นักฝันผู้ชอบเขียนเล่าเรื่อง
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2566
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
24 กุมภาพันธ์ 2566
 
All Blogs
 

My Rose My Love บทที่ ๒

“ถ้าทำตามแผนที่โรสวางไว้ โรสมั่นใจว่าโครงการสร้างห้างสรรพสินค้าของเราจะช่วยกอบกู้ผลประกอบการของคุณากรพร็อพเพอร์ตี้ให้ดีขึ้นได้แน่นอนค่ะ”

น้ำเสียงของหญิงสาวใบหน้าหวานที่มอบคำมั่นแก่ผู้ร่วมประชุมนั้นก็หนักแน่นชัดถ้อยชัดคำดี แต่ผลตอบรับจากทุกคนคือการมองหล่อน รสสุคนธ์ เศรษฐกมล ด้วยดวงตาหวั่นราวกับเพิ่งถูกหล่อนสั่งให้ไปออกรบในดินแดนไกลโพ้น

“ยังไงเราขอรอฟังการตัดสินใจจากคุณอิทอีกครั้งนะครับคุณโรส
แต่แล้วคำพูดของหนึ่งในกรรมการฝ่ายจัดหาเงินทุนและดูแลด้านบัญชีก็ตอกย้ำชัดเจนว่าพวกเขายังไม่เชื่อมั่นในตัวหล่อน

“ก็แล้วแต่พวกคุณค่ะ เอาเป็นว่าโรสเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง”
ความขุ่นใจทำให้รสสุคนธ์ตอบกลับเสียงแข็ง หล่อนกล่าวปิดประชุมทันทีแล้วพาร่างกลมกลึงในชุดเดรสสีขาวสวมทับด้วยสูทผ้าเนื้อดีสีเดียวกันเดินกลับห้องทำงานที่มีป้ายโลหะผนึกบนบานประตูว่า

‘ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่’
ทั้งที่หล่อนเป็นถึงทายาทของประธานบริษัทแต่เป็นได้แค่ผู้ช่วย ส่วนหน้าที่สำคัญตกไปเป็นของอิทธิฤทธิ์ คนที่ไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดกับตระกูล แต่กลับมีความสำคัญยิ่งยวด เพราะนอกจากจะดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่และถือครองหุ้นของบริษัทสี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้ว เขายังเป็นคนที่มารดากำลังยัดเหยียดให้มาเป็นสามีของหล่อนในอนาคตอันใกล้ ด้วยเหตุผลไม่น่าจูงใจว่าเป็นการแต่งงานเพื่อกอบกู้ผลประกอบการของบริษัทครอบครัว

ขนาดความรักหล่อนยังไร้อิสรภาพ นับประสาอะไรกับการอยากใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาบริหารกิจการ ที่เจ็บปวดมากที่สุดคือขนาดบุพการียังไม่เคยเห็นความสามารถบุตรสาว จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมผู้บริหารคนอื่นเชื่อฟังคำสั่งของอิทธิฤทธิ์มากกว่าคนที่สืบสายเลือดของประธานบริษัทอย่างหล่อน

คิดถึงตรงนี้แล้ว หัวใจของหญิงสาวก็ห่อเหี่ยวเดินคอตกผลักประตูห้องเข้าไป แต่พอได้เห็นกุหลาบช่อโตในแจกันแก้วใสใบใหญ่บนโต๊ะทำงาน รอยยิ้มกระจ่างก็ผุดพรายบนใบหน้า ตรงรี่เข้าไปหยิบดอกกุหลาบมาเชยชมเหมือนเด็กน้อยกระโจนเข้าหาขนมหวาน

“ร้านดอกไม้เขาเพิ่งมาส่งให้ตอนที่คุณโรสประชุมค่ะ ดิฉันเลยขออนุญาตมาใส่แจกันไว้ก่อน กลัวว่ามันจะเหี่ยวก่อนคุณโรสจะได้ชม” เลขานุการเดินตามมาบอก แต่พอเห็นนายสาวซุกไซ้ปลายจมูกมนบนกลีบบอบบางก็ถามอย่างใคร่รู้

“คุณโรสดมกุหลาบซะขนาดนั้น ไม่กลัวสารเคมีที่เขาฉีดใส่มันหรือคะ”
“ก็กลัวค่ะ แต่ลืมตัวทุกทีเพราะโรสเคยชินกับการได้ดมกุหลาบที่คุณยายปลูกในสวนของท่านตอนเด็กๆ” หล่อนคลี่ยิ้มตอบ

“คุณยายของคุณโรสท่านปลูกกุหลาบได้หรือคะ เคยได้ยินว่ากุหลาบปลูกยาก แสดงว่าท่านต้องเป็นคนใจเย็นมากแน่ๆ”

รสสุคนธ์พยักหน้ายิ้ม “คุณยายท่านปลูกดอกไม้เก่งมากค่ะ แล้วในสวนของท่านมีกุหลาบกลิ่นหอมเต็มไปหมด ตอนโรสยังเด็ก โรสก็ชอบไปขลุกอยู่ในสวนกุหลาบของท่านทั้งวัน”
และแล้วภาพใบหน้าของคุณยายผู้อารีย์ก็ผุดขึ้นมา ผ่านดอกไม้อันเป็นตัวแทนความอ่อนโยนที่คอยปลอบประโลมจิตใจทุกครั้งยามถูกมารดาทำโทษหนักจนร้องไห้วิ่งไปขอใช้หน้าตักอุ่นซับน้ำตา

“อ้อ แล้วก็นี่เป็นแบบแปลนการวางระบบความปลอดภัยจากบริษัทวางระบบความปลอดภัยค่ะ เขาบอกว่าให้คุณโรสตรวจสอบจนพอใจก่อนเซ็นอนุมัติแบบค่ะ”

“ว้าว ดีจัง พวกเขาทำงานเร็วสมเป็นมืออาชีพจังเลย เราเพิ่งส่งสัญญาให้เขาไปไม่นานนี้เอง”เลขานุการสาวทำแค่ส่งยิ้มกลับ วางซองเอกสารบนโต๊ะเจ้านายสาวก่อนขอตัวไปงานของตัวเองต่อส่วนรสสุคนธ์ก็รีบคว้าแฟ้มมาเปิดดูแบบแปลนระบบความปลอดภัยที่หล่อนเลือกใช้มืออาชีพเพราะรับประกันได้ถึงผลงาน กระนั้นก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่หล่อนไม่อาจยื่นมือไปจัดการ โดยเฉพาะงานที่อยู่ใต้การควบคุมของอิทธิฤทธิ์

ความคิดลบฟุ้งกระจายปั่นหัวรสสุคนธ์จนสูญเสียสมาธิ หล่อนจึงสะบัดเรื่องในหัวออก แล้วก้มหน้าตรวจสอบแบบแปลนระบบความปลอดภัยต่อ ทว่าความสงบกลับถูกทำลายลงเมื่อชายหนุ่มร่างสูงผลักประตูเข้ามาส่งเสียงเกรี้ยวกราดใส่เจ้าของห้องโดยไม่ขออนุญาตก่อนสักคำ

“เป็นบ้าอะไรถึงไปเซ็นสัญญากับบริษัทวางระบบรักษาความปลอดภัยโดยไม่ส่งให้พี่อ่านเงื่อนไข!”
รสสุคนธ์สูดลมหายใจเข้า ชำเลืองตามองเขาเพียงเสี้ยววินาทีแล้วก้มหน้าทำงานต่อ “ถ้าไม่มีเรื่องคอขาดบาดตาย โรสก็ขอคุยเวลาอื่นนะคะ ตอนนี้โรสต้องทำงาน”

“ก็เพราะการทำงานโดยพลการของโรสนี่ไงที่ทำให้มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายของบริษัทเรา!”
สุดจะทนกับการวางอำนาจเกินขอบเขต รสสุคนธ์ผุดลุกขึ้นแล้วเดินไปหยุดยืนกอดอก จ้องใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังบูดเบี้ยวเพราะโทสะ

“ข้อแรกนะคะพี่อิท คุณากรพร็อพเพอร์ตี้ไม่ใช่บริษัท ‘เรา’ แต่เป็นบริษัทของ ‘พ่อกับโรส’ และข้อที่สอง โรสไม่ได้บ้า แต่คิดถี่ถ้วนแล้วว่าคุณากรพร็อพเพอร์ตี้ไม่เสียเปรียบ”

“ไม่เสียเปรียบ?” อิทธิฤทธิ์แค่นหัวเราะ “ไอ้ที่เรารับผิดชอบสร้างตัวอาคาร แต่ให้มันเข้ามาวางระบบความปลอดภัยอย่างนั้นหรือที่เรียกว่าไม่เสียเปรียบ?”

“ก็ใช่สิคะ งานออกแบบอาคารที่แปลกไม่เหมือนใครเป็นงานที่ทีมงานของเราถนัด แถมยังเป็นภาพลักษณ์ของโครงการ ฉะนั้นชื่อที่จะถูกนึกถึงก่อนก็ต้องเป็นคุณากรพร็อพเพอร์ตี้ ไม่ใช่บริษัทที่ทำอยู่แต่เบื้องหลังโดยไม่มีใครรู้”

“โง่!” คำผรุสวาทที่พ่นออกจากปากหยักทำให้ความคิดของรสสุคนธ์ชะงักงัน

“งานวางระบบความปลอดภัยของมันไม่ใช่งานขายขาด แต่มันขายสัญญาปีต่อปี ยิ่งนานปีที่เราบริหารกิจการ ก็คือนานปีที่มันจะสูบเงินจากเรา ลองใช้ความคิดนักศึกษาปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยระดับนานาชาติทีสิว่า มันลงทุนวางระบบครั้งเดียวก็สบายไปหลายชาติแบบนี้ไม่เรียกว่าเสือนอนกินแล้วจะเรียกว่าอะไร!”

“แต่...” รสสุคนธ์กำลังจะอ้าปากบอกเหตุผลต่อ แต่เขาไม่ยอมให้หล่อนได้สิทธิ์นั้น ยกเอาเหตุผลที่คิดว่าหนักแน่นกว่ามาพูดข่ม

“คุณากรพร็อพเพอตี้ต้องทำยอดขายเท่าไรถึงจะมีรายจ่ายค่าสัญญาแพงระยับ เงินกำไรที่ควรจะเอามาทำประโยชน์ต่อต้องปันไปให้บริษัทที่มันไปเที่ยวป่าวร้องได้ว่าโครงการของเราใช้ระบบความปลอดภัยระดับโลก นี่น่ะหรืองานเบื้องหลัง บอกพี่มาสิว่า นี่ใช่ไหมที่โรสบอกว่าคิดถี่ถ้วนแล้ว!”

เสียงตะคอกของเขาจะดังไปถึงหูใครหรือไม่เขาคงไม่สนใจ เพราะครั้งหนึ่งหล่อนเคยถูกเขาดูหมิ่นความคิดของหล่อนต่อหน้าพนักงานทุกคนในห้องประชุมมาแล้ว ถึงจะยอมรับว่าเขามีประสบการณ์มากกว่า แต่การใช้วาจาไม่ให้เกียรติกันเป็นสิ่งที่หล่อนรับไม่ได้ น้ำตาที่หลั่งรินออกมาจึงไร้ซึ่งความน้อยใจ แต่อัดแน่นไปด้วยความเกลียดชังทุกหยาดหยด

“แล้วพี่อิทล่ะคะ นอกจากกีดกันไม่ให้โรสทำงานของโรสแล้ว พี่อิททำอะไรให้คุณากรพร็อพเพอตี้บ้าง”

เรียวปากหยักกระตุกยิ้มร้าย โยนหนังสือพิมพ์ฉบับล่าสุดที่พกติดมือมาที่โต๊ะทำงานหล่อน “ขณะที่โรสคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำตามใจมันคืองาน พี่ต้องดิ้นรนแค่ไหนที่จะให้เราได้ไปร่วมแสดงความไว้อาลัยในงานศพมหาเศรษฐี เพื่อที่เราจะได้มีโอกาสทำความรู้จักกับนักลงทุนระดับนานาชาติ!”

 ‘อังกฤษสูญเสียบุคคลสำคัญครั้งใหญ่ หลังมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทมิลเลอร์คอร์ปอเรชันประสบเหตุเสียชีวิตจากเครื่องบินตกไม่นาน เจ้าของกิจการรีสอร์ตหรูผู้ริเริ่มนำคฤหาสน์ขุนนางอังกฤษเก่ามารีโนเวตถูกพบเป็นศพหลังรถเสียหลักตกหน้าผาไม่ห่างจากรีสอร์ตของตัวเอง!’

พาดหัวข่าวกล่าวถึงคนสองคนซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับหล่อนเลย แต่อิทธิฤทธิ์วิ่งเต้นหาทางไปร่วมงานไว้อาลัยให้ได้ ด้วยเหตุผลทางธุรกิจที่เขาฉวยเอาช่วงเวลาเศร้าของผู้อื่นมาเป็นโอกาสการแสดงตัวตน

“หรือถ้าโรสคิดว่าทำได้แค่ยืนร้องไห้ ก็วางมือจากงานแล้วไปเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของพี่อย่างเดียวจะดีกว่า”

เขายังไม่เลิกกล่าวคำดูถูก รสสุคนธ์กำมือทั้งสองแน่น กัดริมฝีปากตัวเองพยายามหยุดน้ำตาไม่ให้รินไหล แต่เพราะความคับแค้นที่ตีตื้นจากภายในกลายเป็นแผ่นดินไหวสร้างคลื่นยักษ์ซัดถาโถมใส่ทำนบให้พังทะลาย

“คนที่สั่งโรสให้วางมือจากงานได้มีแค่พ่อเท่านั้น!”

อิทธิฤทธิ์แค่นหัวเราะ “แล้วก็เป็นพ่อของโรสไม่ใช่หรือที่อยากให้พี่มาเป็นสามีของโรสเพื่อกอบกู้บริษัทนี้”

นี่หรือคำพูดของคนที่กำลังจะก้าวเข้ามาใช้ชีวิตร่วมกัน น้ำตาของหล่อนที่หลั่งไหลออกมาก็คงไม่ต่างกับน้ำฝนที่ซึมลงในทราย “โรสขอประกาศให้ชัดตรงนี้ การวางมือจากงานนี้จะเป็นเรื่องสุดท้ายในชีวิตที่โรสทำ นั่นหมายความว่าการแต่งงานกับพี่ก็คือเรื่องสุดท้ายในชีวิตของโรสเช่นกัน!”

“ยังไม่เข้าใจอีกหรือว่า เราต้องร่วมมือกัน!”

“โรสบอกแล้วใช่ไหมคะว่าไม่มีคำว่า ‘เรา’! ”

หล่อนกระแทกเสียงใส่แล้วคว้ากระเป๋าสะบัดตัวเดินออกจากห้องทำงาน ขับรถมุ่งหน้าสู่ถนนสายการค้าใจกลางเมืองที่แวดล้อมไปด้วยร้านอาหารและห้องเสื้อผ้าเลิศหรู โดยหนึ่งในนั้นมีห้องเสื้อชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมในวงสังคมชั้นสูงฝังตัวอยู่ และเจ้าของร้านก็คือ แพรพรรณราย เพื่อนผู้รู้ใจเพียงคนเดียวในชีวิตของรสสุคนธ์

“หงส์!” พอผลักประตูร้านเข้าไป ก็เรียกหาเพื่อนสาวทันที

“ยายโรส!” เจ้าของดวงตาคมฉาบอายชาโดวสีเทาหม่นเห็นหล่อนพุ่งตัวไปหา ก็รีบวางเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวในมือ แล้วเอ่ยทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มระคนประหลาดใจ “สงสัยน้ำจะท่วมหลังหงส์ อะไรทำให้ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่มาหาแม่ค้าขายเสื้อเวลานี้ได้กัน” 

แต่เพราะใบหน้าไม่สู้ดีกับดวงตาฉ่ำน้ำของรสสุคนธ์เป็นเหตุให้แพรพรรณรายแขวนป้ายปิดร้านชั่วคราว แล้วรีบพากันเข้าไปคุยในห้องทำงานทันก่อนที่หล่อนจะระเบิดความแค้นแน่นอกออกมา
“ฉันเกลียดเขา!” ทั้งแววตา ทั้งคำพูดล้วนชัดเจนโดยไม่ต้องสาธยายอะไรอีก

“เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด!” หล่อนเดินวนไปวนมาพูดประโยคเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแพรพรรณรายทนไม่ไหวคว้าตัวนั่งลงบนโซฟาแล้วถามที่มาที่ไป

“โดนเขาว่าอะไรมาอีกล่ะ”

“โง่ เขาบอกว่าฉันโง่!”

“พี่อิทเขาพูดขนาดนั้นเลยหรือ” แววตาของแพรพรรณรายบอกว่าไม่เชื่อ

“เธอคิดว่าฉันกุเรื่องขึ้นเองหรือไง คิดว่าฉันหาเรื่องต่อว่าเขาเพื่อหนีการแต่งงานใช่ไหม!”

“เปล่า ฉันยังไม่ได้คิดขนาดนั้น แต่ไม่คิดว่าพี่อิทเขาจะใช้คำพูดแรงๆ กับเธอ” แพรพรรณรายส่ายหน้าปฏิเสธจนปลายผมบ็อบสั้นสะบัดพลิ้วไปมา

“น้อยไปเสียเมื่อไรล่ะ แล้วนี่ถ้าฉันแต่งงานกับเขา เธอคิดดูสิว่ามันจะเหมือนตกนรกแค่ไหน ถ้าเราต้องอยู่กับผู้ชายที่ดูถูกเรา เห็นเราเป็นช้างเท้าหลัง ต้องพยักหน้ารับคำ ทำตามคำสั่งอย่างเดียวไปตลอดชีวิต แค่คิดก็อยากจะบ้าแล้ว!”

“แล้วทำไมเขาถึงว่าเธอล่ะ”

รสสุคนธ์ทำหน้าเหนื่อยหน่าย “ก็เรื่องงานน่ะ ฉันตัดสินใจเซ็นสัญญากับบริษัทที่มีเครือข่ายเป็นบริษัทคคู่แข่งให้เข้ามาวางระบบความปลอดภัยให้โครงการโดยไม่บอกพี่อิท แล้วคงมีลิ่วล้อของเขาคาบข่าวไปบอก ขนาดตัวไม่อยู่ยังให้สายสืบคอยจับตาการทำงานของฉัน ทุเรศที่สุด”

“เธอก็น่าจะแสดงฝีมือให้เขาเห็นว่าเธอไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด”

“ฉันก็ทำอยู่นะหงส์ จริงๆ แล้วตอนนี้ฉันใช้กลยุทธน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า บางทีเราอาจต้องการพาร์ทเนอร์มากกว่าคู่แข่ง ยิ่งนโยบายเศรษฐกิจผันแปรตามการเมืองแบบนี้ องค์กรเอกชนก็ต้องหันหน้าเข้าหากันมากขึ้น แต่คนอย่างพี่อิทน่ะ ต้องเด่นต้องดีเหนือคนอื่น เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องของการแข่งขันไปหมด”

แพรพรรณรายถอนหายใจ วางมือบนไหล่ของเพื่อนสาว “ไม่เอาน่า อย่าเพิ่งท้อสิ ถ้าเธอทำสำเร็จ พี่อิทก็จะยอมรับในตัวเธอไงล่ะ”

รสสุคนธ์ระบายลมหายใจเสียงยาว เพราะความจริงแล้วการที่หล่อนมุ่งมั่นทำงานไม่ใช่เพื่อให้ว่าที่สามีคนที่หล่อนไม่เคยคิดรักยอมรับในตัวหล่อน แต่เพื่อให้พ่อแม่ของหล่อนเชื่อมั่นในความสามารถของบุตรสาวต่างหาก ซึ่งดูเหมือนว่าหนทางกำลังรางเลือนลงถ้าหากหล่อนยังจมอยู่ใต้เงาของอิทธิฤทธิ์ต่อไป ไม่ว่าจะด้วยฐานะลูกน้องผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา หรือภรรยาผู้อยู่ใต้อำนาจของสามี

แล้วหล่อนจะยอมให้เป็นแบบนั้นหรือยายโรส ไม่มีทาง! เสียงในใจคัดค้านหนักแน่นเหลือเกิน ฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น รสสุคนธ์ เศรษฐกมล คนนี้ก็จะพาคุณากรพร็อพเพอตี้ให้ผ่านพ้นวิกฤตโดยไม่ต้องพึ่งใบทะเบียนสมรสให้จงได้ หล่อนตั้งปณิธานในใจ แล้วปักหมุดหมายตรงคำว่า ‘ต้องสำเร็จ!’


 




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2566
1 comments
Last Update : 22 มีนาคม 2566 20:35:19 น.
Counter : 366 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณtoor36

 

โห ยาวเหมือนนะครับ อัปรวดเดียวสามบล็อกในวันเดียวเลย เดี๋ยวค่อยๆ ตามไปดูก่อน

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 1 มีนาคม 2566 16:26:24 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ชลบุรีมามี่คลับ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]




เป็นนัก(หัด)เขียนนิยายพาร์ทไทม์ เป็นคุณแม่ทำงานที่ชอบฝันกลางวันแบบฟูลไทม์ด้วย

บล็อกนี้มีเรื่องเล่ามากมาย เข้ามาค้นหาสิ่งที่อยากรู้ได้ตามสบาย


ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมนะคะ
สำหรับนักอ่านที่ติดตามนิยายของ จขบ
สามารถอานได้ทั้งทางเวบ

Hongsamut : https://hongsamut.com/writerdetail.php?writerid=3992

และทางเว็บ Dek D ค่ะ
https://my.dek-d.com/redapplels/


เนื้อหา ภาพถ่าย ในบล็อกนี้
ได้รับความคุ้มครอง
ตามกฏหมายพ.ร.บ.
สิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 ห้าม
นำไปใช้ คัดลอก ดัดแปลง
แก้ไขส่วนหนึ่งส่วนใดโดย
เด็ดขาดนะจ๊ะ

คนดี...


New Comments
Friends' blogs
[Add ชลบุรีมามี่คลับ's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.