|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เมณฑกเศรษฐี (๒)
เล่าเรื่องเมณฑกเศรษฐีกันต่อครับ
เกิดเป็นเมณฑกเศรษฐี ในพุทธกาลปัจจุบัน เศรษฐีในชาติก่อนโน้นก็ได้มาเกิดเป็นเศรษฐีในภัททิยนคร แคว้นอังคะ (เป็นแคว้นติดกับแคว้นมคธ และในครั้งพุทธกาลเป็นเมืองขึ้นของมคธด้วย) ด้วยกุศลกรรมที่เคยสร้างแพะทองคำไว้ในครั้งพุทธกาลพระวิปัสสีพุทธเจ้า ที่หลังเรือนของเมณฑกเศรษฐีพื้นที่ขนาด ๘ กรีส (ประมาณ ๕๐๐ เมตร) จึงมีแพะทองคำตัวเท่าช้างเท่าม้า ผุดขึ้นจากแผ่นดินเบียดกันแน่นจนเต็มพื้นที่ ในปากแพะทองคำมีกลุ่มด้าย ๕ สี ใครอยากได้อะไรก็เพียงแค่ดึงด้าย ๕ สีเท่านั้น บรรดาสิ่งของที่อยากได้ก็จะหลั่งใหลออกมา ไม่ว่าจะเป็นของกิน เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง และน้ำอ้อย หรือของใช้ เครื่องนุ่งห่ม เงิน ทอง ล้วนมีให้ทั้งสิ้น เศรษฐีจึงได้ชื่อว่า เมณฑกเศรษฐี หรือเศรษฐีแพะทองคำ ครั้งนั้น ภรรยาเศรษฐีในชาติก่อนก็มาเกิดในตระกูลเศรษฐีตระกูลหนึ่ง บนฝ่ามือของเธอมีรูปดอกบัวเต็มฝ่ามือซ้าย มีรูปพระจันทร์เต็มฝ่ามือขวา เป็นเพราะอานิสงส์ที่เคยจับหม้อข้าวด้วยมือซ้าย จับทัพพีด้วยมือขวา แล้วใส่ภัตจนเต็มบาตรของภิกษุสงฆ์และพระพุทธเจ้าในปางก่อน นอกจากนี้นางยังมีรูปดอกบัวเต็มฝ่าเท้าซ้าย มีรูปพระจันทร์เต็มฝ่าเท้าข้างขวา ด้วยอานิสงส์ที่นางเดินไปมาถือเครื่องกรองน้ำถวายแก่ภิกษุสงฆ์ ด้วยเหตุนี้ญาติจึงตั้งชื่อให้นางว่า จันทปทุมา ต่อมานางได้เป็นภรรยาหลวงของเมณฑกเศรษฐีตามบุพเพสันนิวาสที่ได้เกื้อกูลและสร้างบุญร่วมกันมา ทั้งสองมีบุตรชื่อว่าธนัญชัย มีสะใภ้ชื่อว่าสุมนาเทวี มีทาสชื่อปุณณะ คนทั้งหลายเหล่านี้ก็ล้วนเป็นผู้ได้ทำกุศลกรรมร่วมกันมาทั้งสิ้น
เศรษฐีทดลองบุญ วันหนึ่ง เมณฑกเศรษฐีใคร่จะทดลองบุญของตน จึงทำฉางข้าว ๑,๒๕๐ ฉางให้ว่าง อาบน้ำสระผมแล้วมานั่งที่หน้าประตู พอเศรษฐีแหงนดูเบื้องบนฉางที่ว่างก็กลับเต็มไปด้วยข้าวสาลีแดงทันที เมณฑกเศรษฐีทดลองบุญของตนแล้ว บอกให้ภรรยาและบุตรทดลองบุญดูบ้าง นางปทุมาเทวีภรรยาเศรษฐีทดลองบุญ ให้คนไปป่าวร้องว่าผู้ใดต้องการข้าวสวยให้มารับได้ที่เรือนเศรษฐี แล้วนางก็นั่งบนอาสนะที่ซุ้มประตูใช้ทัพพีทองคำตักข้าวสวยแจกจ่ายให้คนที่มารับข้าวสวยทุกคนจนเต็มภาชนะเหมือนกันหมด ทำอยู่อย่างนี้ตั้งแต่เช้าจดเย็นข้าวสวยก็ไม่หมดหม้อ มีเพียงรอยยุบเหมือนตักไปทัพพีเดียวเท่านั้น ธนัญชัยบุตรเศรษฐีทดลองบุญบ้าง เขาถือถุงใส่กหาปณะพันหนึ่งแจกให้ผู้คนที่ต้องการ ใครนำภาชนะอะไรมาใส่กหาปณะนั้นธนัญชัยก็หยิบใส่ให้จนเต็ม แต่แจกทั้งวันกหาปณะในถุงก็ยังคงมีอยู่พันหนึ่งเหมือนเดิม สุมนาเทวีลูกสะใภ้เศรษฐีทดลองบุญบ้าง นางนั่งแจกข้าวเปลือกกระบุงหนึ่ง ใครเอาภาชนะอะไรมาใส่นางก็ตักให้จนเต็ม นางตักข้าวเปลือกในกระบุงเดิมแจกตั้งแต่เช้าจดเย็นข้าวเปลือกในกระบุงก็ไม่ยุบไม่พร่องเลยแม้เพียงนิ้วเดียว ส่วนทาสของเศรษฐีทดลองบุญโดยเทียมโคด้วยแอกทองคำ ผูกด้วยเชือกทองคำ แล้วถือปฏักทองคำพาโคไปไถนา ปรากฏว่านาที่เขาไถมีรอยไถขึ้น ๗ รอย ตรงกลางรอยหนึ่ง ข้างซ้าย ๓ รอย และข้างขวา ๓ รอย นับตั้งแต่นั้น เมณฑิกเศรษฐีก็ได้เป็นที่พึ่งของชาวชมพูทวีป ใครต้องการข้าวของเงินทองอะไรก็มาเอาได้ตามชอบใจจากเรือนเศรษฐี
พระเจ้าพิมพิสารให้พิสูจน์ อานุภาพบุญของเมณฑกเศรษฐีไปถึงพระกรรณพระเจ้าพิมพิสาร พระองค์จึงรับสั่งให้มหาอำมาตย์ผู้สำเร็จราชการให้ไปพิสูจน์ความจริง มหาอำมาตย์รับราชโองการแล้วจึงพาขบวนเสนา ๔ เหล่า เดินทางไปภัททิยนคร ไปพบเมณฑกเศรษฐีบอกว่าพระเจ้าพิมพิสารส่งตนมาเพื่อพิสูจน์อานุภาพบุญของเศรษฐีให้เห็นกับตา เมณฑกเศรษฐีจึงแสดงบุญโดยการอาบน้ำสระผม แล้วไปนั่งอยู่นอกประตูฉางเปล่า เพียงเงยหน้าขึ้นเท่านั้นก็มีท่อธารข้าวเปลือกตกลงมาจากอากาศจนเต็มฉางต่อหน้ามหาอำมาตย์ มหาอำมาตย์เห็นบุญเศรษฐีแล้วจึงขอดูบุญของภรรยาเศรษฐีบ้าง นางปทุมาเทวีจึงแสดงบุญโดยการหุงหม้อและทำแกงอย่างละหม้อ แล้วนั่งตักอาหารนั้นเลี้ยงเสนาทั้ง ๔ เหล่า เสนาเหล่านั้นอิ่มแล้ว แต่ข้าวสวยและกับข้าวยังอยู่เหมือนเดิม มหาอำมาตย์เห็นบุญของนางปทุมาเทวีแล้วจึงขอดูบุญของบุตรเศรษฐีบ้าง ธนัญชัยเศรษฐีแสดงบุญโดยการถือถุงจุเงินพันหนึ่งถุงเดียวเท่านั้น เที่ยวเดินแจกเบี้ยหวัดกลางปีแก่เสนาทั้ง ๔ เหล่า แจกจนครบแล้วยังมีเงินเหลืออยู่ในถุง มหาอำมาตย์เห็นบุญของธนัญชัยเศรษฐีแล้ว จึงขอดูบุญภรรยาของเขาบ้าง สุมนาเทวีจึงแสดงบุญโดยการนั่งตักข้าวสารจากกระเฌอจุข้าว ๔ ทะนานใบเดียว แจกเป็นข้าวกลางปีแก่เสนาทั้ง ๔ เหล่า แจกจนครบแล้วยังมีข้าวเหลืออยู่ในกระเฌอ มหาอำมาตย์เห็นบุญสุมนาเทวีแล้วก็ขอไปดูบุญนายปุณณะที่แปลงนา ได้ดูนายปุณณะไถนาเกิดรอยไถครั้งละ ๗ รอย ซ้าย ๓ รอย ขวา ๓ รอย ตรงกลาง ๑ รอย มหาอำมาตย์เห็นอานุภาพบุญเมณฑกเศรษฐีด้วยตาตนเองแล้ว จึงพาขบวนเสนาเดินทางกลับไปกราบทูลให้พระเจ้าพิมพิสารทรงทราบว่าเศรษฐีและคนใกล้ชิดมีอานุภาพบุญเป็นจริงสมคำร่ำลือ
เศรษฐีบรรลุธรรม สมัยหนึ่ง พระศาสดาทรงเห็นอุปนิสัยของเมณฑกเศรษฐีและคนในตระกูล พระองค์จึงเสด็จมาสู่ภัททิยนครพร้อมพระสาวก ๑,๒๕๐ รูป ประทับที่ชาติยาวัน เมณฑกเศรษฐีสดับว่าพระศาสดาเสด็จมาจึงให้วิสาขาหลานสาวอายุ ๗ ขวบ ชวนเพื่อนๆ ไปรับเสด็จพระศาสดา นางวิสาขาจึงพาเพื่อน ๕๐๐ คนไปรับเสด็จและฟังธรรม ฝ่ายเมณฑกเศรษฐีก็ได้ไปฟังธรรมด้วย พวกเดียรถีย์รู้ข่าวจึงไปดักที่ระหว่างทางพยายามพูดจาโน้มน้าวใจไม่ให้เศรษฐีไปฟังธรรม เมณฑกเศรษฐียิ่งเชื่อมั่นว่าพระสมณโคดมต้องเป็นพระสัพพัญญูจริงแท้แน่ พวกเดียรถีย์จึงพยายามขัดขวาง ท่านเศรษฐีจึงไม่ฟังพวกเดียรถีย์เดินทางไปเฝ้าพระศาสดาด้วยความเลื่อมใส พระศาสดาทรงแสดงธรรมด้วยอนุปุพพิกถาแก่ชาวภัททิยนคร จบธรรมเทศนาแล้ว เมณฑกเศรษฐี วิสาขา และเพื่อนๆ ๕๐๐ คน มีดวงตาเห็นธรรมสำเร็จเป็นพระโสดาบัน เมณฑกเศรษฐีจึงนิมนต์พระศาสดามารับมหาทานที่เรือนเป็นเวลาครึ่งเดือน หลังจากนั้น พระศาสดาได้เสด็จจาริกไปทางแคว้นอังคุตตราปะ
ต้นบัญญัติปัญจโครสและเสบียงเดินทาง พระศาสดาเสด็จจากภัททิยนครโดยไม่ได้บอกกล่าวเมณฑกเศรษฐี เศรษฐีรู้จึงสั่งคนให้เตรียมเสบียง คือ เกลือ น้ำมัน ข้าวสาร และของขบฉันต่างๆ บรรทุกเกวียนตามไปเพื่อถวายพระศาสดา และสั่งให้คนเลี้ยงวัวพาแม่วัวนม ๑,๒๕๐ ตัว ตามไปด้วย ตั้งใจว่าจะไปถวายนมวัวสดอุ่นๆ ที่เพิ่งรีดออกจากแม่วัวใหม่ๆ เมื่อขบวนเมณฑกเศรษฐีตามเสด็จพระศาสดามาทันแล้ว ท่านได้นิมนต์ให้พระศาสดาหยุด แล้วถวายภัต ของฉัน ของเคี้ยว จำนวนมาก ให้คนเลี้ยงวัวนำวัวมายืนด้านหลังภิกษุแต่ละรูป แล้วรีดนมวัวสดอุ่นๆ ถวายพระศาสดาและพระสาวก แต่พระสาวกไม่รับนมสด พระศาสดาจึงตรัสพุทธานุญาตว่า ภิกษุทั้งหลายให้รับและฉันปัญจโครสได้ คือ น้ำนมวัวที่เป็นนมสด นมส้ม เปรียง เนยข้น และเนยใส เมื่อถวายภัตเสร็จแล้ว เมณฑกเศรษฐีกราบทูลถวายเสบียงด้วย เพราะรู้ว่าหนทางข้างหน้าค่อนข้างกันดาร อัตคัตน้ำและอาหาร ถ้าไม่มีเสบียงจะเดินทางผ่านไปได้ลำบาก พระศาสดาจึงมีพุทธานุญาตให้ภิกษุรับเสบียงได้หากต้องเดินทางในที่กันดาร อัตคัตน้ำและอาหาร เมณฑกเศรษฐีได้ถวายนมสดและเสบียงสมใจแล้วจึงเดินทางกลับภัททิยนคร
จบเรื่องเมณฑกเศรษฐี ในเรื่องนี้หลับตานึกถึงแพะทองคำที่ผุดขึ้นเต็มหลังบ้านก็ต้องร้องว่าโอ้.. รวยจริงๆ แต่ความร่ำรวยนี้อาจจะยังนึกไม่ออก ตอนต่อไปจะนำเรื่องของนางวิสาขาคนที่เป็นหลานสาวมาเล่าต่อ ตอนนั้นจะเห็นความโกลาหลสองเรื่อง คือ ตอนที่ตระกูลนางวิสาขาย้ายไปอยู่สาวัตถี ตระกูลนี้ใหญ่มากขนาดเข้าเมืองสาวัตถีไม่ได้ ต้องสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ชื่อว่าสาเกต กับอีกตอนที่นางวิสาขาจะแต่งงานแล้วให้ขบวนขันหมากรอที่นอกเมืองถึงสี่เดือนจนไม่มีฟืนหุงข้าว ต้องเอาผ้าเนื้อดีมาเผาไฟแทนฟืน
Create Date : 08 กันยายน 2553 |
Last Update : 8 กันยายน 2553 15:22:20 น. |
|
8 comments
|
Counter : 1118 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Why England วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:20:31:12 น. |
|
|
|
โดย: Why England วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:20:32:34 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:16:38:35 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:9:44:13 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
บางครั้ง เธอเข้าใจไหม ว่าทำไม จิตใจต้องเพ้อฝัน ฝันมีสุขร่วมกัน ฝันมีส่วนผูกพัน สิ่งเหล่านั้น ฉันเองเข้าใจ ความหมาย คงคลี่คลายโดยง่ายดาย หากได้ระบาย ออกมาให้เธอฟัง ก็เพราะเธอเป็นต้นเหตุ ก็เพราะเธอนั้นพิเศษ เกินกว่าฉัน จะควบคุมใจ ยามใดเธอมีทุกข์ อยากหยุดโลกกลับไปช่วยเธอ ใจมันคอยเสนอ ไม่เคยคิดห่วงใคร ต่อให้ไกลจะไกลแค่ไหน ก็จะไปยกหัวใจให้ เพียงแต่ตอบรับ หากเธอยอมรับ กับฉัน ว่าเธอนั้น มันก็เป็นเหมือนกัน ส่วนฉันยืนยัน ประกันได้เลยเธอ ไม่ใช่เรื่องหนักใจ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพียงแค่สามคำ ฉันรักเธอ...
[เพลงจาก http://www.fileden.com]
[ stat since Sep24, 2009 ]
|
|
|
|
|
|
|