"ประกายไฟน้อยๆ ลามทุ่งได้"

 
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
7 พฤศจิกายน 2550
 

ความสำคัญของทรัพยากรบุคบุคคลและการสื่อสารภายในองค์กร

ดุลยทัศน์ พืชมงคล

ปัจจุบันศาสตร์ในการจัดการทรัพยากรมนุษย์ตลอดจนศิลปในการบริหารและการสื่อสารภายในองค์กรได้รับการยอมรับโดยทั่วไปแล้วว่า เป็นทักษะความรู้ที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้บริหารในทุกระดับ ทุกสายงาน และทุกสาขาอาชีพ ไม่เว้นแม้แต่คนทำงานรุ่นใหม่ๆที่เพิ่งจะเริ่มต้นเข้าสู่ชีวิตการทำงาน

เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะกระบวนการศึกษาในเชิงทฤษฎีและแนวคิดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์การบริหารยุคใหม่ได้ให้ความสำคัญกับทรัพยากรบุคคลว่าเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าและมีความสำคัญที่สุดขององค์กร พร้อมกันนี้ก็เป็นปัจจัยที่ท้าทายที่สุดสำหรับการบริหารด้วยเช่นกัน

ที่ว่าการบริหารทรัพยากรมนุษย์เป็นเรื่องที่ยากและท้าทายก็เพราะมนุษย์นั้นไม่ใช่ทุนหรือเครื่องจักร แต่มนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีชีวิตจิตใจ มีรักมีชอบ มีโกรธมีเคือง มีความความแตกต่างหลากหลาย และมีความเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง

ดังนั้นการที่งานและองค์กรจะก้าวไปข้างหน้าได้มากน้อยเพียงใดนั้น จึงขึ้นอยู่กับความสามารถในการขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาในเรื่องของคนหรือที่เรียกว่ากระบวนการจัดการคน (Human Resource Management) และเรื่องของกระบวนการสื่อสารในมิติต่างๆ ของผู้บริหารเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้องค์กรหลายแห่งเริ่มมองไปไกลกว่านั้น องค์กรชั้นนำจำนวนไม่น้อยในปัจจุบันมองว่าความสามารถในการจัดการทรัพยากรมนุษย์และทักษะการสื่อสารที่เป็นเลิศนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นคุณสมบัติที่พึงจะมีอยู่เฉพาะกับบุคคลในระดับบริหารขององค์กรเท่านั้น

แต่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งหากพนักงานงานทุกคนในองค์กรตั้งแต่ในระดับบนสุดไปจนถึงระดับล่างสุดหรือแม้แต่พนักงานใหม่ จะมีทักษะและความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวนี้อย่างถูกต้องเป็นพื้นฐาน เพื่อการประสานงานและการขับเคลื่อนไปของกิจการงานต่างๆในภายองค์กรจะดำเนินไปด้วยความมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและมีระดับของความขัดแย้งที่เป็นภาวะสามัญทั่วไปของทุกองค์กรเกิดขึ้นในระดับที่ต่ำหรือเบาบางที่สุด อันเนื่องมาจากความพึงพอใจและความสุขของทรัพยากรบุคคลที่อยู่ร่วมกันในองค์กร

เมื่อไม่นานมานี้มีการสำรวจวิจัยที่สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญของทรัพยากรบุคคลและการสื่อสารที่น่าสนใจยิ่งเรื่องหนึ่ง โดยการสำรวจวิจัยดังกล่าวเป็นการสอบถามในเรื่องของคุณสมบัติหรือทักษะของคนทำงานที่ผู้บริหารของบริษัทชั้นนำในสหรัฐอเมริกาต้องการจะได้เข้ามาร่วมงานด้วยมากที่สุด

ผลสำรวจในประเด็นนี้เป็นที่ฮือฮากันพอสมควร เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะผลที่ออกมาผิดไปจากที่ผู้คนทั่วไปคาดหมายไว้ เนื่องจากผลสำรวจชี้ชัดว่า ทักษะหรือคุณสมบัติที่ผู้บริหารชั้นนำในสหรัฐอเมริกาปรารถนาจะพึงได้จากจากคนทำงานมากที่สุดก็คือ “ทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่น” รองมาคือ “ความสามารถในการทำงานเป็นทีม” และอันดับที่สามก็คือ “ทักษะในการสื่อสารทำความเข้าใจ”

ซึ่งการที่ไม่ปรากฎทักษะในเรื่องของความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญพิเศษ หรือการทำงานอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ผิดพลาด หรือแม้แต่ความชำนาญพิเศษทางภาษาหรือสารสนเทศนั้น สะท้อนได้อย่างชัดเจนว่า แม้ในประเทศที่มีดูเสมือนหนึ่งว่าให้ความสนใจในเรื่องทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีมากที่สุด ก็ยิ่งให้น้ำหนักเกี่ยวกับเรื่องของคนและการสื่อสารมากกว่าเรื่องอื่นใด

เคยมีผู้ตอบข้อสงสัยในประเด็นที่ว่านี้ว่า ผู้บริหารในองค์กรที่มีมาตราฐานไปจนถึงองค์กรชั้นนำในประเทศต่างๆทั่วโลกต่างเชื่อมั่นว่า การแสวงหาทรัพยากรบุคคลที่มีทักษะความรู้ความสามารถนั้นแม้เป็นเรื่องไม่ง่าย แต่ด้วยชื่อเสียงขององค์กรตลอดจนมาตราฐานในการคัดสรรบุคคลากรก็เป็นที่เชื่อมั่นได้ว่า องค์กรของตนเองจะสามารถคัดสรรคนที่มีความรู้ความสามารถได้เป็นอย่างดีและมีมาตราฐานที่ใกล้เคียงกัน ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผู้บริหารระดับสูงจะใช้เป็นจุดตัดสินใจจากการเปรียบเทียบแคนดิเดททั้งหลายก็คือคำตอบที่สะท้อนออกมาจากผลสำรวจที่ว่ามานี้นั่นเอง

ดังนั้น เพื่อโอกาสที่ดีกว่าและเพื่อชีวิตการทำงานที่จะต้องอยู่ในโลกขององค์กรร่วมกับเพื่อนร่วมงานและบุคคลต่างๆนานๆที่ต้องพบปะร่วมงานมากหน้าหลายตาในวันเวลาของชีวิตการทำงานโดยประมาณกว่า 40 ปีของคนเรานี้ การที่จะเรียนรู้ทักษะในเรื่องการบริการทรัพยากรมนุษย์และการสื่อสารภายในองค์กร ตลอดจนเรื่องจิตวิทยาการบริหาร จึงเป็นสิ่งที่ปฎิเสธไปไม่ได้ว่าจะเป็นประโยชน์และน่าจะคุ้มแสนคุ้มเมื่อเทียบกับการที่บุคคลจะต้องใช้ประโยชน์จากความเข้าใจและทักษะที่ดีจากสิ่งเหล่านี้ต่อไปอีกนานหลายสิบปี

สำหรับบางคนที่กำลังคิดไปว่าหน่วยงานหรือสาขาอาชีพที่ตนเองทำงานอยู่นั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ความสนใจกับเรื่องเหล่านี้มากเท่าไหร่นักอยู่นั้น ก็ขอให้มั่นใจว่าแนวความคิดดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่ผิดพลาดแต่ประการใด เพียงแต่หากเปลี่ยนแปลงมุมมองและทบทวนตรวจสอบบ้างในบางครั้งบางคราวก็น่าจะเป็นการดีว่า ที่ว่ามีการติดต่อสื่อสารหรือเกี่ยวข้องน้อยนั้น ใช่หมายความว่าสมควรที่จะต้องเพิ่มปริมาณและคุณภาพการติดต่อสื่อสารทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการเพื่อสร้างประสิทธิภาพของงานและความสัมพันธ์ที่ดีเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกหรือไม่ อย่างไร?

แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในสายวิชาชีพทางบัญชี แม้ว่าจะรู้หรือไม่รู้ตัวก็ตาม แต่ปฎเสธได้ยากว่าลักษณะงานในสายวิชาชีพนี้นั้นเป็นสายงานที่มีความเกี่ยวข้องกับงานบริหารทรัพยากรมนุษย์และการสื่อสารภายในองค์กรในระดับที่สูงที่สุดสายงานหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่งานในสายวิชาชีพนี้ได้รับการยกย่องและยอมรับในระดับที่สูง และมีความสำคัญจนถึงขนาดที่องค์กรทางวิชาชีพบัญชีหรือการเงินบางแห่งมองว่าผู้บริหารระดับสูงหรือที่ปรึกษางทางสายงานบัญชี-การเงินนั้นถือเป็นแบรนด์หรือสื่อทางการตลาดในการสร้างภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือให้แก่องค์กรนั้นๆกันเลยทีเดียว

ที่กล่าวเช่นนี้ก็เนื่องมาจากงานด้านบัญ-การเงินชีนั้น ต้องเกี่ยวข้องกับงานบริหารทรัพยาการมนุษย์และการสื่อสารตั้งแต่เรื่องงานประจำอย่างค่าจ้างเงินเดือน และสวัสดิการพนักงาน ไปจนถึงเรื่องของการติดต่อสื่อสารทั้งกับบุคคลในภายและภายนอกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการจัดทำงบประมาณ งานบัญชีการเงินรายวัน งานรับวางบิล งานสต็อก การติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ ฯลฯ

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ในระยะหลังๆที่ผ่านมา จะมีผู้ที่อยู่ในสายการศึกษาและสายงานบัญชีจำนวนไม่น้อย ที่เริ่มหันมาให้ความสนใจในการพัฒนาความรู้และทักษะทั้งในเชิงวิชาการและเชิงปฎิบัติที่เกี่ยวข้องกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์และการสื่อสารตลอดจนจิตวิทยาการบริหารกันมาขึ้นๆทุกวัน และโดยส่วนมากก็ได้รับผลในเชิงบวกทั้งต่อวิถีการทำงาน ทต่อองค์กร ต่องาน ต่อเพื่อนร่วมงานและต่อตนเองเป็นผลตอบแทน”.




Create Date : 07 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2550 0:32:47 น. 0 comments
Counter : 325 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

อาบูหะซัน
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add อาบูหะซัน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com