"ประกายไฟน้อยๆ ลามทุ่งได้"

 
มิถุนายน 2549
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
6 มิถุนายน 2549
 

บัตรเดบิต..ใช้ให้คุ้มค่า

ดุลยทัศน์ พืชมงคล


ธุรกิจ เดบิต การ์ด (Debit Card) เป็นรูปแบบบริการทางด้านการเงินชนิดหนึ่งที่ให้บริการกับผู้บริโภคชาวไทยอย่างจริงจังมาแล้วประมาณ 5-6 ปี คุณสมบัติของบัตรประเภทนี้ก็คือ ผู้ที่เป็นเจ้าของบัตรสามารถใช้บัตรของตนเองจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการได้แทนเงินสดตามร้านค้าหรือสถานที่ที่ติดป้ายรับบริการ (คำว่า Electron)

ทุกวันนี้มีจำนวนผู้ถือบัตรเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเวลาที่มีลูกค้ามาขอสมัครบัตรเอทีเอ็มจากธนาคารก็มักจะได้รับคำแนะนำหรือชักชวนจากเจ้าหน้าที่ให้สมัครเป็นสมาชิกบัตรเดบิตแทนเพราะจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเอกสารประชาสัมพันธ์ที่ให้คำแนะนำในเรื่องคุณสมบัติและการใช้บัตรเดบิตวางโชว์ให้ผู้ที่ผ่านไปมาหรือมีธุรกรรมกับธนาคารได้หยิบไปอ่านเพื่อที่จะนำไปพิจารณาสมัครในภายหลัง

มีบัตรแต่ไม่ค่อยได้ใช้

ขณะที่มีผู้ถือบัตรเดบิตอยู่ในตลาดเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ นั้น ในความเป็นจริงผู้ถือบัตรเหล่านั้นกลับไม่ค่อยจะได้ใช้บริการจากบัตรที่ถืออยู่ซักเท่าไหร่ อาจจะเป็นด้วยความไม่เคยชิน หรือสถานที่ที่มักไปซื้อข้าวของส่วนมากไม่ใช่สถานที่ที่จะรับชำระเงินด้วยบัตรไม่ว่าจะเป็นบัตรอะไรก็ตามเว้นแต่ธนบัตรหรือเงินสด

และเมื่อประสบเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยๆเข้า ก็อาจทำให้ผู้ถือบัตรเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจ และค่อยๆ ปฏิเสธการใช้ไปในที่สุด ด้วยเห็นว่าไม่มีอะไรจะดีเท่าเงินสด ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเงินสดอาจไม่เรียกว่าดีที่สุด แต่เหมาะที่จะเรียกได้ว่ามีความคล่องตัวที่สุด

สำหรับบัตรเดบิต หากได้ใช้อย่างมีการวางแผนก็สามารถสร้างความคุ้มค่าอันเกิดจากการใช้จ่ายในภาคปกติขึ้นมาได้ เพราะหากคุณใช้บัตรเดบิตอยู่เป็นประจำและติดตามข่าวสารข้อมูลอย่างต่อเนื่องบัตรชนิดนี้อาจช่วยให้คุณประหยัดการใช้จ่ายเล็กๆ น้อยที่รวมๆ กันเข้าเมื่อสิ้นเดือนแล้วอาจเป็นจำนวนเงินที่มากพอให้คุณเติมน้ำมันรถได้เดือนครึ่งเดือนจากเงินส่วนนี้ได้เลยทีเดียว เพราะการใช้บัตรเดบิตซื้อสินค้าหรือบริการในชีวิตประจำวันคุณจะได้รับทั้งส่วนลด ของแถม สิทธิพิเศษ จากร้านค้าต่างๆ มากมาย ในบางกรณีหากคุณเป็นคนดวงดีก็อาจได้รับรางวัลพิเศษเป็นบัญชีเงินฝากธนาคารก้อนโตที่แจกกันโครมครามอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นได้

สมมติว่า ประหยัด เป็นผู้ที่ใช้จ่ายด้วยบัตรเดบิตอยู่เป็นประจำ และวันนี้ประหยัดและภรรยาได้หลบร้อนออกไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อทั้งคู่มาถึงห้างสรรพสินค้าเป็นช่วงเที่ยงวันพอดี ประหยัดและภรรยาจึงเดินเข้าร้านพิซซ่าซึ่งเป็นอาหารที่ทั้งคู่โปรดปราน และเมื่อรับประทานกันจนอิ่มหนำสำราญเป็นที่เรียบร้อย ประหยัดจึงควักกระเป๋าหยิบบัตรเดบิตคู่ใจส่งให้พนักงาน พร้อมกับใบประทับตราส่วนลดของทางร้านที่ประทับมาครบแล้วทั้ง 6 ครั้ง ซึ่งดวงตราประดับที่ได้นั้นได้จากการชำระเงินด้วยบัตรเดบิตทุกครั้งที่ทั้งสองแวะเวียนเข้ามาที่ร้านแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นที่สาขาใดก็ตาม เท่ากับว่ามื้อนี้ประหยัดจึงประหยัดเงินไปได้จากส่วนลดที่ทางร้านได้มอบให้เป็นเงินเล็กๆน้อยๆ 45 บาท

จากนั้นประหยัดจึงตัดสินใจเดินขึ้นไปชั้นบนสุดของห้างซึ่งเป็นโซนของโรงภาพยนตร์โดยเฉพาะเพื่อเข้าไปชมหนังเรื่องโปรดที่เขาติดตามไม่เคยขาดมาทุกภาค ความจริงเค้าอยากดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่หนังเพิ่งเข้าฉายใหม่ๆ เมื่อสองสัปดาห์ก่อน แต่เนื่องจากหน้าที่การงานที่รัดตัวมาตลอด ไม่ว่างเว้นแม้แต่ในวันหยุด ดังนั้นกว่าจะมีเวลาว่างเขาจึงต้องอดใจรอมาจนถึงวันนี้ แต่ก็ดีไปอย่าง คือเมื่อประหยัดซื้อตั๋วหนัง เค้าก็ได้รับส่วนลดค่าตั๋วทั้งสองใบๆ ละ 20 บาท เพราะเค้าซื้อตั๋วด้วยบัตรเดบิต และโรงภาพยนตร์ที่นี่เมื่อหนังใหม่เข้าฉายเกินสองสัปดาห์แล้วการใช้บัตรเดบิตซื้อตั๋วจะได้ส่วนลดพิเศษทุกที่นั่ง

หลังจากดูหนังจบด้วยความอิ่มเอมใจ ภรรยาของประหยัดก็จูงมือเค้าไปซื้อกระโปรงใหม่สำหรับใส่ไปงานในวันอาทิตย์หน้า กระโปรงแสนสวยสนนราคา 2,000 บาท แต่ประหยัดก็จ่ายไปเพียง 1,600 บาท เพราะเค้าได้รับส่วนลด 20 เปอร์เซ็นต์หรือ 400 บาท จากการที่ร้านเสื้อผ้านี้ร่วมรายการส่งเสริมการขายกับทางห้างและบัตรเดบิตที่เขาใช้อยู่

บ่ายคล้อยเต็มที แต่ก่อนที่จะถึงบ้านประหยัดเลี้ยวรถเข้าปั้มเพื่อเติมน้ำมันให้แก่รถของเขาที่ใช้งานมาตลอดทั้งสัปดาห์ และเช่นเคย ประหยัดชำระค่าน้ำมันด้วยบัตรเดบิตคู่ใจ พร้อมทั้งรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาดใหม่อีกสองซอง ทำให้ทั้งคู่แน่ใจแล้วว่าวันนี้คงไม่ต้องลำบากออกไปกินข้าวเย็นนอกบ้านอีกรอบ

เป็นอันว่าวันนี้ทั้งวันประหยัด ประหยัดเงินจากกิจกรรมวันหยุดที่นับว่าเพลินเพลินทีเดียวไปได้ทั้งสิ้น เบ็ดเสร็จ 495 บาท ซึ่งบังเอิญเท่ากับค่าน้ำมันที่เค้าเพิ่งเติมไปก่อนเข้าบ้านพอดิบพอดี

ตัวอย่างที่เล่ามานี้อาจจะฟังดูแล้วยุ่งยากไปซักหน่อยกว่าจะที่มาเป็นผู้ใช้บริการบัตรเดบิตอย่างคุ้มค่าได้ ซึ่งจะต้องมาคอยอดทนสะสมรายการส่วนลดหรือต้องคอยสังเกตและติดตามตลอดว่าร้านไหนลดอะไร ลดเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่จำเป็นเลยที่ผู้ถือบัตรจะต้องเครียดหรือกังวลกับการใช้จ่ายมากเกินไปจนกระทั่งเกิดเป็นความทุกข์ใจและไม่กล้าที่จะซื้อหาอะไรเลยเพราะกลัวว่าจะเสียโอกาส เพราะขอเพียงแต่ใช้ตามความเหมาะสมและใช้อย่างมีเหตุผล ก็จะเกิดความสุขตามสมควรจากการใช้เงิน และเมื่อทดลองใช้นานวันเข้าคุณก็จะเกิดความคุ้นเคยและสบายๆกับเรื่องหยุมหยิมเหล่านี้ขึ้นเอง

เดบิตกับเครดิตต่างกันอย่างไร?

ข้อแตกต่างสำคัญของบัตรเดบิตกับบัตรเครดิต (Credit) ก็คือ บัตรเดบิตนั้นเจ้าของบัตรสามารถใช้จ่ายผ่านบัตรได้ตามยอดเงินในบัญชีที่ตนเองมีอยู่กับธนาคารเจ้าของบัตรเท่านั้น ส่วนบัตรเครดิตรสามารถใช้จ่ายได้เกินกว่ายอดที่มีในบัญชีตามแต่วงเงินที่ได้รับหรือเครดิตของแต่ละบุคคล

ข้อดีของบัตรเดบิต คือ ความสะดวกในการใช้ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าการเป็นแค่บัตรเอทีเอ็มเพียงอย่างเดียว ผู้ใช้สามารถใช้บัตรชำระค่าสินค้าได้โดยไม่จำเป็นต้องวิ่งหาตู้เอทีเอ็มเพื่อกดเงินในเวลาที่เร่งรีบหรือจำเป็น

นอกจากนี้ การใช้บัตรเดบิตยังช่วยให้เจ้าของบัตร สามารถควบคุมการใช้จ่ายเงินของตนเองได้ดีและอยู่ในขอบเขตที่แน่นอน เพราะไม่สามารถใช้จ่ายได้เกินกว่ายอดเงินในบัญชี และต้องคอยตรวจสอบอยู่เสมอว่าเงินในบัญชีคงเหลืออยู่จำนวนเท่าไหร่

ในด้านโปรโมชั่นบัตรเดบิตในท้องตลาดทั่วไปก็จัดให้มีส่วนลดและการส่งเสริมการตลาดหลายหลายรูปแบบ ซึ่งเป็นเงื่อนไขกันระหว่างธนาคารเจ้าของบัตรกับบริษัทห้างร้านต่างๆ ที่จะมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่เจ้าของบัตรที่ใช้บริการบัตรของธนาคารและร้านค้านั้นๆ

หากพิจารณาคุณสมบัติตามจุดแข็งของบัตรเดบิตแล้วจะพบว่า ตลาดของบัตรเดบิตเป็นตลาดที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นบุคคลทุกระดับ เป็นตลาดที่มีลักษณะมวลชนคือ ผู้บริโภคทุกคนที่มีบัญชีในธนาคารหรือที่เคยมีบัตรเอทีเอ็มสามารถใช้บัตรเดบิตได้เหมือนกันหมด

ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่ธุรกิจบัตรเดบิตมุ่งเน้นและให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกก็คือ กลยุทธ์ P ตัวที่ 3 ใน 4 P ทางการตลาด ซึ่งหมายถึง Place หรือช่องทางการจัดจำหน่ายหรือในที่นี้จะหมายถึงการเจาะเข้าไปถึงช่องทางที่ผู้บริโภคจะใช้บัตรได้นั่นเอง

ทั้งนี้ก็มีเหตุผลสืบเนื่องมาจาก การจูงใจร้านค้าให้รับชำระค่าสินค้าด้วยบัตรเดบิตให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นและกระจายอยู่ในวงกว้างจะเป็นการสร้างคุณค่าและตอบสนองคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ตัวนี้ได้เป็นอย่างดีที่สุด ว่าง่ายๆ ก็คือถ้ามีร้านค้ารับบัตรชนิดนี้ชำระค่าสินค้ามากขึ้นเท่าไหร่ ผู้ถือบัตรก็จะได้รับความสะดวกในการใช้จ่ายมากขึ้นเท่านั้น ประโยชน์ก็ตกแก่ทุกฝ่ายโดยเฉพาะผู้ออกบัตรเองที่จะได้รับผลตอบแทนจากการมีธุรกรรมที่มากขึ้น

ในแง่ของธุรกิจ การจูงใจร้านค้านั้น นอกจากจะจำเป็นต้องชี้ให้ผู้ประกอบการเห็นถึงโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังสามารถนำเสนอประโยชน์ด้านความสะดวกสบายต่างๆ เข้ามาประกอบได้อีกด้วยเช่น ค่าสินค้าที่ร้านค้าได้รับชำระจากผู้ซื้อสินค้าจะโอนเข้าสู่บัญชีของร้านค้าได้โดยทันทีหรือรวดเร็วกว่าการที่ร้านค้าจะเก็บเงินสดไว้กับมือเพื่อรอที่จะนำไปฝากธนาคารในวันรุ่งขึ้น ซึ่งจะไม่ได้รับประโยชน์จากผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย (แม้จะน้อยนิดในปัจจุบัน) หรืออื่นใดจากรายได้จำนวนนั้น และยังต้องเสียเวลานำเงินฝากธนาคาร รวมไปถึงความไม่ปลอดภัยจากการเก็บรักษาเงินสดเป็นจำนวนมากๆไว้ในร้านค้าหรือไว้กับตัวเอง

พฤติกรรมการใช้บัตรเดบิตในชีวิตประจำวันมีสิ่งที่น่าทำความเข้าใจ 2 ด้าน คือ มูลค่า (Value) และ” ความถี่ (Frequency) มูลค่าคือยอดซื้อสินค้าหรือบริการในแต่ละครั้ง ส่วนความถี่คือปริมาณหรือจำนวนครั้งที่ใช้บริการในแต่ละช่วงเวลา

มูลค่าและความถี่

ในแง่ของผู้บริโภค การพิจารณาความสัมพันธ์ของ 2 สิ่งนี้กับการใช้จ่ายเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะทั้งสองเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเงินที่กำลังล่องลอยออกจากกระเป๋าของตัวเองโดยตรง

หากขณะนี้คุณมีเงินทองใช้สอยไม่ติดขัด (หรือที่นักการตลาดเค้าเรียกกันว่าเป็นผู้มีกำลังซื้อ) และมีทั้งบัตรเครดิตและบัตรเดบิตอยู่ในมือ ขณะที่คุณจะเลือกซื้อสินค้าที่มีมูลค่าหรือราคาที่ค่อนข้างสูง คุณควรจะเลือกใช้บัตรเครดิตชำระค่าสินค้านั้นๆ เนื่องจากการชำระเงินในจำนวนที่มีมูลค่าสูงด้วยบัตรเครดิต ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องถ่ายเทเงินก้อนโตของคุณออกไปจากบัญชีของคุณในตอนนั้นเลย เพราะจะมีผู้มาจ่ายเงินให้แก่คุณก่อน เงินจำนวนนี้ยังจะอยู่กับคุณให้คุณได้อุ่นใจกับสภาพคล่องทางการเงินที่มีอยู่ หลังจากคุณพร้อมและจัดการทุกอย่างไว้ตามเวลาหรือเครดิตของคุณแล้ว เมื่อนั้นคุณจึงค่อยจ่ายเงินจำนวนนี้ออกไป

หลักเกณฑ์ง่ายๆ ในข้อนี้ก็คือให้คนอื่นจ่ายเงินก้อนโตแทนคุณก่อน แต่มีข้อแม้ว่าคุณต้องรักษาเครดิตของตัวคุณเอง

ในอีกด้านหนึ่ง ในกรณีที่คุณจำเป็นต้องจับจ่ายในรายการจิปาถะในชีวิตประจำวันที่มีมูลค่าไม่สูงนัก แต่มีความถี่บ่อย เช่นเข้าซุปเปอร์มาเก็ต ซื้อตั๋วภาพยนตร์ หรือดินเนอร์กับคนรู้ใจ บัตรเดบิตเป็นข้อเสนอที่ดีสำหรับคุณ เพราะคุณคงไม่อยากที่จะยืนต่อคิวตู้เอทีเอ็มที่ยาวเหยียดในช่วงต้นเดือน หรือวิ่งหาตู้เพื่อกดเงินเพิ่มเพราะเงินในกระเป๋าไม่พอจ่ายค่าอาหารทั้งที่ขาดอยู่เพียงไม่เท่าไหร่

นอกจากความสะดวกแล้ว การชำระเงินด้วยบัตรเดบิตยังไม่เสียค่าธรรมเนียมและไม่ต้องกังวลว่าจะเสียดอกเบี้ยปรับ ที่สำคัญคือ การใช้บัตรเดบิตอยู่เป็นประจำจะช่วยให้คุณสามารถควบคุมความปรารถนาที่เสมือนจริงหรือเกินกว่าความเป็นจริงให้อยู่ในกรอบได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพการณ์ปัจจุบันที่มีเครื่องมือทางการเงินที่ล่อใจเป็นจำนวนมากมายที่รอให้เลือกใช้ ซึ่งหากใครเผลอไผลไปกับความสะดวกสบายของมันก็อาจกลายเป็นผู้มียอดหนี้สินและภาระดอกเบี้ยก้อนใหญ่โดยไม่ทันตั้งตัวอย่างที่เกิดขึ้นมากันแล้วนับครั้งไม่ถ้วนและยังคงเกิดขึ้นอยู่ทุกวี่วัน


Create Date : 06 มิถุนายน 2549
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2550 23:36:06 น. 3 comments
Counter : 612 Pageviews.  
 
 
 
 

ขอบคุณค่ะ
ได้ความรู้เยอะเลย
 
 

โดย: Goret วันที่: 6 มิถุนายน 2549 เวลา:1:57:54 น.  

 
 
 
เป็นประโยชน์จริงๆคะ จากรุ่นน้องม.หอการค้าคะ
 
 

โดย: aom IP: 58.8.111.172 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:41:27 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากคะ
มีความสุขมากๆนะคะ
 
 

โดย: กล้ามเนื้อหากิน IP: 117.47.166.216 วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:27:54 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

อาบูหะซัน
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add อาบูหะซัน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com