มกราคม 2559

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
23
24
28
29
30
31
 
 
All Blog
ตอนที่ 1 > 11 วัน เที่ยวคันไซ ประเทศญี่ปุ่น : ก้าวแรกสู่ญี่ปุ่น มุ่งไปเที่ยวเกียวโตกันเถอะ


  เกริ่นนำตามธรรมเนียมกันก่อน การไปเที่ยวญี่ปุ่นรอบนี้เป็นครั้งแรกของเรา เราเฝ้ารอสายการบิน Air Asia X เปิดเส้นทางบินตรงสู่ญี่ปุ่นมา 3 ปีได้ ติดตามข่าวตลอด และพอเปิดเส้นทางบินจริง ให้จองจริงเรานี้ไม่รีรอเลยค่ะ จองเลย จำได้ว่าแย่งชิงกันจองเว็ปแทบล่ม คลิกช้าไปวินาทีเดียว ชีวิตเปลี่ยนค่ะ (คลิกจองไปโตเกียวไม่ทัน 555 เลยได้รูทโอซาก้ามาแทน) จองไประหว่างวันที่ 24 มิถุนายน - 4 กรกฏาคม 2558 รวม 11 วัน (ไหนๆไปทั้งทียิงยาวไปเลย ทำเอาช่วงนั้นกระเป๋าเบาไปเลย ค่าตั๋วเครื่องบินที่จองได้ตอนนั้น ไป-กลับ คนละ 6,990 บาท ( 2 คน = 13,980 บาท ไม่รวมค่าอาหารบนเครื่อง + ประกันเดินทาง + ค่าโหลดกระเป๋า ซึ่งมาหาซื้อที่หลังค่ะ คือขอให้ได้ตั๋วบินมาก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน )

รู้สึกว่าเราซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มอีก 4,000 บาทนะ (ถือคติเกินดีกว่าขาด เผื่อซื้อของกลับมาเยอะ)  และค่าประกันอีกคนละ 369 บาท ของ Cigna ประกันภัย + ค่าอาหารบนเครื่องอีกคนละ 150 บาท (โอ้ว.ววว รวมๆแล้วก็ไม่ได้ถูกนะ 555) อ้อ ค่า Pocket Wifi ของ Samuri  Wifi อีก ประมาณ 1,500 บาท (ไปจองในงานท่องเที่ยวจะมีการลดราคาด้วย) พร้อมแล้วก็ออกเดินทางไปกับเราได้เลยค่ะ อ๊ะ!! เกือบลืม เราเตรียมเงินไปเที่ยว 60,000 บาท คะ ( 2 คนนะ)  คือ คิดและแบ่งเรียบร้อยแล้วว่าในงบหกหมื่นนี้คือ รวมค่าที่พัก ตีไป 10,000  / ค่า Pass ต่างๆ ที่ต้องใช้เดินทาง 10,000 ค่า Shopping 10,000 / ค่ากินตลอดทริป 10,000 ประมาณนี้ค่ะ (ที่แพงคงจะเป็นค่าเดินทาง Pass ต่างๆ นี้ละ เที่ยวไกลก็ยิ่งแพง)



เราตกลงนอนค้างคืนกันที่สนามบินค่ะ (เพราะเห็นใครๆ เขาก็นอนกัน และประหยัดค่าที่พักไปในตัว) เช้าวันที่ 25 มิถุนายน 2558 จะได้เดินทางมุ่งหน้าเข้าเกียวโตเลย ไปถึงสนามบินเวลา ห้าทุ่ม คืนนอนไม่หลับต้องเข้า Lawson ไปหาของกินตอนเที่ยงคืน เง้อ!!



ได้อุด้งมาคนละถ้วย ในราคาประมาณ 120 บาท พร้อมชาเขียวอีก 1 ขวด กินเสร็จหลับสบายยันเช้า (ตรงที่เรานอนเราเลือกนอนใกล้ ศูนย์ตำรวจท่องเที่ยว ติดกับร้าน Lawson และ MC Donald ค่ะ ถึงจะหนวกหูเพราะเสียงเพลงจากร้าน MC Donald และมีคนเดินไปเดินมา แต่เอาที่ปลอดภัยไว้ก่อน เดินไปยืมผ้าห่มจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมา เช้าก็เอาไปคืนค่ะ





ฝากท้องตอนเช้าไว้ที่  Lawson เช่นเดิม (มาซื้อตอนประมาณ 7.30 น.)





กว่าจะออกจากสนามบินได้นี่เสียไปหลายบาทแล้วนะ



ที่ประทับตราน่ารักๆ ที่ชั้น 2 ของสนามบินค่ะ เจอก็ปั๊มเก็บไว้เลย



ตื่นตั้งแต่ตีห้า เพื่อไปรอต่อคิวซื้อ Pass การเดินทางที่ชั้น 1 ก่อน 7.00 น. (ช้ากว่านั้นคนต่อคิวเยอะ)







ICOCA นี่หลายคนน่าจะรู้นะค่ะ เพราะมันใช้เดินทางคล้าย BTS บ้านเรา



และที่ขาดไม่ได้คือ เราต้องซื้อเจ้าตั๋ว HARUKA แบบไป-กลับสนามบินไว้ก่อนเลย มุ่งหน้าสู่เกียวโตเราก็ใช้เจ้าบัตรนี่เลยค่ะ ไปถึงสถานีเกียวโตก็ประมาณ 9.00 -9.30 น. (รอบเข้าสุด เที่ยวแรก)



จากนั้นเราก็เดินเข้าที่พักที่จองไว้จากเนทเสียก่อน รีบไปเอากระเป๋าไปทิ้งไว้ก่อน เพราะมันหนักมาก จากถนนใหญ่เดินมาไม่ถึง 1 โลก็ถึงที่พักแล้วค่ะ แม้ว่ามันจะไม่ใกล้สถานีรถไฟเกียวโต แบบลงมาปุ๊ปเจอปั๊ปแต่เท่าที่หาข้อมูลมาที่นี้ใกล้สุดและราคาถูกสุดแล้ว ตอนที่เราไป คืนละ 1,500 บาท เราพัก 3 คืน ราคา 16,800 เยน ( 4,556 บาท) จ่ายเงินตอนเข้าพักค่า จองที่พักจาก Booking .com



นี้ละค่า หน้าตาที่พักของเรา (ดีนะที่ใช้ Google Map สำรวจเส้นทางมาก่อน เลยหาไม่ยากเท่าไร)



ที่พักชื่อ " โทมาโตะ เกสต์เฮาส์" (Tomato Guest House) 600-8241เกียวโต, เกียวโต, Shimogyo-kuShiokoji-dori Horikawanishi-iru Shimizu-cho 135, ญี่ปุ่น 

พิกัด GPS:N 034° 59.212, E 135° 45.111



เอาละจะพาเช้ามาทัวร์ในที่พักเราละนะ ห้องพักเราติดอยู้ใกล้ห้องสุขาค่ะ ไม่มีกลิ่นเหม็นนะ จากหน้าห้องพักหันหน้าออกไปจะเจอประตูทางเข้าค่ะ 



ห้องที่เราจองมาดูจากเนทดีกว่าห้องอื่นๆ ละ ไม่ชอบนอนรวมกับคนอื่น ยอมจ่ายเพิ่มเพื่อความสบายใจ





ออกมาจากห้องก็เจออ่างแปรงฟัน กับตู้เย็นเลย



ห้องครัวก็อยู่ตรงข้ามห้องที่เราพัก สะดวกดี แต่... เราว่าเตาแก๊สที่นี้สกปรกไปนะ สกปรกมากด้วย จนไม่กล้าใช้



มีห้องอาบน้ำ 2 ห้อง





ห้องกว้างแค่นี้ละ



มาดูหลังบ้านของคนญี่ปุ่นกัน





คือ หาที่ตากผ้าไม่เจอ เลยไม่เคยซักผ้าเลยตลอด 3 วันที่อยู่เกียวโต 





ถัดจากห้องครัวจะเป็นห้องนั่งเล่นรวม เราว่าพนักงานชายที่นี้ดูกวนๆ ยังไงก็ไม่รู้มีอยู่คนหนึ่งคงคิดว่าหน้าตาดีมาก (แหวะ) ทำท่าหยิ่งๆ ถามอะไรก็เชิดๆ พูดกวนๆ ทั้งๆ ที่ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้สำเนียงดีเริ่ดกว่าตรูเลย เชอะ  



หลังจากฝากกระเป๋าเสร็จเราก็ตะลุยออกไปเที่ยวศาลเจ้าอินาริ (ศาลเจ้าหมาจิ้งจอก) 
การเดินทาง : จากสถานีเกียวโตให้นั่งรถไฟJR สายNara ลงที่ป้าย Inari  เดินออกจากสถานีก็จะเจอศาลเจ้าหมาจิ้งจอก เลย สะดวกมาก 



ระหว่างอยู่บนรถไฟก็แอบเก็บรูปมาด้วย



มาถึงสถานีอินาริ เกือบเที่ยงแล้ว เราไปหาอาหารกลางวันทานกัน จากข้อมูลที่หามา แถวนี้จะมีร้านข้าวหน้าปลาไหลร้านป้า ที่ในเนทเขาบอกว่าอร่อยโคตรๆ ค่ะ 



ทางไป :เดินออกมาจากสถานี Inari แล้วให้เดินเลี้ยวไปทางซ้ายเดินไปจนถึงทางแยก ร้านจะอยู่หัวมุมทางซ้ายมือ หน้าตาร้านแบบนี่ค่ะ หาไม่ยาก



เอิ่ม... เห็นราคาแล้วลมแทบจับ แพงอยู่นะ ชาวเนทเขาว่าข้าวห่อเต้าหู้ร้านนี้ถ้าจำไม่ผิดคือเจ้าเเรกค่ะ เเละดังมากๆ


แต่เราเลือกสั่งข้าวหน้าปลาไหล ที่เสิรฟ์พร้อมซุปที่ปรุงจากตับปลาไหลแทนค่ะ เขาว่าอร่อยไม่แพ้กัน



เกิดมาเพิ่งเคยเห็น "ตับปลาไหล" มาเจอที่ญี่ปุ่นนี่ละ ราคาชุดละ 2,000 เยน มื้อนี้ทาน 2 คนก็ 4,000 เยน = 1,000 บาท ( ราคา ณ เดือน มิถุนายน 2558) 
เป็นครั้งแรกที่กินข้าวแพงที่สุดในชีวิต ตกจานละ 500 บาท หากถามว่าอร่อยไหม ก็อร่อยดีค่ะ เพราะปลาไหลเขาสด



แล่ ปิ้ง ย่างกันเห็นๆ หน้าร้าน กลิ่นหอมตลบอบอวล



ปลาไหลเขาดูสีสะอาดตากว่าบ้านเราเนอะ  แต่ถ้าจะให้กินปลาไหลบ้านเรา พี่ก็ไม่เอานะจ๊ะ 555



อิ่มแล้วก็เดินย้อนมาเที่ยวศาลเจ้าอินาริ คนเยอะมาก ขอบอก มีทัวร์จีนลงยิ่งคนเยอะมาก



เสียงดายอากาศครึ้มฟ้า ครึ้มฝน แดดไม่แรง









อันนี้ใครเซียมซีแล้วได้ใบไม่ดีก็เอามาผูกไว้ตรงนี้ละ 



อุโมงค์ยอดฮิตที่ใครๆ ต้องถ่าย คือ คนเยอะมาก ถ่ายมาได้เคยนี้ละ ให้คุณแฟนเป็นแบบเพราะหลังเรามีแต่คนเดินขึ้นมา



สถานที่เที่ยวต่อไปตามแผนที่วางไว้คือ ย่าน Central เกียวโต จากสถานีอินาริเราก็นั่งรถไฟกลับมาที่สถานีเกียวโต และเราเลือกมาปราสาทนิโจค่ะ เพราะดูเวลาแล้วไปเที่ยวพระราชวังอิมพิเรียลไม่ทันแน่ 
 *** การเดินทางในเกียวโตเราใช้ทั้งสถานีรถไฟใต้ดิน + เดิน + ขึ้นรถเมล์ในบางครั้งนะค่ะ เพราะหากขึ้นแต่รถเมล์คงเที่ยวไม่ครบ เพราะที่เกียวโต สี่แยก และไฟแดงเยอะมาก ***  นั่งรถเมล์ก็ติดนานพอควร จะให้เดินก็ขาลากพอดี เราก็ใช้บัตร Kansai Thru Pass นี่ละขึ้นทั้งรถใต้ดินและรถเมล์ในเกียวโต



ก่อนถึงปราสาทก็ต้องถ่านนอกรั้วเสียหน่อย 



เดินไปพักถ่ายรูปไป จะได้รู้สึกว่าไม่เมื่อย (จริงๆ โคตรเมื่อยค่ะ เหนื่อยด้วย น้ำก็ยังไม่ได้อาบกัน ชุดนี้ก็ตั้งแต่เดินทางมาจากประเทศไทย 555 )



เสียค่าตั๋วคนละ 600 เยน








ถ่ายรูปมาได้แค่นี้ละค่ะ เพราะภายในปราสาทเขาห้ามถ่ายรูป คือชอบพื้นไม้กระดานที่เดินมากค่ะ เดินทั่วทั้งปราสาทก็มีแต่เสียงเอี๊ยดอ๊าดทั้งหลัง เพราะเขาทำให้พื้นกระดานมีเสียงเพราะกันขโมยเขามา



สถานที่เที่ยวต่อไป คือ ตลาดนิชิกิ *** ตลาดนิชิกิ เป็นตลาดที่ตั้งอยู่บนถนนคู่ขนานกับถนนShijo-Doriมีรถบัสสาย 5,26, 101 ผ่านและยังมีรถบัสสายอื่นที่วิ่งผ่านถนนนี้ด้วยเช่น สาย 8, 11, 12, 32, 46, 91,201, 203, 207 วันและเวลาเปิด-ปิด แล้วแต่ร้านแต่เวลาเปิด-ปิดส่วนใหญ่คือ 9.00 น. – 18.00 น.และส่วนใหญ่ร้านค้าจะปิดวันพุธหรือวันอาทิตย์ ***



มาเดินสำรวจตลาดสดของประเทศญี่ปุ่นกัน









ที่ตลาดนิชิกิ เขาว่าขนมโดนัทที่ทำจากเต้าหู้ กับไอศรีมเต้าหู้ร้านนี้อร่อยค่ะ



อร่อยดีค่ะ หวานๆ มันๆ 



ไอติมหอมกลิ่นเต้าหู้นิดๆ ค่ะ



แค่ขนมก็ทำให้กระเป๋าเบาได้อีก 555 ไอศรีมเต้าหู้ 300 เยน (90 กว่ายาท)  โดนัทอีก 300 เยน 



เดินออกมาจากตลาดนิชิกิ เราจะไปเที่ยวต่อกันที่ศาลเจ้าซายะกะ ตรงหัวมุมถนนกิออนค่ะ ระหว่างทางเดินเจอร้านขายเครื่องสำอางก็แวะเข้าไปดูราคาเสียหน่อย











บางคนก็ว่าที่ทารักแร้ยี่ห้อนีดี แต่เราไม่ได้ซื้อมาใช้นะ กลัวแพ้



คือเดินไปไม่ถึงหัวมุมถนนกิออนเสียดี ขอเดินมานั่งรถเมล์ไปแทนละกัน เริ่มเมื่อยแล้ว ป้ายรถเมล์ที่เกียวโต ตรงแถวกิออนนี้ดีมาก มีเจ้าหน้าที่ค่อยบริการ ถามว่าเราจะไปไหน หรือเราบอกว่าเราจะไปรถเมล์สายอะไร แกก็จะคอยบอกเมื่อรถเมล์มา แถมไม่มีการวิ่งแย่งขึ้นรถเมล์ กรูกันแบบบ้านเรานะ เขาต่อแถวเรียงคิวกันขึ้นจ๊ะ



การเดินทางไป ศาลเจ้าซายะกะ จากตลาดนิชิกินั่งรถเมล์สาย 46, 12, 201, 203, 207 ไปลงป้าย Gion ได้




เข้ามาในบริเวณศาลเจ้าก็จะเป็นลานกว้างๆ แบบนี้







ติดใจเจ้าเครื่องดื่มกระป๋องนี้มาก กดครั้งแรกที่ศาลเจ้าซายะกะ รสชาติอมเปรี้ยว อมหวาน อร่อยดี



รอชมตอนที่ 2  > 11 วัน เที่ยวคันไซ ประเทศญี่ปุ่น : โถ...กรรมแผนเที่ยวอาราชิยาม่าของฉัน



Create Date : 20 มกราคม 2559
Last Update : 23 มกราคม 2562 14:30:21 น.
Counter : 1599 Pageviews.

1 comments
  
ตามมาเที่ยวคันไซด้วยคนค่า
โดย: mariabamboo วันที่: 21 มกราคม 2559 เวลา:12:52:44 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Emmy Journey พากิน พาเที่ยว
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]



จับกล้องท่องเที่ยวไปกับการเดินทางของฉัน ด้วยการถ่ายภาพที่ใช้อารมณ์ และหัวใจ มากกว่าเทคนิคและกฏเกณฑ์ /Step by step with my journey.

Page : Emmy Journey พากิน พาเที่ยว
https://www.facebook.com/EmmyJourney

Blog : https://emilia0412.bloggang.com

** ขอสงวนสิทธิ์ ***
ข้อมูลทั้งหมด อันรวมถึงข้อความและรูปภาพที่ปรากฏอยู่บน https://emilia0412.bloggang.com ห้ามมิให้ผู้ใดเผยแพร่ ลอกเลียน ทำซ้ำ หรือแก้ไข ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับการยินยอมจากเจ้าของบล๊อก