|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
สาระ // สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ...คอนแทคเลนส์ หรือเลนส์สัมผัส
จาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา Food and Drug Administration
*สามารถ download เอกสารทางให้ความรู้ จาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา Food and Drug Administration ได้ที่นี่ค่ะ สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ คอนแทคเลนส์ หรือ เลนส์สัมผัส
คอนแทคเลนส์ หรือเลนส์สัมผัส เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีวิวัฒนาการของการคิดค้นขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาการที่ต้องสวมใส่แว่นตาสำหรับผู้ที่มีปัญหาสายตา และเพื่อให้เกิดความสะดวกและประโยชน์สำหรับผู้ที่มีสายตาผิดปกติที่ไม่สามารถใช้แว่นตาได้ เช่น สายตาสั้นมาก หรือใช้ในการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับตาหรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น เช่น ในปัจจุบันได้มีกระแสแฟชั่นใส่คอนแทคเลนส์ หรือเลนส์สัมผัสเพื่อความสวยงาม ที่ทำให้มองเห็นตากลมโตแบบดาราเกาหลี หรือ ญี่ปุ่น ระบาดเข้ามาสู่วัยรุ่นไทยโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นหญิง
โดยคอนแทคเลนส์ ประเภทนี้เหมือนกับคอนแทคเลนส์แฟชั่นที่มีหลายสีให้เลือก แต่บริเวณตรงกลางมีลักษณะเป็นเลนส์ใสและบริเวณขอบเลนส์มีสีดำ หรือ สีเข้มต่างๆ ที่จะทำให้มองเห็นว่าผู้ใส่มีตาดำขยายใหญ่และกลมโตกว่าปกติ รวมทั้งสามารถหาซื้อได้ง่าย มีวางจำหน่ายตามร้านค้าแผงลอยทั่วไป ซึ่ง การใส่คอนแทคเลนส์อย่างไม่ถูกวิธีนั้น อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ดวงตา กระจกตาเป็นแผล และอาจทำให้ตาบอดได้
จากผลการศึกษาของภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาล 435 ราย ปรากฏว่ามีจำนวนร้อยละ 18.6 (81 ราย) ที่ใช้คอนแทคเลนส์ โดยพบว่าร้อยละ 34 ของผู้ใส่คอนแทคเลนส์มีการใช้คอนแทคเลนส์ที่ไม่ถูกต้อง และร้อยละ 67 ไม่ได้ถอดคอนแทคเลนส์ ออกขณะนอนหลับในตอนกลางคืน นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ใส่ คอนแทคเลนส์ร้อยละ 72 (42 ราย จาก 58 ราย) มีการติดเชื้อที่กระจกตาซึ่งบางรายมีอาการลุกลามจนต้องผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาใหม่
การติดเชื้อที่กระจกตายังเป็นปัญหาในประเทศไทย การใส่คอนแทคเลนส์ และการใส่คอนแทคเลนส์นอนตลอดทั้งคืนยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ และถึงแม้ว่าการรักษาด้วยยาจะได้ผลดี แต่ภาวะการติดเชื้อที่กระจกตาอาจทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นตามมาได้ ดังนั้น จักษุแพทย์ควรแจ้งให้ผู้ใส่คอนแทคเลนส์ตระหนักถึงอันตรายเหล่านั้น และควรให้คำแนะนำแก่ผู้ใช้ในการดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ด้วย
1. ลักษณะของคอนแทคเลนส์
ลักษณะทั่วไปของคอนแทคเลนส์มีลักษณะเป็นแผ่นพลาสติกใส บางๆ ที่ผลิตขึ้นในรูปแผ่นกลมคล้ายกระทะ ทำให้มีความโค้งพอดีกับตาดำ ตัวเลนส์ที่ใช้จะมีกำลังหักเหของแสงเช่นเดียวกับเลนส์ที่ใช้กับแว่นตา ในระยะเริ่มแรกที่มีคอนแทคเลนส์นั้น เลนส์จะมีลักษณะใส ไร้สี ส่วนคอนแทคเลนส์สีนี้เพิ่งมีการใช้ในระยะสิบปีที่ผ่านมานี้ โดยวิธีการใช้จะต้องนำคอนแทคเลนส์มาวางบนตาดำ และน้ำตาจะเป็นตัวยึดให้เลนส์ติดกับกระจกตา และจะสามารถขยับเลนส์ได้เมื่อกลอกตาไปมา
2. ชนิดของคอนแทคเลนส์
2.1 คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่ม (Soft ContactLenses)
เป็นแผ่นพลาสติก นุ่ม ยืดหยุ่น และยอมให้ออกซิเจนผ่านได้จึงอาจทำให้ใช้ได้ง่าย และรู้สึกสบายกว่าใส่คอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง ในปัจจุบันวัสดุที่นำมาใช้ผลิตคอนแทคเลนส์จะมีลักษณะเป็นซิลิโคน ไฮโดรเจล (Silicone Hydrogels) เพื่อให้ดวงตาได้รับออกซิเจนมากขึ้นขณะที่ใส่คอนแทคเลนส์ คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่มมีหลากหลายชนิดปัจจุบันมีทั้งแบบรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี ชนิดที่ใช้แล้วทิ้ง (Disposable Contact Lenses)ชนิดที่ระบุระยะเวลาการใช้ เมื่อครบกำหนดต้องเปลี่ยนใหม่เช่น ชนิด Daily หมายถึง การสวมใส่ได้ในแต่ละวัน หรือไม่เกิน 12 ชั่วโมง และชนิด Extended สามารถสวมใส่ได้ติดต่อกันตามระยะเวลาที่ระบุ เช่น 7 วันถึง 30 วัน แล้วทิ้ง แต่ไม่แนะนำให้ใส่ในขณะนอนหลับเด็ดขาด
2.2 คอนแทคเลนส์ชนิดแข็งที่ก๊าซ
สามารถซึมผ่านได้ (Rigid Gas Permeable หรือ RGP Contact Lenses) สามารถใช้ได้นานกว่าและ ยากต่อการเกาะติดของคราบสกปรก อีกทั้งให้ภาพที่ชัดและละเอียดมากกว่า นอกจากนี้ยังมีราคาถูกกว่าเลนส์ชนิดนิ่ม แต่ไม่สะดวกสบายในการสวมใส่เท่ากับชนิดนิ่ม โดยเฉพาะในระยะเริ่มแรกของการสวมใส่คอนแทคเลนส์ชนิดแข็งนี้ อาจต้องใช้เวลาถึง 1-2 สัปดาห์เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยในการสวมใส่
3. อันตรายที่เกิดจากการใช้คอนแทคเลนส์
การสวมใส่คอนแทคเลนส์ทุกรูปแบบไม่ว่าจะใส่เพื่อแก้ไขความผิดปกติของสายตา หรือใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นเพื่อความสวยงาม หากใช้โดยขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องหรือใช้ไม่ถูกวิธี รวมถึงการไม่ดูแลรักษาความสะอาดคอนแทคเลนส์ อาจก่อให้เกิดอันตรายต่าง ๆ ต่อสุขภาพได้ เช่น
3.1 เกิดตุ่มอักเสบบนหนังตาด้านใน พบมากในผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่ม สาเหตุเกิดจากการระคายเคืองจากเลนส์ และอาการที่อาจเกิดต่อเนื่องตามมา เช่น ภาวะตาตก ตาแดง ระคายเคือง มองภาพไม่ชัด มีน้ำตา ตาไม่สู้แสง ฯลฯ
3.2 เกิดการอักเสบของกระจกตาและเยื่อตาขาว ส่วนที่สัมผัสกับคอนแทคเลนส์ อาการนี้มักเกิดจากการแพ้ หรือจากพิษข้างเคียงของวัตถุกันเสียหรือสารเคมีที่ใช้ฆ่าเชื้อ เป็นอาการแพ้ที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นซึ่งอาจใช้เวลา 2-3 ปี นอกจากนี้ การเกิดสิ่งสะสมบนเลนส์หรืออาการตาแห้งจะทำให้อาการอักเสบเกิดมากขึ้น
3.3 อาการตาแห้ง ซึ่งมักเกิดจากการแพ้พบในผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์นาน 2-3 ปี นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้ตาแห้งได้ เช่น
- การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาขับ-ปัสสาวะ หรือยารักษาโรคหัวใจประเภทเบต้าบล๊อกเกอร์ - การกระพริบตาที่ผิดปกติl ตาโปนผิดปกติ - ผิวของลูกตาผิดปกติ เนื่องจากมีจุดเหลือง ๆ บนกระจกตา หรือต้อลม หรือต้อเนื้อ - ผิวคอนแทคเลนส์ไม่เรียบ
3.4 การอักเสบ ลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ ที่เยื่อบุผิวของกระจกตา เนื่องจากเกิดบาดแผลหรือการช้ำที่เยื่อตา ตาแห้ง มีอาการแพ้ หรือขาดออกซิเจน ซึ่งแผลจุดเล็ก ๆ อาจมารวมกันเข้าเป็นบริเวณใหญ่และเ
3.5 การติดเชื้อ เป็นอาการของโรคที่เกิดจากการใช้คอนแทคเลนส์ที่เป็นอันตรายที่สุด เนื่องจากทำให้ตาบอดถาวรได้ พบในผู้ที่ใช้เลนส์ชนิดที่ใส่ติดต่อกันได้นานๆ หรือการติดเชื้อเกิดจากตัวผู้ใช้เอง หรือมาจากน้ำยาที่ใช้กับเลนส์ หรือภาชนะบรรจุเลนส์ และโดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
4. คำเตือน ข้อควรระวัง และข้อห้ามใช้สำหรับคอนแทคเลนส์
4.1 คำเตือนการใช้เลนส์สัมผัสโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ที่ผิดวิธีมีความเสี่ยงต่อการอักเสบหรือการติดเชื้อของดวงตา อาจรุนแรงถึงขั้นสูญเสียสายตาอย่างถาวรได้
4.2 ข้อควรระวังในการใช้
- การเลือกใช้คอนแทคเลนส์คู่แรก ต้องได้รับการตรวจตาเสียก่อนว่าไม่มีข้อห้ามในการใช้และต้องได้รับการประกอบขนาดที่แน่นอน เหมาะสมจากจักษุแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นไม่ควรไปซื้อเองจากร้านทั่วไป เพราะการใช้คอนแทคเลนส์ที่ไม่พอดีกับดวงตา อาจทำให้กระจกตาเป็นแผล เกิดการติดเชื้อ หรือตาบอดได้
-ผู้ที่มีสภาวะของดวงตาผิดปกติ เช่น ต้อเนื้อต้อลม ตาแดง กระจกตาไวต่อความรู้สึกลดลง ตาแห้ง กระพริบตาไม่เต็มที่ ไม่ควรใช้เลนส์สัมผัส
- ควรใช้น้ำยาล้างเลนส์สัมผัสที่ใหม่ และเปลี่ยนน้ำยาฆ่าเชื้อโรคสำหรับเลนส์สัมผัสทุกครั้งที่แช่เลนส์สัมผัส และแม้ไม่ใส่เลนส์สัมผัส ควรเปลี่ยนน้ำยาใหม่ในตลับทุกวัน
- ควรเปลี่ยนตลับใส่เลนส์สัมผัสทุกสามเดือน
- ไม่ควรใส่เลนส์สัมผัสขณะว่ายน้ำ เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ตาได้
- ล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดทุกครั้งก่อนสัมผัสเลนส์
- หากเกิดอาการผิดปกติ เช่น เจ็บหรือปวดตาเป็นอย่างมากร่วมกับอาการแพ้แสง ตามัวลง น้ำตาไหลมาก ตาแดง ให้หยุดใช้เลนส์สัมผัสทันที และรีบพบจักษุแพทย์โดยเร็ว
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ประกอบเลนส์และคู่มือ หรือฉลากอย่างเคร่งครัด และควรได้รับการตรวจตาจากจักษุแพทย์เป็นระยะ ๆแม้ไม่มีอาการผิดปกติ - ผู้สวมใส่ต้องมีเวลาให้ดวงตาได้พักหรือปลอดจากการใส่เลนส์ ถ้าเป็นผู้มีความผิดปกติของสายตา ควรมีแว่นสายตาไว้ใช้ในระยะเวลาพักของดวงตา
4.3 ข้อห้ามใช้
1. ห้ามใช้เกินระยะเวลาที่กำหนด 2. ห้ามใส่นอนและว่ายน้ำเพราะอาจทำให้ติดเชื้ออย่างไรก็ตาม คอนแทคเลนส์หรือเลนส์สัมผัสถึงแม้ว่าใช้สำหรับผู้ที่มีปัญหาทางสายตาแต่ไม่อยากสวมแว่นแต่สำหรับบางคนก็ใช้เพื่อความสวยงามโดยการเปลี่ยนสีของดวงตา เช่น ให้มีสีน้ำตาล หรือสีฟ้า เป็นต้น หรือรูปแบบของดวงตาแต่ไม่ว่าจะใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตาม เนื่องจากเลนส์ที่ใช้ต้องสัมผัสผิวของดวงตาที่บอบบาง การติดเชื้อหรือฉีกขาดอาจเกิดได้ง่าย
ดังนั้น ถ้าผู้ใช้คอนแทคเลนส์ปฏิบัติตามคำเตือน ข้อควรระวังและข้อห้ามใช้ดังกล่าวข้างต้นก็จะมีความปลอดภัยและสามารถลดความเสี่ยงจากการใช้คอนแทคเลนส์ได้
เอกสารอ้างอิง
1. กองควบคุมเครื่องมือแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา.ความเสี่ยงและข้อควรคำนึงเกี่ยวกับการใส่คอนแทคเลนส์. 2551. 2. กองควบคุมเครื่องมือแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา.(ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง เลนส์สัมผัส, 2551. 3. กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา.ข่าวเพื่อสื่อมวลชน เรื่อง อย. เตรียมประกาศคุมเลนส์สัมผัสแฟชั่นเป็นเครื่องมือแพทย์ เพิ่มมาตรการเข้ม!. (โรเนียว) , 2552. 4. สมพร ขจรวุฒิเดช, เลนส์สัมผัสและแนวทางการควบคุม, พฤษภาคม 2550. 5. สุภมาศ วัยอุดมวุฒิ(2550). รู้จัก คอนแทคเลนส์ กันอีกสักนิด. สาระสังเขปออนไลน์ ค้นคืนวันที่ 8 มกราคม 2552 จาก //www.oryor.com/oryor/admin/module/fda_fact_sheet/file/f_48_1171618356.pdf 6. U.S. Food And Drug Administration.(2006). Contat Lenses Types of Contact Lenses. Retrieved March 2, 2009, from //fda.gov/cdrh/contactlenses/types.html 7. P.Pisit, R Usa, L.Rungroj and K.Skowrat. Contact Lenses Related Microbial Keratitis. Journal of The Medical Association of Thailand (2007) ; 90(4) : 737-43.
Create Date : 29 สิงหาคม 2554 |
|
3 comments |
Last Update : 28 มกราคม 2560 14:05:31 น. |
Counter : 1883 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ลูกแม่ดอกบัว IP: 76.168.49.121 29 สิงหาคม 2554 6:48:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชฎาแหลม 29 สิงหาคม 2554 8:36:10 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
United Kingdom
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]
|
สงวนลิขสิทธิ์ ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าจะเป็นการลอกเลียน หรือ นำส่วนหนึ่งส่วนในของข้อความ รูปภาพ ใน Blog Chadalaem แห่งนี้ไปใช้ โดยเผยแพร่ในทางการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
|
|
|
|
|
|
|