ท่านทั้งหลายจงดูดาบสผู้มีตบะอันรุ่งเรืองนี้
ดาบสนี้กระทำความปรารถนายิ่งใหญ่เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า
ความปรารถนาของเขาจักสำเร็จ ในที่สุดแห่งสี่อสงไขยกับเศษแสนกัปนับแต่นี้

... บล็อคง่ายๆ ของนายอังคาร ...

Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
15 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 

นางมัลลิกา



นางมัลลิกาภรรยาพันธุละเสนาบดีนับเป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่ง เป็นสตรี ๑ ใน ๓ คน ที่เป็นเจ้าของเครื่องประดับกายชื่อ มหาลดาปสาธน์ ซึ่งมีค่ามากถึง ๙ โกฏิ ทำนองเดียวกับนางวิสาขามหาอุบาสิกา ชีวิตนางมัลลิกาได้รับเคราะห์กรรมหนักมาก สามีและลูกชายถูกฆ่าตายหมดในวันเดียว แต่นางเป็นคนที่รู้เท่าทันกฎแห่งกรรมจึงมีจิตมั่นคงไม่หวั่นไหว ยังคงสงบใจจัดการถวายภัตภิกษุได้ด้วยอาการปกติ

พันธุละเสนาบดี
พันธุละเป็นโอรสของเจ้ามัลละกรุงกุสินารา เมื่อเจริญวัยขึ้นได้ไปเล่าเรียนในสำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์เมืองตักกสิลา เป็นศิษย์ร่วมสำนักกับเจ้าชายต่างนคร ๒ องค์ คือ เจ้าชายปเสนทิโอรสพระเจ้าโกศลกรุงสาวัตถี และเจ้ามหาลิโอรสเจ้าลิจฉวีกรุงเวสาลี เมื่อเรียนจบแล้วต่างแยกย้ายกันกลับบ้านเมืองของตน
เจ้าชายปเสนทิเสด็จกลับกรุงสาวัตถี ทรงแสดงศิลปะที่เล่าเรียนมาถวายพระเจ้าโกศลราชบิดา พระเจ้าโกศลทรงยินดีที่ราชโอรสมีพระปรีชาสามารถจึงมอบราชสมบัติให้เป็นพระเจ้าปเสนทิโกศล ครองกรุงสาวัตถี แคว้นโกศล
ฝ่ายมหาลิกุมารเสด็จกลับกรุงเวสาลี ทรงแสดงศิลปะที่เล่าเรียนมาถวายเจ้าลิจฉวี พระองค์ใช้ความอุตสาหะมากเกินไปทำให้ถึงกับเสียพระเนตร แต่เจ้าลิจฉวีก็ยังแต่งตั้งให้เป็นเจ้าครองประตูใหญ่ด้านหนึ่งซึ่งเก็บส่วยได้วันละแสน และได้เป็นอาจารย์สอนโอรสเจ้าลิจฉวีอื่นๆ ๕๐๐ องค์
ส่วนพันธุละกุมาร พระญาติให้แสดงศิลปะโดยการฟันมัดไม้ไผ่ ๖๐ ลำให้ขาด พันธุละกุมารกระโดดขึ้นไปในอากาศสูง ๘๐ ศอก เอาดาบฟันมัดไม้ไผ่นั้นขาดกระเด็นไปหลายมัดโดยไม่มีเสียงดังเลย ยกเว้นไม้ไผ่มัดสุดท้ายเกิดเสียงดัง “กริ๊ก” พันธุละกุมารสงสัยเขี่ยไม่ไผ่ดูจึงรู้ว่ามีพระญาติแอบเอาเหล็กเส้นสอดไส้ไว้ในมัดไม้ไผ่
พันธุละกุมารโกรธมากที่พระญาติทำให้เสียหน้า บอกว่าถ้าบอกให้รู้สักนิดว่าสอดไส้เหล็กไว้ พระองค์จะฟันไม่ให้มีเสียงเลย แต่นี่กลับไม่บอก พระองค์จะฆ่าพระญาติพวกนี้ให้หมด พระชนกชนนีพยายามห้ามปรามไว้พันธุละกุมารจึงยอมยกโทษให้ แต่พระองค์ไม่หายโกรธและไม่ปรารถนาจะอยู่ร่วมกับพระญาติเหล่านี้อีกแล้ว จึงเดินทางออกจากกรุงกุสินาราไปหาพระสหายที่สาวัตถี
พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงยินดีที่พระสหายเสด็จมาอยู่ด้วย ทรงแต่งตั้งให้พันธุละกุมารเป็นเสนาบดี และเนื่องจากเขามีอำนาจรองจากพระเจ้าปเสนทิโกศลเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น พันธุละจึงเป็นมหาเสนาบดีผู้มีทั้งยศ อำนาจ และเงินตรา

นางมัลลิกาเป็นหมัน
พันธุละเสนาบดีรับพระชนกชนนีมาอยู่ด้วยกันที่สาวัตถี และรับนางมัลลิกาธิดาเจ้ามัลละองค์หนึ่งมาเป็นภรรยา
นางมัลลิกาเป็นภรรยามหาเสนาบดี มียศใหญ่ มีฐานะเป็นเศรษฐี นางจึงมีเครื่องประดับราคาแพงไว้ใช้ตกแต่งร่างกายให้สมฐานะ เรียกว่า มหาลดาปสาธน์ เครื่องประดับนี้เป็นของสตรี มีลักษณะเป็นอาภรณ์คล้ายตาข่ายทองประดับรัตนะใช้คลุมร่างกายจากศีรษะจนจรดปลายเท้า บนศีรษะเป็นรูปนกยูงรำแพน ประดับด้วยเพชร ๓ ทะนาน แก้วมุกดา ๑๑ ทะนาน แก้วประพาฬ ๒๒ ทะนาน แก้วมณี ๓๓ ทะนาน และรัตนะอื่นๆ อีกจำนวนมาก แต่ละชุดมีมูลค่ามากถึง ๙ โกฏิ ผู้ที่มีเครื่องประดับนี้ในชมพูทวีปมีเพียง ๓ คนเท่านั้น คือ นางวิสาขามหาอุบาสิกา ธิดาเศรษฐีกรุงพาราณสี และนางมัลลิกา
นางมัลลิกาเมื่อมาอยู่กรุงสาวัตถีจึงมีโอกาสทำบุญใกล้ชิดพระศาสดา เป็นอุบาสิกาคนสำคัญอีกคนหนึ่ง แต่นางอยู่ร่วมกับพันธุละเสนาบดีหลายปียังไม่มีบุตร ทำให้พันธุละเสนาบดีเดือดร้อนใจจะส่งนางกลับตระกูลเดิมที่กุสินารา ก่อนเดินทางกลับนางมัลลิกาได้ไปกราบทูลลาพระผู้มีพระภาคที่เชตวันมหาวิหาร
พระศาสดาตรัสถามว่าเธอจะไปไหนหรือ นางมัลลิกากราบทูลว่า หม่อมฉันเป็นหมัน ไม่มีบุตร สามีจึงส่งหม่อมฉันให้กลับไปอยู่ตระกูลเดิม
พระศาสดาตรัสว่า ถ้าเป็นเพราะเหตุนั้นก็ไม่ต้องไปหรอก กิจคือการไปของเธอไม่มี เธอจงกลับเรือนเสียเถิด
นางมัลลิกาดีใจกลับไปเล่าให้พันธุละเสนาบดีฟัง ท่านเสนาบดีรู้ว่าต่อไปนางมัลลิกาคงจะมีบุตรได้แน่จึงให้นางมัลลิกาอยู่ด้วยกันต่อไป

นางมัลลิกาแพ้ท้อง
ต่อมาไม่นานนางมัลลิกาก็ตั้งครรภ์ เกิดอาการแพ้ท้องอยากอาบน้ำและดื่มน้ำในสระโบกขรณีอันเป็นสระมงคลสำหรับสรงของเจ้าลิจฉวีในกรุงเวสาลี พันธุละเสนาบดีจึงถือธนู อุ้มนางมัลลิกาขึ้นรถ เดินทางจากสาวัตถีมุ่งหน้าสู่กรุงเวสาลีโดยเข้าประตูที่เจ้ามหาลิเป็นใหญ่อยู่
พอเจ้ามหาลิได้ยินเสียงล้อรถกระทบธรณีประตู ก็รู้ว่าเสียงรถนี้เป็นของพันธุละสหายเรา รำพึงว่าวันนี้ภัยใหญ่คงจะเกิดแก่พวกเจ้าลิจฉวีแล้ว
พันธุละเสนาบดีมาถึงสระมงคลก็ลงจากรถ ใช้หวายตีคนรักษาสระให้หนีไป แล้วตัดตาข่ายโลหะที่เจ้าลิจฉวีสร้างคลุมสระไว้กันไม่ให้นกลงไปในสระออก พานางมัลลิกาลงไปอาบน้ำในสระอย่างสำราญ เสร็จแล้วก็อุ้มนางขึ้นรถ พากลับสาวัตถี
เจ้าลิจฉวี ๕๐๐ พอรู้ว่าพันธุละเสนาบดีบุกรุกมาอาบน้ำในสระศักดิ์สิทธิ จึงพากันขึ้นรถ ๕๐๐ คัน ขับตามออกไปหมายจะจับพันธุละเสนาบดีให้ได้ แต่ก่อนไปได้แวะไปทูลเจ้ามหาลิผู้เป็นอาจารย์ก่อน เจ้ามหาลิตรัสทัดทานว่าพวกเธออย่าตามไปเลย เจ้าพันธุละนั้นมีฝีมือมาก พวกเธอจะพากันตายเสียเปล่า
แต่เจ้าลิจฉวี ๕๐๐ ไม่เชื่อ เจ้ามหาลิจึงตรัสเตือนว่า “ถ้าเช่นนั้น พวกเธอจงสังเกตรอยล้อรถของพันธุละไว้ หากเห็นรอยล้อรถจมดินลึกถึงดุมเมื่อไหร่ให้กลับมา หากยังไม่กลับพวกเธอจงเงี่ยหูฟัง หากได้ยินเสียงดังเหมือนอสนีบาตอยู่ข้างหน้าก็จงพากันกลับ หากยังไม่กลับพวกเธอก็จงดูแอกรถของพวกเธอเอาไว้ หากเห็นแอกรถมีช่องมีรูเมื่อไรจงรีบกลับมาทันที อย่าได้ตามไปต่อเป็นอันขาด”
เจ้าลิจฉวี ๕๐๐ เหล่านั้นลาอาจารย์แล้วรีบออกไปตามพันธุละเสนาบดี นางมัลลิกาหันกลับมาเห็นเจ้าลิจฉวีตามมาจึงบอกให้สามีทราบ พันธุละเสนาบดีสั่งนางว่าให้คอยดูไว้ หากมองเห็นรถเป็นคันเดียวกันเมื่อไรให้บอกด้วย
เมื่อนางมัลลิกามองเห็นรถติดตามทั้งหมดปรากฏดุจเป็นคันเดียวกัน นางจึงบอกสามี พันธุละเสนาบดีให้นางมัลลิกาจับเชือกบังคับรถไว้ ส่วนตนเองยืนขึ้น ลองโก่งธนูจนล้อรถจมลงไปในดินลึกถึงดุมล้อ เจ้าลิจฉวีเห็นรอยล้อรถลึกดังนั้นแล้วยังไม่นึกกลัวเสด็จตามต่อไป
ไปได้หน่อยหนึ่ง พันธุละเสนาบดีก็ลองดีดสายธนูจนเกิดเสียงดังประหนึ่งอสนีบาต แต่เจ้าลิจฉวีได้ยินแล้วยังไม่ยอมเสด็จกลับ พันธุละเสนาบดีจึงยิงลูกศรไปลูกหนึ่ง ลูกศรนั้นแทงทะลุงอนรถ ๕๐๐ คันทะลุเป็นช่อง แล้วแทงทะลุเจ้าลิจฉวี ๕๐๐ องค์ทั้งที่สวมเกราะ โดยทุกองค์ไม่รู้ตัวเลยว่าถูกศรยิงแล้วยังร้องตะโกนสั่งให้พันธุละเสนาบดีหยุดรถ
พันธุละเสนาบดีหยุดรถร้องบอกว่า “พวกท่านเป็นคนตายแล้ว เราไม่รบกับคนตาย”
เจ้าลิจฉวีตรัสว่า “เจ้าพูดอะไร เราไม่ใช่คนตาย เจ้านั่นแหละจะต้องตาย”
พันธุละเสนาบดีบอกว่า “ถ้าไม่เชื่อก็จงแก้เกราะเจ้าลิจฉวีองค์ท้ายสุดออกดู”
พอเจ้าลิจฉวีแก้เกราะ เจ้าลิจฉวีองค์นั้นก็ล้มลงสิ้นชีพิตักษัยไปทันที พันธุละเสนาบดีกล่าวต่อไปว่า
“พวกท่านที่เหลือทั้งหมดก็เป็นอย่างนั้น จงรีบกลับไปเรือนสั่งเสียกิจธุระกับลูกเมียเสียก่อนแล้วค่อยแกะเกราะดูเถิด”
เจ้าลิจฉวีจึงยอมเชื่อทำตามที่พันธุละเสนาบดีบอก กลับไปหาลูกเมีย พอสั่งเสียเสร็จและถอดเกราะออกเจ้าลิจฉวีเหล่านั้นก็สิ้นชีพิตักษัยไปทั้งหมด ส่วนพันธุละเสนาบดีก็พานางมัลลิกาเดินทางกลับสาวัตถีอย่างปลอดภัย

พันธุละเสนาบดีถูกฆ่าล้างตระกูล
ต่อมานางมัลลิกาได้คลอดบุตรชายฝาแฝด ๑๖ ครั้ง พันธุละเสนาบดีกับนางมัลลิกาจึงมีบุตรชายด้วยกันถึง ๓๒ คน เมื่อโตขึ้นทั้งหมดได้เข้ารับราชการในกรุงสาวัตถี มียศ มีอำนาจ ต่างคนต่างมีบริวารมากถึงพันคน มีลูกสะใภ้ให้พันธุละเสนาบดีและนางมัลลิกา ๓๒ คน เมื่อตระกูลของพันธุละเสนาบดีไปเข้าเฝ้า บริวารของพวกเขามีมากจนเต็มพระลานหลวงเลยทีเดียว
วันหนึ่ง มีชาวสาวัตถีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการตัดสินคดีมาร้องเรียนให้พันธุละเสนาบดีช่วย พันธุละเสนาบดีจึงจัดการพิจารณาคดีให้ใหม่ มหาชนได้รับความเป็นธรรมจึงส่งเสียงสาธุการเสียงดังไปถึงพระราชา พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงโสมนัสรับสั่งให้ถอดอำมาตย์ที่เคยทำหน้าที่ตัดสินคดีออก แล้วให้พันธุละเสนาบดีรับผิดชอบการตัดสินคดีความทั้งหมดแทน นับแต่นั้นมาพวกอำมาตย์ผู้เคยได้รับสินบนจากการตัดสินคดีความบิดเบือนก็ผูกใจเจ็บ คอยกราบทูลยุยงพระเจ้าปเสนทิโกศลว่าพันธุละเสนาบดีคิดแย่งชิงราชบัลลังค์
พระเจ้าปเสนทิโกศลถูกยุยงบ่อยเข้าก็หลงเชื่อ แต่ครั้นจะคิดประหารพันธุละเสนาบดีก็เกรงชาวพระนครจะครหา จึงใช้อุบายให้คนปลอมเป็นโจรโจมตีชายแดนแล้วรับสั่งให้พันธุละเสนาบดีพร้อมบุตรชายทั้งหมดคุมกำลังไปจับโจร
พันธุละเสนาบดีเดินทางถึงชายแดนไม่พบโจรเลย เจ้าหน้าที่รายงานว่าพวกโจรได้ข่าวว่าเสนาบดียกกำลังมาจึงหนีไปกันหมด พันธุละเสนาบดีจึงเดินทางกลับ ระหว่างทางก่อนเข้าพระนคร พันธุละเสนาบดีและบุตรชายก็ถูกกองกำลังทหารอีกกลุ่มหนึ่งที่พระเจ้าปเสนทิโกศลส่งมาดักฆ่าตายจนหมด

นางมัลลิกาให้ทาน
วันที่พันธุละเสนาบดีเดินทางกลับมานั้น นางมัลลิกาได้นิมนต์พระอัครสาวกทั้งสองพร้อมภิกษุ ๕๐๐ รูปไปรับภัตตาหารที่เรือน ระหว่างกำลังจัดเตรียมอาหารอยู่ก็มีคนนำหนังสือมาให้ ในหนังสือบอกว่าพันธุละเสนาบดีและบุตรชายทั้งหมดถูกทหารฆ่าตาย นางมัลลิกาอ่านหนังสือนั้นแล้วก็พับใส่ไว้ในพกผ้าไม่บอกใคร จัดการถวายอาหารภิกษุต่อไปด้วยอาการปกติ
ขณะนั้น สาวใช้นางหนึ่งทำถาดเนยใสตกแตกตรงหน้าพระเถระ พระสารีบุตรจึงกล่าวกับนางมัลลิกาว่า สิ่งของทุกอย่างมีอันต้องแตกทำลายไปเป็นธรรมดา ไม่ควรคิดเสียใจและไม่ควรคำนึงถึง
นางมัลลิกาจึงนำหนังสือออกจากชายพกกราบเรียนพระสารีบุตรว่า “มีคนนำหนังสือนี้มาแจ้งดิฉันว่าสามีและบุตรของดิฉันทั้งหมดถูกทหารฆ่าตายแล้ว ดิฉันยังไม่คำนึงถึงเลย แค่ถาดเนยใสตกแตกไปจะต้องคำนึงถึงทำไมเจ้าคะ”
เมื่อถวายภัตตาหารเสร็จแล้ว นางมัลลิกาได้เรียกสะใภ้ทั้ง ๓๒ คนมาสอนว่า “สามีของพวกเธอชาตินี้ไม่มีความผิด แต่ที่ถูกฆ่าตายเพราะได้รับผลกรรมจากชาติก่อนของตน พวกเธออย่าเศร้าโศกและอย่าแค้นเคืองพระราชาเลย”
จารบุรุษของพระราชาได้ยินคำของนางมัลลิกาดังนั้น จึงไปกราบทูลให้พระราชาทรงทราบ พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสลดพระทัยเสด็จไปเรือนของพันธุละเสนาบดี ตรัสขอขมานางมัลลิกาและสะใภ้ให้อดโทษให้พระองค์ด้วย พร้อมทั้งตรัสประทานพรให้มัลลิกาและสะใภ้
นางมัลลิกากราบทูลขอพรว่า “หม่อมฉันไม่ต้องการพรอย่างอื่น เพียงขอพรให้พระองค์ทรงอนุญาตให้หม่อมฉันและลูกสะใภ้ทั้ง ๓๒ คน ได้กลับไปสู่ตระกูลเดิมด้วยเถิด”
พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงอนุญาต นางมัลลิกาจึงส่งสะใภ้ ๓๒ คน กลับไปสู่ตระกูลด้วยตนเอง ส่วนนางได้กลับไปสู่ตระกูลมัลละที่กุสินารา

ถวายมหาลดาปสาธน์
นางมัลลิกาใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่กรุงกุสินารา เครื่องประดับมหาลดาปสาธน์อันมีค่าที่เคยใช้สวมใส่ประดับกายสมัยที่ชีวิตเจริญรุ่งเรืองก็จัดเก็บใส่หีบ ไม่ได้นำออกมาใช้อีก จนกระทั่งถึงวันที่พระศาสดาเสด็จดับขันธปรินิพพาน มัลลกษัตริย์ให้เคลื่อนพุทธสรีระเข้ามาในนครเพื่อถวายพระเพลิง นางมัลลิกาจึงนำมหาลดาประสาธน์ออกมาทำความสะอาด ชำระล้างด้วยน้ำหอม แล้วไปรอที่ประตูนคร
เมื่อพระสรีระของพระศาสดามาถึงแล้ว นางมัลลิกาจึงให้นำเครื่องประดับมหาลดาปสาธน์ไปสวมพระสรีระพระศาสดาตั้งแต่พระเศียรจนจรดพระบาท ทำให้พระสรีระของพระผู้มีพระภาคเจ้าดูรุ่งเรืองงดงามยิ่งนัก นางมัลลิกาเกิดความปีติเป็นอย่างยิ่ง ประนมกรตั้งความปรารถนาว่า
“ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า หากข้าพระองค์ยังคงโลดแล่นอยู่ในวัฏฏสงสารตราบใด ตราบนั้นขอให้สรีระของข้าพระองค์งดงามดุจสวมใส่เครื่องประดับอยู่เป็นนิตย์ด้วยเถิด”
ด้วยผลของบุญที่นางมัลลิกาทำด้วยความศรัทธามากมายหลายครั้ง เมื่อทำกาละแล้วนางจึงไปอุบัติเป็นมัลลิกาเทพธิดา เสวยทิพย์สมบัติโอฬารอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีวิมานประดับด้วยผ้า รุ่งเรืองด้วยแก้ว ๗ ประการ มีรัศมีสีทองผ่องใสปรากฏเหมือนสายน้ำสีทองโปรยลงมาจากทุกทิศ
และด้วยผลบุญที่ได้ถวายเครื่องประดับมหาลดาปสาธน์ มัลลิกาเทพธิดาจึงมีอาภรณ์ทิพย์เป็นร่างแหทองคำเหลืองอร่าม ประดับด้วยทองคำ แก้วไพฑูรย์ แก้วทับทิม แก้วมุกดา แก้วลายคล้ายตาแมว แก้วแดงคล้ายสีเลือด และแก้วสดใสเหมือนสีตานกพิราบ เครื่องประดับนี้ยามต้องลมพัดจะมีเสียงไพเราะเหมือนเสียงนกยูง เสียงพญาหงส์ทอง เสียงนกการเวก หรือเสียงดุริยดนตรีที่บรรเลงโดยพวกคนธรรพ์ไพเราะน่าฟังยิ่งนัก


ที่มา :
- อรรถกถาภัททสาลชาดก, ภัททสาลชาดก
- อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เรื่องพระเจ้าวิฑูฑภะ
- อรรถกถาธรรมเจติยสูตร, มหาปรินิพพานสูตร
- อรรถกถาขุททกนิกาย วิมานวัตถุ มัลลิกาวิมาน




 

Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2554
8 comments
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2554 7:28:25 น.
Counter : 6668 Pageviews.

 

สาธุ
สาธุ

 

โดย: nordcapp (nordcapp ) 15 กุมภาพันธ์ 2554 10:06:51 น.  

 

เกี่ยวกับว่าเวลาสร้างพระหรือเจดีย์ต้องเอาเก้วแหวนเงินทองไปใส่หรือเปล่าคะ


เอากุหลาบพันปีดอยอินมาให้ค่ะ



 

โดย: tuk-tuk@korat 15 กุมภาพันธ์ 2554 17:16:43 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...



สวัสดี วันพุธ ตอนค่ำๆค่าขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่นำมาให้อ่านค่ะ

 

โดย: phunsud 16 กุมภาพันธ์ 2554 19:00:16 น.  

 

คุ้นๆ เรื่องราวว่าเคยฟังทางวิทยุ
ช่วงเช้าวันอทิตย์ใดอาทิตย์หนึ่งแหละคะ

 

โดย: mutcha_nu 16 กุมภาพันธ์ 2554 21:31:52 น.  

 

*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*



*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

*~*~* แวะมาทักทายจ๊ะ..สุขสันต์วันสดใส ขอหัวใจเบิกบาน *~*~*

 

โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* 17 กุมภาพันธ์ 2554 15:56:20 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
ขอโทษที่หายไปสองวัน งานเข้าค่ะ วันที่๒๖ก.พ.นี้เทศบาลและอบต.จัดงานกีฬากลุ่ม ทางคณะผู้บริหารของเทศบาลและอบต.๓แห่งได้ไว้ใจและมอบงานแต่งขบวนให้ เลยช่วงนี้สาละวนกับการsetชุด เสื้อผ้าหน้าผม ช่างแต่งหน้า เลยมีเวลาเข้ามาทักทายน้อยมาก พรุ่งนี้วันหยุดก็คงไม่ได้พักผ่อนอีกตามเคย ไม่เป็นไร มีงานดีกว่าไม่มี....พรุ่งนี้มีโปรแกรมไปไหนหรือเปล่าคะคุณอังคาร มีความสุขมากมายนะคะ....

 

โดย: เกศสุริยง 18 กุมภาพันธ์ 2554 0:07:51 น.  

 

ไปทำบุญวันมาฆบูชามาค่ะ รู้สึกอิ่มใจเลยมาแบ่งความอิ่มใจในการทำบุญนี้ให้คุณอังคารค่ะ

 

โดย: กระติ๊บน้อย 18 กุมภาพันธ์ 2554 16:24:32 น.  

 

แล้วรู้หรือยังล่ะ "วันใดขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก"
อยากบอกอะไรก็จะรับรู้ไว้...ว่าฉันก็เป็นเหมือนเธอ..
อยากบอกให้เธอได้รู้ไว้เธออยู่ในใจฉันเสมอไม่เคยลืม
เวลาเจอก็ดีใจถึงแม้ว่าไม่ได้พูดได้คุยกับเธอก็ตาม
แต่อยากให้รู้ว่า "ยังรัก" เสมอ เช่นกัน

 

โดย: วินัย นักรบนพดล IP: 210.246.186.4 26 ตุลาคม 2554 23:15:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Siri_waT_bkk
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




บางครั้ง เธอเข้าใจไหม
ว่าทำไม จิตใจต้องเพ้อฝัน
ฝันมีสุขร่วมกัน ฝันมีส่วนผูกพัน
สิ่งเหล่านั้น ฉันเองเข้าใจ

   ความหมาย คงคลี่คลายโดยง่ายดาย
   หากได้ระบาย ออกมาให้เธอฟัง
   ก็เพราะเธอเป็นต้นเหตุ ก็เพราะเธอนั้นพิเศษ
   เกินกว่าฉัน จะควบคุมใจ

ยามใดเธอมีทุกข์ อยากหยุดโลกกลับไปช่วยเธอ
ใจมันคอยเสนอ ไม่เคยคิดห่วงใคร
ต่อให้ไกลจะไกลแค่ไหน ก็จะไปยกหัวใจให้
เพียงแต่ตอบรับ หากเธอยอมรับ กับฉัน

   ว่าเธอนั้น มันก็เป็นเหมือนกัน
   ส่วนฉันยืนยัน ประกันได้เลยเธอ
   ไม่ใช่เรื่องหนักใจ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่
   เพียงแค่สามคำ ฉันรักเธอ...

   
    [เพลงจาก http://www.fileden.com]


[ stat since Sep24, 2009 ]
Friends' blogs
[Add Siri_waT_bkk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.