|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
The Stand Inner (The Wind of Angel) ตอนที่ 7. กองฟืนแห้งกับไฟที่เพิ่งก่อ
กองฟืนแห้งกับไฟที่เพิ่งก่อ
หลังจากเสร็จจากการถ่ายทำภาพยนตร์แล้ว หนุ่มโสดอย่างอารยะก็ไม่จำเป็นต้องรีบนัก เขาใช้โอกาสนี้เดินเล่นไปเรื่อย ๆ อยู่บนถนนสายเล็ก ๆ พื้นไม่ค่อยเรียบเท่าใดนัก แถว ๆ นี้ไม่เห็นมีคนอยู่เลย ต้นหญ้าแฝกหญ้าคาขึ้นแซมกันไปตลอดริมสองฝั่งทาง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นสวนและท้องทุ่งนา
ขณะที่เดินชมสวนอยู่เพลิน ๆ แถวนี้อากาศดีต้นไม้ก็ยังมีมากอยู่ แล้วลมก็พัดเย็นสบาย เงียบสงบดี อารยะคุยอยู่คนเดียวเบา ๆ เหมือนกำลังบอกความรู้สึกให้ตัวเองรู้อีกครั้ง พร้อมกับสูดหายใจลึก ๆ เอาอากาศจริง ๆ ไม่มีมลพิษเข้าไป อารยะกำลังเผลอเดินเข้าไปในพื้นที่บริเวณวัดแห่งหนึ่งซึ่งมีรั้วเป็นพุ่มไม้เตี้ย ๆ ตัดแต่งไว้อย่างดีเรียงรายอยู่ล้อมรอบวัด ดูเก่ามากแต่ก็สะอาดตาเหมือนได้รับการดูแลเป็นอย่างดีไม่ให้ทรุดโทรม อารยะมองไปรอบ ๆ จนไปหยุดสายตาอยู่ที่โบสถ์ เขาจึงตั้งใจว่าจะเดินไปเพื่อกราบพระพุทธรูปในโบสถ์นั่น มันช่างเงียบสงบและเย็นใจจริง ๆ อารยะพูดกับตัวเองอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับก้าวเท้าอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ เข้าไปด้วยความสำรวม ผ่านใบเสมาจนไปถึงประตูโบสถ์ ประตูถูกปิดไว้ อารยะนึกขึ้นอยู่ในใจหลังจากได้ลองผลักประตูโบสถ์ดูแล้วสองสามครั้ง เขาจึงได้นั่งคุกเข่าลงอยู่หน้าประตู พนมมือ แล้วก้มกราบสามครั้ง อารยะเดินออกจากบริเวณโบสถ์ แล้วเดินไปสำรวจที่บริเวณท้ายวัด จึงรู้ว่าด้านหลังของวัดมีศาลาริมน้ำ เขาค่อย ๆ เดินมุ่งหน้าไปที่ศาลาริมน้ำทันทีเพื่อชื่นชมบรรยากาศร่มรื่นตอนเย็นของวัด แสงแดดอ่อน ๆ ลมพัดมาเบา ๆ ต้นไม้เอนไหวไปมา เสียงไก่ขันดังมาแต่ไกลเป็นเสียงเบา ๆ บ้าง ดังบ้าง ปนกับเสียงหมาเห่าดังมาไกล ๆ นกมากมายบินไปบินมาร้องเสียงดังเหมือนว่าจะชวนกันให้กลับรัง น้ำไหลเอื่อย ๆ มีผักตบชวาลอยประดับคลองกว้าง ๆ ให้พอสวย ปลาน้อยใหญ่ว่ายน้ำกันอย่างมากมายเหมือนเข้าใจว่าอารยะจะมาให้อาหารกิน
อารยะนั่งชมอยู่ที่ศาลาริมน้ำจนเพลิดเพลินโดยไม่รู้เลยว่าขณะนี้กำลังมีใครกำลังจ้องมาที่ตัวเขาอยู่ การก้าวย่างเข้ามาอย่างสงบเงียบนั้น ทำให้อารยะไม่รู้เลยว่า มีใครกำลังนั่งอยู่ตรงที่อีกฝั่งหนึ่งในศาลา เป็นที่นั่งที่อยู่ตรงกันข้ามกับตัวเขาห่างกันเพียงแค่มือเอื้อมถึงกันได้เท่านั้น เมื่ออารยะหันไปเห็นหลวงตาเข้า จึงทำให้เขาสะดุ้งตกใจเป็นอย่างมากที่อยู่ ๆ ก็มีคนมานั่งอยู่ใกล้ ๆ โดยไม่ทันได้รู้ตัว
อะ..เอ่อ..อ.กราบนมัสการครับหลวงตา หลวงตามานั่งตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ผมไม่ทันได้รู้ตัวเลย อารยะยังรู้สึกตกใจไม่หาย นั่นไม่สำคัญหรอก แล้วโยมหลานละ มานั่งคิดอะไรอยู่ที่ศาลานี้ หลวงตายิ้มให้ พร้อมเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงที่ทำให้รู้สึกถึงคนชราที่ใจดีมีเมตตาคนหนึ่ง อารยะรู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินเสียงนี้ หลวงตาครับ ผมมีเรื่องจะขอรบกวนถามหลวงตาจะได้มั๊ยครับ อารยะหวังว่าหลวงตาจะเป็นที่พึ่งในการตอบปัญหาที่ยังค้างคาอยู่ในใจของอารยะ เอาสิโยมหลาน เจ้าถามมาได้เลย คือว่า...อะ..เอ่อ..อ.ตั้งแต่ที่ผมเกิดอุบัติเหตุจนต้องเข้าโรงพยาบาล ผมก็รู้สึกว่า... อารยะเริ่มสับสนถึงกับติดขัด ไม่รู้ว่าจะถามหลวงตาต่อไปดีหรือไม่ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คงหาคนที่รับฟังได้ยาก แต่ที่สุดแล้วอารยะก็ตัดสินใจเอ่ยถามหลวงตาให้มันจบเรื่องกันไป เผื่อว่าจะได้คำตอบที่ทำให้อารยะไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป มีสิ่งผิดประหลาดเกิดขึ้นกับตัวผมครับ มันเหมือนว่าผมได้รู้ได้ยินความคิดของคนอื่นอยู่ตลอดเวลาครับหลวงตา อารยะรู้สึกกลัว ๆ กับสิ่งที่บอกเล่าออกไปใน ขณะที่หลวงตาก็เอาแต่นั่งยิ้มนิ่งฟังอยู่อย่างนั้น คือมันเป็นเศษกระจกชิ้นเล็กแหลมเหมือนเข็มฝังอยู่ในหัวของผมครับ ตั้งแต่นั้นมามันก็เปลี่ยนชีวิตผมให้เป็นแบบนี้ อารยะพูดต่อไปอยู่ฝ่ายเดียว หลวงตาครับ ผมเข้าใจนะครับว่าใครฟังก็จะคิดว่าผมเป็นบ้า แต่ผมไม่ได้บ้าจริง ๆ นะครับหลวงตา อารยะกังวลใจมากขึ้นเพราะเพิ่งจะคิดได้ว่าคนบ้าก็มักจะพูดแบบนี้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่บ้า เจ้าคงจำเรื่องนี้ไม่ได้สินะ จำอะไรไม่ได้หรือครับ อารยะสงสัย ก็สิ่งที่ฝังอยู่ในหัวเจ้านั่นนะ มันคือ แก้วเพชรเขี้ยววานร หลวงตาเอ่ยขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ศีรษะของอารยะ มันถูกสร้างขึ้นมาจากพลังอภินิหารแห่งธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่รวมกันขึ้น หลวงตาชูนิ้วขึ้นมาสี่นิ้วด้วย มี ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และ ธาตุไฟ หลวงตานับนิ้วลงทีละนิ้ว มันเกิดขึ้นที่อินเดียตั้งแต่โบราณกาล ก่อนที่เรื่องรามเกียรติ์จะถือกำเนิดขึ้นมาเป็นตำนานให้เล่าขานเสียอีก ซึ่งนิสัยของเจ้าแก้วเพชรเขี้ยววานร มันจะอาศัยในร่างของสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมกับมันเท่านั้น หากร่างของผู้ที่มันอาศัยสลายไปมันจะพรางตัวอาศัยอยู่กับวัตถุธาตุอื่น ๆ เหมือนกับกิ้งก่าพรางตัวกับธรรมชาติอย่างนั้น เพื่อรอคอยการปลุกให้ตื่นขึ้นจากหลับใหลอีกครั้ง หลวงตาเล่าเรื่องที่เชื่อได้ยากยิ่งนัก แต่ที่เล่ามามันเป็นแค่เรื่องย่อ ๆ เท่านั้น
....?!?.... อารยะรู้สึกแปลกประหลาดใจเพราะที่เขาเจอมามันก็แค่อุบัติเหตุแล้วมันก็เป็นได้แค่เศษแก้วเท่านั้น จะเป็นไปได้อย่างไร เขาไม่รู้ว่าจะเชื่อดีหรือไม่ แต่ว่าผมแค่โดนกระจกบาดเท่านั้นเองนะครับหลวงตา สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นชะตากรรมของเจ้า เป็นหน้าที่ของกรรมที่เจ้าถูกมอบหมายให้ทำในชาตินี้ หน้าที่อะไรครับหลวงตาผมไม่เข้าใจเลยว่าผมไปรับหน้าที่นี้ตอนไหน อารยะยิ่งงงเข้าไปใหญ่ มันเป็นจุดเริ่มต้นของเจ้า เช่นเดียวกับกองฟืนแห้งที่เพิ่งก่อไฟ แล้วผมต้องทำอย่างไรต่อไปละครับหลวงตา สิ่งที่เจ้าควรทำก็คือควบคุมมันให้ได้ แล้วฝึกที่จะใช้มัน ผมจะควบคุมมันยังไงครับหลวงตา ด้วยการทำจิตสมาธิ หลวงตายิ้มแล้วชี้แนะหนทางที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้ให้ ที่เหลือก็คือคนเดินทางเท่านั้น จิตสมาธิมันคือ.?..แล้วผมจะทำมันได้อย่างไรละครับหลวงตา อารยะต้องการวิธีเดินจากหลวงตา เจ้าต้องกำหนดจิตสำรวมสมาธิให้เป็นหนึ่งเดียว เมื่อใดที่เจ้าทำจิตให้เป็นเอกจิตได้เจ้าจะสามารถเลือกเพ่งจิตไปที่เฉพาะได้อย่างใจหมาย ดุจดั่งเช่นชี้นิ้ว ผมจะทำได้ตอนไหน ที่ไหน อย่างไรครับหลวงตา ตอนนี้อารยะมีแต่คำถามมากมายอยู่ในหัว มันมาจากสิ่งที่หลวงตาชี้แนะมาเพียงไม่กี่คำแต่เหมือนมันจะขยายความได้ไม่รู้จบ ที่ใดมีลมหายใจ ที่นั่นมีสมาธิ จงกำหนดไว้ที่นั่น เจ้าเคยเรียนรู้มาแล้วเมื่ออดีตชาติ ครั้งนี้เจ้าแค่ปัดฝุ่นมันเท่านั้น แล้วเรื่องชะตากรรมละครับ ผมจะต้องไปทำสังฆทานสะเดาะเคราะห์ ทำบุญกรวดน้ำเก้าวัดด้วยหรือเปล่าครับ อารยะถามคำถามพื้น ๆ อย่างที่ชาวบ้านทั้งหลายเขาคิดกันว่า หากเมื่อใดดวงไม่ดีก็ให้ไปทำบุญล้างซวยกัน มันจึงเป็นสิ่งที่เชื่อถือนิยมทำกันโดยทั่ว หลวงตาไม่ได้ตอบคำถามสุดท้าย ยืนยิ้มเพียงเล็กน้อยแล้วเดินจากไป เพราะหลวงตาหยั่งรู้ได้ว่าอารยะเป็นดั่งเพชรงามที่ขึ้นฝ้าหมองจับ หากได้รับการเช็ดล้างให้สะอาดแล้ว จะจับต้องแสงสว่างไสว จึงต้องการให้อารยะได้ใช้ปัญญาในการพิจารณา อารยะพนมมือขึ้นไหว้หลวงตาก่อนที่หลวงตาจะเดินจากไป หลวงตาเดินจากไปอย่างช้า ๆ โดยสำรวมกิริยา อย่างระมัดระวัง โดยที่อารยะไม่สามารถรับรู้ภาวะความนึกคิดของหลวงตารูปนี้ได้เลย อารยะยังคงนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำนี้ ด้วยความสงสัย ทบทวนสิ่งที่หลวงตาได้พูดสั่งสอนมาทั้งหมด ถึงจะไม่เข้าใจทั้งหมดทุกคำพูดของหลวงตาก็ตาม อารยะก็ได้รับความพอใจในหนทางที่จะเอาชนะกับสิ่งวุ่นวายในใจที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เขาไม่ได้มีสิทธิ์เลือกเลยว่าอยากจะได้มันหรือไม่ สิ่งที่เขารู้ตอนนี้ก็คือมันเป็นเรื่องเวรกรรมของเขาเท่านั้นและมีทางแก้ก็คือการนั่งทำสมาธิ ทางเดียวที่เป็นยาแก้ยาควบคุม อารยะจะเชื่อหลวงตาหรือไม่เชื่อก็ตาม เขาก็เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ อย่างที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ ตั้งแต่ แก้วเพชรเขี้ยววานร ได้ถูกฝังในศีรษะของเขา และนี่ไม่ใช่ความบังเอิญที่เกิดขึ้นกับใคร ๆ ก็ได้ มันเป็นการรอคอยให้วันนี้มาถึง ด้วยเงื่อนไขของชะตากรรมแห่งอดีต..ชาติ....
Create Date : 08 ธันวาคม 2550 |
|
1 comments |
Last Update : 26 พฤษภาคม 2551 17:15:41 น. |
Counter : 544 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: BB IP: 203.155.181.188 31 มกราคม 2551 16:27:40 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]
|
สวัสดีชาวโลก..... ยินดีอย่างยิ่งที่ท่านได้เข้ามาทักทาย เราคือผู้ที่จะร่วมเดินทางไปกับทุกท่าน บนโลกที่กำลังหมุนอยู่ใบนี้ เราเฝ้าดูและรายงาน...สรรค์สร้าง.. ..เพื่อโลก..เพื่อเรา.... ก้าวเดินไปด้วยกันสิ เราจะเล่าให้ฟัง...
ขอบคุณท่านผู้เจริญ.... bluesky_planet@hotmail.com
|
|
|
|
|
|
|
|