึงแก่สิ้นชีพตักษัย
 .    พวกเราจึงนำพระศพใส่ในโลงแก้วมาไว้
ในถ้ำนี้ "
.
.         "    โอ๊ะ !  ---
.                  จริงหรือนี่ ??    
.

.           อนันตราชร้องอุทาน      
.
.            "   -- พุทโธ่เอ๋ย !!
.           เป็นเช่นนั้นหรือจันทรา ? "
.
.           เจ้าชายทรงตกใจ---
. ยกพระหัตถ์กุมพระเศียร ว่าไม่น่าเลย
.          ทรงเสียพระทัยสุดๆ 
.
.      ทรงหันไปมององค์สุริยันกินราใน
โลงแก้วอีกครั้งด้วยความเศร้าพระทัย
.      ทรงดำเนินเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ
.  แล้วทรุดองค์ลงคุกเข่าตรงหน้าโลงแก้ว 
ประนมกร กราบลงกับพื้นสามครั้งอย่างสำนึก
ผิด  
.   เปล่งวาจาขอโทษต่อเจ้าชายสุริยันกินรา
ต่อหน้าทุกคน
.       
.         "   อนิจจา--
.     ข้าละอายแก่ใจ และเศร้าใจ
เหลือเกิน
.    สุริยันกินราเอ๋ย-- ข้า- อนันตราช  
ขอกราบขอโทษ ที่ทำให้ท่านต้องมาสิ้น
พระชนม์ชีพ เพราะต้องธนูศรของข้า
.    ข้าเสียใจยิ่งนัก  แต่ข้าสาบานว่า 
ข้ามิได้มีเจตนาจะยิงท่านเลยแม้แต่น้อย
.      หากบัดนี้-- เมื่อเหตุการณ์เป็นเยี่ยงนี้
ไปแล้ว ข้าก็จะไม่ขอให้อภัยแก่ตัวเอง
 . ข้ายินดีรับโทษทัณฑ์ทั้งปวง  ต่อสิ่งที่ข้า
ได้ก่อกรรมครั้งนี้ ทุกประการ  "
.
.         ทุกคนพากันเงียบงัน
.
.
.      เสด็จเจ้าย่าทรงเชิดพักตร์เหี่ยวๆ อย่าง
หมั่นไส้เจ้าชาย  ขณะก้าวดำเนินออกมา   
.   แล้วทรงหยุด จ้องมองอนันตราชศีรษะจรด
พระบาท 
.              ตรัสว่า
.
.         "  เอ๊าะ - เหรอ ?
.  - ยังจะมีศัตรู ที่กล้ากล่าวรับผิดเต็มปากเต็มคำ
อย่างเจ้า --ในโลกนี้ด้วยเหรอ ?
.
.     ทรงแหงนพระพักตร์ พระสรวล ฮ่า ๆ ๆ 
--อย่างเย้ยหยัน
.
.       " ซาบซึ้งมาก-  กับคำกล่าวไว้อาลัย
ต่อสุริยันกินราหลานชายข้า  มันฟังแล้วให้นึก
สมเพทสุริยันยิ่งนักที่ต้องมาสิ้นพระชนม์เพราะ
ชะตาถึงฆาตเอง "
.
.       อนันตราชสะเทือนพระทัยในคำตรัส
ประชดแดกดันของเสด็จเจ้าย่า
.   รู้ว่าที่ท่านทรงตรัสเช่นนั้น เพราะความเสีย
พระทัยที่องค์สุริยันหลานรักต้องมาจากไป
.      จึงก้มลงกราบพระเจ้าย่า กับพื้นลานถ้ำ 
ตรัสทูลขอประทานอภัย
.
.         " พระเจ้าย่าเจ้าข้า --
.   หม่อมฉันขอประทานอภัย  หม่อมฉัน
ไม่ได้เจตนาแผลงศรให้ต้องพระองค์ของ
สุริยันกินราเลย พระเ่จ้าข้า "
.
.      พระเจ้าย่ากินรีทรงมองพระพักตร์
ของอนันตราช
.    ตรัสอย่างไม่เปลี่ยนพระทัยชิงชัง
.
.  " เห็นหน้าตาที่งดงามราวรูปเขียน ของ
เจ้าแล้ว  ข้าแทบไม่อยากเชื่อ ว่าเจ้าจะคือ
ฆาตกร ผู้สังหารสุริยันกินราของพวกเราด้วย
ลูกศร-รุ่นลิมิตเต็ด !! 
.     อนิจจัง-
.              - ธัมมัง สังโฆ
.    คนเรานี่-- จะวัดชั่วดีกันที่หน้าตา ไม่ได้
จริงๆ ดั่งที่เขาว่า "
.
.       กินรีสูงศักดฺิ์ผู้เฒ่าชราทรงพระ
ของขึ้น  ตัดสินพระทัยกล่าวต่อ 
  ตรัสยาว แบบทรงเดินหน้าเดี่ยวไมโครโฟน   
ขอทอล์กโชว์- talk show เอง

.
.    "    นี่ยังดีนะ - ที่ลิขิตแห่งสวรรค์ ทรงยัง
มีเมตตาต่อสุริยัน หลานชายผู้เป็นที่รักยิ่งของ
ข้าอยู่ "
.
.     ทรงผายพระหัตถ์ ไปที่โลงแก้ว
.
.  " จึงประทานวิธีแก้ไข  ให้สามารถเรียก
เอาวิญญาณของสุริยันกลับคืนมาสู่ร่างได้ "
.
.     ทรงหยุดตรัส  -ไอโขลกๆ ตามสภาพ
กินรีชราสูงวัย ที่แม้บริษัทประกันภัยสุขภาพ
ยังเมิน  เดินหนีไม่ยอมรับทำ
.
.   "  โดยสวรรค์กำหนดไว้ว่า- (ไอ)- อุ -อุ
.  จะต้องมีการสังเวยชีวิตของฆาตกร เพื่อแลก
กับการได้กลับคืนมาของชีวิตองค์สุริยัน "
.
.      แล้วเสด็จเจ้าแม่ย่าก็ยกหัตถ์ ชี้นิ้วใส่หน้า
เจ้าชายอนันตราช ผู้ยืนก้มหน้าฟังนิ่ง สลดเศร้า 
อดสู และละอายพระทัย 
.     กล่าวประณามเจ้าชายเมืองมนุษย์ ด้วยพระ
อารมณ์พิโรธ ที่โกรธแค้นฝังหุ่นมาร่วมครึ่งเดือน
.
.    " ชาวกินรา และกินรีแห่งหิมพานต์
.  ถือว่า เจ้า คือฆาตกร  !!  
       เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง นัมเบอร์วัน
-ของพวกเราทุกคน  ! "
.

.   บรรยากาศของถ้ำนั้นหนาวเย็นสุดๆ จึงทำให้
พระนางตรัสแบบควันออกปากออกโอษฐ์ -
.      มองเห็นเป็นไอขาวขุ่น กรุ่นกระจาย
.
.          ทรงตรัสยาว-- แบบไม่กลัวเจ็บคอ 
เจ็บพระศอ
.
.     " ทางเรา - จึงส่งจันทรากินรีและนาง
พี่เลี้ยงโพระดกออกจากหิมพานต์ เปิดประตู
ป่าออกไป ตามล่าหาตัวเจ้าถึงเมืองมนุษย์  
เพื่อนำพาตัวมายังที่นี่ให้ทันกาลภายใน 15 
ทิวาราตรี  
.       ซึ่งบัดนี้- เจ้าก็ถูกนำตัวมาอยู่ ณ ที่นี่
แล้ว "
.
.   เจ้าชายอนันตราชจึงทรงเข้าพระทัย
ในเรื่องราวทั้งหมด  ณ เพลานี้
.

.      ทรงเหลียวมองไปที่จันทรากินรี
ก็เห็นนางหลบสายพระเนตร เหมือนนางจะ
ละอายพระทัยที่ปิดบังความจริงนี้มาตลอด
.    อนันตราชกลับนึกเห็นใจ  และสงสารนาง
ยิ่งนักที่ยอมเสี่ยงชีวิต แบกภารกิจอันยิ่งใหญ่
ในการออกตามล่าหาตัวพระองค์ถึงเมืองมนุษย์

.  นึกย้อนไป ก็ทรงเห็นแล้วว่า นางต้องฟันฝ่า
อุปสรรค และเรื่องเลวร้ายต่างๆ นานา อย่าง
อดทนสู้กับมัน จนทำการได้สำเร็จ
.
.       ทรงตรัสแก่เจ้าหญิงด้วยน้ำเสียง
ปลอบประโลม ว่า
.  
.     " โอ--จันทรากินรี    ตอนนี้ ข้าเข้าใจ
ทุกอย่าง  และข้า -ก็ไม่ได้นึกโกรธอะไรเจ้า  
เพราะสิ่งที่เจ้าทำมานั้น  มันเป็นสิ่งที่ควรแก่
การชื่นชมมากกว่า  "
.
.    เจ้าแม่ย่ายังไม่หายแค้น ทรงตรัสต่ออีก
.
.         "  เจ้าจงฟังเราต่อ  -อนันตราช 
.   เราจะผ่าอกของเจ้า  แหวะออก แล้วตัดหัวใจ
ของเจ้าออกมาเพียงครึ่งดวง  เพื่อนำไปวางลง
บนอุระขององค์ชายสุริยันในโลงแก้ว
.   จากนั้น--สวรรค์ก็จะส่งวิญญาณขององค์ชาย
กลับคืนเข้าสู่ร่าง ให้ทรงฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง "
.

.     อนันตราชได้ฟัง ทรงไม่สะทกสะท้าน 
   พระทัยกษัตริย์หนุ่มเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก รีบกราบ
บังคมทูลต่อเสด็จย่ากินรี ทันที
.
.         "  เสด็จย่ากินรี  --
.   ข้ายินดีมอบหัวใจของข้า เพื่อไถ่คืนพระชนม์
ชีพขององค์สุริยัน
.  เชิญท่านให้ทหารมาผ่าอุระข้า ได้เลย 
.      -- ในบัดนี้ "
.
.  กินรี กินรา ทุกตนในถ้ำ รู้สึกทึ่งในพระทัย
รับผิดชอบของกษัตริย์มนุษย์หนุ่ม แห่งนคร
กัลปพฤกษ์ ผู้มีรูปโฉมงามราวเทพบุตร 

.
.  โพระดกก็นิ่งอึ้ง แล้วนึกอีกอย่างขึ้นมาได้  
. รีบบังคมทูล แจ้งเงื่อนไขแห่งสวรรค์อีกประการ  
ให้ทุกคนได้รับรู้ว่า
.                                                     
.   "  หม่อมฉันขอกราบทูลถึงอีกประเด็นเพคะ
       คือว่า - สวรรค์นั้น ก็ยังได้ลิขิตข้อแม้ไว้อีก
อย่าง -  ว่าหัวใจครึ่งก้อนของเจ้าชายอนันตราช
จะบังเกิดผลตามบัญชาแห่งสวรรค์ได้  
   ก็ต่อเมื่อพระองค์จะต้องมีความรัก ให้แก่องค์หญิง
จันทรากินรีของพวกเรา
.     และองค์หญิงเอง ก็ต้องมีพระทัยรักต่อเจ้าชาย
อนันตราชด้วยเช่นกัน เพคะ  "
.
.       อนันตราชตรัสเสียงดัง ประกาศยืนยัน
.
.     "  ข้ามีหัวใจที่รักมั่น ต่อจันทรากินรี  "
.
.         ท้าวเทพปักษาได้ฟัง ก็หันไปทาง
. พระธิดา
.
.         " แล้วเจ้าเล่า -จันทรากินรี
.     เจ้ามีความรักต่ออนันตราชหรือไม่ ? "
.
.          เจ้าชายรีบตรัสเสียงดังว่า
.
.           "  เร็วเถิด--อย่าเสียเวลา  
.   มาผ่าเอาหัวใจข้าไปได้เลย 
.     เพราะข้ามั่นใจว่า จันทรากินรีก็มีใจรัก
ต่อข้าเช่นกัน "

.
.        " หยุดนะ- อนันตราช ! "

.     จันทรากินรีตะโกนสวนคำของอนันตราช
.
.        " ท่านอย่าตรัส โดยเอาพระองค์เอง
เป็นบรรทัดฐานเช่นนี้
.         คิดหรือ ว่าท่านจะล่วงรู้หัวใจที่แท้จริง
ของข้าได้ !  "

.         สุรเสียงของเจ้าหญิงสั่นเครือสะอื้น 
ด้วยทรงน้อยพระทัยต่อสิ่งที่อนันตราชได้
กระทำต่อพระนางเมื่อเช้านี้ อย่างที่สุด  

.         " พระบิดาเจ้าข้า --
. ลูกให้เกลียดชังอนันตราชผู้นี้เป็นยิ่งนัก !
เพราะพระองค์เกือบจะโองการ ให้ทหาร
เผาบูชายัญลูกทั้งเป็น เพคะ --  ฮือ ๆ ๆ
.   ลูกจะไม่มีวันรักพระองค์ได้เลย
.                ฮือ ๆๆๆ  - "
.
.     ทรงตรัสแล้ว ก็ยกหัตถ์ขึ้นปิดพักตร์
กันแสงสะอื้นไห้ด้วยความขมขื่นพระทัย
.
.        ทุกคนฟังแล้ว ใจหาย
.
.    อนันตราชเอง ก็ทรงคร่ำครวญอย่าง
เสียพระทัยไปอีกองค์
.
.           "  โธ่ -จันทราเอ๋ย 
.    ข้านี้ -ได้ทำตัวเลว ใจดำต่ำช้ากับเจ้าเสีย
เหลือเกิน   เป็นเพราะข้าถูกมนตร์ดำที่อัปสรา
ดารารายกระทำใส่ จนไร้สติสัมปชัญญะ
     อนิจจา --เจ้าถึงได้เกลียดแค้น ชิงชังข้า
ยิ่งกว่ากิ้งกือ ไส้เดือน เหล่ารากดินเยี่ยงนี้  "
.
.
.      " ทรงฟังคำ  อ้ำอึ้ง ตะลึงคิด
.    สลดจิต เสียพระทัย ให้หมองหม่น
.    สงสารนัก โถ-จันทรา มาทุกข์ทน
.    ข้าเลวล้น เกินอภัย จากใจเจ้า "

.
.
.        ทุกคนในถ้ำ พากันถอนหายใจ
" เฮ่ยยยยย-- " 
.        ด้วยความผิดหวัง
.
.             -- ดูหรือ
. หนทางที่จะช่วยเรียกชีวิตองค์สุริยันกลับคืน
เหมือนกำลังจะเข้าวิน นอนมาใสๆ
.    กลับมาแอเร่อร์ - error หมดหวัง
.   ราวกับ วิ่งแข่งสี่คูณร้อย ที่นำโด่งมาตลอด
แต่กลับส่งไม้สี่พลาด หลุดมือ หน้าเส้นชัย

.
.   แบบนี้ --มันให้รู้สึกสุดจะเสียดายโอกาสทอง
นั้น เหลือจะกล่าว

.     ท่านพญาค้างคาวดำ  ที่เกาะหลืบหิน
ห้อยหัวมาทั้งวันก็เซ็งเหมือนใครๆ เขา
.     ก็ขยับปีกไปมาสองสามยึก บรรเทา
อาการวิงเวียน  หน้ามืด มึนหัว  และเมื่อย
ขบ
.      ก่อนกล่าวออกมาดังๆ  ด้วยเสียงที่ทั้ง
ห้าว และทั้งแหบ
.
.      " เอ-- แล้วจะทำอย่างไรกันดีละนี่ ?
หัวใจของศัตรู มีความรักให้ แบบฟูล ๆ   
.     แต่ฝั่งของเรากลับไร้อารมณ์อินเลิฟ
ไปซะงั้น
    อีกอย่าง -เวลาที่สวรรค์กำหนดให้ช่วย
สุริยันได้  ก็เพียงใน 15 ทิวา ราตรี
.  แล้วตอนนี้- ก็กำลังจะครบบริบูรณ์ในอีก
แค่ 100 ห้วงลมหายใจ เท่านั้นนะ 
.          - จะบอกให้ "
.

.   ทุกชีวิตได้ฟังคำที่ท่านพญาค้างคาวยักษ์
บอก  ก็ได้แต่ก้มหน้า หมดสิ้นความหวัง
.   หนทางที่จะช่วยคืนชีวิตใหม่ให้แก่องค์ชาย
กินราผู้น่าสงสาร-หมดสิ้นแล้ว
.
.
.          ทันใดนั้น--
.   อนันตราชก็จับพระแสงมีดสั้นที่ติดองค์
ออกมา  
.       - เงื้อชูขึ้น
.
.           ตรัสเสียงดังก้องถ้ำ
.
.      " มาเอาหัวใจของข้าไปเถิด ! "
.

.           แล้วทรงแทงมีด - ปัก ฉึก !
 ลงที่ใกล้อุระขององค์เอง
.
.        " ว้ายยย ---
.                อนันตราช  "
.

.     จันทรากินรีร้อง รีบตรงเข้าฉวยมือของ
อนันตราชที่กุมมีดที่ปักคาอกไว้
.    -- ไม่ให้กระทำต่อ
.      เห็นโลหิตสีแดงเข้ม ไหลทะลักออกมา
พลั่กๆ ดั่งสายน้ำ
.
.       ทุกคนในถ้ำ ร้องฮือ --กันอื้ออึง 
.
. องค์อนันตราชทรงกล้าหาญ ได้ใจเหลือเกิน
ยอมใช้มีดสั้นแทงองค์ เพื่อสละหัวใจให้

.
.          "  โอ--อนันตราช
.        เจ้า -เจ้าแมนมากๆ
.     ข้า-เทพปักษา ขอประกาศว่า ข้าให้
อภัยทุกอย่างแก่เจ้าแล้ว "
.
.   ผู้ครองนครหิมพานต์ทรงสะเทือนพระทัย 
ในความรับผิดชอบของเจ้าชายมนุษย์
.  จนพระองค์ถึงแก่หลุดโอษฐ์ ตรัสประโยคนี้
ออกมา
.
.        หากจันทรานั้น ตัวสั่น กันแสง
.  และกล่าวตัดพ้อ
.
.     " ทำไมท่านจึงเขลาเยี่ยงนี้....
.                   ฮือๆๆๆ..
.    ทำเช่นนี้ - ก็ใช่ว่า หัวใจของท่านจะใช้
รักษาพี่ชายของข้าได้ "
.
.     อนันตราชสบตานาง กล่าวแก่นางว่า
.
.   " เอาหัวใจของข้าไปเถิด..จันทรา
ความรักที่ข้ามีต่อเจ้า มันมากมายนัก
.      อาจทดแทน  ที่เจ้าไม่รักข้าเลย
ก็เป็นได้ "
.
.      เจ้าแม่ย่ารำพันด้วยความซาบซึ้ง
อีกองค์ น้ำเนตรคลอเบ้า
.
.     "   โธ่เอ๋ย --อนันตราช 
.    ท่านช่างกล้าหาญ   และยอมเสียสละ
พระชนม์ชีพ
.     ช่างสมเป็นหน่อเนื้อเชื้อราชวงศ์ แห่ง
สายเลือดขัติยาที่แท้จริง -ยิ่งนัก "
.
.   ท่านปู่พญาค้างคาวดำมีสติกว่าใครๆ
รีบกระพือปีก ส่งกลิ่นอับๆ อมตะ
.    กระตุ้นเตือนบอกเรื่องเวลา  ที่ยังคง
ตั้งหน้าตั้งตาเดินเข็ม ติ๊ก ต็อก - ติ๊ก ต็อก
ไม่หยุด
.     แบบ- กรูต้องแคร์ใคร -อ๊ะปะ ? 
.
   "  จงรีบผ่าเอาหัวใจของเจ้าชาย
ออกมา
.   เวลาที่สวรรค์กำหนด กำลังหดใกล้
เข้ามาทุกที -- แล้วเน่อ  "
.

.          " จันทรา..."
.
.      อนันตราชเรียก และสั่งนาง
.
.   " จงใช้มีด คว้านตรงอกข้าให้กว้างออก
 แล้วชำแหละหัวใจข้าออกมาให้ได้ครึ่งหนึ่ง
.       --ข้าทำมันเองไม่ได้ "
.
.             " โธ่... "
.
.         จันทราปล่อย โฮ !  
.  สงสารอนันตราชที่เจ็บปวด จนพักตร์
หล่อเหลานั้นบิด เหยเก
.     -- แต่ก็ยังหล่อแบบเจ็บๆ นะ
.
.          " เร็วเข้าจันทรา ... "
.

.      อนันตราชร้องเตือนอีกครั้ง
.
.   " รีบลงมือทำเดี๋ยวนี้ ... เราต้องช่วย
สุริยันกินราให้ทันเวลา "
.
.      เจ้าหญิงจันทรากินรีกัดฟัน  จับมีด  
กดแทงลงไปในอกของอนันตราชให้ลึก
กว่าเดิม
.     โลหิตจึงยิ่งไหลทะลักออกมามากขึ้น  
จนเปียกชุ่มโชกไปทั้งวรกายของเจ้าชาย
.
.          อนันตราชสะดุ้งเฮือก 
.   งอองค์ด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส  
ทรงพยายามฝืนองค์ประทับยืนใหม่
.    พยักหน้า ให้จันทรากระทำการต่อ
.
.     จันทราจึงดันมีดเข้าไปแรงๆ กระชาก
เปิดแผลให้กว้างออก 
.
.    อนันตราชหลับตาปี๋ -ย่นหน้าฝืนกลั้น
ความเจ็บปวด   จนน้ำเนตรของชายชาตรี
ไหลริน อาบแก้มลงมาเป็นทาง
.
.       " อนันตราชจ๋า...."
.

.   จันทราเห็นเช่นนั้น ก็สะอื้นกระซิก ๆ
.
.      " ข้าสงสารท่านเหลือเกิน 
.             ... ฮือๆๆ "

.
.         " โอย---
.    เจ้าเห็นหัวใจของข้าไหม
.       รีบผ่าครึ่งมันเร็วเถิด -จันทรา "
.
.     จันทราล้วงจับหัวใจของอนันตราชไว้
ทั้งน้ำตาพร่า
.        -- ถอนมีดออกมาจากอก
..   นางกะประมาณให้ได้ครึ่งหนึ่ง แล้วเชือด
ตัดหัวใจดวงนั้นอย่างบรรจง
.
.
 .          เพลานี้ ---
.   กินรี กินราทุกตนในถ้ำไม่เว้นแม้แต่
เจ้าย่า หรือเหล่าทหารกินรา ต่างพากัน
ร่ำไห้ สะอึกสะอื้น
.

.   สุดสงสารเจ้าชายอนันตราช ที่ทรงประทับ
ยืน พระวรกายสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด
.  ทรงกล้าหาญ ยอมสละชีพ พลีก้อนหัวใจของ
ตน เพื่อใช้เรียกคืนพระชีพขององค์ชายสุริยัน
.
.   ทรงต้องยึดจับไหล่ของจันทรากินรีผู้กำลัง
เฉือนหัวใจพระองค์ออกมา 
.      แบบไลฟ์ - live สดๆ ต่อหน้าทุกคนในถ้ำ 
และก็จวนจะสำเร็จแล้ว
.
.     โพระดกยืนร้องไห้ตาบวมแทบปิด  
.  น้ำตานองทั้งใบหน้าของนาง  ด้วยสงสาร
เจ้าชาย และองค์หญิง สุดที่จะกลั้น 
.
.     และแล้ว นางก็ถึงแก่เพ้อพล่าม รำพัน
ออกมาเหมือนละเมอ 
.
. "  โถ--  
.      ใจเท่าเพียงกำปั้น...
.               แล้วยังจะห้ำ จะหั่น
.       จะแบ่ง  จะปัน   เพียงครึ่งใจ ..
.
.                      ฮือ ๆ ๆ... "

.
.     ฟังคล้ายๆ จะเป็นเอ็มวี ของเพลงเศร้า
ที่เคยโด่งดังในอดีตเพลงหนึ่ง
.
.               
         *  *  *  *  *  *  *  *
.
    ทันที-ที่จันทรากินรีเฉือนครึ่ง
ของหัวใจอนันตราช ขาดหลุดออก
มาจากอุระ
.
.     เจ้าชายก็สิ้นเรี่ยวแรง  สิ้นลมปราณ
วรกายทรุดร่วง ล้มหงาย

.
.     จันทรายืนถือหัวใจของอนันตราชที่ยัง
เต้นกระดุบ-กระดุบ  ร้องลั่น
.
.       " อนันตราช ! ...
.             อนันตราช ! 
                   ---  ฮือ ๆๆ "
.
.     ท้าวเทพปักษาทรงตะโกนสั่งทหาร
.
.           "  ทหาร--
.      รีบเปิดฝาโลงแก้ว  - เดี๋ยวนี้ ! "
.    
.      แล้วหันมาทางจันทรากินรี
.     
.    "  จันทรา  รีบเอาหัวใจไปวางบนอุระ
ของสุริยัน  -เร็ว ! "
.
.    จันทรายังหันรีหันขวาง ด้วยใจเป็นห่วง
อนันตราช    ที่เห็นล้มนอนแน่นิ่งกับพื้นถ้ำ
ต่อหน้า 
.
.   "  กำลังจะหมดเวลาแล้วนะ --จันทรา
.  รีบทำตามที่พ่อสั่ง --  เดี๋ยวนี้ ! "
.
.     เจ้าหญิงจึงรีบตรงไปที่โลงแก้ว ที่ทหาร
กินราเปิดฝารอไว้ให้
.    ทรงบรรจงวางหัวใจของอนันตราชลงบน
อุระของสุริยันกินรา แล้วถอยหลังออกมา
.
.                พลัน ...
. ก็บังเกิดสิ่งอัศจรรย์ อันดับแปดของโลก
ที่โลงแก้ว
.

 .    มีหมอกควันจางๆ สีเงินยวง แผ่ซ่านออกมา
จากในตัวโลง
.    แล้วตามด้วยกลุ่มละอองดาว-สตาร์ดัสท์-
stardust  สีฟ้า  สีเหลือง และสีส้ม ขนาดเท่าๆ 
ไข่ไก่เบอร์ศูนย์ ล่องลอยขึ้นมา 
. ส่งประกายดาววิบวับ แลดูระยิบระยับสวยงาม
ฟุ้งกระจายขึ้นมาจากองค์ของสุริยันกินรา
.          -- ไม่ขาดสาย
.
.         และที่ยิ่งน่าอัศจรรย์  นั่นคือ 
. ทันใดนั้น -  จู่ๆ ก็แว่วเสียงร้องของฝูงนกยูง
ไพร จากป่าลึก บริเวณใกล้ๆ ถ้ำพญาค้างคาว
ดำ  ดังขึ้นพร้อมกันเซ็งแซ่ 

.
.  เสียงร้องนั้น 
.             มันดัง-- " ก็อก -ก็อก
.        ก็อก-ก็อก กระโต้งฮง !
.
.             มันดัง--  " ก็อก - ก็อก
.        --ก็อก-ก็อก กระโต้งฮง  !
.
.                  --  ฯลฯ -- "
.
.  เสียงร้องของนกยูงที่ดังอยู่ไกลๆ ตอนแรก
นั้น  บัดดล ก็เริ่มดังใกล้เข้ามา
.        -  ใกล้เข้ามา
.
.          และแล้ว -- 
.  นกยูงฝูงใหญ่ฝูงหนึ่ง ก็ปรากฏชัดขึ้น
เหนือท้องฟ้ายามใกล้ค่ำ หน้าปากคูหาถ้ำ
.

.    ทุกคนหันไปมอง  ก็ต้องตกตะลึง
เห็นเหล่านกยูงนับร้อยตัวพากันกระพือ
ปีกบินสวนกันไปมา 
.    --   ว่อนฟ้า ทั่วไปหมด 
.     
.       แล้วทุกตัวก็โผจับเกาะกิ่งไม้สูงใกล้ๆ  
ส่งเสียงร้องขัน ก็อก- ก็อก กระโต้งฮง 
.  ประสานเสียง ดังกังวาน ก้องไปทั้งป่าพนา
ไพร 
.    ราวกับมาร่วมรับรู้  ว่าบัดนี้ วิญญาณของ
สุริยัน -เจ้าชายกินราหนุ่ม  แห่งวงศ์วานสาย
มยูรทองกำลังจะก่อเกิดพระชนม์ชีพใหม่ขึ้นมา
อีกครั้ง
.
.      เหล่าละอองดาวกลุ่มใหญ่ ที่ลอยขึ้นมา
เหนือโลงแก้วนั้น  ได้ทยอยแตกตัว ดังเปรี๊ยะ
- เปรี๊ยะ   สลายตัวเอง หายไป
.             - ดวงแล้ว ดวงเล่า

.
.        พอละอองดาวทุกดวงจางหาย 
. นกยูงป่าก็พรูกันโผบินออกไปจากป่าบริเวณ
นั้น  หายไปทันทีเช่นกัน
.
.   บังเกิดความเงียบสนิท ครอบงำบรรยากาศ
แทน
.    จนทุกคนแทบหยุดหายใจตาม
.
.             และทันใดนั้น---
.  เจ้าชายสุริยันกินราก็เริ่มรู้สึกองค์ 

.ทรงขยับองค์ไปมา  และกระแอมไอเบาๆ
.
.       " เสด็จพี่สุริยันฟื้นแล้ว !! "
.
.      จันทราร้องอุทานด้วยความดีใจ
.
.     ทุกชีวิตในถ้ำ พากันชะเง้อมองที่โลงแก้ว
แล้วปรบมือ โห่ร้องแสดงความยินดี  เมื่อเห็น
เจ้าชายกินราได้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้งอย่าง
น่าเหลือเชื่อ
.
.   องค์เทพปักษาทรงโผเข้ากอดโอรสอย่างสุด
แสนจะปลาบปลื้ม   รับขวัญลูกชาย ที่ยังคงสลึม
สลือกับการฟื้นคืนพระชนม์ชีพใหม่ 
.
.    " สุริยันลูกพ่อ 
.          เจ้ากลับมาหาพวกเราแล้ว "
.
.    สุริยันกินรากอดเสด็จพ่อไว้แนบแน่น      
.
.          " พระบิดา--
.       ลูกจำได้ ว่าลูกสิ้นพระชนม์ไป 
.   แล้วทำไม ลูกจึงฟื้นคืนชีพได้อีก ? "

.
.         ท้าวเทพปักษาทรงตรัสตอบ
.
.    " ลูกเอ๋ย-- จันทราน้องของเจ้า ได้ทุ่มเท
ทั้งชีวิตเพื่อช่วยเจ้า 
.        จนบัดนี้ เจ้าก็ได้ฟื้น คืนชีพอีกครั้ง "
.  
.    เจ้าแม่ย่านั้นทรงยิ้ม ระบายลมหายใจอย่าง
โล่งพระทัย ที่หลานชายแสนรักได้กลับมามี
ชีวิตอย่างเหลือเชื่อ
.     ทรงแตะองค์จันทรากินรี ตรัสชมนางด้วย
ความชื่นชม  
.
.         " เก่งมาก จันทราหลานย่า
.   เห็นไหม- แท้ที่จริงแล้ว หัวใจของเจ้าก็รัก
อนันตราชนี่นา 

.        --  รีบไปดูเจ้าชายก่อนเถิด 
.  ทางนี้- ย่าจะบอกให้สุริยันเข้าใจทุกๆ อย่าง
เอง "
.
.       จันทราจึงรีบกลับมาที่อนันตราช
.
.
.      ทรงคุกเข่า   ช้อนประคองร่างที่อ่อน
ปวกเปียกของเจ้าชายขึ้นมาให้นอนบนตัก
ของนาง  ลูบไล้พักตร์ซีดเซียวนั้นด้วยความ
ห่วงใย

.
.            " อนันตราช-
.    ท่านได้ยินที่ข้าเรียกไหม ? "
.
.                เงียบ
.
.         ทรงเรียกอีกครั้ง
.
.        " อนันตราช-  ท่านเป็นอย่างไรบ้าง
 -- โปรดตอบข้า "
.
.         ไม่มีปฏิกริยาตอบสนอง
.    แล้วพระศอของอนันตราชที่ไร้การ
ควบคุมก็อ่อนพับไปมา
.
.     ทำให้จันทราตกใจสุดขีด ทรงหวีด
ร้อง
.
.     "  อนันตราช !!!
.           อย่าจากข้าไปนะ  !!!
.  อนันตราช -- ข้ารักท่าน !!
.                ฮือๆ  "

.
.
.     ทหารกินราที่เป็นผู้เชิญพานใส่ธนูแฝด 
นั่งคุกเข่าอยู่ใกล้ๆ    แอบป้ายนิ้วเช็ดน้ำตา
ตัวเอง  ก่อนทูลบอกองค์หญิงว่า
.
.    " เจ้าชายทรงสิ้นลม ตั้งแต่ตอนที่หัวใจ
ถูกเชือดหลุดออกจากพระอุระแล้ว
.          - พระเจ้าค่ะ  "
.
.   จันทรากินรีกรีดร้องอีกครั้ง น้ำเนตร
ไหลพรากๆ
.   ทรงกอดร่างของอนันตราชไว้แนบอก
เอาแต่สะอึกสะอื้น 
. คร่ำครวญเรียกหาเจ้าชายผู้เป็นที่รัก
.

.       " อนันตราช----
.          อนันตราชอย่าทิ้งข้าไปเช่นนี้
.   ฟื้นเถิด -- ท่านจงฟื้นมา 
.           -- เพื่ออยู่กับข้า "
.
.      จนทุกคนต่างต้องมารุมล้อม ช่วยกัน
ปลอบเจ้าหญิงกินรีด้วยความเวทนาสงสาร
.
.        เห็นเจ้าหญิงทรงลุกขึ้น ดำเนินตรง
ไปหาพญาค้างคาวดำอย่างระทดระทวย
.   ทรงก้มกราบกับพื้นถ้ำ บังคมพญาค้างคาว
.   ทั้งร่ำไห้ ทูลถามถึงวิธีที่จะช่วยให้เจ้าชาย
อนันตราชฟื้นคืนพระชนม์ชีพ     เหมือนเช่น
เจ้าชายสุริยันกินราผู้เชษฐา
.
.        " ท่านปู่เจ้าขา --ฮือๆ
.    มีทางใด ที่จะช่วยให้องค์อนันตราชฟื้นคืน
พระชนม์ชีพได้บ้างเจ้าคะ
.      --โปรดบอกหลานมาด้วยเถิด  แม้จะต้อง
แลกกับชีวิตของหลาน  หลานก็สละให้ได้เพคะ 
.            ----- ฮือ ๆๆๆ "
.
.   พญาค้างคาวดำให้สงสารเจ้าหญิงองค์น้อย
ยิ่งนัก   หากจำต้องตอบนาง ตามความเป็นจริง
.      ท่านส่ายหน้าไปมา กล่าวว่า
.
.     " ฟังข้านะ--จันทรา อย่าฝืนโลก
.  อนันตราช หมดโศก สิ้นกังขา
.  ใช่หน่อเนื้อ เชื้อวงศ์ มยุรา
.  ที่จะมา ฟื้นชีพได้ นั้น--ไม่มี "

.
.         " จันทรา ---
.      หมดหวัง หลานเอ๋ย
.   อนันตราชมิใช่วงศ์วานนกยูงทองจาก
สวรรค์เฉกเช่นพวกเจ้า 
.     --สวรรค์จึงไม่ได้ลิขิตการคืนชีพไว้ "
.
.    ฟังคำตอบจากพญาค้างคาวดำผู้หยั่งรู้
ลิขิตชาตา จันทรากินรีพระทัยหาย
.    ทรงสะอื้นฮักๆ จนตัวโยน พระพักตร์ซีด
เผือด
      -- พระเนตรทั้งคู่หลับนิ่ง
.
.         โพระดกเห็นเข้า รีบผวาเข้าหา 
.  ทันรับร่างของเจ้าหญิงที่ไร้เรี่ยวแรง ทรง
ล้มองค์หงาย สิ้นสติสมประดี

.
.       *  *  *  *  *  *  *  *  *
.
.     ชาวนครหิมพานต์ขณะนี้ มีอารมณ์
ร่วมอยู่สองอารมณ์ด้วยกัน

.
.     อารมณ์แรก  คือบังเกิดความปลื้มปิติ 
ที่องค์ชายสุริยันกินราทรงฟื้นคืนพระชนม์
ชีพได้อีกครั้ง
.
.    ตามราชประเพณี ทางวังเทพปักษาจึง
ต้องจัดให้มีมหรสพ สมโภชเฉลิมฉลอง
. ที่ขาดไม่ได้ คือการแสดงร่ายรำระบำหลวง
ในราชสำนัก
.  
.   เนื่องจากเทือกเขาใหญ่ ที่ทอดตัวสูงลิบ
แลดูตระหง่านกลางเมืองหิมพานต์  ชนชาว
วิลาศมักเรียกขานว่า  " หิมาลายา บูเก้ "
แล้วยังนำชื่อนี้ไปเป็นยี่ห้อ- แบรนด์ดัง ของ
แป้งฝุ่นหอมทากาย จนขายดิบขายดี
.  แท้ที่จริงแล้ว ภูผานี้ ก็คือ " เขาไกรลาศ "
ตามคำเรียกของชาวหิมพานต์เจ้าถิ่น นั่นเอง
.
.   ในการนี้ ทางวังเทพปักษาจึงจัดให้มีการ
ฟ้อนระบำ  " ไกรลาศสำเริง "  อันเป็นระบำ
ชั้นสูงของราชสำนัก แสดงให้ประชาชาวนคร
หิมพานต์ และบรรดาเหล่าแขกบ้าน แขกเมือง
ที่มาร่วมงานนี้ ได้ร่วมชม  ร่วมทัศนา  ร่วมผ่อ 
ร่วมกอย ร่วมแล - ร่วมเบิ่งกัน  
.
.  แขกผู้มีเกียรติที่ถูกเชิญมางาน ก็เดินทางมา
จากทั่วทุกถิ่นแถบ หมดทั้งเทือกเขาไกรลาศ
.  อาทิ พญานาค ครุฑา คนธรรพ์ เหล่านางฟ้า 
เทพธิดา เทวดา และหรือ ยักษ์อสูรกุมภัณฑ์ 
ยันเหล่าวิทยาธร 
.                 -  ฯลฯ 
.   
.
.    การแสดงระบำไกรลาศ เพอร์ฟอร์มโดย
เหล่าดาวนาฏศิลป์หลวงตัวแม่ ๆ ที่เจ้าประคุณ
-เหล่าเจ้าก็ช่างร่ายรำได้งดงามยิ่งนัก 
.    ผู้คน และแขกของงาน ชื่นชมระบำกันมาก 
จนเหลือที่จะกล่าวคำพรรณาชมอีกได้
.
.    เพลงไกรลาศสำเริงนั้นเล่า--ก็แสนจะ 
พร้อ-เพราะ   โดยเฉพาะในช่วงที่ขับร้องว่า 
.
.    " แวดล้อม พร้อมหน้า
.           เหล่ากินรา  -- แหละ กิน-นรี "
.
.          ( ตุ๊ง ติง  --
                  ตุ๊ง ติง -
                        ตุ๊ง ติง )
..     
.            *  *  *  *  *  *  *  *
.
.   ส่วนอีกอารมณ์นั้น คือความเศร้าเสียใจ
ที่มีต่อการสิ้นพระชนม์ขององค์อนันตราช 
กษัตริย์หนุ่มชาวมนุษย์

.   อดีตฆาตกร ศัตรูผู้เลวร้าย ที่ทรงใช้ความดี 
ความจริงในพระทัย เอาชนะใจชาวหิมพานต์ได้
ในที่สุด
.
.
.        " โอ้อาลัย  ใจสลาย คล้ายสิ้นหวัง
.      อนันตราช ลาลับไป  ไม่จีรัง
.      สุดจะรั้ง องค์ไว้ ให้กลับคืน
.            เหมือนม้วยดิน สิ้นฟ้า นภากาศ
.      ภานุมาศ ณ ยามนี้ ไม่มีชื่น
.      เทพบุตร ที่สุดงาม ยามวันคืน         
.      มาสิ้นชีพ มิอาจฟื้น ตื่นอีกองค์ "
.

.
.   ชาวนครเทพปักษาตัดสินใจเก็บรักษา
ร่างของเจ้าชายอนันตราชไว้ในโลงแก้ว  
ในสุสานที่หนาวจนเยือกแข็ง ณ ถ้ำพญา
ค้างคาวดำ
.    เป็นการให้เกียรติอย่างสูงแก่เจ้าชาย
แห่งเมืองมนุษย์  เสมือนว่าทรงเป็นองค์
ราชวงศ์ของเหล่ากินรี และกินรา พระองค์
หนึ่ง

.
.   หยาดน้ำตาของเจ้าหญิงจันทรากินรีรินหยด 
ขณะทรงวางดอกกาสะลองคำดอกหนึ่ง ลงบน
อุระของเจ้าชายอนันตราช ด้วยความอาลัยรัก


..    ทรงถอยห่างออกมา- สะอื้นไห้ในอ้อมกอด
ของเจ้าแม่ย่า

.    ทหารกินราทำการปิดฝาโลงแก้ว และผนึก
ขอบด้วยยางไม้โดยรอบอย่างแน่นหนา
     เพราะจะไม่มีวันใดอีกแล้ว ที่เจ้าชายอนันตราช 
เจ้าของพักตร์ที่ทรงเสน่ห์  แสนงดงาม หล่อเหลา
ปานเทพบุตร จะมีโอกาสได้ฟื้นชีพกลับมาอีก
.    เหมือนเช่นเจ้าชายสุริยันกินรา

.
.       ด้วยเมื่อท่านพญาค้างคาวดำได้ประทับทรง 
แบบ 4G เพ่งอ่านลิขิตของสวรรค์ แล้วกล่าวแก่จันทรา
กินรีว่า  วิญญาณของเจ้าชายอนันตราชได้ถูก
สวรรค์เรียกคืนไปอยู่ที่นั่นแล้วอย่างถาวร
.
.    พอทรงทราบเช่นนั้น  พระหฤทัยของเจ้าหญิง
องค์น้อยก็ทรงเผือดแห้ง ปราศจากน้ำหล่อเลี้ยง
ราวกับสภาพแล้งสุดๆ ของทะเลทรายซาฮาร่า 
.       ด้วยความรู้สึกประหนึ่งว่า ทรงได้สูญเสีย
ทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้วทั้งชีวิต 
.     เพราะตระหนักว่า ได้ทรงมอบความรักแท้
แก่เจ้าชายอนันตราชผู้จากไป  หมดสิ้นทั้งห้อง
พระหทัย

.
.          ชะตากรรมหนอ -
.  ดลบันดาลให้สององค์ได้ประสบพบเจอกัน ด้วย
การพรากชีวิตขององค์สุริยันไปชั่วคราว
.   แล้วก็เมตตา ส่งพระชีพขององค์สุริยันกลับคืน
มาให้อีกครั้ง
.         แต่เหตุใดเล่า ช่างใจดำนัก -
. ครั้นเอาชีวิตอนันตราชไปบ้าง ก็ไม่ยอมให้โอกาส
คืนชีวิตองค์อนันตราชกลับมา
.
.         - - นิจจาเอ๋ย
.
.      " สุริยัน-ของจันทรา  
.     ที่จากฟ้า ยังมีเวลามาเยือน
.
.          แต่อนันตราช -ซิ แชเชือน
.              ไม่กลับมาเยือน
.      เหมือนสุริยันของจันทรา 
.
.                   ฯลฯ
.
.              มองท้องฟ้า--  ให้เวิ้งว้าง ---
.        หมดทาง เมื่อเธอจากไกล 
.              มองท้องฟ้าไม่อำไพ       
.       ในดวงใจ เหมือนมีไฟ มาแผดเผา---  "
.     

.      ( * ปรับแต่งจากเค้าโครงเพลง 
ตัวไกลใจเหงา  ของ ก้อง กาจกำแหง )
.
.     จันทรากินรีเหม่อมองท้องฟ้า ทรงอาลัยรัก
โหยหาอาวรณ์เจ้าชายอนันตราช 
.         พลางกันแสงสะอื้นไห้
.
  เจ้าแม่ย่าทรงสงสารองค์หญิงจันทรากินรี
ผู้หมองเศร้ายิ่งนัก   ตรัสว่า

.
.            " จันทราเอ๋ย--
.     หลานอยากไปถือศีลภาวนากับย่าที่ถ้ำ
ทางตะวันตกด้วยกันไหม
.        จิตใจเจ้า จะได้สงบลงบ้าง " 
.
.          " เพคะ เจ้าแม่ย่า "
.
.   จันทรากลั้นกันแสง รีบตอบรับคำเจ้าแม่ย่า
ทันที
.
.          " โปรดชี้แนะแก่หลานด้วย  
.  หลานอยากลืมทุกๆ อย่างให้ได้เสียเหลือเกิน "
.
.         "  โธ่เอ๋ย - หลานรักของย่า "
.
.     ทรงกอด ลูบศีรษะเจ้าหญิงกินรีน้อยไปมา
อย่างปลอบประโลม ด้วยไม่เคยทรงเห็นจันทรา
กินรีผู้ร่าเริง มาต้องมีพักตร์ที่เศร้าหมองตรอมตรม
และก่นทุกข์ เช่นนี้มาก่อนเลย
.
.        "  งั้นมาเถิด หลานรัก
.               -- ไปด้วยกันกับย่า "
.
.      ทรงจูงมือพระนัดดามาที่หน้าโลงแก้ว
บรรจุพระศพของเจ้าชายอนันตราช ภายใต้
อากาศของถ้ำที่หนาวเย็นยะเยือก

.     สองกินรีสูงศักดิ์ยืนสงบนิ่งหน้าโลงแก้ว 
ส่งกระแสจิตอำลาเจ้าชายหนุ่มผู้งามทั้งรูปกาย  
และจิตใจ ที่จากไปอย่างไม่วันหวนกลับ เป็น
ครั้งสุดท้าย

.        ก่อนจะพากันดำเนินไปประทับยืน
ตรงลานปากถ้ำ    แล้วโผร่าง เหินบินช้าๆ 
ออกจากถ้ำพญาค้างคาวดำ 
.    ฝ่าแสงสีทองของอาทิตย์ยามอัสดง  
ดั้นเมฆ ร่อนฟ้า มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก
.      
.      ทรงละทิ้งเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นไว้
เบื้องหลัง ปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างให้จางหาย 
ไปกับกาลเวลา
.
.       เหมือนใบกาสะลองคำแห้งใบหนึ่ง 
ที่ร่วงโรย หล่นปลิวตกลงมายังพื้น
.       -- ก็มองเห็นได้เช่นนั้น
.
.    สักพักหนึ่ง มันก็ถูกลืมเลือน ไม่มีใคร
จดจำอีก  เมื่อกาลเวลาได้พาใบแห้งอื่นๆ 
ร่วงลงมา
.          -- ให้เห็นแทน



                           **  จบบริบูรณ์ **

.
.                         จบตอนที่ 7 . ( อวสาน )

  ขอขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างสูง ที่กรุณาเข้ามาอ่านบล็อกครับ

        ..................................................................


** หมายเหตุ : ครั้งนี้เป็นการนำนิยายมาลงบล็อกใหม่อีกครั้ง

        เขียนลงบล็อกครั้งแรกเมื่อ   21  ตุลาคม 2559                      
      สถิติบันทึกการเข้าอ่าน 2780 ครั้ง   ณ 16 ธันวาคม 2561       **
...................................................................................................

( และ ผมขอขอบพระคุณท่านสมาชิกที่กรุณา vote บล็อกให้
                     เป็นอย่างยิ่งนะครับ )

   



Create Date : 09 ตุลาคม 2563
Last Update : 28 เมษายน 2564 21:10:51 น.
Counter : 1109 Pageviews.

0 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณnewyorknurse


Huean Piang Din
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



ตุลาคม 2563

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog