|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
พฤติกรรมซื้อทางอินเทอร์เน็ต
วันก่อนได้มีโอกาสอ่านข่าวการตลาดชิ้นหนึ่งทางหน้าหนังสือพิมพ์ เป็นข่าวรายงานผลการสำรวจข้อมูลการตลาดด้านพฤติกรรมการซื้อของทางอินเทอร์เน็ตของบริษัท เอซีนีลเส็น (ประเทศไทย) ซึ่งอ่านดูแล้วน่าสนใจจึงเก็บเอาความบางส่วนบางตอนของผลการสำรวจมาเล่าสู้กันฟังอีกครั้งหนึ่ง
รายงานดังกล่าวอธิบายสาระสำคัญในเบื้องต้นว่า การสำรวจข้อมูลในครั้งนี้เป็นการสำรวจข้อมูลออนไลน์โดยมีกลุ่มตัวอย่างที่มากถึง 21,100 ตัวอย่าง จากประชากรกว่า 38 ประเทศทั่วโลก
ซึ่งผลการสำรวจระบุว่าปัจจุบันมีประชากรถึง 1 ใน 10 ของโลกแล้วที่จับจ่ายซื้อของผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต
อ่านแล้วก็ชวนให้รู้สึกว่าตัวเลขดังกล่าวค่อนข้างสูงเมื่อวัดจากความรู้สึกส่วนตัว แต่ก็ไม่ถึงกับแปลกใจเพราะพอจะทราบอยู่ว่าอ่านข่าวสารข้อมูลการวิจัยต้องอ่านละเอียดสักหน่อย ไม่อย่างนั้นอาจจะไปตีความหมายของงานวิจัยดีๆผิดเพี้ยนไปเพียงเพราะตัวเองไม่พิจารณาให้รอบคอบหรืออ่านข้อมูลไม่ครบถ้วนสมบูรณ์เอง
ตัวเลข 1 ใน 10 นี้ กล่าวถึงประสบการณ์การซื้อของทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วก็มีความเป็นไปได้ที่ ประชากรทุก 10 คนจะมี 1 คนที่เคยซื้อของผ่านอินเทอร์เน็ตมาก่อน แต่ทั้งนี้ก็อาจไม่ได้หมายความว่าประชากรทุก 1 ใน 10 คนนี้มีพฤติกรรมการซื้ออยู่เป็นประจำด้วยกันทุกคน
เพราะเป็นธรรมดาของเรื่องพฤติกรรมไม่ว่าจะเป็นการจับจ่ายซื้อของในลักษณะไหนก็ตามที่บางคนอาจมีความถี่ในการซื้อบ่อย ในขณะที่บางคนอาจจะซื้อในความถี่ที่ต่ำกว่าเช่นเดือนละครั้งหรือสองครั้ง หรือบางคนอาจจะเคยมีประการณ์การจับจ่ายซื้อของทางอินเทอร์เน็ตที่ผ่านมาในชีวิตเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นก็เป็นได้ ซึ่งรายละเอียดสามารถไปค้นหาดูได้จากผลการสำรวจซึ่งเข้าใจว่ามีข้อมูลตัวเลขประกอบไว้พร้อมสรรพ
ที่สำคัญการสำรวจดังกล่าวเป็นการสำรวจโดยวิธีออนไลน์ซึ่งเป็นช่องทางที่มีลักษณะของกลุ่มตัวอย่างที่มีความสนใจในเรื่องที่เกี่ยวกับโลกของอินเทอร์เน็ตอยู่แล้วในระดับพอสมควร จึงมีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่มตัวอย่างนี้จะมีสัดส่วนของผู้ที่ซื้อของทางอินเทอร์เน็ตในระดับ 1 ใน 10 ดังที่กล่าวมา
ย้อนกลับมาที่รายละเอียดของผลของการสำรวจกันต่อ โดยเฉพาะในส่วนของข้อมูลที่เป็นประโยชน์และน่าสนใจสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจที่ยังอาจจะจับทิศจับทางไม่ค่อยได้ว่า กลุ่มผู้บริโภคทางอินเทอร์เน็ตนั้นมีความนิยมในการเลือกซื้อสินค้าชนิดใดกันบ้าง
ผลการสำรวจระบุถึงความนิยมในการซื้อของทางอินเทอร์เน็ตของคนในประเทศต่างๆว่า กลุ่มผู้ซื้อของทางอินเทอร์เน็ตในยุโรปเช่นเยอรมันและอังกฤษเป็นประเทศที่นิยมซื้อของทางอินเทอร์เน็ตมากเป็นลำดับต้นๆของโลก ส่วนในเอเชีย ต้องยกให้ประเทศไต้หวัน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น โดยทั้งยุโรปและเอเชีย และประเทศอื่นๆทั่วโลกมีความคล้ายคลึงกันในเรื่องของความนิยมในการชำระค่าสินค้าหรือบริการบนอินเทอร์เน็ตด้วยบัตรเครดิตมากที่สุด
ส่วนประเภทสินค้าที่นักช้อปทางอินเทอร์เน็ตทั่วโลกนิยมซื้อกันมากที่สุดคือ สินค้าประเภทหนังสือ รองลงมาก็เป็นจำพวกวีดีโอ ดีวีดี เกม การจองตั๋วเครื่องบิน และเสื้อผ้า เครื่องประดับ เป็นต้น
สำหรับประเทศไทยแม้ว่าสินค้าประเภทวีดีโอ ดีวีดี เกม ที่มีสัดส่วน 29% จะเป็นประเภทสินค้าที่ได้รับความนิยมในการซื้อบนอินเทอร์เน็ตมากเป็นอันดับสองรองจากหนังสือ 39% แต่เมื่อเปรียเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว นักช้อปไทยกลับเป็นกลุ่มคนที่ซื้อสินค้าในกลุ่มวีดีโอ ดีวีดี เกม มากเป็นอันดับหนึ่งในเอเชียแปซิฟิค
ซึ่งสะท้อนได้ว่าตลาดวีดีโอ ดีวีดี เกมในบ้านเราเป็นตลาดที่ใหญ่และหอมหวานอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบธุรกิจด้านนี้ และทำให้อดคิดต่อไปไม่ได้ว่า ที่กล่าวกันว่าเยาวชนคนไทยใช้เวลาไม่น้อยที่เดียวในแต่ละวันไปกับการเล่น วีดีโอ ดีวีดี เกม จนไม่เป็นอันกินอันนอนและอันเรียนนั้นท่าจะเป็นเรื่องที่ใกล้เคียงความเป็นจริงเป็นที่สุดอีกเรื่องหนึ่งในสังคม แต่อย่างไรก็ตามก็ยังเป็นเรื่องดีอยู่บ้างที่คนส่วนใหญ่ยังคงนิยมซื้อหนังสือมากที่สุดอยู่นั่นเอง เพียงแต่สงสัยว่าจะสามารถรักษาตำแหน่งที่ 1 ไว้ได้ตลอดไปหรือไม่เท่านั้นเอง
ในด้านแนวโน้มและทิศทางธุรกิจบนอินเทอร์เน็ตนั้น ทางคุณจันทิรา ลือสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอซีนีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวว่า จากการศึกษาเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซเมื่อเร็วๆนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงแนวโน้มของการขยายตัวการซื้อสินค้าบนอินเทอร์เน็ต ในขณะที่เกือบทุกประเทศทั่วโลกมีอัตราการเติบโตดังกล่าว และพบว่าประเทศด้อยพัฒนากำลังมีอัตราการเติบโตที่เร็วกว่าหลายประเทศที่มีการพัฒนามากกว่า คาดว่าอีกไม่นานประเทศกำลังพัฒนาเหล่านี้จะมีระดับการซื้อสินค้าบนอินเทอร์เน็ตทัดเทียมกับตลาดอื่นๆทั่วโลก
จากการวิเคราะห์ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าโอกาสในธุรกิจบนอินเทอร์เน็ตยังคงเปิดกว้างอยู่สำหรับผู้ที่พร้อมที่จะไขว่คว้าเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทยเรา ซึ่งถ้าจะนับกันจริงๆแล้วก็ยังไม่ถือว่ามีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากมายนัก ซึ่งการที่ยังไม่มีผู้ใช้เป็นจำนวนมากนี้แท้จริงแล้วไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นโอกาสที่ดีที่จะเติบโตและขยายตัวอย่างรวดเร็วดังที่คุณจันทิรา ลือสกุลกล่าวชี้ทางไว้ต่างหาก.
Create Date : 06 มิถุนายน 2549 |
Last Update : 23 กรกฎาคม 2551 15:32:35 น. |
|
0 comments
|
Counter : 435 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
อาบูหะซัน |
|
|
|
|