จักรวาลอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ ยังมีดาวเคราะห์สีฟ้าสวยที่สุด ภายใต้ผืนแผ่นฟ้า ยังมีน้ำใสสีครามและพื้นแผ่นดิน ชีวิตได้ถือกำเนิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้..."โลกใบสุดท้าย"
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
18 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
The Stand Inner (The Wind of Angel) ตอนที่29. กลับบ้านวันรัก

กลับบ้านวันรัก

อารยะเดินทางจนมาถึง ‘บ้านวันรัก’ อันอบอุ่น
‘บ้านวันรัก’ คือป้ายชื่อบ้านที่อารยะทำด้วยฝีมือตัวเองในช่วงยังเป็นนักศึกษาอยู่ เพราะอารยะเห็นว่าชื่อนี้เหมาะสมที่สุดกับครอบครัวของเขาและจะมีความรักแบบนี้อยู่ทุก ๆ วัน
เขาเห็นพ่อแม่กำลังนั่งเล่นกันอยู่นอกชานบ้าน พ่ออ่านหนังสือพิมพ์ แม่ก็อ่านนิตยสารรายปักษ์
ตามภาษาคนแก่ที่ทำทุกอย่างร่วมกันเสมอด้วยความรัก
ลูกชายเห็นภาพน่ารักเสมอ ๆ จากการดูแลซึ่งกันและกันของชายชราและหญิงชราที่เขารักที่สุด
อารยะหยุดยืนมองอยู่ที่หน้าบ้าน ก่อนที่จะเดินเข้าไปให้พ่อและแม่ให้ท่านได้ดีใจ
เขานั่งลงที่พื้นบ้านกราบไปที่ตักของพ่อและแม่อย่างงดงามน่าประทับใจ
การสนทนาภายในครอบครัวจึงเริ่มขึ้นอย่างสนุกสนาน ในขณะที่แม่รีบเข้าครัวไปหุงหาอาหารมาให้ลูกทาน ซึ่งแม่ก็จะทำแบบนี้ทุกครั้งที่อารยะกลับมาบ้าน
อารยะนั่งทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อยถูกปากกับรสชาดที่คุ้นเคยแต่ไม่ได้ทานมานานมากแล้ว
อยู่ ๆ ความเงียบสงบก็เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ แล้วพ่อก็เริ่มเอ่ยปากสอบถามถึงเรื่องที่หนังสือพิมพ์ลงรูปที่ดูไม่ชัดนักจนไม่รู้ว่าในรูปนั่นคือใคร แต่ชื่อที่ลงไว้ทำให้พ่อแม่รู้ว่าเป็นลูกชายของตัวเอง
ซึ่งน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลที่ผู้พันพรชัยเปิดเผยให้กับหนังสือพิมพ์ทราบ เพราะผู้พันเป็นคนที่ติดตามอารยะมาโดยตลอด
“ลูกไปทำอะไรมา ทำไมตำรวจเขาถึงตามตัวให้ไปช่วยราชการด้วย” พ่อถามอารยะด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง
อารยะไม่อยากให้พ่อแม่เป็นกังวล จึงได้เล่าทุกอย่างให้พ่อและแม่ฟังทั้งหมดเพื่อให้พ่อแม่หมดห่วงและหายสงสัย
“ผมจะมาบอกลาพ่อกับแม่ครับเพราะว่าโลกกำลังตกอยู่ในอันตราย
ผมต้องช่วยเหลือทุกคนบนโลกนี้ และนั่นก็หมายถึงคนที่ผมรักด้วย” อารยะนั่งเงียบน้ำตาซึม
พ่อและแม่ก็ยังคงมองลูกเป็นลูกตัวเล็ก ๆ เสมอ อารยะอบอุ่นใจที่ได้อยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของพ่อแม่อีกครั้ง
“โถลูกแม่ ไม่เป็นไรหรอกนะ พ่อกับแม่น่ะเข้าใจในสิ่งที่ลูกทำ เรารู้ว่าลูกเป็นคนดีแม้แต่สัตว์เล็กสัตว์น้อยลูกก็ไม่รังแก” แม่ปลอบลูกด้วยความสงสารและเป็นห่วงกับภาระหน้าที่อันหนักอึ้ง
“เมื่อมันเป็นทางที่ลูกเลือก ก็ขอให้ลูกทำได้สำเร็จ จงอยู่ในสติและปัญญานะลูก” พ่อให้พรอารยะเพื่อเตือนสติ
“ลาก่อนครับพ่อ” “ลาก่อนครับแม่” อารยะก้มลงกราบเท้าของพ่อ ตามด้วยกราบเท้าแม่ ก่อนที่จะจากมา
..................................................................................................................

อารยะออกเดินทางไปที่วัดเก่าแก่นอกเมืองเชียงใหม่ทันทีเพื่อขอคำแนะนำจากหลวงตาอีกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่โลกจะต้องกลายเป็นฝุ่นละอองลอยฟุ้งอยู่ในห้วงจักรวาล
ขณะเดียวกันหลวงตาธุดงค์อยู่ในป่าได้ล่วงรู้ความจากกระแสแห่งจิต และอารยะก็ล่วงรู้ด้วยเช่นนั้น
หลวงตาจึงได้สำแดงอิทธิฤทธิ์ก้าวเดินย่อแผ่นดิน ด้วยการเดินแบบก้าวย่ำเท้าลงที่พื้นทุกครั้งก็ย่นระยะทางไปเป็นครึ่งกิโล หลวงตาไม่ได้หายตัวแต่เป็นการปรากฏตัวขึ้นเหมือนดั่งว่าฉากจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ทุกก้าวที่ย่างเหยียบลงไปบนพื้น
เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลวงตาก็คงจะไม่ทำให้อารยะรอนานเกินไป ดังนั้นวัดแห่งนี้จะเป็นจุดนัดพบของคนทั้งคู่ เพื่อบำเพ็ญเพียรโปรดสรรพสัตว์ทั้งปวงที่เป็นเพื่อนร่วมอยู่ในกฎธรรมชาติแห่งการเวียนว่ายตายเกิด
……………………..……………………………………………………………………………….

ความโกลาหลกำลังเกิดขึ้นทั่วโลก
ข่าวไฮแจ๊คเครื่องบินดังไปทั่วเมืองเชียงใหม่ แต่เชื่อหรือไม่ว่า มันกลายเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครสนใจจะพูดถึง เมื่อข่าวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ รายการโทรทัศน์และวิทยุทุกสถานี พูดถึงแต่เรื่องอุกาบาตซึ่งถูกเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการจากองค์การอวกาศการบินนาซ่า แห่งสหรัฐอเมริกา โดยกระจายข่าวนี้ไปทั่วโลก แปลเป็นภาษาต่าง ๆ 50 กว่าภาษาทั่วโลก และบัดนี้ทั่วโลกได้รับรู้แล้วว่า เราทุกคนกำลังเผชิญหน้ากับหายนะภัยเดียวกัน............
ผู้พันพรชัยทราบข่าวจากสื่อแล้วว่าอารยะอยู่ที่เชียงใหม่และได้ช่วยกู้สถานการณ์สลัดอากาศเอาไว้
แต่ตอนนี้ผู้พันพรชัยไม่ได้สนใจตามตัวอารยะอีก เขาได้เลื่อนขั้นอีกสองลำดับชั้น พร้อมกับได้รับมอบหมายงานใหม่ให้ดูแลความสงบอันเกิดจากความวุ่นวายของข่าวเรื่องอุกาบาตขนาดใหญ่กำลังจะพุ่งชนโลก
งานนี้มันเป็นงานหนักมากกว่าเล่นซ่อนหากับอารยะหรือตามล่าผู้ก่อการร้ายเสียอีก วัน ๆ หนึ่งไม่ต้องทำอะไรเลย เดินบนท้องถนนไม่กี่ก้าวก็มีเรื่องให้ต้องจับโจรขึ้นโรงพักแล้ว ซุปเปอร์มาเก็ตเป็นจุดตรวจสำคัญที่ตำรวจวิ่งเข้าออกอยู่เสมอ ที่น่าแปลกคือธนาคารไม่ใช่ปัญหาที่น่ากลัวเลย เศษกระดาษไม่มีค่าอีกแล้ว
ผู้คนเริ่มกักตุนอาหารและน้ำมัน
ก็ยังมีให้เห็นอยู่ กับงานฉลองไม่รู้จบตามผับบาร์ กินกันอย่างดุเดือดเมามันกันถึงที่สุด แบบไม่คิดเงิน
…..แต่ประโยชน์อะไรเล่าในเมื่ออีกไม่นานอุกาบาตรก็ถึงโลกแล้ว
สิ่งที่ทุกคนทำไว้บนโลกนี้จะสำคัญแค่ไหนกันล่ะ
เมื่อทุกอย่างถือว่ามันเป็นโมฆะ.......


Create Date : 18 มิถุนายน 2551
Last Update : 18 มิถุนายน 2551 16:13:50 น. 0 comments
Counter : 395 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

boonblue
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




สวัสดีชาวโลก.....
ยินดีอย่างยิ่งที่ท่านได้เข้ามาทักทาย
เราคือผู้ที่จะร่วมเดินทางไปกับทุกท่าน
บนโลกที่กำลังหมุนอยู่ใบนี้
เราเฝ้าดูและรายงาน...สรรค์สร้าง..
..เพื่อโลก..เพื่อเรา....
ก้าวเดินไปด้วยกันสิ เราจะเล่าให้ฟัง...

ขอบคุณท่านผู้เจริญ....
bluesky_planet@hotmail.com
Friends' blogs
[Add boonblue's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.