บล็อก- blog เปรียบเสมือนสมุดไดอารี่เล่มใหญ่ที่สุดของผม
|
|||||
นิยาย " จันทรากินรี " - โดย เหมชาติ ทอง -- ( ตอนที่ 7.- อวสาน ) 7. รักแท้ . . . เพียงบินลับเมฆไปได้อึดใจหนึ่ง โพระดกก็ร้องขึ้นว่า . . " คุณพระช่วย-- . ดูเถอะ เราลืมพาตัวเจ้าชายอนันตราช ไปหิมพานต์กับเรา " . . " พาไป ก็ไม่มีประโยชน์อะไร . เขาไม่ได้รักหญิง " . . จันทราบอกแก่นางพี่เลี้ยง . . " เจ้าชายอนันตราชทรงรักองค์หญิงแน่นอน พี่รับประกัน . มาเถอะเพคะ - . เรารีบบินกลับไปพาพระองค์ไปหิมพานต์ กับเราเดี๋ยวนี้ " . . โพระดกหกหัว หมุนบินกลับทันที อย่างรวดเร็ว . ทำให้จันทรากินรีต้องรีบทำตาม ทรง บินตามหลังนางพี่เลี้ยงไปอย่างกระชั้นชิด . . * * * * * * * * * . . อัปสราดารารายที่ยืนซวนเซ อยู่กลางลานประหาร เอาสองมือกุม ลำคอตนเองไว้แน่น . ต่อสู้อย่างสุดกำลัง กับสิ่งที่แฝงอยู่ในตัว นาง ที่กำลังขยับเคลื่อน จะดันตัวของมันออก มา . . . พลัน -- . อัปสราดารารายก็ต้องบิดลำตัวไปมา ด้วย ความเจ็บปวดสุดประมาณ . . นางรู้ดี ว่ามันคือตัวอะไรที่กำลังจะดันตัว ออกมาจากปาก เพราะหมอผีกรั๊วะได้เคยบอก ไว้ . . " วิญญาณผีวัวป่า มันก็จะออกมาจากปากของแก ... ไล่ขวิดแกจนพุงแตก ไส้ไหลทะลัก ! " . . ทันใดนั้น.... . นางก็สุดที่จะต้านทานไหว . ดารารายแหงนหน้าขึ้นฟ้า อ้าปาก กว้าง-- . เปล่งเสียงร้องออกมา ดังประหลาด ราวกับเสียงของสัตว์ป่าจากพงไพรลึก . -- ฟังดูน่ากลัว จนขนหัวลุก . . " อ้ากส์ส์ส์ส์ส์ ..... " . . ประชาชนได้ยิน และเห็นเช่นนั้น ต่างส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว แตกตื่น วิ่งหนีกันอลหม่าน . แล้วค่อยๆ ไปล้อมวงกัน คอยจับตาเฝ้าดู องค์มเหสีอยู่ห่างๆ . . . เห็นนางปากคอบิดเบี้ยว ส่ายหน้าไปมา เดี๋ยวเดียวก็ล้มตัวลงนอนกลิ้งกับพื้นลานดิน . กุมลำคอ ถีบเท้าไปรอบๆ ดิ้นเร่าๆ . . " เจ้าพี่.... . เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ ? " . . องค์เขมรรัฐตกพระทัย . ถลาแล่นจากที่ประทับ เข้าประคองร่างของ พี่สาวตนไว้ . . อนันตราชก็รีบวิ่งมาหานางเช่นกัน . แต่แล้ว ก็ต้องหยุดชะงักกลางคัน . . เพราะทันใดนั้น มีกลุ่มควันสีดำเข้ม พวยพุ่งออกมาจากปากของดารารายอย่าง ทะลักทลาย ต่อเนื่องไม่ขาดสาย . แล้วกลุ่มควันก็ก่อตัวเป็นเงาดำทะมึน พอรวมตัวกันชัดเจนขึ้น ก็เห็นเป็นร่างของ ปีศาจวัวป่า . . และฉับพลัน - . มันก็กลายเป็นวัวป่าตัวเป็นๆ ที่มีชีวิต . ตัวใหญ่มากจริงๆ-- ใหญ่จนน่าจะต้องเป็น วัวป่าตัวจ่าฝูง . โหนกของมันสูงและหนา เขาของมันทั้งคู่ ยาวโค้ง ปลายเขานั้นแหลมเปี๊ยบ ยิ่งกว่าปากของ ปลากระทิง-หัวเสียบ -หัวเสียบ ! . อะไรก็ไม่น่ากลัวเท่าดวงตา ที่ลุกโพลงมีสีแดง จ้าราวกับถ่านที่กำลังติดไฟ . มิหนำซ้ำ ปากของมันก็มีน้ำลายไหลยืดเป็นใย เหนียวติดปากเป็นฟองฟอด . โอ-- . มันคือ ผีวัวป่าที่ติดเชื้อบ้ามานั่นเอง !!! . . ชาวบ้านหลายคนที่ขวัญนิ่มอ่อน หวีดร้องกับ ภาพที่เห็น รีบอุ้มลูก ลากหลาน พากันวิ่งหนี ให้จ้าละหวั่น . . และแล้ว-- . มันก็พุ่งตรงเข้าหาดาราราย กับเขมรัฐ ที่นั่งประคองกันอยู่ . พอถึงร่างของมเหสี มันก็ก้มหัวลงต่ำ ใช้เขาขวิดดันตัวนางขึ้นมาอย่างแรง ร่างของ ดารารายดีดตัวลอยสูงลิ่ว กลางอากาศ . นางกรีดร้องสุดเสียง ด้วยความเจ็บปวด รวดร้าว แสนสาหัส . . " โอ๊ยยยยยย -- ! " . . พอร่างนางตกลงมาถึงพื้น . ก็ถูกมันตรงเข้าไล่ขวิดซ้ำ ตะบันปลายเขา เข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง . ร่างของอัปสราดารารายที่เต็มไปด้วย บาดแผลเหวอะหวะ อาบชุ่มไปด้วยเลือด ถูกผีวัวป่าเหวี่ยงสะบัด กลิ้งไปมาหลายตลบ . และแล้ว ท้องของนางก็ฉีกขาด เปิดออก เป็นแผลกว้าง ทำให้ลำไส้พุ่งทะลักออกมา กระเด็นกระจุยกระจายไปทั่วบริเวณ . . ทุกคน ณ ที่นั้น ได้แต่ยืนตกตะลึง อ้าปากค้าง . มองดูสิ่งตรงหน้าที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนนึกอะไร ทำอะไรไม่ถูก . . แล้วทันใดนั้น อย่างไม่มีใครทันคาดคิด ผีวัวป่าก็พุ่งเข้าชาร์จ-charge ใส่เขมรัฐอีก องค์ทันที . . เจ้าชายร้อง โอ้ยยยยย-- . เพราะถูกมันใช้ขาคู่หน้าทั้งสองรัวโขกใส่ องค์อย่างนับไม่ทัน . . เขมรัฐโผกาย ลุกขึ้นได้ ฝืนข่มความเจ็บ พยายามจะวิ่งหนี . ก็ถูกปีศาจวัวตามไล่ ตะบันเขาแหลมๆ ใส่ร่างอย่างเมามัน . . เจ้าชายหนุ่มร้องโอ๊ย --ได้อีกครั้ง ก็แน่นิ่ง วิญญาณแว้นๆ หลุดลอยไปจาก ร่าง . . . คราวนี้ เจ้าปีศาจก็หันไปจ้องที่อนันตราช อย่างประสงค์ร้าย ส่งเสียงคำรามผ่านฟอง น้ำลาย ดังฟืดฟาด . . แล้วมันก็ถอยหลัง เอาเท้าหลังตะกุยพื้นดิน จนหญ้าแพรกแถวนั้นหลุดคากีบตีนของมัน กระเด็นออกเป็นกระจุกๆ กระจายฟุ้ง . ตั้งท่าวอร์มอัพ เตรียมชาร์จใส่อีกองค์ ราวกับ นักฟุตบอลที่ถอยไปตั้งหลักเตรียมจะยิงลูกโทษ . . " อนันตราช !!" . . มีเสียงเรียกเจ้าชาย จากบนท้องฟ้า . . " ไปหิมพานต์กับพวกเรา " . . ทรงมองขึ้นไป ก็เห็นจันทรากินรี และ โพระดกกำลังกระพือปีก ลอยตัวบินในระดับ ที่ไม่สูงนัก . อนันตราชทรงยิ้มออก ดีใจที่เห็นจันทรากินรี บินย้อนกลับมาหาตน . . " จันทรา--- . เจ้ากลับมารับข้าหรือ ? " . . ไม่มีคำตอบ . . แต่พลัน- ก็ถูกสองกินรีบินโฉบวูบลงมา ช่วยกันช้อนวรกายของเจ้าชายอนันตราช พุ่ง ทยานขึ้นสู่ฟ้า . เฉียดฉิวก้บวินาที ที่เจ้าผีวัวพุ่งเข้าใส่ ตำแหน่งที่อนันตราชยืนอยู่อย่างสุดแรง . . ร่างของมันที่พบกับอากาศว่างเปล่า ก็เลยวืด เสียหลัก กลิ้งคะโร่ ตีลังกาหมุน กลิ้ง กุก กุก กุก - กุก กุก เจ็ด-แปดตลบ . . ม้วนติ้ว ๆ ๆ -- เบิ้ลรอบถี่ ยิ่งกว่าที่เห็น กันในการแข่งขัน โอลิมปิก ยิมนาสติก ประเภทฟลอร์เอ๊กเซอร์ไซส์ . . ประชาชนรีบวิ่งหลบวัวเสียหลักกันอุตลุด พากันร้องลั่นในตอนแรก แล้วเปลี่ยนมาเป็นโห่ -หัวเราะขำ ที่เห็นมันกลิ้งไม่เป็นท่า คว่ำหงาย -คว่ำหงาย ให้ดูซะอย่างนั้น . . ปีศาจวัวเขินหรือเปล่า ไม่รู้นะ แต่เห็นมันลุกขึ้น แล้วหยุดนิ่ง คำรามเสียงดัง ก้อง กลบอาการหน้าแตก ที่คุณหมอคลินิก โรงพยาบาลไหนก็ไม่รับเย็บ . . แล้ว ทันใด--- . ร่างของมันก็สลายตัว กลายเป็นกลุ่มควัน สีดำกลุ่มใหญ่ . แล้วค่อยๆ จางหายไป . . ไล่เลี่ยกันนั้น ---- . ที่ซากศพของอัปสราดาราราย และ เขมรัฐก็มีควันสีขาวหม่นลอยขึ้นมาจางๆ . . อนิจจา แอปพลิเคชั่นแปลงร่างหมดสิ้น พาวเว่อร์ . ศพสดๆ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนสภาพจากร่างกาย มนุษย์ กลายเป็นปลาไหลตัวใหญ่ยาวแห่งปลัก โคลนก้นบึงของนครโตนสะเรียม จำนวนสองตัว นอนตาย ณ กลางลานตรงนั้นแทน . ตามชาติกำเนิดที่แท้จริงของสองพี่น้อง . . ปลาไหลตัวแรก ท้องแตกตาย ลำไส้ ไหลทะลักออกมากอง เหมือนกับลักษณะ การสิ้นชีพของมเหสี . ส่วนปลาไหลอีกตัวนั้น นอนตายเพราะมี แผลฉกรรจ์ จากการถูกของแหลมแทงทะลุ ที่หน้าอก ถึงสองจุดตำแหน่ง . . ประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ พากันขนลุกเกรียว -เย็นวาบ --ซู่ซ่าไปทั้งร่างยันหนังศีรษะ . อ้าปากค้าง ก่อนจะร้องครางฮือกันออกมา ด้วยความสุดสยดสยองพองเกล้า . . . * * * * * * * * * * . . " องค์มาตาเพคะ... หม่อมฉันขอทูลลากลับหิมพานต์ . จะขอพาเสด็จพี่อนันตราช ไปด้วยเพคะ " . จันทรากินรีทูลลงมาจากบนฟ้า . . อนันตราชที่กำลังทรงถูกหิ้วองค์พาบิน กลางอากาศก็รีบทูลลาพระมารดาเช่นกัน . . " เสด็จแม่-- . ลูกขอทูลลา ข้ามน่านฟ้าไปหิมพานต์ กับจันทรา นะพระเจ้าข้า " . . องค์มาตารานีแหงนมองตาม .ทรงกันแสงด้วยความตื้นตันพระทัย . ตอนนี้ ทรงเข้าพระทัยในทุกอย่างที่ เกิดขึ้นทั้งหมด มันเป็นความจริงตามที่ จันทรากินรีทูลชี้แจง . นางถูกรุมใส่ร้าย และคนที่กระทำผิด ก็ได้รับผลกรรมตามสนองแล้ว . . ทรงรีบโบกพระหัตถ์ บ๊าย-บาย ให้กับ ลูกชาย และสองกินรี ที่กำลังบินลอย สูง ขึ้น - สูงขึ้น . . " ไปเถิด- . ขอให้บุญรักษา เทวดาค้ำชูพวกเจ้า ทุกคน น้า --- . --ฮือ ๆ " . . . * * * * * * * * * . . พากันบินจากนครกัลปพฤกษ์ กว่าจะพ้นเขตแคว้น และบินผ่านนคร ไพรวัลย์อีกเมืองเพื่อเข้าสู่เขตป่าดงดิบ ก็เริ่มเป็นเวลาเย็น ที่จวนจะใกล้ค่ำ . . เพราะทั้งสองกินรีต้องพ่วงพาอนันตราช มาด้วย จึงบินได้ค่อนข้างช้ามากๆ . . มีหลายช่วงครั้ง ที่ความเหนื่อยหนัก และกับการที่ต้องเร่งกระพือปีกให้ถี่ขึ้น เพื่อ จะได้กลับถึงหิมพานต์ให้เร็วที่สุด . ทำให้จันทรากินรี-องค์หญิงสาวรุ่นผู้เคย อยู่แต่ในรั้วในวัง มีผู้คนคอยรับใช้ทำทุกอย่าง ให้ตลอดเวลา ไม่เคยต้องลำบากตรากตรำทำ ในสิ่งที่ต้องใช้แรงกายแบบนี้มาก่อน ถึงแก่ มีอาการเสโทไหล . หายใจสะท้อนแรงด้วยเหนื่อยหอบ . น่าเวทนาสงสารเจ้าหญิงกินรี วงศ์วิหค- นกน้อยๆ เป็นยิ่งนัก . . พาให้นึกถึงบทกวี อาขยาน ภาษา เมืองนอกบทหนึ่ง ที่รำพันว่า . . " Once I saw a little bird , . Going hop-hop-hop -- " . . " วั้นซ์ ไอ ซอ อะ ลิตเติ้ล เบิร์ด . โกอิ้ง หอบ - แฮ่ก- แฮ่ก " . . . " เจ้าทั้งสอง ปล่อยให้ข้าลงเดินดิน ก็ได้ . ข้าเป็นชาย ตัวย่อมหนัก เจ้าทั้งสอง เป็นหญิง แรงย่อมน้อย . ต้องมาบิน และต้องแบกประคองพา ข้าไปด้วยเยี่ยงนี้ คงเหน็ดเหนื่อยแสน สาหัส . -- ข้าเกรงใจจริงๆ " . . อนันตราชที่กางแขนกอดไหล่จันทรา และไหล่โพระดกลอยตัวอยู่ ตัดสินใจบอก กับสองนางกินรี . . " ข้าเข้าใจเจตนาที่ท่านพูดมานี้ . หากแต่พวกเราก็ไม่มีเวลาเหลือพอที่จะ เปลี่ยนเป็นเดินทางด้วยวิธีอื่น . เราต้องรีบบินกลับหิมพานต์ให้ทันเวลา และต้องให้เร็วที่สุด . - เหนื่อยอย่างไร ก็ต้องอดทน " . . จันทราตอบ . พลางชำเลืองดูแหวนของเจ้าย่าที่ตน สวมติดนิ้วไว้ ที่บัดนี้เป็นสีแดงสด เฉกเช่นสี ของเลือดนก . . " เป็นธุระร้อนสำคัญมากหรือ ? . เจ้าทั้งสองจึงมุ่งมั่นจะไปถึงหิมพานต์ให้เร็ว ที่สุด เยี่ยงนั้น " . . " ใช่ --- . เพราะธุระของข้า เกี่ยวข้องกับความเป็น -ความตายของคนที่ข้ารักที่สุด . ทุกคนที่หิมพานต์กำลังรอข้าด้วยความหวัง -ว่าข้าจะทำมันได้สำเร็จ และทันเวลาหรือไม่ " . . " ข้าฟังไม่เข้าใจที่เจ้าพูด- จันทรา . แต่อยากรู้เหลือเกิน ว่านี่เจ้ามีคนรักอยู่ที่ นครหิมพานต์แล้วหรือไร ? " . . " ไว้ทรงทราบเองที่โน่นดีกว่าเพคะ " . . พอจันทราตอบอย่างนี้ อนันตราชก็พักตร์ จ๋อย ทำเนตรปริบๆ . . จนโพระดก ที่บินไป แอบอมยิ้มไป ให้นึกสงสารเจ้าชาย แต่ต้องกลั้นความหมั่นไส้ ไว้ . . สองกินรีขยับปีกขึ้นลง บินดั้นเมฆไปข้างหน้า อย่างแน่แน่ว ทำให้องค์อนันตราชไม่กล้ารับสั่ง ถามอะไรอื่นอีก . . * * * * * * * * . . จนเมื่อบินกันมาถึงป่าใหญ่ ที่เห็นอยู่ เบื้องหน้า ในเวลาที่ใกล้ย่ำสนธยาเต็มที แล้ว . . " จวนถึงหิมพานต์หรือยัง " . . อนันตราชถาม เพราะรู้สึกว่าสองสาวบินแบบ นันสต๊อปกันมานาน ไม่ได้หยุดพักตามจุดชมวิว -เช็คพ้อยท์กันเลย . . " ใกล้แล้วท่าน -- . เห็นป่ารกทึบตรงข้างหน้าโน้นไหม " . . โพระดกตอบ . . อนันตราชมองตามไป ก็ร้องว่า . . " เอ๊ะ-- . ป่าแถวนี้ไยจึงคุ้นตาข้านัก หรือว่า --คือป่าที่ข้าได้เคยมาเมื่อไม่ นานมานี้ " . . กินรีทั้งสองกระพือปีกช้าลง . พอเห็นผาน้ำตกข้างหน้า ก็เตรียมร่อน ลงสู่พื้นลานหินเบื้องล่าง . . " โอ-- ข้านึกได้แล้ว ..." . . อนันตราชร้องอุทานทันที . . " ใช่ - ป่าแห่งนี้แหละ . ที่ธนูของข้ากระเด็นจากท้องฟ้า แล้วพุ่ง หายเข้าไป " . . โพระดกฟังที่อนันตราชบอก รีบหัน ไปมองพักตร์ของจันทรากินรี . เห็นทรงวางพักตร์นิ่งเฉย จึงถอนหายใจ โล่งอก ที่เจ้าหญิงทรงสะกดกลั้นอารมณ์ได้ ดีขึ้นมาก . . ครั้นร่อน--แลนดิ้ง ลงมาถึงพื้นแล้ว จันทรากินรีก็ยืนหันหลังให้ผาน้ำตก . หันหน้าเข้าหาป่าทึบที่รกชัฏ แล้วเริ่ม ร่ายเวทเปิดประตูป่าทันที . . " อิสรา อัมโปรนี อันโตร เม ดรา.... . อิสรา อัมโปรนี อันโตร เม ดรา.... . อิสรา อัมโปรนี.. อันโตร --เม ดรา " . . ก็บังเกิดเสียงสรรพสัตว์ พากันส่งเสียง ร้องอึงคะนึงโหยหวน ตามด้วยกระแสลม กรรโชกแรง พัดโยกกิ่งไม้ใบไม้ทั้งป่ารวน ระเนนระนาด . เมฆดำทะมึนก่อตัวขึ้นในฉับพลัน จน ทำให้ท้องฟ้ายามใกล้ค่ำยิ่งมืดมิดลงไปอีก บรรยากาศช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก . หากจันทรากินรีก็ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งที่เกิด ขึ้นตรงหน้า นางยังคงเร่งบริกรรมคาถาวิเศษ ไม่หยุดยั้ง . . " อิสรา อัมโปรนี อันโตร เม ดรา.... . อิสรา อัมโปรนี อันโตร เม ดรา.... . อิสรา อัมโปรนี . .. อันโตร --เม ดรา " . . . บัดนั้น-- ภาพป่าเบื้องหน้า ก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยน . ความมืดมิดเมื่อครู่ ค่อยๆ กระจ่างขึ้นมา บ้าง . เหล่าต้นไม้สูงที่บดบังป่าเป็นแนวทึบ ค่อยๆ เลือนหาย . --หายไป อย่างน่าประหลาด . . แล้วเบื้องหน้า ก็มีภูเขาใหญ่ปรากฏ เป็นเทือกตระหง่านอยู่ไกลๆ . แม้จะค่ำแล้ว หากเพราะความมหึมา ของเทือกภูผาจึงทำให้มองเห็นได้เด่นชัด . . " ประตูป่าหิมพานต์เปิดแล้ว . ท่านจะไปหิมพานต์กับพวกเรา . -- แน่หรือ ? " . . จันทราหันมาถามอนันตราช ที่กำลัง ทอดเนตรภาพเบื้องหน้าด้วยความอัศจรรย์ ใจ . อนันตราชรีบหันมาตอบนางทันที . . " ที่ใดมีเจ้า-- . ข้าก็จะขอไปที่นั่น จันทรา " . . . " องค์หญิงเพคะ ดูโน่น - องค์เทพปักษา กำลังนำทหารกินรา . เสด็จตรงมาหาเรา เพคะ " . . โพระดกมองเห็น รีบทูลเจ้าหญิง . พลางชี้ไปที่ท้องฟ้ายามสนธยาตรงหน้า ที่สาดแสงสีส้ม เหลือง และสีต่างๆ ตาม แนวเมฆ . แลเห็นมีเหล่ากินราเจ็ดแปดตน กำลังบิน ขยับปีกขึ้นลงตรงมาหา . เห็นได้ชัดว่า มีตนหนึ่งสวมมงกุฎทอง ยอดสูง ซึ่งจำได้ทันทีว่านั่นคือท้าวเทพ ปักษา ผู้ครอบครองนครหิมพานต์ . . พอทั้งหมดร่อนลงสู่พื้น . จันทรารีบเข้าไปบังคมเสด็จพ่อ แล้ว โผกอด . ร่ำไห้ด้วยความดีพระทัย . . " ท่านพ่อ--- . ทรงทราบได้อย่างไรเพคะ ว่าลูกกำลัง กลับมา " . . " พ่อเอง ไม่ทราบหรอก . แต่เจ้าย่าท่านบอกว่า วันนี้จะครบกำหนด 15 ทิวาราตรี อย่างไรเสีย ลูกกับโพระดก ก็จะต้องพากันกลับมาที่นี่ . แล้วพอพ่อมาถึงประตูป่าด้านใน ก็ได้ยิน เสียงการเปิดประตูป่าด้านนอกของเจ้า ดัง สนั่นอยู่อื้ออึง . พ่อก็ยิ่งแน่ใจ ว่าต้องเป็นจันทรากินรี ของพ่อ ที่เป็นผู้ร่ายคาถาเบิกประตูหิมพานต์ " . . ทรงหันมามองอนันตราช ที่ถวายบังคมให้พระองค์ พร้อมกับจันทรา เมื่อกี้ . ถามจันทรากินรี . . " แล้วนี่ใครหรือ ? . ดูเหมือน จะเป็นมนุษย์ " . . " เพคะ- . ท่านผู้นี้ คือเจ้าชายอนันตราช แห่งนคร กัลปพฤกษ์ . ลูกพาเขามา เพื่อ-- . -- เอ่อ -- " . . ท้าวเทพปักษาเริ่มวรกายสั่น ทรงเดาถึง ความนัยนั้นได้ทันที . . " -- เพื่อภารกิจของพวกเราใช่ไหม ? . หือม์--- ใช่ไหมจันทรา ? " . . เจ้าหญิงน้อยทรงก้มหลบพักตร์ ร่ำไห้ . สะอึกสะอื้น . ไม่ทรงตอบรับคำตรัสถามนั้น . . ท้าวเทพปักษาจึงหันไปทางนางพี่เลี้ยง โพระดกแทน . . " โพระดก -- . เจ้าจงบอกข้ามาตามตรง .ว่าเจ้าชายผู้นี้ คือผู้ที่พวกเราติดตาม ล่าตัว มา . -- ใช่หรือไม่ ? " . . โพระดกพนมมือไหว้ ตัวสั่น . นางเกรงกลัวท่านเทพปักษา ผู้เคร่งขรึมและ เฉียบขาดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว . จึงก้มหน้าทูลตอบด้วยเสียงสั่นๆ . . " เพคะ - องค์เหนือหัว " . . . อนันตราชได้เห็น ได้ฟัง ก็ทรงงุนงง ว่าตนคือผู้ที่ถูกตามล่า . ด้วยไม่เคยมีใครบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องราว เหตุการณ์ความตายที่เกิดขึ้นกับองค์สุริยัน กินราให้ทรงทราบมาก่อนเลย . . ทำไมหรือ ?.... จันทราจึงต้องตามล่า ตนด้วย . . " ผั๊วะ ! ! " . . อนันตราชหน้าหงาย แบบไม่ทันรู้องค์ เมื่อโดนท้าวเทพปักษาใช้หัตถ์ตบ บ้องพระ พักตร์ . ฉาดใหญ่เข้าให้ อย่างเต็มเหนี่ยว . . " แกฆ่าลูกชายของข้า ! " . . ท่านเทพปักษาตรัสคำรามจากลำคอ . . อนันตราชลูบหน้าให้หายชา เริ่มรู้สึกปวด แสบร้าวแก้มซีกซ้ายทั้งแถบ . . ย้อนถามกลับถึงตบช่วยชาติยกกำลังสาม ที่ตนได้รับมา อย่างไม่เข้าใจสาเหตุ . . " อะไรกันนี่ ? ท่านเทพปักษา . -- ท่านตบหน้าข้าทำไม ? . ข้าไปฆ่าลูกชายของท่านเมื่อไหร่กัน ? " . . จันทรากินรีทรงตกพระทัย . ทำท่าจะอธิบายให้อนันตราชฟัง แต่ท้าว เทพปักษาทรงรีบโบกหัตถ์ ห้ามนางไว้ . . " ทหารพลแบก -- . พวกเจ้ารีบพาตัวอนันตราชไปที่ถ้ำพญา ค้างคาวดำ เดี๋ยวนี้ " . . แล้วทรงชี้ไปที่เสนากินราสูงวัยตนหนึ่ง . . " ส่วนเจ้า --ทหารลุง . จงรีบไปใช้เวท ปิดประตูป่า " . . ทรงหันกลับมาทางจันทรากินรี . . " จันทรา. เจ้ารีบบินไปกับพ่อ เราไม่มี เวลามากแล้ว--- . เจ้าแม่ย่า และทุกคน กำลังรอเจ้าอยู่ที่ ถ้ำ " . . กล่าวจบ ท้าวเทพปักษาก็กระพือปีกอัน ใหญ่โตขึ้นลง . ถีบเท้าออกตัว พาองค์ทยานบินขึ้นสู่ ท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง ไปในทันที . ทำให้จันทรา และโพระดกต้องรีบบิน ตามเสด็จไปติดๆ . . . ทหารกินราเฒ่าตนนั้น วิ่งออกไปร่าย เวท ปิดป่าตามพระบัญชา . . ส่วนทหารกินราหนุ่มอีกสี่นาย ตรงเข้า มาประกบอนันตราช จับกุมตัวไว้แน่นหนา . แล้วกระพือปีก โผบินขึ้นพร้อมกัน . . แบกพาร่างของเจ้าชายผ่านอากาศ ยามใกล้ค่ำ ไปยังถ้ำพญาค้างคาวดำอย่าง ไม่รอช้า . . * * * * * * * * * . สักพักใหญ่ อนันตราชก็ถูกหิ้วพาตัว ลัดฟ้ามาถึงคูหาหินขนาดใหญ่ กลางป่าลึก . เห็นปากทางเข้าเป็นช่องว่างที่สูง และ กว้างมาก น่าจะสามารถให้คนจำนวนนับ ร้อยเดินกลุ่มเข้าไปได้อย่างสบายๆ . . นี่คือ ถ้ำอันยิ่งใหญ่ของพญาค้างคาวดำ นั่นเอง . . ทหารกินราพากันร่อนลงหน้าถ้ำ ปล่อยร่างของอนันตราช ให้ลงประทับยืน กับพื้น . แล้วพากันผละออกห่าง ให้เจ้าชาย เป็นอิสระ . อนันตราชทรงสัมผัสถึงไอความหนาว เย็นของอากาศในถ้ำเป็นสิ่งแรก . พอเหลียวมองไปรอบๆ แม้จะถ้ำดูมืดสลัว แต่ก็มีคบไฟที่ประดับไว้ที่หลืบหินรอบๆ ถ้ำ นับสิบๆ ตำแหน่ง และเริ่มถูกทหารจุดให้ ความสว่าง . พอคบไฟทั้งหมดเปล่งแสงสว่างออกมา พร้อมกัน ก็ทรงมองเห็นแทบทั่วทุกมุม ทุก ด้านของถ้ำ ทรงรู้สึกได้ ถึงความใหญ่โต และกว้างขวางของถ้ำแห่งนี้ . . ครั้น-พอสายพระเนตรปรับให้คุ้นชินกับ บรรยากาศของถ้ำ พลัน-ทรงตระหนักทันทีว่า ตนกำลังตกเป็นเป้าสายตาของหมู่มหาสมาคม ชาวนครหิมพานต์ ที่มารวมตัวกันในถ้ำอยู่ก่อน แล้ว . . เพราะเมื่อมองไปรอบๆ ก็เห็นมีฝูงกินรา กินรี จำนวนมากมาย เบียดเสียด รายล้อมอยู่ ในเวิ้งกลางถ้ำแน่นขนัด . . บางตนยืน บ้างก็นั่ง - . บางกลุ่มนั่งชันเข่า ปีกลู่ เกาะนิ่งตามโขดหิน สร้างเงาตะคุ่มๆ วูบวาบตามเปลวไฟ ทำให้มองดู เหมือนเหล่าเวตาล หรือเหล่านางไซเรนในเทพ นิยายแห่งเมืองวิลาศ . บางกินรี กินรา ที่สูงอายุ ขนเริ่มมีสีเทาจางๆ พอผสมผสานกับใบหน้าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่น ก็ทำ ให้มองดูเหมือนหมู่นกอรหัน(ออ-ระ-หัน)เฒ่า . และยังมีเหล่ากินรา กินรี รุ่นเด็กๆ หลายตน ที่พ่อแม่พามาด้วย รวมกลุ่มกันเจี๊ยวจ๊าว . รุ่นที่ยังเป็นทารกนั้น ถูกผู้เป็นแม่อุ้มประคอง ไว้แนบอกเพื่อให้นิ่ง ไม่โยเย . ก็นอนดูดนมแม่- จ๊วบๆ มือก็เล่นนมแม่ ข้าง ที่ว่างไปมาด้วย . ส่วนที่อยู่ในวัยซุกซน มีหลายตัวพากันปีนไต่ กระโดดโลดเต้น -หยุบๆ เล่นไล่จับเงากันตาม โตรกหินบ้าง ตามผนังถ้ำบ้าง คงพอแก้หนาวไป ได้ . มีบางตัวที่ซนน่าตี เอาเท้าข้างหนึ่งเกี่ยวไว้กับ แง่งหิน แล้วทิ้งตัวห้อยหัว แกว่งตัวไปมาเหมือน นกแล- แก้วหก . . พออนันตราชปรากฏองค์ . ทุกตนก็เหลียวไปมอง พุ่งสายตาจับจ้อง ประหนึ่งกำลังมองดูนักโทษผู้น่าชัง ที่ควรถูก ประหารให้สูญหายไปจากโลกนี้ . . แม้สายตาของจันทรา และโพระดก ก็ มองมาในลักษณะเช่นเดียวกัน . . ทำให้อนันตราชรู้สึกร้อนวูบ ซ่านไปทั้งองค์ และยิ่งมึนงง จนสับสนไปหมด -- . --- มันอะไรกันหรือนี่ ? . . ทรงตัดสินพระทัย ดำเนินตรงไปหาเจ้าหญิง จันทราที่กำลังประทับยืน อยู่ตรงมุมหนึ่งนั้น . . * * * * * * * . . " จันทรากินรี -- โปรดช่วยบอกข้าให้กระจ่าง ในบัดนี้ . ว่าข้าได้ทำสิ่งใดผิด ? . ข้าได้ฆ่าลูกชายขององค์เทพปักษา ตามที่ท่านกล่าวหา- จริงๆ หรือ ? " . . จันทรากินรีค่อยๆ เดินออกมายังที่ลาน กว้างของถ้ำที่เจ้าชายประทับยืนอยู่ . -- หยุด ตรงหน้าอนันตราช . . " อนันตราช -ฟังข้า . ข้าจะอธิบายทุกอย่าง ให้ท่านทราบ . . ที่นี่- คือถ้ำพญาค้างคาวดำ . และนั่นคือ ท่านปู่พญาค้างคาวดำ ผู้เป็นที่ เคารพนับถือของพวกเรา . - เหล่ากินรา และกินรี " . อนันตราชรีบทรุดองค์ ถวายบังคมกราบพญา ค้างคาวดำที่กำลังเกาะเพดานสูงของถ้ำ ห้อยหัว มองลงมา . ท่านมีร่างกายใหญ่โตมาก เฮฟวี่เวทพอๆกับ ลูกม้ารุ่นๆ . . " บังคมพระเจ้าข้า-- . ท่านปู่พญาค้างคาวดำ " . . พญาค้างคาวเฒ่าชอบใจ นึกเอ็นดูในความนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ของอนันตราช เป็นยิ่งนัก . . " เอ้อ- รู้จักไหว้ผู้ใหญ่อาวุโส . -- น่ารัก น่าอินดูแต๊ . ปันใหญ่ ปันสูง-เน่อ . -- เจ้าชายอนันตราช-เน่อ " . . ท่านค้างคาวดำอำนวยพรให้ ประมาณว่า โตไวๆ น้า- เจ้าชายอนันตราช-น้า . . แถมกล่าวชมอีกด้วย ว่า . . " แหม่-- มือตีนอ่อนดีมาก นิ-ท่าน " . . . จันทรากินรีผายหัตถ์มาทางเสด็จเจ้าแม่ย่า ผู้ทรงรักษาศีลในชุดอาภรณ์สีกรักหม่น . ห้อยประคำดำสายยาวไว้ที่พระศอ . . " ส่วนองค์นี้-- . คือเสด็จเจ้าแม่ย่ากินรี ของข้า " . . อนันตราชรีบทรุดองค์ลง กราบถวาย บังคม . . " บังคมพระเจ้าค่ะ " . . กินรีราชนิกูลเฒ่าทรงสะบัดบ๊อบหงอก เบือนพักตร์หนีไหว้ของอนันตราช . - อย่างสุดชัง . . ยิ่งทำให้อนันตราชพักตร์เหลอ . ไม่เข้าใจสาเหตุที่ใครๆ พากันขุ่นเคืองตน . . จันทราเห็นดังนั้น จึงกล่าวต่อทันที . . " ท่านจงตามข้ามาที่โลงแก้วนี้ " . . อนันตราชรีบดำเนินตามนางไปที่โลงแก้ว ซึ่งวางตั้งเด่นอยู่บนแท่นศิลา ไม่ไกล . ทอดเนตรลงไปในโลง เห็นเป็นกินราหนุ่ม รูปงามตนหนึ่งนอนหงายอยู่ ดูสภาพยังปกติ พักตร์ยิ้มน้อยๆ เหมือนคนที่กำลังนอนหลับ และฝันดี . . " กินราหนุ่มรูปงาม ท่าทางสูงศักดิ์ ผู้นี้ เขาเป็นใครหรือ ? " . . ทรงกล่าวถาม . . " เขาคือ --เจ้าชายสุริยันกินรา พี่ชาย ร่วมสายโลหิตของข้าเอง . นี่แหละ- คือผู้ที่ข้าบอกท่านว่า เขาเป็น สุดที่รักของข้า " . . อนันตราชได้ฟัง ก็รู้สึกโล่งพระทัยที่เฝ้า คิดกังวลมาตลอด ว่าจันทรากินรีคงมีคู่รัก คู่หมายครองแล้วที่หิมพานต์ . ที่แท้ ก็คือ พระเชษฐาสุดที่รักของนาง นั่นเอง . . " แล้วเหตุใด ถึงต้องนำพี่ชายของเจ้า มาไว้ในโลงแก้วนี้เล่า ? " . . จันทรากินรีตบมือดังๆ ขึ้นสามครั้ง . . แปะ- . แปะ - . แปะ ... . . ทหารกินราคนหนึ่งที่เฝ้ารออยู่ พอถึงคิวบท ของตนก็แอบอมยิ้ม รีบเดินตบเท้าแบบทหาร ออกมาอย่างฉับไว . นำพานใส่ห่อผ้า ยื่นถวายให้เจ้าหญิงจันทรา ในท่าเก๋ไก๋--ที่ฝึกซ้อมมาหลายรอบ . -- กะ แย่งซีน . . จันทรากินรีรับมา แก้ห่อผ้าออก . แล้วหยิบลูกศรแฝด -ธนูเงิน ธนูทองชูขึ้น ให้เจ้าชายดู . ตรัสถามด้วยอารมณ์กรุ่นแรงพยาบาท จนสุรเสียงของนางดังก้อง . -- กังวานไปทั้งถ้ำ . คลื่นเสียงชิ่งสะท้อน กระทบไปกระทบมา กับโตรกผนังหิน . กลายเป็นเสียงเอโค่-echo . . " อนันตราช- ... ราช -ราช-ราช-ราช . ท่านจำสิ่งนี้ .....-นี้ -นี้-นี้-นี้- . ได้หรือไม่ ....-ไม่-ไม่-ไม่-ไม่ ? " . . " โอ-- . ธนูเงิน ธนูทอง . เป็นธนูของข้าเอง จันทรา " . . เจ้าชายรับเอาธนูมาเพ่งดู . แล้วตรัสต่อ ว่า . . " นี่ไง--- . พอดูนัมเบอร์ที่สลักติดไว้ที่ก้านศร . ข้าขอยืนยันว่า เป็นธนูของข้า ที่หายไป แล้วเรียกกลับคืนไม่ได้ . เพราะธนูรุ่นนี้ เป็นรุ่นลิมิตเต็ด-limited ข้าจำของข้าได้ทุกนัมเบอร์ . . ข้าจะเล่าให้ทุกท่าน ณ ที่นี้ ได้ทราบ . เมื่อสักสิบห้าวันมาแล้ว ข้ามาประพาส ป่า แล้วอากาศร้อนอบอ้าวมาก อุณหภูมิ แตะปรอทที่กว่า 40 . แสงแดดตรงหัวส่องแรงจ้า จนกายข้า แสบร้อน ผิวหนังแทบจะลุกไหม้ . . ข้าจึงใช้ธนูนี้ เล็งยิงขึ้นไปที่พระอาทิตย์ เพื่อหวังจะดับแสงตะวัน พอให้คลายร้อน ได้บ้าง . . ธนูของข้าที่พุ่งขึ้นไปหา ก็เกิดไปกระทบ กับตัวถังของรถพระทินกรที่ไม่ทรงเบี่ยงหนี . ธนูจึงกระเด็นเปลี่ยนทิศทาง พุ่งลงจากฟ้า แล้วหายเข้ามาในป่าแถบบริเวณ ผาน้ำตก-- " . . จันทรากินรีจึงบอกเจ้าชายทันทีว่า . . " ธนูของท่าน มันโหดเหี้ยมยิ่งนัก ! . แล่นลิ่ว--พุ่งมาปักอุระของเสด็จพี่สุริยัน ของข้า จนพระองค์ถึงแก่สิ้นชีพตักษัย . พวกเราจึงนำพระศพใส่ในโลงแก้วมาไว้ ในถ้ำนี้ " . . " โอ๊ะ ! --- . จริงหรือนี่ ?? . . อนันตราชร้องอุทาน . . " -- พุทโธ่เอ๋ย !! . เป็นเช่นนั้นหรือจันทรา ? " . . เจ้าชายทรงตกใจ--- . ยกพระหัตถ์กุมพระเศียร ว่าไม่น่าเลย . ทรงเสียพระทัยสุดๆ . . ทรงหันไปมององค์สุริยันกินราใน โลงแก้วอีกครั้งด้วยความเศร้าพระทัย . ทรงดำเนินเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ . แล้วทรุดองค์ลงคุกเข่าตรงหน้าโลงแก้ว ประนมกร กราบลงกับพื้นสามครั้งอย่างสำนึก ผิด . เปล่งวาจาขอโทษต่อเจ้าชายสุริยันกินรา ต่อหน้าทุกคน . . " อนิจจา-- . ข้าละอายแก่ใจ และเศร้าใจ เหลือเกิน . สุริยันกินราเอ๋ย-- ข้า- อนันตราช ขอกราบขอโทษ ที่ทำให้ท่านต้องมาสิ้น พระชนม์ชีพ เพราะต้องธนูศรของข้า . ข้าเสียใจยิ่งนัก แต่ข้าสาบานว่า ข้ามิได้มีเจตนาจะยิงท่านเลยแม้แต่น้อย . หากบัดนี้-- เมื่อเหตุการณ์เป็นเยี่ยงนี้ ไปแล้ว ข้าก็จะไม่ขอให้อภัยแก่ตัวเอง . ข้ายินดีรับโทษทัณฑ์ทั้งปวง ต่อสิ่งที่ข้า ได้ก่อกรรมครั้งนี้ ทุกประการ " . . ทุกคนพากันเงียบงัน . . . เสด็จเจ้าย่าทรงเชิดพักตร์เหี่ยวๆ อย่าง หมั่นไส้เจ้าชาย ขณะก้าวดำเนินออกมา . แล้วทรงหยุด จ้องมองอนันตราชศีรษะจรด พระบาท . ตรัสว่า . . " เอ๊าะ - เหรอ ? . - ยังจะมีศัตรู ที่กล้ากล่าวรับผิดเต็มปากเต็มคำ อย่างเจ้า --ในโลกนี้ด้วยเหรอ ? . . ทรงแหงนพระพักตร์ พระสรวล ฮ่า ๆ ๆ --อย่างเย้ยหยัน . . " ซาบซึ้งมาก- กับคำกล่าวไว้อาลัย ต่อสุริยันกินราหลานชายข้า มันฟังแล้วให้นึก สมเพทสุริยันยิ่งนักที่ต้องมาสิ้นพระชนม์เพราะ ชะตาถึงฆาตเอง " . . อนันตราชสะเทือนพระทัยในคำตรัส ประชดแดกดันของเสด็จเจ้าย่า . รู้ว่าที่ท่านทรงตรัสเช่นนั้น เพราะความเสีย พระทัยที่องค์สุริยันหลานรักต้องมาจากไป . จึงก้มลงกราบพระเจ้าย่า กับพื้นลานถ้ำ ตรัสทูลขอประทานอภัย . . " พระเจ้าย่าเจ้าข้า -- . หม่อมฉันขอประทานอภัย หม่อมฉัน ไม่ได้เจตนาแผลงศรให้ต้องพระองค์ของ สุริยันกินราเลย พระเ่จ้าข้า " . . พระเจ้าย่ากินรีทรงมองพระพักตร์ ของอนันตราช . ตรัสอย่างไม่เปลี่ยนพระทัยชิงชัง . . " เห็นหน้าตาที่งดงามราวรูปเขียน ของ เจ้าแล้ว ข้าแทบไม่อยากเชื่อ ว่าเจ้าจะคือ ฆาตกร ผู้สังหารสุริยันกินราของพวกเราด้วย ลูกศร-รุ่นลิมิตเต็ด !! . อนิจจัง- . - ธัมมัง สังโฆ . คนเรานี่-- จะวัดชั่วดีกันที่หน้าตา ไม่ได้ จริงๆ ดั่งที่เขาว่า " . . กินรีสูงศักดฺิ์ผู้เฒ่าชราทรงพระ ของขึ้น ตัดสินพระทัยกล่าวต่อ ตรัสยาว แบบทรงเดินหน้าเดี่ยวไมโครโฟน ขอทอล์กโชว์- talk show เอง . . " นี่ยังดีนะ - ที่ลิขิตแห่งสวรรค์ ทรงยัง มีเมตตาต่อสุริยัน หลานชายผู้เป็นที่รักยิ่งของ ข้าอยู่ " . . ทรงผายพระหัตถ์ ไปที่โลงแก้ว . . " จึงประทานวิธีแก้ไข ให้สามารถเรียก เอาวิญญาณของสุริยันกลับคืนมาสู่ร่างได้ " . . ทรงหยุดตรัส -ไอโขลกๆ ตามสภาพ กินรีชราสูงวัย ที่แม้บริษัทประกันภัยสุขภาพ ยังเมิน เดินหนีไม่ยอมรับทำ . . " โดยสวรรค์กำหนดไว้ว่า- (ไอ)- อุ -อุ . จะต้องมีการสังเวยชีวิตของฆาตกร เพื่อแลก กับการได้กลับคืนมาของชีวิตองค์สุริยัน " . . แล้วเสด็จเจ้าแม่ย่าก็ยกหัตถ์ ชี้นิ้วใส่หน้า เจ้าชายอนันตราช ผู้ยืนก้มหน้าฟังนิ่ง สลดเศร้า อดสู และละอายพระทัย . กล่าวประณามเจ้าชายเมืองมนุษย์ ด้วยพระ อารมณ์พิโรธ ที่โกรธแค้นฝังหุ่นมาร่วมครึ่งเดือน . . " ชาวกินรา และกินรีแห่งหิมพานต์ . ถือว่า เจ้า คือฆาตกร !! เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง นัมเบอร์วัน -ของพวกเราทุกคน ! " . . บรรยากาศของถ้ำนั้นหนาวเย็นสุดๆ จึงทำให้ พระนางตรัสแบบควันออกปากออกโอษฐ์ - . มองเห็นเป็นไอขาวขุ่น กรุ่นกระจาย . . ทรงตรัสยาว-- แบบไม่กลัวเจ็บคอ เจ็บพระศอ . . " ทางเรา - จึงส่งจันทรากินรีและนาง พี่เลี้ยงโพระดกออกจากหิมพานต์ เปิดประตู ป่าออกไป ตามล่าหาตัวเจ้าถึงเมืองมนุษย์ เพื่อนำพาตัวมายังที่นี่ให้ทันกาลภายใน 15 ทิวาราตรี . ซึ่งบัดนี้- เจ้าก็ถูกนำตัวมาอยู่ ณ ที่นี่ แล้ว " . . เจ้าชายอนันตราชจึงทรงเข้าพระทัย ในเรื่องราวทั้งหมด ณ เพลานี้ . . ทรงเหลียวมองไปที่จันทรากินรี ก็เห็นนางหลบสายพระเนตร เหมือนนางจะ ละอายพระทัยที่ปิดบังความจริงนี้มาตลอด . อนันตราชกลับนึกเห็นใจ และสงสารนาง ยิ่งนักที่ยอมเสี่ยงชีวิต แบกภารกิจอันยิ่งใหญ่ ในการออกตามล่าหาตัวพระองค์ถึงเมืองมนุษย์ . . นึกย้อนไป ก็ทรงเห็นแล้วว่า นางต้องฟันฝ่า อุปสรรค และเรื่องเลวร้ายต่างๆ นานา อย่าง อดทนสู้กับมัน จนทำการได้สำเร็จ . . ทรงตรัสแก่เจ้าหญิงด้วยน้ำเสียง ปลอบประโลม ว่า . . " โอ--จันทรากินรี ตอนนี้ ข้าเข้าใจ ทุกอย่าง และข้า -ก็ไม่ได้นึกโกรธอะไรเจ้า เพราะสิ่งที่เจ้าทำมานั้น มันเป็นสิ่งที่ควรแก่ การชื่นชมมากกว่า " . . เจ้าแม่ย่ายังไม่หายแค้น ทรงตรัสต่ออีก . . " เจ้าจงฟังเราต่อ -อนันตราช . เราจะผ่าอกของเจ้า แหวะออก แล้วตัดหัวใจ ของเจ้าออกมาเพียงครึ่งดวง เพื่อนำไปวางลง บนอุระขององค์ชายสุริยันในโลงแก้ว . จากนั้น--สวรรค์ก็จะส่งวิญญาณขององค์ชาย กลับคืนเข้าสู่ร่าง ให้ทรงฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง " . . อนันตราชได้ฟัง ทรงไม่สะทกสะท้าน พระทัยกษัตริย์หนุ่มเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก รีบกราบ บังคมทูลต่อเสด็จย่ากินรี ทันที . . " เสด็จย่ากินรี -- . ข้ายินดีมอบหัวใจของข้า เพื่อไถ่คืนพระชนม์ ชีพขององค์สุริยัน . เชิญท่านให้ทหารมาผ่าอุระข้า ได้เลย . -- ในบัดนี้ " . . กินรี กินรา ทุกตนในถ้ำ รู้สึกทึ่งในพระทัย รับผิดชอบของกษัตริย์มนุษย์หนุ่ม แห่งนคร กัลปพฤกษ์ ผู้มีรูปโฉมงามราวเทพบุตร . . โพระดกก็นิ่งอึ้ง แล้วนึกอีกอย่างขึ้นมาได้ . รีบบังคมทูล แจ้งเงื่อนไขแห่งสวรรค์อีกประการ ให้ทุกคนได้รับรู้ว่า . . " หม่อมฉันขอกราบทูลถึงอีกประเด็นเพคะ คือว่า - สวรรค์นั้น ก็ยังได้ลิขิตข้อแม้ไว้อีก อย่าง - ว่าหัวใจครึ่งก้อนของเจ้าชายอนันตราช จะบังเกิดผลตามบัญชาแห่งสวรรค์ได้ ก็ต่อเมื่อพระองค์จะต้องมีความรัก ให้แก่องค์หญิง จันทรากินรีของพวกเรา . และองค์หญิงเอง ก็ต้องมีพระทัยรักต่อเจ้าชาย อนันตราชด้วยเช่นกัน เพคะ " . . อนันตราชตรัสเสียงดัง ประกาศยืนยัน . . " ข้ามีหัวใจที่รักมั่น ต่อจันทรากินรี " . . ท้าวเทพปักษาได้ฟัง ก็หันไปทาง . พระธิดา . . " แล้วเจ้าเล่า -จันทรากินรี . เจ้ามีความรักต่ออนันตราชหรือไม่ ? " . . เจ้าชายรีบตรัสเสียงดังว่า . . " เร็วเถิด--อย่าเสียเวลา . มาผ่าเอาหัวใจข้าไปได้เลย . เพราะข้ามั่นใจว่า จันทรากินรีก็มีใจรัก ต่อข้าเช่นกัน " . . " หยุดนะ- อนันตราช ! " . จันทรากินรีตะโกนสวนคำของอนันตราช . . " ท่านอย่าตรัส โดยเอาพระองค์เอง เป็นบรรทัดฐานเช่นนี้ . คิดหรือ ว่าท่านจะล่วงรู้หัวใจที่แท้จริง ของข้าได้ ! " . . สุรเสียงของเจ้าหญิงสั่นเครือสะอื้น ด้วยทรงน้อยพระทัยต่อสิ่งที่อนันตราชได้ กระทำต่อพระนางเมื่อเช้านี้ อย่างที่สุด . " พระบิดาเจ้าข้า -- . ลูกให้เกลียดชังอนันตราชผู้นี้เป็นยิ่งนัก ! เพราะพระองค์เกือบจะโองการ ให้ทหาร เผาบูชายัญลูกทั้งเป็น เพคะ -- ฮือ ๆ ๆ . ลูกจะไม่มีวันรักพระองค์ได้เลย . ฮือ ๆๆๆ - " . . ทรงตรัสแล้ว ก็ยกหัตถ์ขึ้นปิดพักตร์ กันแสงสะอื้นไห้ด้วยความขมขื่นพระทัย . . ทุกคนฟังแล้ว ใจหาย . . อนันตราชเอง ก็ทรงคร่ำครวญอย่าง เสียพระทัยไปอีกองค์ . . " โธ่ -จันทราเอ๋ย . ข้านี้ -ได้ทำตัวเลว ใจดำต่ำช้ากับเจ้าเสีย เหลือเกิน เป็นเพราะข้าถูกมนตร์ดำที่อัปสรา ดารารายกระทำใส่ จนไร้สติสัมปชัญญะ อนิจจา --เจ้าถึงได้เกลียดแค้น ชิงชังข้า ยิ่งกว่ากิ้งกือ ไส้เดือน เหล่ารากดินเยี่ยงนี้ " . . . " ทรงฟังคำ อ้ำอึ้ง ตะลึงคิด . สลดจิต เสียพระทัย ให้หมองหม่น . สงสารนัก โถ-จันทรา มาทุกข์ทน . ข้าเลวล้น เกินอภัย จากใจเจ้า " . . . ทุกคนในถ้ำ พากันถอนหายใจ " เฮ่ยยยยย-- " . ด้วยความผิดหวัง . . -- ดูหรือ . หนทางที่จะช่วยเรียกชีวิตองค์สุริยันกลับคืน เหมือนกำลังจะเข้าวิน นอนมาใสๆ . กลับมาแอเร่อร์ - error หมดหวัง . ราวกับ วิ่งแข่งสี่คูณร้อย ที่นำโด่งมาตลอด แต่กลับส่งไม้สี่พลาด หลุดมือ หน้าเส้นชัย . . แบบนี้ --มันให้รู้สึกสุดจะเสียดายโอกาสทอง นั้น เหลือจะกล่าว . ท่านพญาค้างคาวดำ ที่เกาะหลืบหิน ห้อยหัวมาทั้งวันก็เซ็งเหมือนใครๆ เขา . ก็ขยับปีกไปมาสองสามยึก บรรเทา อาการวิงเวียน หน้ามืด มึนหัว และเมื่อย ขบ . ก่อนกล่าวออกมาดังๆ ด้วยเสียงที่ทั้ง ห้าว และทั้งแหบ . . " เอ-- แล้วจะทำอย่างไรกันดีละนี่ ? หัวใจของศัตรู มีความรักให้ แบบฟูล ๆ . แต่ฝั่งของเรากลับไร้อารมณ์อินเลิฟ ไปซะงั้น . อีกอย่าง -เวลาที่สวรรค์กำหนดให้ช่วย สุริยันได้ ก็เพียงใน 15 ทิวา ราตรี . แล้วตอนนี้- ก็กำลังจะครบบริบูรณ์ในอีก แค่ 100 ห้วงลมหายใจ เท่านั้นนะ . - จะบอกให้ " . . ทุกชีวิตได้ฟังคำที่ท่านพญาค้างคาวยักษ์ บอก ก็ได้แต่ก้มหน้า หมดสิ้นความหวัง . หนทางที่จะช่วยคืนชีวิตใหม่ให้แก่องค์ชาย กินราผู้น่าสงสาร-หมดสิ้นแล้ว . . . ทันใดนั้น-- . อนันตราชก็จับพระแสงมีดสั้นที่ติดองค์ ออกมา . - เงื้อชูขึ้น . . ตรัสเสียงดังก้องถ้ำ . . " มาเอาหัวใจของข้าไปเถิด ! " . . แล้วทรงแทงมีด - ปัก ฉึก ! ลงที่ใกล้อุระขององค์เอง . . " ว้ายยย --- . อนันตราช " . . จันทรากินรีร้อง รีบตรงเข้าฉวยมือของ อนันตราชที่กุมมีดที่ปักคาอกไว้ . -- ไม่ให้กระทำต่อ . เห็นโลหิตสีแดงเข้ม ไหลทะลักออกมา พลั่กๆ ดั่งสายน้ำ . . ทุกคนในถ้ำ ร้องฮือ --กันอื้ออึง . . องค์อนันตราชทรงกล้าหาญ ได้ใจเหลือเกิน ยอมใช้มีดสั้นแทงองค์ เพื่อสละหัวใจให้ . . " โอ--อนันตราช . เจ้า -เจ้าแมนมากๆ . ข้า-เทพปักษา ขอประกาศว่า ข้าให้ อภัยทุกอย่างแก่เจ้าแล้ว " . . ผู้ครองนครหิมพานต์ทรงสะเทือนพระทัย ในความรับผิดชอบของเจ้าชายมนุษย์ . จนพระองค์ถึงแก่หลุดโอษฐ์ ตรัสประโยคนี้ ออกมา . . หากจันทรานั้น ตัวสั่น กันแสง . และกล่าวตัดพ้อ . . " ทำไมท่านจึงเขลาเยี่ยงนี้.... . ฮือๆๆๆ.. . ทำเช่นนี้ - ก็ใช่ว่า หัวใจของท่านจะใช้ รักษาพี่ชายของข้าได้ " . . อนันตราชสบตานาง กล่าวแก่นางว่า . . " เอาหัวใจของข้าไปเถิด..จันทรา ความรักที่ข้ามีต่อเจ้า มันมากมายนัก . อาจทดแทน ที่เจ้าไม่รักข้าเลย ก็เป็นได้ " . . เจ้าแม่ย่ารำพันด้วยความซาบซึ้ง อีกองค์ น้ำเนตรคลอเบ้า . . " โธ่เอ๋ย --อนันตราช . ท่านช่างกล้าหาญ และยอมเสียสละ พระชนม์ชีพ . ช่างสมเป็นหน่อเนื้อเชื้อราชวงศ์ แห่ง สายเลือดขัติยาที่แท้จริง -ยิ่งนัก " . . ท่านปู่พญาค้างคาวดำมีสติกว่าใครๆ รีบกระพือปีก ส่งกลิ่นอับๆ อมตะ . กระตุ้นเตือนบอกเรื่องเวลา ที่ยังคง ตั้งหน้าตั้งตาเดินเข็ม ติ๊ก ต็อก - ติ๊ก ต็อก ไม่หยุด . แบบ- กรูต้องแคร์ใคร -อ๊ะปะ ? . . " จงรีบผ่าเอาหัวใจของเจ้าชาย ออกมา . เวลาที่สวรรค์กำหนด กำลังหดใกล้ เข้ามาทุกที -- แล้วเน่อ " . . " จันทรา..." . . อนันตราชเรียก และสั่งนาง . . " จงใช้มีด คว้านตรงอกข้าให้กว้างออก แล้วชำแหละหัวใจข้าออกมาให้ได้ครึ่งหนึ่ง . --ข้าทำมันเองไม่ได้ " . . " โธ่... " . . จันทราปล่อย โฮ ! . สงสารอนันตราชที่เจ็บปวด จนพักตร์ หล่อเหลานั้นบิด เหยเก . -- แต่ก็ยังหล่อแบบเจ็บๆ นะ . . " เร็วเข้าจันทรา ... " . . อนันตราชร้องเตือนอีกครั้ง . . " รีบลงมือทำเดี๋ยวนี้ ... เราต้องช่วย สุริยันกินราให้ทันเวลา " . . เจ้าหญิงจันทรากินรีกัดฟัน จับมีด กดแทงลงไปในอกของอนันตราชให้ลึก กว่าเดิม . โลหิตจึงยิ่งไหลทะลักออกมามากขึ้น จนเปียกชุ่มโชกไปทั้งวรกายของเจ้าชาย . . อนันตราชสะดุ้งเฮือก . งอองค์ด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ทรงพยายามฝืนองค์ประทับยืนใหม่ . พยักหน้า ให้จันทรากระทำการต่อ . . จันทราจึงดันมีดเข้าไปแรงๆ กระชาก เปิดแผลให้กว้างออก . . อนันตราชหลับตาปี๋ -ย่นหน้าฝืนกลั้น ความเจ็บปวด จนน้ำเนตรของชายชาตรี ไหลริน อาบแก้มลงมาเป็นทาง . . " อนันตราชจ๋า...." . . จันทราเห็นเช่นนั้น ก็สะอื้นกระซิก ๆ . . " ข้าสงสารท่านเหลือเกิน . ... ฮือๆๆ " . . " โอย--- . เจ้าเห็นหัวใจของข้าไหม . รีบผ่าครึ่งมันเร็วเถิด -จันทรา " . . จันทราล้วงจับหัวใจของอนันตราชไว้ ทั้งน้ำตาพร่า . -- ถอนมีดออกมาจากอก .. นางกะประมาณให้ได้ครึ่งหนึ่ง แล้วเชือด ตัดหัวใจดวงนั้นอย่างบรรจง . . . เพลานี้ --- . กินรี กินราทุกตนในถ้ำไม่เว้นแม้แต่ เจ้าย่า หรือเหล่าทหารกินรา ต่างพากัน ร่ำไห้ สะอึกสะอื้น . . สุดสงสารเจ้าชายอนันตราช ที่ทรงประทับ ยืน พระวรกายสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด . ทรงกล้าหาญ ยอมสละชีพ พลีก้อนหัวใจของ ตน เพื่อใช้เรียกคืนพระชีพขององค์ชายสุริยัน . . ทรงต้องยึดจับไหล่ของจันทรากินรีผู้กำลัง เฉือนหัวใจพระองค์ออกมา . แบบไลฟ์ - live สดๆ ต่อหน้าทุกคนในถ้ำ และก็จวนจะสำเร็จแล้ว . . โพระดกยืนร้องไห้ตาบวมแทบปิด . น้ำตานองทั้งใบหน้าของนาง ด้วยสงสาร เจ้าชาย และองค์หญิง สุดที่จะกลั้น . . และแล้ว นางก็ถึงแก่เพ้อพล่าม รำพัน ออกมาเหมือนละเมอ . . " โถ-- . ใจเท่าเพียงกำปั้น... . แล้วยังจะห้ำ จะหั่น . จะแบ่ง จะปัน เพียงครึ่งใจ .. . . ฮือ ๆ ๆ... " . . ฟังคล้ายๆ จะเป็นเอ็มวี ของเพลงเศร้า ที่เคยโด่งดังในอดีตเพลงหนึ่ง . . * * * * * * * * . . ทันที-ที่จันทรากินรีเฉือนครึ่ง ของหัวใจอนันตราช ขาดหลุดออก มาจากอุระ . . เจ้าชายก็สิ้นเรี่ยวแรง สิ้นลมปราณ วรกายทรุดร่วง ล้มหงาย . . จันทรายืนถือหัวใจของอนันตราชที่ยัง เต้นกระดุบ-กระดุบ ร้องลั่น . . " อนันตราช ! ... . อนันตราช ! --- ฮือ ๆๆ " . . ท้าวเทพปักษาทรงตะโกนสั่งทหาร . . " ทหาร-- . รีบเปิดฝาโลงแก้ว - เดี๋ยวนี้ ! " . . แล้วหันมาทางจันทรากินรี . . " จันทรา รีบเอาหัวใจไปวางบนอุระ ของสุริยัน -เร็ว ! " . . จันทรายังหันรีหันขวาง ด้วยใจเป็นห่วง อนันตราช ที่เห็นล้มนอนแน่นิ่งกับพื้นถ้ำ ต่อหน้า . . " กำลังจะหมดเวลาแล้วนะ --จันทรา . รีบทำตามที่พ่อสั่ง -- เดี๋ยวนี้ ! " . . เจ้าหญิงจึงรีบตรงไปที่โลงแก้ว ที่ทหาร กินราเปิดฝารอไว้ให้ . ทรงบรรจงวางหัวใจของอนันตราชลงบน อุระของสุริยันกินรา แล้วถอยหลังออกมา . . พลัน ... . ก็บังเกิดสิ่งอัศจรรย์ อันดับแปดของโลก ที่โลงแก้ว . . มีหมอกควันจางๆ สีเงินยวง แผ่ซ่านออกมา จากในตัวโลง . แล้วตามด้วยกลุ่มละอองดาว-สตาร์ดัสท์- stardust สีฟ้า สีเหลือง และสีส้ม ขนาดเท่าๆ ไข่ไก่เบอร์ศูนย์ ล่องลอยขึ้นมา . ส่งประกายดาววิบวับ แลดูระยิบระยับสวยงาม ฟุ้งกระจายขึ้นมาจากองค์ของสุริยันกินรา . -- ไม่ขาดสาย . . และที่ยิ่งน่าอัศจรรย์ นั่นคือ . ทันใดนั้น - จู่ๆ ก็แว่วเสียงร้องของฝูงนกยูง ไพร จากป่าลึก บริเวณใกล้ๆ ถ้ำพญาค้างคาว ดำ ดังขึ้นพร้อมกันเซ็งแซ่ . . เสียงร้องนั้น . มันดัง-- " ก็อก -ก็อก . ก็อก-ก็อก กระโต้งฮง ! . . มันดัง-- " ก็อก - ก็อก . --ก็อก-ก็อก กระโต้งฮง ! . . -- ฯลฯ -- " . . เสียงร้องของนกยูงที่ดังอยู่ไกลๆ ตอนแรก นั้น บัดดล ก็เริ่มดังใกล้เข้ามา . - ใกล้เข้ามา . . และแล้ว -- . นกยูงฝูงใหญ่ฝูงหนึ่ง ก็ปรากฏชัดขึ้น เหนือท้องฟ้ายามใกล้ค่ำ หน้าปากคูหาถ้ำ . . ทุกคนหันไปมอง ก็ต้องตกตะลึง เห็นเหล่านกยูงนับร้อยตัวพากันกระพือ ปีกบินสวนกันไปมา . -- ว่อนฟ้า ทั่วไปหมด . . แล้วทุกตัวก็โผจับเกาะกิ่งไม้สูงใกล้ๆ ส่งเสียงร้องขัน ก็อก- ก็อก กระโต้งฮง . ประสานเสียง ดังกังวาน ก้องไปทั้งป่าพนา ไพร . ราวกับมาร่วมรับรู้ ว่าบัดนี้ วิญญาณของ สุริยัน -เจ้าชายกินราหนุ่ม แห่งวงศ์วานสาย มยูรทองกำลังจะก่อเกิดพระชนม์ชีพใหม่ขึ้นมา อีกครั้ง . . เหล่าละอองดาวกลุ่มใหญ่ ที่ลอยขึ้นมา เหนือโลงแก้วนั้น ได้ทยอยแตกตัว ดังเปรี๊ยะ - เปรี๊ยะ สลายตัวเอง หายไป . - ดวงแล้ว ดวงเล่า . . พอละอองดาวทุกดวงจางหาย . นกยูงป่าก็พรูกันโผบินออกไปจากป่าบริเวณ นั้น หายไปทันทีเช่นกัน . . บังเกิดความเงียบสนิท ครอบงำบรรยากาศ แทน . จนทุกคนแทบหยุดหายใจตาม . . และทันใดนั้น--- . เจ้าชายสุริยันกินราก็เริ่มรู้สึกองค์ .ทรงขยับองค์ไปมา และกระแอมไอเบาๆ . . " เสด็จพี่สุริยันฟื้นแล้ว !! " . . จันทราร้องอุทานด้วยความดีใจ . . ทุกชีวิตในถ้ำ พากันชะเง้อมองที่โลงแก้ว แล้วปรบมือ โห่ร้องแสดงความยินดี เมื่อเห็น เจ้าชายกินราได้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้งอย่าง น่าเหลือเชื่อ . . องค์เทพปักษาทรงโผเข้ากอดโอรสอย่างสุด แสนจะปลาบปลื้ม รับขวัญลูกชาย ที่ยังคงสลึม สลือกับการฟื้นคืนพระชนม์ชีพใหม่ . . " สุริยันลูกพ่อ . เจ้ากลับมาหาพวกเราแล้ว " . . สุริยันกินรากอดเสด็จพ่อไว้แนบแน่น . . " พระบิดา-- . ลูกจำได้ ว่าลูกสิ้นพระชนม์ไป . แล้วทำไม ลูกจึงฟื้นคืนชีพได้อีก ? " . . ท้าวเทพปักษาทรงตรัสตอบ . . " ลูกเอ๋ย-- จันทราน้องของเจ้า ได้ทุ่มเท ทั้งชีวิตเพื่อช่วยเจ้า . จนบัดนี้ เจ้าก็ได้ฟื้น คืนชีพอีกครั้ง " . . เจ้าแม่ย่านั้นทรงยิ้ม ระบายลมหายใจอย่าง โล่งพระทัย ที่หลานชายแสนรักได้กลับมามี ชีวิตอย่างเหลือเชื่อ . ทรงแตะองค์จันทรากินรี ตรัสชมนางด้วย ความชื่นชม . . " เก่งมาก จันทราหลานย่า . เห็นไหม- แท้ที่จริงแล้ว หัวใจของเจ้าก็รัก อนันตราชนี่นา . -- รีบไปดูเจ้าชายก่อนเถิด . ทางนี้- ย่าจะบอกให้สุริยันเข้าใจทุกๆ อย่าง เอง " . . จันทราจึงรีบกลับมาที่อนันตราช . . . ทรงคุกเข่า ช้อนประคองร่างที่อ่อน ปวกเปียกของเจ้าชายขึ้นมาให้นอนบนตัก ของนาง ลูบไล้พักตร์ซีดเซียวนั้นด้วยความ ห่วงใย . . " อนันตราช- . ท่านได้ยินที่ข้าเรียกไหม ? " . . เงียบ . . ทรงเรียกอีกครั้ง . . " อนันตราช- ท่านเป็นอย่างไรบ้าง -- โปรดตอบข้า " . . ไม่มีปฏิกริยาตอบสนอง . แล้วพระศอของอนันตราชที่ไร้การ ควบคุมก็อ่อนพับไปมา . . ทำให้จันทราตกใจสุดขีด ทรงหวีด ร้อง . . " อนันตราช !!! . อย่าจากข้าไปนะ !!! . อนันตราช -- ข้ารักท่าน !! . ฮือๆ " . . . ทหารกินราที่เป็นผู้เชิญพานใส่ธนูแฝด นั่งคุกเข่าอยู่ใกล้ๆ แอบป้ายนิ้วเช็ดน้ำตา ตัวเอง ก่อนทูลบอกองค์หญิงว่า . . " เจ้าชายทรงสิ้นลม ตั้งแต่ตอนที่หัวใจ ถูกเชือดหลุดออกจากพระอุระแล้ว . - พระเจ้าค่ะ " . . จันทรากินรีกรีดร้องอีกครั้ง น้ำเนตร ไหลพรากๆ . ทรงกอดร่างของอนันตราชไว้แนบอก เอาแต่สะอึกสะอื้น . คร่ำครวญเรียกหาเจ้าชายผู้เป็นที่รัก . . " อนันตราช---- . อนันตราชอย่าทิ้งข้าไปเช่นนี้ . ฟื้นเถิด -- ท่านจงฟื้นมา . -- เพื่ออยู่กับข้า " . . จนทุกคนต่างต้องมารุมล้อม ช่วยกัน ปลอบเจ้าหญิงกินรีด้วยความเวทนาสงสาร . . เห็นเจ้าหญิงทรงลุกขึ้น ดำเนินตรง ไปหาพญาค้างคาวดำอย่างระทดระทวย . ทรงก้มกราบกับพื้นถ้ำ บังคมพญาค้างคาว . ทั้งร่ำไห้ ทูลถามถึงวิธีที่จะช่วยให้เจ้าชาย อนันตราชฟื้นคืนพระชนม์ชีพ เหมือนเช่น เจ้าชายสุริยันกินราผู้เชษฐา . . " ท่านปู่เจ้าขา --ฮือๆ . มีทางใด ที่จะช่วยให้องค์อนันตราชฟื้นคืน พระชนม์ชีพได้บ้างเจ้าคะ . --โปรดบอกหลานมาด้วยเถิด แม้จะต้อง แลกกับชีวิตของหลาน หลานก็สละให้ได้เพคะ . ----- ฮือ ๆๆๆ " . . พญาค้างคาวดำให้สงสารเจ้าหญิงองค์น้อย ยิ่งนัก หากจำต้องตอบนาง ตามความเป็นจริง . ท่านส่ายหน้าไปมา กล่าวว่า . . " ฟังข้านะ--จันทรา อย่าฝืนโลก . อนันตราช หมดโศก สิ้นกังขา . ใช่หน่อเนื้อ เชื้อวงศ์ มยุรา . ที่จะมา ฟื้นชีพได้ นั้น--ไม่มี " . . " จันทรา --- . หมดหวัง หลานเอ๋ย . อนันตราชมิใช่วงศ์วานนกยูงทองจาก สวรรค์เฉกเช่นพวกเจ้า . --สวรรค์จึงไม่ได้ลิขิตการคืนชีพไว้ " . . ฟังคำตอบจากพญาค้างคาวดำผู้หยั่งรู้ ลิขิตชาตา จันทรากินรีพระทัยหาย . ทรงสะอื้นฮักๆ จนตัวโยน พระพักตร์ซีด เผือด -- พระเนตรทั้งคู่หลับนิ่ง . . โพระดกเห็นเข้า รีบผวาเข้าหา . ทันรับร่างของเจ้าหญิงที่ไร้เรี่ยวแรง ทรง ล้มองค์หงาย สิ้นสติสมประดี . . * * * * * * * * * . . ชาวนครหิมพานต์ขณะนี้ มีอารมณ์ ร่วมอยู่สองอารมณ์ด้วยกัน . . อารมณ์แรก คือบังเกิดความปลื้มปิติ ที่องค์ชายสุริยันกินราทรงฟื้นคืนพระชนม์ ชีพได้อีกครั้ง . . ตามราชประเพณี ทางวังเทพปักษาจึง ต้องจัดให้มีมหรสพ สมโภชเฉลิมฉลอง . ที่ขาดไม่ได้ คือการแสดงร่ายรำระบำหลวง ในราชสำนัก . . เนื่องจากเทือกเขาใหญ่ ที่ทอดตัวสูงลิบ แลดูตระหง่านกลางเมืองหิมพานต์ ชนชาว วิลาศมักเรียกขานว่า " หิมาลายา บูเก้ " แล้วยังนำชื่อนี้ไปเป็นยี่ห้อ- แบรนด์ดัง ของ แป้งฝุ่นหอมทากาย จนขายดิบขายดี . แท้ที่จริงแล้ว ภูผานี้ ก็คือ " เขาไกรลาศ " ตามคำเรียกของชาวหิมพานต์เจ้าถิ่น นั่นเอง . . ในการนี้ ทางวังเทพปักษาจึงจัดให้มีการ ฟ้อนระบำ " ไกรลาศสำเริง " อันเป็นระบำ ชั้นสูงของราชสำนัก แสดงให้ประชาชาวนคร หิมพานต์ และบรรดาเหล่าแขกบ้าน แขกเมือง ที่มาร่วมงานนี้ ได้ร่วมชม ร่วมทัศนา ร่วมผ่อ ร่วมกอย ร่วมแล - ร่วมเบิ่งกัน . . แขกผู้มีเกียรติที่ถูกเชิญมางาน ก็เดินทางมา จากทั่วทุกถิ่นแถบ หมดทั้งเทือกเขาไกรลาศ . อาทิ พญานาค ครุฑา คนธรรพ์ เหล่านางฟ้า เทพธิดา เทวดา และหรือ ยักษ์อสูรกุมภัณฑ์ ยันเหล่าวิทยาธร . - ฯลฯ . . . การแสดงระบำไกรลาศ เพอร์ฟอร์มโดย เหล่าดาวนาฏศิลป์หลวงตัวแม่ ๆ ที่เจ้าประคุณ -เหล่าเจ้าก็ช่างร่ายรำได้งดงามยิ่งนัก . ผู้คน และแขกของงาน ชื่นชมระบำกันมาก จนเหลือที่จะกล่าวคำพรรณาชมอีกได้ . . เพลงไกรลาศสำเริงนั้นเล่า--ก็แสนจะ พร้อ-เพราะ โดยเฉพาะในช่วงที่ขับร้องว่า . . " แวดล้อม พร้อมหน้า . เหล่ากินรา -- แหละ กิน-นรี " . . ( ตุ๊ง ติง -- ตุ๊ง ติง - ตุ๊ง ติง ) .. . * * * * * * * * . . ส่วนอีกอารมณ์นั้น คือความเศร้าเสียใจ ที่มีต่อการสิ้นพระชนม์ขององค์อนันตราช กษัตริย์หนุ่มชาวมนุษย์ . อดีตฆาตกร ศัตรูผู้เลวร้าย ที่ทรงใช้ความดี ความจริงในพระทัย เอาชนะใจชาวหิมพานต์ได้ ในที่สุด . . . " โอ้อาลัย ใจสลาย คล้ายสิ้นหวัง . อนันตราช ลาลับไป ไม่จีรัง . สุดจะรั้ง องค์ไว้ ให้กลับคืน . เหมือนม้วยดิน สิ้นฟ้า นภากาศ . ภานุมาศ ณ ยามนี้ ไม่มีชื่น . เทพบุตร ที่สุดงาม ยามวันคืน . มาสิ้นชีพ มิอาจฟื้น ตื่นอีกองค์ " . . . ชาวนครเทพปักษาตัดสินใจเก็บรักษา ร่างของเจ้าชายอนันตราชไว้ในโลงแก้ว ในสุสานที่หนาวจนเยือกแข็ง ณ ถ้ำพญา ค้างคาวดำ . เป็นการให้เกียรติอย่างสูงแก่เจ้าชาย แห่งเมืองมนุษย์ เสมือนว่าทรงเป็นองค์ ราชวงศ์ของเหล่ากินรี และกินรา พระองค์ หนึ่ง . . หยาดน้ำตาของเจ้าหญิงจันทรากินรีรินหยด ขณะทรงวางดอกกาสะลองคำดอกหนึ่ง ลงบน อุระของเจ้าชายอนันตราช ด้วยความอาลัยรัก .. ทรงถอยห่างออกมา- สะอื้นไห้ในอ้อมกอด ของเจ้าแม่ย่า . ทหารกินราทำการปิดฝาโลงแก้ว และผนึก ขอบด้วยยางไม้โดยรอบอย่างแน่นหนา เพราะจะไม่มีวันใดอีกแล้ว ที่เจ้าชายอนันตราช เจ้าของพักตร์ที่ทรงเสน่ห์ แสนงดงาม หล่อเหลา ปานเทพบุตร จะมีโอกาสได้ฟื้นชีพกลับมาอีก . เหมือนเช่นเจ้าชายสุริยันกินรา . . ด้วยเมื่อท่านพญาค้างคาวดำได้ประทับทรง แบบ 4G เพ่งอ่านลิขิตของสวรรค์ แล้วกล่าวแก่จันทรา กินรีว่า วิญญาณของเจ้าชายอนันตราชได้ถูก สวรรค์เรียกคืนไปอยู่ที่นั่นแล้วอย่างถาวร . . พอทรงทราบเช่นนั้น พระหฤทัยของเจ้าหญิง องค์น้อยก็ทรงเผือดแห้ง ปราศจากน้ำหล่อเลี้ยง ราวกับสภาพแล้งสุดๆ ของทะเลทรายซาฮาร่า . ด้วยความรู้สึกประหนึ่งว่า ทรงได้สูญเสีย ทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้วทั้งชีวิต . เพราะตระหนักว่า ได้ทรงมอบความรักแท้ แก่เจ้าชายอนันตราชผู้จากไป หมดสิ้นทั้งห้อง พระหทัย . . ชะตากรรมหนอ - . ดลบันดาลให้สององค์ได้ประสบพบเจอกัน ด้วย การพรากชีวิตขององค์สุริยันไปชั่วคราว . แล้วก็เมตตา ส่งพระชีพขององค์สุริยันกลับคืน มาให้อีกครั้ง . แต่เหตุใดเล่า ช่างใจดำนัก - . ครั้นเอาชีวิตอนันตราชไปบ้าง ก็ไม่ยอมให้โอกาส คืนชีวิตองค์อนันตราชกลับมา . . - - นิจจาเอ๋ย . . " สุริยัน-ของจันทรา . ที่จากฟ้า ยังมีเวลามาเยือน . . แต่อนันตราช -ซิ แชเชือน . ไม่กลับมาเยือน . เหมือนสุริยันของจันทรา . . ฯลฯ . . มองท้องฟ้า-- ให้เวิ้งว้าง --- . หมดทาง เมื่อเธอจากไกล . มองท้องฟ้าไม่อำไพ . ในดวงใจ เหมือนมีไฟ มาแผดเผา--- " . . ( * ปรับแต่งจากเค้าโครงเพลง ตัวไกลใจเหงา ของ ก้อง กาจกำแหง ) . . จันทรากินรีเหม่อมองท้องฟ้า ทรงอาลัยรัก โหยหาอาวรณ์เจ้าชายอนันตราช . พลางกันแสงสะอื้นไห้ . . เจ้าแม่ย่าทรงสงสารองค์หญิงจันทรากินรี ผู้หมองเศร้ายิ่งนัก ตรัสว่า . . " จันทราเอ๋ย-- . หลานอยากไปถือศีลภาวนากับย่าที่ถ้ำ ทางตะวันตกด้วยกันไหม . จิตใจเจ้า จะได้สงบลงบ้าง " . . " เพคะ เจ้าแม่ย่า " . . จันทรากลั้นกันแสง รีบตอบรับคำเจ้าแม่ย่า ทันที . . " โปรดชี้แนะแก่หลานด้วย . หลานอยากลืมทุกๆ อย่างให้ได้เสียเหลือเกิน " . . " โธ่เอ๋ย - หลานรักของย่า " . . ทรงกอด ลูบศีรษะเจ้าหญิงกินรีน้อยไปมา อย่างปลอบประโลม ด้วยไม่เคยทรงเห็นจันทรา กินรีผู้ร่าเริง มาต้องมีพักตร์ที่เศร้าหมองตรอมตรม และก่นทุกข์ เช่นนี้มาก่อนเลย . . " งั้นมาเถิด หลานรัก . -- ไปด้วยกันกับย่า " . . ทรงจูงมือพระนัดดามาที่หน้าโลงแก้ว บรรจุพระศพของเจ้าชายอนันตราช ภายใต้ อากาศของถ้ำที่หนาวเย็นยะเยือก . . สองกินรีสูงศักดิ์ยืนสงบนิ่งหน้าโลงแก้ว ส่งกระแสจิตอำลาเจ้าชายหนุ่มผู้งามทั้งรูปกาย และจิตใจ ที่จากไปอย่างไม่วันหวนกลับ เป็น ครั้งสุดท้าย . ก่อนจะพากันดำเนินไปประทับยืน ตรงลานปากถ้ำ แล้วโผร่าง เหินบินช้าๆ ออกจากถ้ำพญาค้างคาวดำ . ฝ่าแสงสีทองของอาทิตย์ยามอัสดง ดั้นเมฆ ร่อนฟ้า มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก . . ทรงละทิ้งเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นไว้ เบื้องหลัง ปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างให้จางหาย ไปกับกาลเวลา . . เหมือนใบกาสะลองคำแห้งใบหนึ่ง ที่ร่วงโรย หล่นปลิวตกลงมายังพื้น . -- ก็มองเห็นได้เช่นนั้น . . สักพักหนึ่ง มันก็ถูกลืมเลือน ไม่มีใคร จดจำอีก เมื่อกาลเวลาได้พาใบแห้งอื่นๆ ร่วงลงมา . -- ให้เห็นแทน ** จบบริบูรณ์ ** . . จบตอนที่ 7 . ( อวสาน ) ขอขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างสูง ที่กรุณาเข้ามาอ่านบล็อกครับ .................................................................. ** หมายเหตุ : ครั้งนี้เป็นการนำนิยายมาลงบล็อกใหม่อีกครั้ง เขียนลงบล็อกครั้งแรกเมื่อ 21 ตุลาคม 2559 สถิติบันทึกการเข้าอ่าน 2780 ครั้ง ณ 16 ธันวาคม 2561 ** ................................................................................................... ( และ ผมขอขอบพระคุณท่านสมาชิกที่กรุณา vote บล็อกให้ เป็นอย่างยิ่งนะครับ )
|
Huean Piang Din
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] Group Blog
All Blog
Link |
||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |