 |
|
|
 |
 |
|
|
| | 1 | 2 | 3 |
| 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
| 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
| 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
| 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
| |
|
 |
|
|
|
|
แล้วจีนก็ไปฟุตบอลโลก
(ข้อเขียนเมื่อปี 2002)
คงจะปฏิเสธไปไม่ได้ว่าเมื่อปี 2001 ที่ผ่านมา นับเป็นปีทองปีหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศจีนอย่างแท้จริง
เพราะหลังจากที่ประเทศจีนได้รับคัดเลือกจากคณะกรรมการโอลิมปิคสากลให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิคเกม 2008 ได้เพียงไม่กี่วัน จีนก็มีข่าวดีครั้งใหญ่อีกรอบเมื่อสามารถเข้าไปยึดเก้าอี้ประเทศสมาชิกรายล่าสุดขององค์กรการค้าโลกหรือ WTO ได้อย่างสง่างามสมใจ
แต่ดูเหมือน 2 เรื่องที่ว่ามานี้ยังไม่สามารถทำให้ประชาชนชาวจีนตาดำๆชั้นเดียวนับพันล้านคน ในทุกชั้น ทุกสังคม และทุกหนทุกแห่งทั่วโลกดีใจกันแบบสุดๆ ได้มากเท่ากับการที่ทีมฟุตบอลชาติจีนโจนทะยานผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายในฟุตบอลโลกกลางปีหน้าที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้เป็นผลสำเร็จ
ใครที่ได้ติดตามชมข่าวที่เก็บภาพบรรยากาศที่แฟนบอลชาวจีนเฝ้าลุ้นตามเชียร์ทีมรักของตนเฉือนชนะทีมชาติโอมานไปได้ 1 ประตูต่อ 0 ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น อาจจะต้องตะลึงกึ่งแปลกใจที่เห็นบรรดาผู้คนจากทั่วทุกมุมเมืองของแผ่นดินจีนต่างมารวมกลุ่มดูชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันกันอย่างคึกคัก เหล่ากองเชียร์แต่งกายเต็มไปด้วยสีสัน ชูรูปภาพนักเตะคนโปรด กระดกเบียร์ซิงเตา และร้องเพลงให้กำลังใจนักเตะกันอย่างครึกครื้น
ก่อนเกมการแข่งขันนัดนี้จะเริ่มต้นขึ้น แฟนบอลชาวจีนรู้ดีว่า เพียงแค่ทีมรักของตนเองสามารถเก็บได้ 1 คะแนน หรือหมายถึงเพียงแค่ยันเสมอกับโอมานได้ในนัดนี้ ในกลางปีหน้าพวกเขาก็จะมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะได้เห็นขุนพลนักเตะทีมชาติของตนติดธงมังกรไปโชว์ฝีเท้าที่เมืองซามูไรและอารีดังได้อย่างเต็มภาคภูมิเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์หลังจากที่รอคอยมานานเกือบ 70 ปี
ในค่ำคืนนั้น พลันที่ได้เสียงนกหวีดหมดเวลาการแข่งขัน 90 นาทีดังขึ้น เชื่อได้ว่า ในห้วงความคิดและความรู้สึกของแฟนบอลกว่า 6 หมื่นคนในสนาม และที่อยู่หน้าจอทีวีนับล้านคน คงต่างขมวดรวมเป็นเรื่องราวเดียวกันว่า ชาวจีนเราก็เป็นหนึ่งชาติในโลกที่ไม่น้อยหน้าใครในเวทีกีฬาที่ขนานนามกันว่า ฟุตบอล..กีฬาที่ทุกผู้ทุกนามยอมรับและยกย่องกันว่าเป็น กีฬาของคนทั้งโลก
ทีมชาติของพวกเค้าสามารถตีตั๋วเครื่องบินไว้ล่วงหน้าได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องรอลุ้นกันให้เหนื่อยใจอีกในการแข่งขันนัดที่เหลือ การเฉลิมฉลองเกิดขึ้นกันเป็นการใหญ่ ผู้คนไม่ว่าจะเป็นหนุ่มสาว แก่เฒ่า หรือลูกเด็กเล็กแดง ต่างออกมาแสดงความรื่นเริงยินดีกันถ้วนหน้า แม้แต่คนที่ไม่ชื่นชอบกีฬาประเภทนี้มาก่อนก็ยังอดที่จะภาคภูมิใจไปกับความสำเร็จของประเทศตนในครั้งนี้ไม่ได้
บรรยากาศการเฉลิมฉลองในคืนนั้นไม่ได้สิ้นสุดเพียงแค่ในครอบครัวหรือตามที่ชุมชุมเล็กๆ ในหมู่บ้าน แต่ตามท้องถนนบางแห่งตามเมืองต่างๆ ประชาชนต่างก็พากันออกมาสังสรรค์แสดงความยินดีร่วมกัน ขบวนรถยนต์ที่แล่นผ่านไปมาช่วยกันบีบแตรและกระพริบไฟใส่กันและกัน เปิดหน้าต่างโบกธงชาติกันปลิวไสว และบางพวกก็จับกลุ่มร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนานเฮฮา (ซึ่งต่างไปจากบรรยากาศของเมืองใหญ่ๆ ในสหรัฐอเมริกา กันอย่างสิ้นเชิงราวฟ้ากับดิน ซึ่ง ณ ขณะนั้นเป็นช่วงเวลาไม่นานหลังจากเหตุการณ์ 911)
เหตุการณ์ในครั้งนี้ อาจจะเป็นครั้งแรกที่เรามีโอกาสได้เห็นภาพการดีอกดีใจกันอย่างมโหฬารและเป็นธรรมชาติที่สุด
แม้ว่าการได้เข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลกย่อมจะไม่ใช่เรื่องที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการที่จีนได้เกาะฮ่องกงหรือมาเก๊าคืนจากอังกฤษและโปรตุเกต และก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถเปรียบเทียบได้กับผลประโยชน์มากมายมหศาลที่มีต่อเศรษฐกิจของชาติเท่ากับการที่จีนได้เข้าเป็นสมาชิก WTO หรือแม้แต่เป็นเจ้าภาพโอลิมปิค
แต่ด้วยอิทธิพลของกีฬาฟุตบอล และเกียรติยศศักดิ์ศรีในความรู้สึกนึกคิด รวมถึงความตื่นเต้นยินดีของการที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในเกมระดับมหากาพย์ฟุตบอลนั้น ก็เป็นเรื่องที่ยังความปิติยินดีแก่เหล่ามวลทายาทมังกรในส่วนลึกของอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง
จีนเป็นประเทศที่มีประชากรจำนวนมากที่สุดในโลก มีผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาล มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และกำลังจะเป็นศูนย์รวมของฐานการผลิตและตลาดของโลกในศตวรรษใหม่อย่างเต็มตัว
ด้วยความพรั่งพร้อมทุกเหตุผลทุกประการฉะนี้ การที่จีนได้ก้าวเข้าไปเป็นสมาชิก WTO และเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกหรือปรากฏการณ์ที่เหลือเชื่ออะไร เป็นเพียงแต่ความภาคภูมิใจกับที่สิ่งที่เหมาะที่ควรที่จะเกิดขึ้นตามเวลาที่ถูกต้องเหมาะสมเท่านั้น
แต่ในทางตรงกันข้าม สรรพกำลังและศักยภาพของจีนเหล่านี้ไม่อาจช่วยให้จีนได้มีสิทธิเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้แม้แต่น้อย ซ้ำร้ายยังเป็นสิ่งที่จีนต้องแบกเอาไว้บนบ่าและไว้ที่หน้าผากให้ชาวโลกได้เย้ยหยันกันมาหลายสิบปี
คำกล่าวที่ว่า คนตั้งพันกว่าล้าน จะหาซัก 11 คนไปเตะฟุตบอลแข่งสู้กับใครในโลกเค้าไม่ได้เชียวหรือ? หรือ พื้นที่ก็ออกกว้างขวางทำสนามบอลให้คนฝึกให้คนซ้อมกันได้ตั้งมากมายยังไม่เห็นจะเก่งสู้ใครเค้าได้ (แม้แต่เกาหลีหรือญี่ปุ่น) หรือแม้แต่ ไม่เห็นเก่งเหมือนในหนังจีนหรือหนังกำลังภายในเลยนั้น ต่างค่อยๆ ทับถมรวมเก็บเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจลึกๆ ในอกของชาวจีนมานาน
และบัดนี้ ขุนพลนักเตะทีมชาติจีนชุดตลุยบอลโลกได้ลบความรู้สึกเหล่านี้ออกไปเป็นที่เรียบร้อย กลายเป็นความใสสะอาดปนความสดชื่นซาบซ่านแก่ใจชาวจีนทุกคน
และสำหรับวงการฟุตบอลในประเทศจีนหลังจากนี้นั้น เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า การแข่งขันลีคภายในประเทศในปีต่อๆไป คงจะได้รับความสนใจทั้งจากในและนอกประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน หลังจากที่ก่อนหน้านี้นักเตะหลายคนของจีนเริ่มเป็นสินค้าส่งออกชั้นดีสำหรับทีมฟุตบอลต่างๆ ในทวีปยุโรป และเอเซีย และที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่างๆ ย่อมได้รับอานิสงฆ์จนคึกคักกันไปทั่วหน้า ไม่ว่าจะเป็นด้านลิขสิทธิ์ การถ่ายทอด สปอนเซอร์ หรือบรรดาของที่ระลึก
เชื่อแน่ว่า ในกลางปีหน้า จีนจะเป็นหนึ่งในทีมที่สร้างให้ฟุตบอลโลกครั้งนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์และสีสัน และไม่ว่าผลงานของนักเตะทีมชาติจีนจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม บรรดากองเชียร์ชาวจีน รวมทั้งที่อยู่ในเมืองไทยและทั่วโลกก็คงจะเต็มไปด้วยความสุขสนุกสนานชื่นชม
ความสำเร็จรอบด้านของจีนในปีนี้ รวมทั้งที่เก็บเกี่ยวมาตลอดมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่แล้ว เป็นเสมือนสัญญาณบางอย่างที่ส่งไปบอกชาวโลกอย่างที่คงจะเก็บให้เงียบงันไปไม่ได้ว่า ถึงเวลาแล้วที่ถนนทุกสายจะมุ่งตรงไปสู่ดินแดนมังกรแห่งนี้
และในค่ำคืนเดียวกันกับที่จีนไปถึงฝากฝั่งฝันนั้นเอง ทีมฟุตบอลชาติไทยของเราได้ตกรอบคัดเลือกไปตามความคาดหมาย คงเหลือไว้แต่สถิติการรอคอยอันยาวนานของเราให้ดำรงสถาพรอยู่ต่อไป
จากวันนั้นถึงวันนี้ วงการฟุตบอลไทยยังคงเหมือนเดิมครับ.
| Create Date : 07 มิถุนายน 2549 |
|
1 comments |
| Last Update : 12 พฤศจิกายน 2550 23:30:43 น. |
| Counter : 715 Pageviews. |
|
 |
|
|
| โดย: rgytrfhtrhrt IP: 117.47.157.200 วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:14:16:40 น. |
|
|
|
|
| อาบูหะซัน |
 |
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
