The Stand Inner (The Wind of Angel) ตอนที่ 31. ต้นไม้ของอารยะ
ต้นไม้ของอารยะ
และแล้วราตรีที่ไม่เงียบสงบก็มาถึง ผู้คนวิ่งเก็บเงินตามพื้นถนนที่มีบางคนได้เคยโปรยทิ้งไว้ เดินช๊อปปิ้งจับจ่ายใช้สอยกันตามปกติทั้งที่ของในร้านก็ได้แจกฟรีกันไปหมดแล้ว งานเลี้ยงเฉลิมฉลองร้องเพลงกันอย่างคึกคักสนุกสนานสุดเหวี่ยงแต่คิดเงิน และไม่ลืมที่จะซื้อนาฬิกาเรือนใหม่มอบให้แก่กัน แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าปรากฏการณ์อะไรที่ทำให้อุกาบาตขนาดใหญ่ขนาดนั้นหายไปจนเหลือก้อนเล็กนิดเดียว มันคงจะเป็นเรื่องเล่าเฉกเช่นนิทานก่อนนอนที่ใช้เล่าขานบอกลูกหลานสืบต่อกันไป ถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่อาจจะเชื่อได้
เช้าอันสดใส ของวันใหม่หลังจากเรื่องทั้งหมดสงบลงไปแล้วเมื่อวานนี้ ไม่ใช่วงการวิทยาศาสตร์ที่จะต้องตกตะลึงกับการหาคำอธิบายในครั้งนี้เท่านั้น แต่มันเป็นปริศนาที่คนบนโลกต้องช่วยกันหาคำตอบ เมื่อต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เพียงชั่วข้ามคืนหนึ่งมันก็เติบโตจนมีขนาดความสูงได้ถึง 25 เมตร ใช้คนโอบโดยรอบถึง 10 คนโอบ มีลักษณะลำต้นสีน้ำตาล ใบสีเขียวหนาประมาณ 1 นิ้ว และใบขนาดใหญ่พอ ๆ กับขนาดของผ้าห่มผืนใหญ่ ๆ ลักษณะใบเป็นรูปไข่เมื่อใบยังอ่อน ใบใหญ่จะมีรูปทรงเปลี่ยนใบ โดยตรงส่วนปลายจะเว้าเข้าจนกลายเป็นมุมแหลมลึกเข้ามาตรงกลางใบ ส่วนที่ติดกับกิ่งจะเล็กลงเป็นปลายแหลม ทำให้นึกถึงรูปหัวใจที่มีปลายแหลมเข้าหากิ่ง ส่วนรากชอนไชไปทั่วกว้างไกลทะลุทะลวงพื้นสนามกีฬาและอัศจรรย์ที่ล้อมรอบสนามนั่นถูกรากของต้นไม้ยักษ์นี้แทรกซ้อนชอนไชจนปูนของอัศจรรย์ และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ แตกหักพัง จนเรียกได้ว่าสนามกีฬาแห่งนี้ก็คือกระถางต้นไม้ของมันก็ว่าได้ นกน้อยใหญ่ บินมาท่องเที่ยวชม จอดแวะพักปีก ร้องส่งเสียงทักทายกัน ก่อนบินจากไป หากแปลภาษาของนกนั่นได้มันก็คงพูดถึงเรื่องบ้านบนเรือนไม้ที่น่าอยู่หลังใหม่นี้ ผู้คนต่างหลั่งไหลพากันมาชื่นชมต้นไม้ประหลาดบางคนก็ถือขวดน้ำมารดน้ำให้ จนเป็นกระแสสนใจ บางคนเริ่มทยอยนำเต้นท์มาตั้งแคมป์ไว้ รายการข่าว และ สารคดี ทั่วโลกให้การสนใจมาเฝ้าดูต้นไม้นี้เพื่อดูผลของวันต่อไป น่าแปลกที่สุดเมื่ออยู่ในบริเวณไม่ไกลจากต้นไม้นี้มากนักก็จะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที เหมือนได้รับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าหรือหลังฝนตกใหม่ ๆ มันเหมือนเป็นโรงงานผลิตโอโซนขนาดใหญ่ มันทำให้คุณหายใจได้สบาย จนคุณไม่ต้องการบุหรี่ หรือ ไม่ต้องใช้ยาพ่นแก้แพ้ และ คุณก็ไม่หืดหอบอีกเลย ปัญหาน่าฉงนที่สุดที่ผู้คนต่างพากันสงสัยจนเป็นคำถามยอดฮิตที่ใช้เป็นคำถามส่งชิงรางวัลตามหน้าหนังสือพิมพ์และรายการวิทยุโทรทัศน์ในตอนนี้ก็คือ ..ต้นไม้ต้นนี้ใช้เวลาเพียงข้ามคืนก็สามารถเติบโตสูงใหญ่ได้ขนาดนี้ ในวันพรุ่งนี้มันจะสูงขึ้นอีกเท่าไร แล้วมันโตเต็มที่จะสูงใหญ่ขนาดไหน..อย่าลืมส่งคำตอบมาให้เรา เรามีรางวัลใหญ่เป็นโมเดลต้นไม้ต้นนี้ที่ทำจากทองคำ... .....หรือไม่ก็คำถามนี้..... ...ใครเป็นคนปลูกต้นไม้นี้ หากท่านใดตอบว่าเป็นต้นถั่ววิเศษที่แจ๊กผู้ฆ่ายักษ์เป็นคนปลูกไว้ละก็..เสียใจด้วยที่คุณจะต้องพลาดโอกาสที่จะได้รับรางวัล .. หรือคำถามที่ว่า.... ...คุณว่ารากของมันจะยาวไปไกลที่สุดถึงที่ไหน.. คำถามอีกมากมายจนเป็นแฟชั่นที่ทุกคนจะต้องถามกันตลอดทุกการสนทนาถึงความลับในที่มา แต่ก็ยังไม่มีใครล่วงรู้ได้จนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้..พรุ่งนี้...พรุ่งนี้........
วันที่สองของต้นไม้อารยะ
. ณ อาคารสูงแห่งหนึ่งบนถนนราคำแหง บ๊วยกำลังจ้องมองดูต้นไม้นั่นอยู่ไกล ๆ อย่างชื่นชม ไม่สนใจว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดีหรือเรื่องร้าย ในการเกิดขึ้นของมัน เขารู้เพียงคนเดียวก็พอ ว่ามันเป็นต้นไม้ที่เพื่อนรักของเขาได้ปลูกเอาไว้ก่อนที่จะจากไป และ คิดไปว่าเขาก็คงอยากให้คนบนโลกได้ดูแลรักษาต้นไม้นี้ไว้ให้คงอยู่เพื่อโลกที่เราร่วมอยู่อาศัยใบนี้
มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เขาจะกลับมาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าวันนั้นบ๊วยไม่รู้ว่าจะได้พบหน้ากับเพื่อนรักของเขาหรือไม่ แต่หากมีใครถามว่าใครเป็นคนปลูกต้นไม้ต้นนั้น บ๊วยจะไม่ลังเลเลยที่จะตอบว่าคนที่ปลูกไว้เป็นเพื่อนรักของเขาเอง ปลูกด้วยชีวิตของเขาเลยทีเดียว
บัดนั้นสายน้ำก็ค่อย ๆ ไหลออกมารดน้ำต้นไม้จากภายใต้แว่นตาของบ๊วย ถึงแม้น้ำในตานั้นมันจะไม่ได้หยดลงสัมผัสกับรากไม้ของต้นไม้ยักษ์นั่นเลยก็ตาม เพียงแค่บ๊วยรดน้ำนั่นด้วยใจเพื่อระลึกถึงเพื่อนแท้คนหนึ่ง
วันที่สามของต้นไม้อารยะ
. ต้นไม้ประหลาด ตอนนี้มันมีความสูงขึ้นถึง 60 เมตร และไม่ต้องพูดถึงเรื่องจำนวนคนโอบเพราะมันจะมากคนขึ้นเรื่อย ๆ ที่น่าชวนให้สงสัยคือมันเปลี่ยนสีได้ตั้งแต่สีน้ำตาลเข้มไปจนสีน้ำตาลอ่อนไปจนเป็นสีเหลืองจนปลายเป็นสีเขียวอ่อนถึงเขียวเข้มได้ รากของมันยาวไกลซุกซ่อนตัวอยู่ใต้แผ่นดินในระดับที่ลึกพอสมควรและกำลังเดินทางครอบคลุมพื้นที่เป็นอาณาบริเวณกว้างไกลเกือบทั่วเมืองไทยแล้ว
3 สัปดาห์ต่อมา
. ต้นไม้นี้ก็สูงขึ้นในระดับที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 500 เมตรแล้ว มันกลายเป็นต้นไม้คุณปู่ทวด ที่ดูเหมือนอายุยืนยาวมากว่าพันปี ด้วยขนาดที่ควรจะเป็นต้นไม้ในยุคดึกดำบรรพ์หรืออยู่ในยุคไดโนเสาร์ มากกว่าที่จะอยู่ในยุคปัจจุบันนี้ แต่ใครจะสนใจในเมื่อตอนนี้อากาศบนโลกเริ่มสมบูรณ์ขึ้น มลภาวะทางอากาศเริ่มน้อยลง ชั้นโอโซนถูกซ่อมแซมจนสมบูรณ์ เมื่อมันผลัดใบ จะเป็นใบแก่สีทองสวยงามมาก เป็นเรื่องที่ผู้คนต่างสนใจนำใบไม้แห้งของมันเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก และพยายามหาผลหรือเมล็ดพันธุ์ของมัน แต่ไม่มีใครได้เห็นเลย
7 สัปดาห์ให้หลัง ต้นไม้ต้นนี้น่าจะสูงเต็มที่แล้ว มันหยุดเจริญเติบโตตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และความสูงของมันในตอนนี้มาอยู่ที่ประมาณ 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล รากของมันชอนไชไปทั่วโลก ยึดเกี่ยวพันกันอยู่ใต้ดินจนเป็นร่างแหที่คอยปกป้องโลกไม่ให้แตกไม่ให้เคลื่อนตัวสั่นไหวได้อีก และได้เปลี่ยนระบบนิเวศน์ให้เป็นธรรมชาติใหม่ที่พัฒนาให้มีระบบสูงชั้นขึ้นโดยมันเป็นผู้ระบายความร้อนความเย็นให้กับชั้นในลึกลงไปใต้โลก คอยให้อาหารแก่พื้นโลกสร้างความชุ่มชื่นไปทั่ว ให้ชีวิตใหม่ เป็นระบบหายใจของโลกและคอยอนุรักษ์โลกไว้ โลกหายใจได้คล่องขึ้น
มองจากที่ไกล ๆ บนเครื่องบินในวันที่ฟ้าใส ทุกคนจะมองมายังต้นไม้ต้นนี้ มันยืนตระหง่านอย่างสวยงาม ทุกคนบนเครื่องบินมักจะโบกมือให้ เหมือนทักทายเพื่อนของเขาคนหนึ่ง
จบ..
Create Date : 02 กรกฎาคม 2551 |
|
1 comments |
Last Update : 2 กรกฎาคม 2551 10:59:47 น. |
Counter : 1903 Pageviews. |
|
|
|